ตอนที่ 1
นักเขียนนิยาย
ปลายนิ้วเรียวของฉันกดลงบนแป้นพิมพ์โปร่งใสที่ลอยอยู่บนอากาศอย่างรวดเร็วและไม่มีหยุดชะงัก แต่สายตาของฉันไม่ได้มองไปยังตัวอักษรที่พิมพ์ลงไปเลยแม้แต่น้อย นั่นก็เพราะว่าสายตาของฉันมองตรงไปยังภาพตรงหน้าเพียงอย่างเดียว นั่นก็เพื่อไม่ให้ตัวเองพลาดฉากสำคัญตรงหน้าและก็เพื่อไม่ให้ตัวเองพลาดการบันทึกเรื่องราวที่เห็นฉันจึงขยับนิ้วพิมพ์บรรยายอย่างรวดเร็ว
แวมไพร์สาวฝังเขี้ยวลงไปบนคอของเหยื่อและดูดเลือดแสนอร่อยเข้าปากอย่างเชื่องช้าเพื่อลิ้มรสเลือดอันแสนหวานของชายหนุ่ม และชายหนุ่มผู้ถูกกัดก็ครางออกมาอย่างพอใจ ความสุขที่โดนกัดทำให้เขาล่องลอยไปสู่โลกอื่น?
ต่อด้วย...
ทั้งสองพาร่างของกันและกันไปต่อที่เตียงโดยที่ไม่ยอมผละออกจากกันแม้แต่เสี้ยววินาที เสื้อผ้าของทั้งสองถูกกระชากออกโดยฝีมือของฝ่ายตรงข้าม ไม่นานพวกเขาก็ไม่มีเสื้อผ้าหลงเหลืออยู่บนร่างกาย แวมไพร์สาวคลอเคลียริมฝีปากไปทั่วแผงอกอันแข็งแกร่งของชายหนุ่มก่อนที่จะกัดไหล่ของชายหนุ่มอย่างรักใคร่(?) คู่รักที่มีแต่กลิ่นคาวเลือดและความดิบเถื่อนเช่นนี้มันช่างเร้าใจนัก มือของชายหนุ่มลูบไล้ไปทั่วร่างหญิงสาวและไปหยุดที่....
ผลัวะ!!
ยังไม่ทันได้บันทึกฉากพิเศษหัวของฉันถูกตบคว่ำด้วยฝีมือของใครบางคน ฉากที่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มของปีศาจสองตนหายวับไปทันที แป้นพิมพ์ที่ใช้พิมพ์เมื่อครู่ก็จางหายไปเช่นกัน
“นิรา! ฉันเรียกเธอตั้งนานทำไมไม่ตอบสักที!” แพรว เพื่อนสาวของฉันตะโกนใส่หูของฉันอย่างโมโห ฉันกะพริบตาปริบๆ และมองสถานที่ปัจจุบันของตัวเอง ฉันยังนั่งอยู่บนโซฟาในบ้านของตัวเอง
“โทษที” ฉันหันไปขอโทษแพรวเบาๆ เมื่อรวบรวมสติได้
ฉันมีชื่อว่านิรา นามปากกาจากการเขียนนิยายก็คือ เลล่า ฉากที่ฉันเห็นและบรรยายไปเมื่อกี้ไม่ใช่อะไร มันก็คือการมองข้ามโลกของฉัน พลังนี้เรียกว่า God eyes หรือจะเรียกว่า ดวงตาพระเจ้า ก็ได้ ซึ่งการใช้มันก็เหมือนกับการถอดจิตไปดูสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกอื่น
ฉันได้รับพลังนี้มาจากคนที่เรียกว่าตัวเองคือ พระเจ้า จากทางจดหมายที่ส่งผ่านมาทางเมล์ คนที่เรียกว่าตัวเองคือ พระเจ้า บอกกับฉันว่าฉันเป็นอีกหนึ่งคนที่จะสามารถช่วยโลกได้โดยให้คำอธิบายว่าในตอนนี้โลกมากมายต่างหมดพลังและกำลังแตกสลาย การที่จะช่วยให้โลกเหล่านั้นอยู่ต่อไปได้ก็คือ บุคคลจากโลกอื่นจะต้องรับรู้การมีอยู่ของคนจากอีกโลก ความรู้สึกของคนจากอีกโลกที่มีต่อคนจากอีกโลกจะทำให้โลกที่กำลังล่มสลายได้รับพลัง
ซึ่งวิธีที่จะทำให้คนจากต่างโลกจะรับรู้ถึงการมีอยู่ของอีกโลกได้ก็คือการอ่าน
