สวิงนี้ที่สันเขื่อน
จากนั้นผมก็เลยขับรถไปจอดแล้วลองเดินลัดเลาะไปดูลาดเลา ตรงรถคันที่ใกล้ๆสักหน่อยซึ่งจอดอยู่คันเดียวพอดีว่าตรงนั้นยังมีอีกรถอีกคันจอดห่างออกไปไกลลิบอยู่ เจ้าของรถเป็นหนุ่มใหญ่น่าจะราวๆ สี่สิบกว่าๆ ตัวใหญ่มีพุงหน่อยๆ ผมสั้นเกรียนมีหนวดเครารุงรังและรอยสักพอประมาณเค้ากำลังจัดของ จัดที่พักของเค้าอยู่คนเดียวผมก็เลยลองเดินไปทักทายพี่เค้าเพื่อที่จะบอกความจำเป็นของผมแล้วจะขออาศัยจอดรถบริเวณนี้เพื่ออาศัยแสงไฟใกล้ๆ เค้าได้ไหม ตอนนั้นผมก็รู้สึกกล้าๆกลัวแต่มันไม่มีทางเลือกผมเลยเอ่ยถามพี่เค้าอย่างยั่งเสียงดูก่อนพอเค้าได้ยินก็ยิ้มกรุ้มกริ่มแล้วพี่เค้าก็พยักหน้าอนุญาตผมงี้โคตรรู้สึกดีใจมากเลยเพราะว่าพี่เค้าใจดีกว่าที่ผมคิดมากๆเลยครับซึ่งดูผิดกับรูปร่างหน้าตาภายนอกที่ดู
จะเป็นพวกโหดๆ ดิบๆ และป่าเถื่อนอะไรประมาณนี้ แล้วพี่เค้าก็บอกผมว่า.?? “..อื่มมๆๆ..น้องถ้าอย่างงั้นก็มาอยู่รวมก๊วนเดียวกันเลยก็ได้นะครับน้องอีกประเดี๋ยวเพื่อนผมก็น่าจะขับรถมากันอีกสามคันแล้วแหละนะ..” “..ตอนนั้นผมโคตรรู้สึกว่าโชคดีมากเลยที่ได้เจอคนใจดีเค้าให้ ผมเลยขับรถไปจอดใกล้ๆ รถเค้าแล้วผมก็เอาข้าวของผมลงเตรียมจะกางเต๊นท์ แนะนำตัวกันไปพี่เค้าชื่อโชติศักดิ์ ..” ในขณะเดียวกันผมกำลังกางเต็นท์นอนและมันก็โคตรเป็นเรื่องราวที่น่าอับอายมากเลยคือ ด้วยความโง่ไม่รู้เรื่องของผมที่ทำให้ไปซื้อเต้นท์คุณภาพห่วยๆ มาพอกางได้ไม่เท่าไหร่เสาก็หักยวบมาลงมาจนพี่โชติที่มายืนดูเค้ายิ้มๆๆแล้วส่ายหัวทำหน้าปนขำปนอนาถใจแทนกับความไม่รู้เรื่องของผมแล้วเค้าก็บอกอย่างรำคาญว่า.??