รักแท้ในคืนหลอกลวง
คณบดีพูดขึ้นว่า “เธอเป็นหมอที่อยู่เวรเมื่อคืนนี้เฉินเวินเหยียน”
ฮั่วซวินเดินเข้ามามอง ตรวจบัตรพนักงานของเฉินเวินเหยียน ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ตามผมมา”
เฉินเวินเหยียนรู้สึกงุนงง
“ไปไหนคะ...”
“เหอะน่า รีบตามมาเถอะ” คณบดีไม่ปล่อยให้เธอถามอะไรมากมาย เขาลากเธอไป “อย่าให้คุณเจียงรอนาน”
ไม่นานเธอก็ถูกพามาที่ห้องทำงานของคณบดี
เจียงเย่าจิ่งนั่งอยู่บนโซฟา ร่างกายที่สูงเพรียวยืดตัวตรง ถ้าไม่มองให้ดี ๆ ก็แทบจะไม่สังเกตเห็นความซีดขาวที่ริมฝีปากเลยสักนิด
กลิ่นของน้ำยาฆ่าเชื้อในโรงพยาบาลกลบกลิ่นคาวเลือดบนตัวของเขา
เขาสวมใส่ชุดสูทสีดำล้วน ความดุดันบนใบหน้าแฝงไปด้วยออร่าทรงพลังที่ผ่านการขัดเกลาจากการต่อสู้ดิ้นรนมามากมายนับไม่ถ้วนในสังคม แค่มองแวบเดียวก็ทำให้รู้สึกหวาดกลัวแล้ว!
ผู้ช่วยเดินอ้อมไปข้างหลังของเจียงเย่าจิ่ง ก่อนจะโน้มตัวลงไปพูดกระซิบ “เมื่อคืนกล้องวงจรปิดทั้งหมดถูกคนจงใจทำพัง น่าจะเป็นคนที่ไล่ล่าคุณ กลัวว่าจะทิ้งหลักฐานเอาไว้ ก็เลยจงใจทำให้มันพัง คนนี้คือหมอที่เฝ้าเวรเมื่อคืนคนนั้นครับ ชื่อว่าเฉินเวินเหยียน คณบดีเองก็ยืนยันแล้วว่าเธอเฝ้าเวร เมื่อตะกี้นี้ผมไปดูบันทึกตารางเวรมาแล้ว เมื่อคืนเป็นเวรของเธอจริง ๆ ครับ”
เจียงเย่าจิ่งเงยหน้าขึ้น
เฉินเวินเหยียนสูดหายใจด้วยความตกใจกลัว คนนี้คือท่านประธานของเทียนจุ้ย กรุ๊ปไม่ใช่เหรอ?
“เมื่อคืนคนที่ช่วยผมคือคุณเหรอ?” เจียงเย่าจิ่งมองเธอสายตาเหลือบไปสำรวจเธอ
เฉินเวินเหยียนมหลบตาต่ำลงทันที ไม่กล้าสบตากับเขา
“ค่ะ ฉันเอง” เธอไม่รู้ว่าเมื่อคืนเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ แต่เธอรู้ว่า ถ้าสามารถสร้างความสัมพันธ์กับเขาได้ เธอก็จะได้รับอะไรดี ๆ
ในตอนนี้ก็เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการฝึกงานที่โรงพยาบาลกองทหารภาคสองด้วยพอดี
ถ้าบอกว่าฝึกงาน อันที่จริงใคร ๆ ก็รู้กันว่า หลังจากไปแล้วก็จะได้อยู่ที่นั่นต่อ
ทรัพยากรของที่นั่นดีกว่าที่นี่มากมายหลายเท่า
ถ้าเธอได้รับความช่วยเหลือกจากเจียงเย่าจิ่ง เรื่องที่ได้ไปโรงพยาบาลกองทหารภาคสอง ก็จะเป็นเรื่องที่ง่ายดายอย่างแน่นอน!
“คุณต้องการอะไร ผมให้คุณได้รวมถึงเรื่องแต่งงานด้วย” เจียงเย่าจิ่งสีหน้าเย็นชา พอนึกถึงเรื่องเมื่อคืน ใบหน้าที่เยือกเย็นก็อ่อนโยนลงไปไม่น้อย
“เอ่อ... ฉัน...” เรื่องราวดี ๆ มันมาเร็วเกินไปโดยไม่ทันได้ตั้งตัว เฉินเวินเหยียนจึงพูดออกมาอย่างตะกุกตะกัก
“ถ้าคุณคิดได้แล้ว ก็ค่อยมาหาผมก็แล้วกัน” เจียงเย่าจิ่งลุกขึ้น ก่อนจะสั่งให้ผู้ช่วยเอาข้อมูลติดต่อของตัวเองให้กับเธอ
คณบดีไปส่งเขาด้วยตัวเอง “คุณเจียง”
“ไม่ต้องส่ง” ใบหน้าของเจียงเย่าจิ่งเย็นชาเหมือนเดิม เหมือนกับนึกอะไรขึ้นมาได้ ฝีเท้าของเขาหยุดชะงักลง “รบกวนคุณช่วยดูแลเธอตอนอยู่ที่โรงพยาบาลด้วย”
“ท่านวางใจได้ครับ ผมจะดูแลเธอให้ดีเองครับ” คณบดียิ้มแย้ม
พอยืนยันแล้วว่าไม่มีใครได้ยิน ผู้ช่วยก็พูดย้ำเตือนขึ้นมาเบา ๆ “ท่านแต่งงานแล้วนะครับ เรื่องแต่งงาน...”
