รักแท้ในคืนหลอกลวง
“ไม่พบ” เจียงเย่าจิ่งเปิดประตูห้องทำงานออก “ไปชงกาแฟมาให้ฉันหนึ่งแก้ว”
พูดจบก็เดินตรงไปที่โต๊ะทำงาน
“คุณกู้บอกว่า ถ้าวันนี้ไม่ได้เจอท่าน เขาก็จะไม่ยอมไปไหนทั้งนั้นค่ะ”
เจียงเย่าจิ่งหันกลับมองไปหาเลขา
เลขารีบก้มหน้าลงทันที
“พาเข้ามา” เขานั่งลง ก่อนจะยื่นมือออกไปปลดกระดุมเสื้อสูท
ไม่นานเลขาก็ถือกาแฟพร้อมกับพากู้หวยเข้ามา
กู้หวยสีหน้าโมโหเกรี้ยวกราด พอเปิดปากก็พูดถามออกมาทันที “คุณไปหานังผู้หญิงคนนั้นมาจากไหน?”
เจียงเย่าจิ่งยกกาแฟขึ้นมา ก่อนจะให้เลขาออกไป ไม่ได้พูดอะไร เงยหน้ามองกู้หวย
“คุณดูแผลของผมสิ?” กู้หวยชี้ไปที่คอ เป็นรอยแผลอย่างเห็นได้ชัด ข้อมือพันผ้าพันแผล “อีกนิด เส้นเอ็นของผมก็จะขาดแล้ว”
สายตาของเจียงเย่าจิ่งมองไปที่แผลของกู้หวย แล้วก็รู้สึกดีใจอยู่ลึก ๆ
พูดถามออกมาทั้งที่รู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว “คุณไปโดนอะไรมาเหรอ?”
กู้หวยยังคงรู้สึกหวาดกลัวอยู่ “ผู้หญิงคนนั้นพกมีดมาด้วย? ฝีมือช่ำชองชำนาญจนน่าตกใจ ผมไปโรงพยาบาล หมอบอกว่าเกือบจะตัดโดนเส้นเลือดใหญ่ของผมแล้ว สาวสวยก็ไม่ได้กิน ตัวเองก็เกือบจะตายอีก ผมอยากจะถามคุณว่า คุณไปหาผู้หญิงคนนั้นมาจากไหน?”
พอเจียงเย่าจิ่งได้ยินว่าเขาไม่ได้ทำอะไรซงยุ่นยุ่น อารมณ์ก็ดีขึ้นมาไม่น้อย เอนร่างกายพิงพนักพิงอย่างช้า ๆ สีหน้าเยือกเย็นเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน “จะไปหาเธอทำไมเหรอ?”
“ก็แก้แค้นน่ะสิ”
กู้หวยเคยเสียเปรียบที่ไหนกัน?
เขาไม่รู้เรื่องหน้าที่การงาน และชีวิตของซงยุ่นยุ่น
“ถ้าอยากจะแก้เค้น คุณก็ไปหาเธอเองสิ”
กู้หวย “...”
“ช่างเถอะ เดี๋ยวผมคิดหาวิธีเอง ถ้าผมหาเจอ ผมจะทำให้มือมันพิการก่อน ดูซิว่าจะยังกล้าเอามีดมาฆ่าผมอยู่ไหม!”
เขาพูดขึ้นอย่างโกรธเกลียดเคียดแค้น
ภายในโรงพยาบาล ซงยุ่นยุ่นออกมาจากห้องตรวจ ตัวสั่นเทา รู้สึกหนาวอย่างบอกไม่ถูก
มีใครกำลังสาปแช่งเธออยู่อย่างนั้นเหรอ?