ข้อสรุปจึงออกมาว่า นักเขียนสามารถช่วยได้ ซึ่งนักเขียนผู้ถูกเลือกก็จะต้องใช้พลังดวงตาพระเจ้าที่ได้รับมองข้างไปยังอีกโลก จากนั้นก็เลือกก็ได้มาและเอาเรื่องราวชีวิตของคนคนนั้นมาเขียนเป็นนิยายลงเว็บ Go - D เพื่อให้ผู้คนจากต่างโลกได้อ่าน
นักอ่านที่มีความรู้สึกร่วมกับนิยายเหล่านั้นก็จะสามารถสัมผัสได้ว่าตัวละครในหนังสือเหล่านั้นมีตัวตนอยู่จริง สิ่งพวกนั้นจะช่วยเป็นพลังให้กับโลกที่พวกเขารู้จักในนามของนิยายเรื่องหนึ่ง
ส่วนเว็บ Go - D เป็นเว็บอ่านนิยายที่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้เข้ามาอ่านและลงนิยายของตัวเองฟรี ก่อนที่ฉันจะได้รับดวงตาพระเจ้ามาฉันก็เขียนนิยายของตัวเองและนำไปลงในเว็บ Go - D แห่งนี้จนกระทั่งมีสำนักพิมพ์หันมาสนใจ นิยายบางเรื่องของฉันจึงได้กลายเป็นเล่มไปแล้ว นับตั้งแต่นั้นมาฉันก็ตัดสินใจที่จะทำอาชีพเป็นนักเขียนนิยายหลังจากเรียนจบมหาลัย
ฉันเขียนนิยายมากมายตามอารมณ์จนกลายเป็นคนที่มีชื่อเสียงในหมู่คนอ่านนิยายแฟนตาซี จนกระทั่งเมื่อหนึ่งเดือนก่อนที่เพิ่งฉันได้รับพลังมา ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฉันจะได้รับความสนใจจากพระเจ้าจนได้พลังดวงตาพระเจ้ามาพร้อมกับระบบ Writer
อย่างที่บอกไปดวงตาพระเจ้าทำให้ฉันรู้ว่าโลกในมิติอื่นมีอยู่จริงและมันมีโลกที่ฉันไม่รู้จักมากกว่าจำนวนดวงดาวบนฟ้าซะอีก มันมีทั้งโลกแฟนตาซีที่เต็มไปด้วยปีศาจและเวทมนต์และโลกอนาคตที่การเดินทางระหว่างดวงดาวเป็นเรื่องปกติ
ในตอนแรกฉันก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไรบ้างกับพลังนี้จึงลองผิดลองถูกไป นั่นทำให้ฉันได้รู้ว่าระหว่างที่ฉันมองข้ามมิติไปยังอีกโลก เวลาของโลกที่ฉันอาศัยอยู่และโลกเหล่านั้นมันต่างกัน หนึ่งวันของอีกโลกจะเท่ากับห้านาทีของโลกที่ฉันอาศัยอยู่ และด้วยระบบ Writer ที่ได้มาพร้อมกับดวงตาพระเจ้าฉันสามารถทำได้หลายอย่าง เช่นเรียกแป้นพิมพ์และหน้าจอข้อมูลออกมาจากกลางอากาศได้ตลอดเวลา อย่างที่ฉันทำตอนแรก ดูสิ่งที่เกิดขึ้นและพิมพ์บรรยายเป็นตัวอักษรไปด้วย
ที่จริงมันสามารถกดบันทึกวิดีโอได้ด้วยแต่ฉันไม่ทำเพราะอยากเห็นฉากเหล่านั้นด้วยตาของตัวเอง พอได้บรรยายในระหว่างที่ดูด้วยตาตัวเองมันได้อารมณ์ดีกว่าตั้งเยอะ
ที่ผ่านมาฉันทดลองเขียนตอนสั้นมาหลายเรื่องจึงรู้ว่าเมื่อยอดวิวเพิ่มขึ้นหนึ่งฉันจะได้เหรียญเงิน 100 เหรียญ หากมีหนึ่งความคิดเห็นฉันก็จะได้เหรียญทอง 100 เหรียญ มันจะปรากฏขึ้นมาในแอปพลิเคชัน Writer shop ที่อยู่ในระบบ Writer อีกที ฉันสามารถนำเหรียญไปแลกเงินจริงได้ด้วย ซึ่งเหรียญทอง 1 เหรียญแลกเป็นเงินบาทได้ตั้ง 1000 บาท! แถมยังสามารถใช้เหรียญซื้อสินค้าต่างๆ ใน Writer shop ได้อีกด้วย
ไม่ออกจากบ้านมันแล้วโว้ย! นั่งปั่นนิยายทั้งวันดีกว่า!
