รักแท้ในคืนหลอกลวง
เซินจือเฉียนมาที่นี่เพื่อมาหาซงยุ่นยุ่น และติดรถเจียงเย่าจิ่งมาด้วย
พอเห็นเฉินเวินเหยียนมา เขาก็เปิดประตูลงไปจากรถ “ฉันขอตัวก่อนนะ”
หลังจากเขาเดินออกไป เฉินเวินเหยียนก็เข้าไปนั่งตรงข้ามกับเจียงเย่าจิ่ง เธอรู้สึกไม่สบายใจอยู่เล็กน้อย เธอตระหนักได้ว่าเจียงเย่าจิ่งอาจจะจำคนผิด
แต่เธอรับรู้ได้แล้วว่าถ้าเธอมีความสัมพันธ์กับเขา เธอก็จะมีแต่เรื่องดี ๆ
คณบดีชื่นชมซงยุ่นยุ่นมาโดยตลอด แต่จู่ ๆ ก็ยกโควต้าฝึกงานของโรงพยาบาลกองทหารภาคสองให้กับเธอ มันก็เป็นเพราะว่าเจียงเย่าจิ่งทั้งนั้น
เธอตัดสินใจที่จะจับผู้ชายคนนี้ให้ได้
เรื่องราวดี ๆ แบบนี้ โอกาสดี ๆ แบบนี้ แทบจะหาไม่ได้เลยด้วยซ้ำ สวรรค์ทรงโปรดแล้ว เธอจะต้องไขว่คว้าเอาไว้แน่นอน
“ฉันคิดดีแล้วค่ะ” พูดจบเธอก็เงยหน้าขึ้นมอง
เจียงเย่าจิ่งเหมือนกับคิดไม่ถึงว่าเธอจะตัดสินใจได้เร็วขนาดนี้ ร่างกายขยับเขยื้อน ดูเหมือนสบาย ๆ ไม่สนใจอะไร แต่ความจริงภายในใจนั้นกลับอยากรู้คำตอบของเธอเป็นอย่างมาก
“ฉันไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น”
การที่จะทำให้เขาแต่งงานได้นั้น จะต้องมีความสัมพันธ์กันก่อน
ถ้าอยู่ดี ๆ เธอไปขอให้แต่งงาน หรือว่าไปขอผลประโยชน์อะไรจากคนอื่นเลย มันก็จะดูโลภไปหน่อย
เธอต้องยอมถอยออกมาเพื่อที่จะเข้าใกล้เป้าหมายให้มากขึ้น “ขอแค่ได้เป็นเพื่อนกับคุณก็พอแล้วค่ะ”
เจียงเย่าจิ่งเม้มริมฝีปากแน่น ท่าทางของเธอชวนให้คนยากจะเข้าใจ น้ำเสียงนิ่งสงบใจเย็นมาก “คิดดีแล้วเหรอ”
เฉินเวินเหยียนพยักหน้า
บางทีเมื่อวานเธออาจจะหุนหันพลันแล่นไปชั่วขณะ
เขาไม่อยากบังคับฝืนใจคน
“ผมเคารพการตัดสินใจของคุณ”
...
ภายในโรงพยาบาล
ซงยุ่นยุ่นอ่านหนังสืออยู่ในห้องพัก หลังจากที่เลิกงานแล้ว เธอไม่อยากจะกลับไปยังถิ่นของเจียงเย่าจิ่ง แล้วก็ยิ่งไม่อยากกลับบ้านด้วยเหมือนกัน
ทำได้แค่อ่านหนังสือเรียนฆ่าเวลาที่โรงพยาบาลเท่านั้น ที่เธอรู้สึกว่ามันดีแล้วก็มีประโยชน์
ก๊อก ๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้น จากนั้นประตูก็เปิดออกอย่างรวดเร็ว ทันทีที่เซินจือเฉียนเห็นเธอก็พูดถามขึ้น “ทำไมเธอมาหลบอยู่ที่นี่ล่ะ?”
