รักแท้ในคืนหลอกลวง
“คุณซง? ผมเป็นผู้ช่วยของคุณเจียง คุณเจียงเรียกพบครับ กรุณาตามผมมาด้วยครับ”
ทันทีซงยุ่นยุ่นเห็นฮั่วซวินก็ชะงัดไป จากนั้นก็ลดสายตาลง เพื่อปกปิดสายตาที่ตัวเองรู้จักเขาเอาไว้
ครั้งที่แล้วเธอไปช่วยรักษาบาดแผลให้กับคนคนหนึ่งแทนเซินจือเฉียน คือผู้ชายที่เปิดประตูคนนี้ เขาเป็นผู้ช่วยของเจียงเย่าจิ่งเหรอ?
ถ้าอย่างนั้นคนที่ได้รับบาดเจ็บก็คือเจียงเย่าจิ่งงั้นเหรอ?
“คุณซงเชิญครับ” พอฮั่วซวินเห็นว่าเธอไม่ขยับเขยื้อน ก็พูดด้วยน้ำเสียงเน้นย้ำอีกครั้ง
ซงยุ่นยุ่นจัดการกับอารมณ์ของตัวเอง ก่อนจะพูดตอบกลับไป “ฉันต้องไปทำงาน”
เป็นการปฏิเสธอย่างเห็นได้ชัด
เธอไม่อยากไปเจอกับผู้ชายคนนั้น
“คุณซง ได้โปรดทำความเข้าใจให้กระจ่างแจ้งด้วยครับ สถานภาพในตอนนี้ของคุณ ถ้าคุณทำให้คุณเจียงไม่พอใจขึ้นมา การที่คุณจะตกงานมันก็เป็นแค่เรื่องเล็ก ๆ นะครับ ซึ่งมันจะทำลายอาชีพหมอของคุณนะครับ”
นี่มันเป็นการข่มขู่อย่างเห็นได้ชัด
ซงยุ่นยุ่นกำมือแน่น พ่อให้แค่ค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดเท่านั้น ส่วนค่ารักษาแม่ ค่ารักษาพยาบาลเป็นเงินเดือนของเธอทั้งหมด เธอจะตกงานไม่ได้เด็ดขาด แล้วก็ไม่สามารถละทิ้งอาชีพหมอของตัวเองได้เช่นกัน
เธอทำได้แค่ตกลงยินยอมตามฮั่วซวินไปเท่านั้น!
“รอฉันสักครู่ ฉันโทรศัพท์ไปลางานกับทางโรงพยาบาลก่อน” หลังจากที่เธอขึ้นไปโทรศัพท์เสร็จ ก็เอามีดผ่าตัดในลิ้นชักใส่ลงในกระเป๋า เอาไว้ใช้ป้องกันตัว
พอเก็บของเสร็จแล้ว ถึงได้ลงมาชั้นล่าง
ไม่นานเธอก็ถูกพามาถึงสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง
ซงยุ่นยุ่นไม่เคยมาสถานที่แบบนี้มาก่อน
สามารถเห็นชายหญิงโอบไหล่กอดเอวกันได้ทุกที่ แล้วยังมีผู้หญิงที่กำลังยืนพูดคุยกันตรงมุมกำแพงอีกด้วย
“ผู้ชายที่กำลังเจรจาธุรกิจกับเจียงเย่าจิ่งภายในห้องวีไอพีชั้นบนสุด ได้ยินมาว่าหื่นมากเลยนะ แถมยังชอบเล่นอะไรวิปริตอีกด้วย”
“ใช่คนที่เกือบทำหญิงขายบริการเสียชีวิตครั้งที่แล้วใช่ไหม”
“ใช่ ๆ เขานั่นแหละ”
“จุ๊ ๆ ครั้งนี้ไม่รู้ว่าใครจะโชคร้ายกันนะ ยังไงก็อย่ามาเป็นพวกเราก็แล้วกัน ฉันได้ยินมาว่าครั้งที่แล้วหญิงค้าบริการคนนั้น แม้ว่าจะรอด แต่ก็มีลูกไม่ได้แล้ว ไม่รู้ว่าใช้วิธีไหนทรมานเธอจนกลายเป็นแบบนั้นกันนะ”