“หมอซ่ง งานเลี้ยงส่งคุณหมอเฉินคืนนี้ เวลาสองทุ่ม ที่โซน B โรงแรมเฉิงถิง อย่าลืมมานะคะ”
เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งพอเห็นซงยุ่นยุ่น ก็เข้ามาเตือนเธอ
ซงยุ่นยุ่นสองมือล้วงอยู่ในกระเป๋าเสื้อกาวน์ ต่อหน้าตอบอื้อกลับไป แต่ภายในใจกลับไม่อยากที่จะไป
พอนึกถึงความสัมพันธ์ของเฉินเวินเหยียนกับเจียงเย่าจิ่ง
เธอก็รู้สึกหนาวใจขึ้นมา
เวลาสองทุ่ม ซงยุ่นยุ่นมาถึงยังสถานที่จัดงานเลี้ยงส่ง
ตอนที่เธอกำลังจะเข้าไปข้างในนั้น ก็เห็นรถมาจอดอยู่ตรงประตูหนึ่งคัน
เฉินเวินเหยียนลงมาจากบนรถ จากนั้นก็ตามมาด้วยเจียงเย่าจิ่ง
เธอรีบหลบไปอยู่หลังเสาอย่างรวดเร็ว
เธอแอบชะโงกหัวออกมา ทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกันแล้วดูเหมาะสมกันอย่างมาก เจียงเย่าจิ่งคงจะชอบเฉินเวินเหยียนมากจริง ๆ ถึงได้เต็มใจมางานเลี้ยงแบบนี้
งานเลี้ยงส่งในวันนี้ คนของโรงพยาบาลแทบจะมาที่งานนี้กันหมดทุกคน
“ขอบคุณที่มานะคะ” เฉินเวินเหยียนแต่งหน้าอย่างสวยงาม สวมชุดเดรสที่ดูสง่ามีออร่า ตอนที่พูดก็แอบดูเขินอายอยู่เล็กน้อย
เจียงเย่าจิ่งพูดขึ้น “ก็เราเป็นเพื่อนกันหนิครับ”
ที่เขาเต็มใจมางานเลี้ยงแบบนี้ ก็เป็นเพียงเพราะความรู้สึกรักเสน่หาในคืนนั้นอย่างเดียวเท่านั้น
เฉินเวินเหยียนอยากที่จะสนิทสนมกับเขาให้มากขึ้น แต่คำพูดที่ตัวเองเคยพูดเอาไว้ มันดันกลายเป็นอุปสรรคที่ขัดขวางพวกเขาทั้งสองคน เธอทำได้แค่รักษาหน้าเอาไว้ “พวกเราเข้าไปกันเถอะ”
หลังจากที่พวกเขาไปแล้ว ซงยุ่นยุ่นถึงได้ออกมาจากหลังเสา
พอได้เจอกับเจียงเย่าจิ่ง ภายในใจของเธอก็รู้สึกรังเกียจ คิดไปคิดมาเธอก็ตัดสินใจโทรศัพท์ไปหาเฉินเวินเหยียน พูดอธิบายเธอสักหน่อย บอกว่าตัวเองมีเรื่องด่วนไปไม่ได้แล้ว
เธอหยิบโทรศัพท์ออกมา ขณะที่กำลังจะกดหมายเลขนั้น ก็มีเพื่อนร่วมงานตรงเข้ามา เรียกชื่อของเธอก่อน “หมอซ่ง”
เฉินเวินเหยียนที่อยู่ข้างหน้าหันหน้ามา
มือที่ถือโทรศัพท์อยู่ของซงยุ่นยุ่นก็แข็งชะงักทันที ไม่ทันได้ระวังเผลอกดปุ่มโทรออกไป ตอนที่เธอรู้สึกตัว โทรศัพท์ของเฉินเวินเหยียนก็ดังขึ้นมาแล้ว
เธอรีบวางสายลงทันที แล้วยกมุมปากขึ้น “ขอโทษที พอดีฉันกดผิด”
เสียงฟังดูคุ้นหูอยู่ไม่น้อย เจียงเย่าจิ่งหันหน้ามา ก็เห็นซงยุ่นยุ่นยืนอยู่ไม่ไกล ในมือถือโทรศัพท์อยู่ด้วยท่าทางที่ประหม่า
ปลายคิ้วกระตุกอย่างอดไม่อยู่
ผู้หญิงคนนี้ก็เป็นหมอของโรงพยาบาลเหรินอ้ายเหรอ?
เฉินเวินเหยียนยิ้มอย่างอ่อนโยน “ไม่เป็นไหร่”
ระหว่างที่พูด เธอก็เข้าไปใกล้เจียงเย่าจิ่งมากขึ้น
จากเงื่อนไขที่เจียงเย่าจิ่งมีต่อเธอ เธอไม่สามารถแสดงตัวว่าเป็นภรรยาของเขาต่อหน้าสาธารณะชนได้ ดังนั้นจึงแสร้งทำเป็นไม่รู้จัก
“คนนี้คือแฟนของคุณเหรอ?” เธอยิ้ม สายตาวิบวับ เป็นประกายใส ๆ
เฉินเวินเหยียนไม่ได้อธิบายอะไร ปล่อยให้คนเข้าใจผิดไปว่าแบบนั้น
เจียงเย่าจิ่งเองก็ไม่มีท่าทีจะปฏิเสธเหมือนกัน มีความรู้สึกว่าอยากที่จะเห็นท่าทีของซงยุ่นยุ่น สายตาของเขาจับจ้อไปที่เธอ
ซงยุ่นยุ่นหัวเราะเบา ๆ พลางพูดชื่นชม “พวกคุณนี่ทั้งหล่อทั้งสวย เหมาะสมกันจริง ๆ ช่างเป็นคู่ที่สวรรค์สรรค์สร้างจริง ๆ ”
ไม่รู้ว่าทำไมพอเจียงเย่าจิ่งเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอแล้ว ก็รู้สึกอยากจะเข้าไปฉีกกระชากอย่างบอกไม่ถูก!