“ฉันไม่ได้หลบสักหน่อย”
ซงยุ่นยุ่นปิดหนังสือเอาวางลงบนโต๊ะ ก่อนจะลุกขึ้นเดินตรงมา “รุ่นพี่ มาได้ยังไงคะ?”
“เธอช่วยฉันเอาไว้ ฉันก็ต้องมาขอบคุณเธอไม่ใช่หรือไง?” เขายิ้มแย้ม “ไปกันเถอะ เดี๋ยวฉันเลี้ยงของอร่อย ๆ เธอเอง”
เธอส่ายหน้า “ไม่ได้หรอกค่ะ”
“เป็นอะไร อารมณ์ไม่ดีเหรอ” เซินจือเฉียนสังเกตเห็นว่าเธออารมณ์ไม่ค่อยดี
ซงยุ่นยุ่นชำเลืองตามองเขา ก่อนจะพูดขึ้น “เปล่าค่ะ”
เซินจือเฉียนไม่เชื่ออย่างเห็นได้ชัด “เธอมีเรื่องอะไรก็บอกกับฉันมาได้นะ หรือว่าเธอไม่เชื่อใจแม้กระทั่งฉันเลยเหรอ”
“ไม่ใช่นะคะ” เธอรีบพูดอธิบาอย่างรีบร้อน จากนั้นก็ถอนหายใจออกมา “ฉันเป็นเพื่อนร่วมงานกับรุ่นพี่ไม่ได้แล้วค่ะ”
“ทำไมเหรอ?” เซินจือเฉียนขมวดคิ้วแน่น ดูเหมือนจะโกรธเคืองอยู่นิดหน่อย “คณบดีเปลี่ยนใจเหรอ? เขายกโควต้าให้กับใครล่ะ? เดี๋ยวฉันจะไปหาเขาเอง”
ซงยุ่นยุ่นรั้งเขาเอาไว้ ก่อนจะส่ายหน้าให้กับเขา
“ความฝันของเธอคือการที่ได้เป็นแพทย์ทหารที่ยอดเยี่ยมไม่ใช่หรือไง? ถ้าแม้กระทั่งโรงพยาบาลกองทหารภาคสองเธอยังไปไม่ได้ ก็ไม่ต้องพูดถึงเรื่องความฝันแล้ว” เซินจือเฉียนรู้สึกว่านี่มันไม่ใช่เธอเลยสักนิด
อุตสาห์ตั้งใจเรียน ทำงานอย่างตั้งอกตั้งใจขนาดนั้น ก็เพื่อที่จะทำความฝันของตัวเองให้เป็นจริงไม่ใช่หรือไง?
ซงยุ่นยุ่นมองต่ำลง เธอไม่ได้ละทิ้งความฝัน แต่ความจริงกลับเป็นอุปสรรคทำให้เธอเผชิญกับความยากลำบาก
ยิ่งไปกว่านั้น เธอก็ไม่อยากสร้างความเดือดร้อนให้กับเซินจือเฉียนด้วยเหมือนกัน
เซินจือเฉียนเม้มริมฝีปาก “ฉันเข้าใจแล้ว”
ซงยุ่นยุ่นฝืนยิ้มให้กับเขา “เดี๋ยวฉันเลี้ยงข้าวรุ่นพี่เองแล้วกัน”
“ครั้งหน้าก็ได้” เซินจือเฉียนนั้นรู้ดีอยู่แก่ใจ มั่นใจว่าที่เธอถูกแทนที่จะต้องมีใครแอบไปลงมือทำอะไรอยู่ลับหลังอย่างแน่นอน ซงยุ่นยุ่นไม่อยากให้เกิดเรื่องขัดแย้ง เธอตัวเล็ก ๆ พูดไปก็ไม่มีประโยชน์
แต่ว่าเขากลับรู้สึกอัดอั้นตันใจไม่อาจปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปได้
“ฉันนึกขึ้นมาได้ว่าฉันยังมีธุระอยู่ ขอตัวก่อนแล้วกันนะ”
พูดจบเขาก็หันตัวเดินไปทันที
เขาจากไปด้วยความโมโหเกรี้ยวกราด
เซินจือเฉียนพุ่งเข้าไปในห้องทำงานของคณบดีโดยตรง ที่เขากล้าทำแบบนี้ ไม่ใช่แค่เพราะตัวเขาอย่างเดียวเท่านั้น แต่เขาเองก็มาจากตระกูลที่สูงส่งร่ำรวยเช่นกัน
คณบดีกำลังคุยโทรศัพท์ ทันทีที่เห็นเซินจือเฉียนเข้ามา เขาก็พูดกับในสายไปว่าเอาตามนี้ จากนั้นก็วางสายลง ก่อนจะหรี่ตาลุกขึ้นยืน “หมอเซิน มีธุระอะไรเหรอครับ?”