ซงยุ่นยุ่นฟังจนหนังหัวเริ่มชาด้วยความรู้สึกตกใจกลัว โดยเฉพาะตอนที่ได้ยินชื่อของเจียงเย่าจิ่งจากในบทสนทนาของพวกเธอ
เธอรู้สึกตื่นตระหนกอยู่ไม่น้อย เหงื่อเริ่มไหลเต็มฝ่ามือ
ไม่นานลิฟต์ก็หยุดลง
พอฮั่วซวินเห็นสีหน้าของเธอเริ่มซีดขาว ก็พูดเตือนเธอขึ้นมาด้วยความปรารถนาดี “คุณก็เข้าใจดีว่า คุณไปแต่งงานกับคุณเจียงได้ยังไง ตอนนี้ขอแค่คุณยอมเซ็นสัญญาการหย่าร้าง คุณก็จะสามารถหลีกเลี่ยงงานเลี้ยงวันนี้ไปได้”
อันที่จริงแล้วคนของตระกูลเจียงติดค้างบุญคุณของคนตระกูลซงอยู่ ตระกูลซงเสนอเงื่อนไขความต้องการมา ตระกูลเจียงเองก็ไม่อาจที่จะปฏิเสธได้ แต่ว่าถ้าซงยุ่นยุ่นเต็มใจที่จะหย่าร้างเรื่องนี้มันก็จะจบลง
ซงยุ่นยุ่นมองฮั่วซวิน ร่างกายสั่นเทาเล็กน้อย ถ้าเธอสามารถปฏิเสธได้ ก็คงจะไม่เข้าไปในตระกูลของตระกูลเจียง
แล้วก็ไม่ปล่อยโอกาสให้เจียงเย่าจิ่งมาบีบบังคับตัวเองด้วยเหมือนกัน
เธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก้าวเดินออกมาจากลิฟต์
ฮั่วซวินขมวดคิ้ว ไม่ได้พูดอะไรอีก พาเธอเข้าไปในห้องไพรเวทที่หรูหราห้องหนึ่ง ภายใต้แสงไฟที่มืดสลัว เธอมองแวบเดียวก็เห็นเจียงเย่าจิ่งที่นั่งอยู่บนโซฟา แล้วก็ผู้ชายที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เขา
“โอ้” ทันทีที่เธอเข้ามาก็ดึงดูดสายตาของผู้ชายคนนั้น สายตามองสำรวจเธอหัวจรดเท้าอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่นิดเดียว จากนั้นก็พูดวิพากษ์วิจารณ์ออกมา “ไม่เลวเลย ผิวขาวนวลดุจกระเบื้องเคลือบ เอวเล็ก เอาเข้ามากอดจะต้องนุ่มนิ่มอย่างแน่นอน”
เขากวักมือ “มานี่ มานั่งข้างฉันสิ”
ซงยุ่นยุ่นมองไปหาเจียงเย่าจิ่ง
เขาเอนหลัง สองขาไขว่ห้างอย่างสง่างาม ใบหน้าทั้งใบซ่อนเร้นอยู่ในเงามืด
เธอมองไม่เห็นสีหน้าของเขาเลยแม้แต่นิดเดียว
ชายคนนั้นลุกขึ้นมาตรง ๆ ยกแขนมาวางไว้บนไหล่ของเธอเบา ๆ
พูดถามเจียงเย่าจิ่งอย่างยิ้มแย้ม “คุณไปหามาจากไหนเหรอ? ดูเจริญหูเจริญตากว่าผู้หญิงที่แต่งหน้าหนาเตอะพวกนั้นตั้งเยอะ สวยงามเป็นธรรมชาติแบบนี้นี่แหละ ถึงจะถูกปากของผม”
เจียงเย่าจิ่งไม่ได้พูดอะไร แล้วก็ไม่ได้ห้ามปามพฤติกรรมของเขาเช่นกัน นี่มันถือว่าเป็นการยอมรับไปโดยปริยายแล้วใช่ไหม?