แม้บางครั้งฉันจะคิดว่าการทำแบบนี้มันใช่การเขียนนิยายแน่เหรอ? ทั้งที่นิยายควรมาจากจินตนาการของผู้เขียนที่สามารถเขียนเล่าออกมาเป็นเรื่องราว สิ่งที่ฉันทำก็เหมือนการบันทึกชีวิตของคนอื่นเพียงเท่านั้น แต่ฉันก็ได้เลิกคิดเรื่องนี้ไปเพราะสิ่งที่ฉันทำมันช่วยโลกที่น่าสนใจเหล่านั้นให้คงอยู่ต่อไปได้
ฉันสนุกกับการมองไปยังต่างโลกและมีความสุขกับเงินมากมายที่ได้มา และที่สำคัญ ฉันสนุกที่คนอื่น ๆ ได้อ่านเรื่องราวของคนที่ฉันเลือกบันทึกเป็นตัวอักษรให้พวกเขาได้อ่าน
“ยัยนิราตกลงเธอฟังฉันรึเปล่า!?” แพรวเริ่มโมโหหนักกว่าเดิมเมื่อฉันเผลอเหม่อลอยไป แหม เผลอเล่าซะยาวเลย
“ฟังสิ ฟัง....ว่าแต่ เธอพูดว่าอะไรนะ?” และฉันก็ถูกตบหัวไปอีกทีหนึ่ง แพรวเริ่มบ่นเมื่อเห็นฉันอยู่แต่ในบ้านไม่ยอมออกไปไหน ด้วยเหตุนี้เองบทสรุปจึงออกมาว่าฉันต้องออกจากบ้าน
เพียงไม่นานแพรวก็ลากฉันเข้าไปในห้างที่แสนจะเย็นฉ่ำจนหนาว เราเดินเข้าไปในร้านอาหารเป็นอย่างแรกเพราะตั้งแต่เช้าจนเกือบเที่ยงแล้วฉันยังไม่ได้กินอะไรเลย
“กินเยอะๆ ช่วงนี้เธออยู่แต่ในบ้านได้ทานอาหารครบเวลาบ้างไหมก็ไม่รู้” แพรวบ่นออกมาอีกแล้ว แต่ฉันดูออกว่าเธอเป็นห่วงฉันมาก ฉันยิ้มให้แล้วเริ่มยัดข้าวเข้าปาก แต่ขณะที่เคี้ยวข้าวอยู่นั่นฉันก็หันไปเห็นคู่รักที่นั่งโต๊ะข้างหน้า
นี่เป็นการมาออกเดตครั้งแรกของพวกเขา หญิงสาวสั่งอาหารอย่างเงอะงะขณะที่สายตามองเมนูอาหารสลับกับใบหน้าชายหนุ่ม ชายหนุ่มที่รู้ตัวว่าถูกแอบมองจึงเงยหน้ามองหญิงสาวที่นั่งฝั่งตรงกันข้าม เขาขยับยิ้มขำเบาๆ กับความน่าเอ็นดูของเธอ เห็นแล้วมันทำให้เขาอดไม่ได้ที่เท้าคางแล้วจ้องมองหญิงสาวตอบ ฝ่ายหญิงเขินอายกว่าเดิม
ว้าว! คู่รักที่น่าอิจฉา คู่นั้นก็ด้วย เห็นแล้วอดบรรยายไม่ได้เลยแฮะ คิดแล้วอยากกลับไปเขียนนิยายจริงๆ
“ตั้งใจกินหน่อย เหม่ออะไรอีก เพราะไม่ได้กินข้าวตามเวลาสินะสติสตังถึงหายไปหมดแบบนี้” แพรวเอ่ยเตือนฉันอีกครั้ง ฉันจึงรีบกินแล้วควักโทรศัพท์ออกมา ฉันกดอัพเดตนิยายที่ได้เขียนไปก่อนหน้านี้ก่อนที่จะถูกแพรวลากออกจากบ้าน มันเป็นเรื่องสั้นเกี่ยวกับความรักของแวมไพร์สาวตนหนึ่ง แม้มันจะถูกตัดฉากกลางคันตอนที่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มแต่ก็พอถูไถไปได้ อีกอย่างยังไงฉันก็ไม่คิดจะเขียนเรื่องติดเรทอยู่แล้วเพราะทุกครั้งที่เห็นเรื่องติดเรทฉันจะจดจ่ออยู่กันมันจนลืมเขียนบทบรรยายออกมา..
เมื่ออัพเดตลงไปแล้วฉันก็รอความคิดเห็นของนักอ่านอย่างใจจดใจจ่อ!
“ยัยนิรา! ดาราเกาหลียืนอยู่นั้น!”