“คนถูกเลือกให้ไปโรงพยาบาลกองทหารภาคสอง กำหนดเอาไว้เรียบร้อยแล้วว่าเป็นซงยุ่นยุ่นไม่ใช่เหรอครับ? แล้วทำไมถึงเปลี่ยนล่ะ? ใครให้ผลประโยชน์อะไรกับคุณ แอบเล่นเส้นลับหลัง? ถ้าวันนี้คุณไม่บอกมาให้ชัดเจน ก็อย่ามาหาว่าผมไม่จบก็แล้วกัน”
คณบดีเองก็ลำบากใจอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน
เขาพูดอธิบาย “เรื่องนี้ผมเองก็ไม่มีทางเลือกเหมือนกัน เจียงเย่าจิ่งมาสั่งกำชับให้ผมดูแลคุณหมอเฉินให้ดี คุณว่าผมจะทำอะไรได้อีกล่ะครับ?”
พอเซินจือเฉียนได้ยินชื่อเจียงเย่าจิ่ง คิ้วก็กระตุกทันที
“ถ้าเกิดคุณโกรธ ก็ไปหาเจียงเย่าจิ่งก็แล้วกัน” คณบดีฉลาดเฉลียว ถึงยังไงก็ล้วนแต่เป็นคนที่เขาไปก้าวก่ายไม่ได้ทั้งคู่ ถ้าอย่างนั้นก็โยนเรื่องไปให้พวกเขาจัดการกันเองเลยแล้วกัน
เซินจือเฉียนหันตัวจะไปหาเจียงเย่าจิ่งด้วยความโกรธ พอออกมาจากประตูของโรงพยาบาล ก็บังเอิญเห็นเฉินเวินเหยียนลงมาจากรถพอดี
เขาก้าวเดินตรงไป
เฉินเวินเหยียนทักทายกับเขาอย่างยิ้มแย้ม “รุ่นพี่”
เซินจือเฉียนไม่รู้ว่าควรจะแสดงสีหน้าท่าทางอะไร
เขามองเข้าไปในรถ สุดท้ายก็ตอบอื้อกลับไปอย่างไว้หน้าเธอ
หลังจากที่เฉินเวินเหยียนไปแล้ว ไม่ว่าเซินจือเฉียนจะคิดยังไงก็รู้สึกอัดอั้นแทนซงยุ่นยุ่นอยู่ตลอด แต่คนที่ใช้เส้นสายลับหลังคนนี้ดันมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเขา
เจียงเย่าจิ่งไม่เคยเอาใจใส่ผู้หญิงคนไหนมาก่อน
ความพิเศษที่เขามีต่อเฉินเวินเหยียนในตอนนี้ ดูเหมือนความสัมพันธ์จะไม่ธรรมดา
เขาจะทำลายเรื่องราวดี ๆ ของเพื่อนสนิทได้เหรอ?
เป็นเรื่องยากมากที่เจียงเย่าจิ่งจะเป็นฝ่ายไปเอาอกเอาใจผู้หญิงสักคน
“ฉันไม่เข้าใจ นายชอบเฉินเวินเหยียนเข้าแล้วหรือไง?”