ซงยุ่นยุ่นรู้สึกหนาวไปทั้งหัวใจ เธอกำมือบีบกระเป๋าเอาไว้แน่น
”ดื่มเป็นไหม?” ระหว่างที่ชายคนนั้นพูดอยู่ มือก็ลูบไล้อยู่ตรงบริเวณเอวของเธอไปพลาง
เธอรู้สึกขยะแขยงชายคนนั้นแทบจะไม่ไหวเลยขยับตัวออก “ดื่มไม่เป็น”
“ดื่มไม่เป็นไปเป็นไร เดี๋ยวฉันสอนเอง” ชายคนนั้นรินเหล้าจนเต็มแก้ว ก่อนจะยื่นมาตรงปากของเธอ
เธอพยายามหันหน้าหนี แต่กลับถูกชายคนนั้นโอบเข้ามาในอ้อมกอด เธอดิ้นรนขัดขืน “ปล่อยฉัน...”
“การมาเอนเตอร์เทนให้ฉันมีความสุข ก็เป็นหน้าที่ของเธอเหมือนกัน” ร่างกายของเจียงเย่าจิ่งค่อย ๆ โน้มเอียงไปข้างหน้า ใบหน้าที่ชัดเจนภายใต้แสงของโคมไฟ ยิ่งดูเป็นมิติมากขึ้น เขาเงยขึ้นมามอง รูม่านตาสงบนิ่ง คิ้วดูประหลาดผิดมนุษย์มนาทั่วไป “ถ้าทำไม่ได้ ก็เก็บข้าวเก็บของออกไปซะ!”
เธอนึกว่าเขาไม่ชอบเธอ อย่างมากก็มองเธอเป็นขยะ เป็นอากาศ
แต่เธอคิดไม่ถึงว่าเขาจะเลวทรามต่ำช้าได้ขนาดนี้
“ฉันดื่มเอง” เธอผลักชายคนนั้นออก
หยิบแก้วที่ชายคนนั้นยื่นให้มาถือเอาไว้ในมือ แล้วลังเล สุดท้ายก็ยกดื่มจนหมดแก้ว
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอดื่มเหล้า
แถมยังดื่มอย่างหนักด้วย แอลกอฮอล์แผดเผาตั้งแต่ลำคอลงไปถึงกระเพาะ
ทั้งเผ็ดทั้งร้อน
เธอขมวดคิ้ว ท่าทางดูยั่วยวน ชายคนนั้นแทบจะอดใจไม่ไหวแล้ว “คุณเจียง ผมพาเธอไปแล้วนะ”
ซงยุ่นยุ่นรู้สึกตื่นตกใจ คิดที่จะหนีทันที จังหวะที่เงยหน้าขึ้นมานั้น ก็สบกับสายตาที่ทั้งลุ่มลึกทั้งดำสนิทราวกับค่ำคืนที่แสนมืดมิด เธอหยุดการกระทำลง นี่ก็คือการดูถูกเหยียดหยามที่ผู้ชายคนนี้บอกว่าตั้งใจจะกระทำกับเธออย่างนั้นเหรอ
ไม่นาน เจียงเย่าจิ่งก็หันสายตาไป “คุณ... ตามสบายเลย”
ชายคนนั้นดูหน้าตายิ้มแย้มมีความสุข รีบโอบกอดซงยุ่นยุ่นเอาไว้ทันที ครั้งนี้เธอไม่ได้ดิ้นรนขัดขืน
เดินตามชายคนนั้นออกมาจากห้องไพรเวท
ฮั่วซวินเดินเข้ามา “คุณซงไปกับกู้หวยแล้วครับ... เกรงว่าคงยากที่จะรักษาความบริสุทธิ์เอาไว้แล้วล่ะครับ เธอ...”