เกรงว่าคงจะทำอย่างที่พูดกับคุณเฉินไม่ได้แล้ว
เมื่อนึกถึงผู้หญิงที่ถูกยัดเยียดมาให้กับเขาคนนั้น สีหน้าของเจียงเย่าจิ่งก็ค่อย ๆ ดุร้ายขึ้นมา มุมปากยกยิ้มขึ้นมาอย่างเยือกเย็น “รนหาที่ตายชัด ๆ”
ผู้ช่วยสั่นสะดุ้ง ไม่รู้ว่าเขากำลังพูดถึงผู้หญิงที่แต่งงานกับเขา หรือว่าตัวการที่จัดการเรื่องแต่งงานให้เขากันแน่
...
ซงยุ่นยุ่นกลับมาถึงวิลล่า ที่นี่เป็นที่อยู่ของสามีที่เพิ่งแต่งงานกันของเธอ
“คุณนาย” ทันทีที่เข้ามาแม่อู๋ก็ออกมาต้อนรับ “คุณไปไหนมาทั้งคืนคะ?”
“พอดีต้องไปเข้าเวรชั่วคราวน่ะค่ะ” เธอพูดออกมาเบา ๆ
ดวงตาของเธอแดง สีหน้าเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า
พอแม่อู๋เห็นว่าเธอดูเหน็ดเหนื่อย ก็เลยไม่ได้ถามอะไรต่อ
เธอเดินขึ้นไปชั้นบน แช่ตัวอยู่ในอ่างน้ำ พอหวนนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน แก้มเริ่มร้อนผ่าวอย่างหยุดไม่อยู่ เธอมุดหัวของเธออยู่ในอ้อมแขนของตัวเอง
อันที่จริงภายในใจก็รู้สึกซับซ้อนอยู่ไม่น้อย
ถึงยังไงก็มอบตัวของตัวเองไปขนาดนี้แล้ว ยังไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ชายแบบไหน
ยิ่งไปกว่านั้น เธอก็แต่งงานแล้วด้วย
ดูเหมือนจะทำเรื่องที่น่าละอายใจต่อเจียงเย่าจิ่ง สามีที่เพิ่งแต่งงานไป!
พออาบน้ำเสร็จ เธอก็ใส่เสื้อผ้า จากนั้นก็ออกจากบ้าน
พอแม่อู๋เห็นว่าเธอจะออกไปอีกแล้ว ก็เดินเข้ามาพูดขึ้น “คุณยังจะออกไปอีกเหรอคะ ไม่ทานข้าวเช้าหน่อยเหรอคะ”
ซงยุ่นยุ่นมองดูเวลาก่อนจะพูดขึ้น “เดี๋ยวฉันจะไปทำงานไม่ทัน”
แม่อู๋ได้ยินมาว่าเธอเป็นหมอ รู้ลักษณะของงานเธอดี ยิ่งไปกว่านั้นอาชีพหมอก็น่านับถือด้วยเช่นกัน เธอจึงไปหยิบนมมา “นมร้อน ๆ ค่ะ คุณดื่มสักหน่อยแล้วค่อยไปสิคะ”
ซงยุ่นยุ่นมองแม่อู๋ ความเป็นห่วงเป็นใยของเธอทำให้เธอรู้สึกอบอุ่น เธอก้มมองลง พร้อมกับพูดขึ้นมาเบา ๆ “ขอบคุณค่ะ”
“แหม ไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะ” แม่อู๋ยิ้มแย้ม ใบหน้ากลม ๆ เผยให้เห็นถึงความเป็นมิตรเข้าถึงง่าย
ซงยุ่นยุ่นดื่มจนหมด แม่อู๋ก็รับแก้วไป จากนั้นเธอก็ก้าวเดินออกไป
เธอไม่ได้ไปทำงานที่โรงพยาบาล ที่เธอออกมาเช้าขนาดนี้ เป็นเพราะว่าเธอต้องไปที่แผนกผู้ป่วยใน
แม่ของเธออยู่ที่ห้องไอซียู
พอเข้ามาข้างใน เธอก็ตรวจสอบอาการของแม่ อาการยังคงน่าเป็นห่วงเหมือนเดิม
แล้วเธอก็รู้สึกหดหู่ขึ้นมา
แม่ของเธอมีภาวะหัวใจล้มเหลว และเป็นระยะสุดท้ายแล้วด้วย ถ้าอยากมีชีวิตอยู่ต่อก็ต้องเปลี่ยนถ่ายหัวใจใหม่เท่านั้น แล้วการเปลี่ยนถ่ายหัวใจ ก็จำเป็นต้องใช้ค่าผ่าตัดก้อนโตอีกด้วย
ที่เธอสัญญากับพ่อว่าจะแต่งเข้าตระกูลเจียง เป็นเพราะพ่อข่มขู่เธอ ถ้าไม่สัญญาก็จะไม่ออกเงินให้
ตอนนี้ตราบใดที่มีหัวใจที่เหมาะสม แม่ของเธอก็จะรอดแล้ว
เธอมองแม่ น้ำเสียงแหบเล็กน้อย “แม่ หนูจะรักษาแม่ให้หายนะคะ”
เพราะว่าแม่เป็นคนที่เธอใกล้ชิดที่สุดในโลกนี้แล้ว
หวึ่ง ๆ
โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงของเธอดังขึ้นมา
“ยุ่นยุ่น ช่วยฉันสักเรื่องสิ” มีเสียงดังเข้ามาในสาย