แม้ว่าจะอยากจะให้เธอทุกข์ทรมานแล้วยอมถอย ยอมเป็นฝ่ายขอหย่าไปเอง ไม่ถึงกับต้องให้เสียตัวจริง ๆ
เจียงเย่าจิ่งรินเหล้าให้กับตัวเองหนึ่งแก้ว กระดกไปรวดเดียว สายตาดำมืด “นายคิดว่าเธอบริสุทธิ์หรือไง?”
ฮั่วซวินรู้สึกตกใจ ดวงตาเปิดกว้าง ตระกูลซงไม่เพียงแต่จะโลภมากแล้ว ผู้หญิงที่ส่งมาก็ยังไม่บริสุทธิ์อีกด้วยอย่างนั้นเหรอ?
เขารู้สึกโมโหขึ้นมาทันที ที่เขายังมีความเห็นอกเห็นใจซงยุ่นยุ่นอยู่บ้าง
ตอนนี้ดูท่าแล้วมันไม่คุ้มค่าที่จะให้เห็นใจเลยสักนิดเดียว
“เห็น ๆ อยู่ว่าพวกเราอุตส่าห์จงใจทำให้เธอทุข์ทรมานแท้ ๆ เธอก็ยังไม่ยอมเป็นฝ่ายหย่าอยู่ดี ดูท่าแล้ว เธอคงจะไม่ยอมปล่อยไปง่าย ๆ แน่” ฮั่วซวินพูดขึ้น
นี่เธอคิดที่จะพึ่งพาอาศัยตระกูลเจียงงั้นเหรอ?
“คุณเจียง...”
“ไปกันเถอะ” เจียงเย่าจิ่งขัดจังหวะเขา สีหน้าเย็นชา เห็นได้ชัดว่าไม่อยากฟังเขาพูดเรื่องเกี่ยวกับซงยุ่นยุ่นอีกต่อไปแล้ว
ฮั่วซวินไม่ได้เปิดปากพูดอะไรอีกอย่างรู้งาน เขาเดินไปข้างหน้าก่อนจะเปิดประตูห้องไพรเวท
เจียงเย่าจิ่งนั่งอยู่ในรถ แล่นผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในหัวของเขาเต็มไปด้วยภาพที่ผู้หญิงคนนั้นเต็มใจที่จะเดินไปด้วยกันกับกู้หวย
เธอรู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่ยังก็เต็มใจจะไปอีกอย่างนั้นเหรอ
ผู้หญิงคนนั้น...
“กลับรถ”
ฮั่วซวินชะงักไป ไม่นานก็เข้าใจขึ้นมา ก่อนจะขับรถวนกลับไปยังสโมสรทันที
แต่ว่าหาเธอที่สโมสรไม่เจอแล้ว พนักงานบอกว่าออกกันไปแล้ว
เจียงเย่าจิ่งสั่งให้ฮั่วซวินกลับไปที่วิลล่าด้วยสีหน้าดูไม่ดี
แต่ที่วิลล่าเองก็ไม่มีเหมือนกัน เห็นได้ชัดว่าซงยุ่นยุ่นไม่ได้กลับมา
“ไปตามหา...”
เจียงเย่าจิ่งเพิ่งจะพูดออกมา ประตูก็ถูกเปิดออก จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงของซงยุ่นยุ่น
“แม่อู๋...”
เธอดื่มไม่เป็น แค่แก้วเดียวก็เมาแล้ว ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะอาชีพการงานที่ทำให้เธอเป็นคนสงบนิ่งใจเย็น และสามารถควบคุมตัวเองได้เป็นอย่างดีล่ะก็ เธอก็อาจจะกลับมาไม่ได้
แต่ว่าเห็นแค่แม่อู๋ยืนอยู่ตรงนั้น ไม่กล้าตรงไปข้างหน้า
“แม่...”
ขณะที่เธอกำลังจะเรียกอีกครั้งนั้น ในที่สุดเธอก็สังเกตเห็นผู้ชายที่ยืนอยู่ในห้องรับแขก