ซงยุ่นยุ่นรู้ว่าเจียงเย่าจิ่งเป็นคนใจคอเหี้ยมโหดขนาดไหน เธอจึงเป็นฝ่ายถอยหนีไปก่อน “ฉันไม่รบกวนแล้ว ขอตัวก่อนก็แล้วกัน”
เธอควงเพื่อนร่วมงานที่เรียกชื่อเธอคนนั้น เดินเข้าไปข้างในอย่างรวดเร็ว
หลังจากเว้นระยะห่างออกมาแล้ว เพื่อนร่วมงานก็พูดขึ้นมาเบา ๆ “ผู้ชายคนนั้น ท่านประธานของเทียนจุ้ย กรุ๊ป ทั้งหนุ่มทั้งเก่ง อิจฉาคุณหมอเฉินจริง ๆ ที่โชคดีได้คบกับผู้ชายแบบนี้”
ซงยุ่นยุ่นไม่ได้ตอบรับ
เพื่อร่วมงานพูดขึ้นมาอีกว่า “ในโลกใบนี้ทำไมมันถึงมีผู้ชายที่สมบูรณ์แบบขนาดนี้กันนะ ทั้งร่ำรวย หน้าตาหล่อ รูปร่างก็ดี...”
“คุณรู้ได้ยังไงว่าสมบูรณ์แบบ? ไม่แน่ว่าอาจจะวิปริตก็ได้” ซงยุ่นยุ่นทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ นึกถึงการกระทำที่บีบคอจนตัวเองเกือบตายของเขา การที่บอกว่าเขาวิปริต ก็ถือเป็นการชื่นชมเขาแล้ว
เพื่อนร่วมงานหัวเราะออกมาอย่างอดไม่อยู่
เฉินเวินเหยียนนั้นค่อนข้างเป็นที่รู้จักแม้แต่คณบดีเองก็มาแล้ว บุคคลสูงต่ำทุกระดับชั้นต่างก็มากันครบถ้วน โต๊ะของทั่วทั้งโซน B เต็มหมด
“หมอซ่ง นั่งโต๊ะนี้สิ”
ขณะที่ซงยุ่นยุ่นกำลังคิดที่จะเดินไปนั่งที่โต๊ะตรงมุมสุดนั้น ก็ถูกคณบดีเรียกเอาไว้ก่อน
เธอหันหน้ามองไป เจียงเย่าจิ่งกำลังมองเธออยู่
เธอรีบยิ้มให้กับคณบดีทันที “ฉัน...”
“มาสิ” คณบดีดึงเธอลงมานั่งตรง ๆ
เธอจึงจำใจต้องนั่งที่โต๊ะนี้ แต่กลับนั่งอยู่ไม่สุข
เธอถึงขนาดที่ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นด้วยซ้ำ
“หมอซ่งกับคุณหมอเฉินเป็นทั้งเพื่อนร่วมสถาบันเดียวกันแล้วยังเป็นเพื่อนร่วมงานกันด้วย คุณหมอเฉินจะได้ไปโรงพยาบาลกองทหารภาคสองแล้ว คุณควรจะดื่มฉลองให้กับเธอสักแก้วนะ” คณบดีสะกิดซงยุ่นยุ่น
“เธอดื่มไม่เป็น”
จู่ ๆ เจียงเย่าจิ่งก็เปิดปากพูดขึ้น
แต่กลับทำให้ทุกคนตรงนั้นพากันชะงักไป เธอดื่มเป็นหรือไม่เป็น แล้วเจียงเย่าจิ่งรู้ได้ยังไง
ซงยุ่นยุ่นเองก็รู้สึกแปลกใจเหมือนกัน ทันทีที่เธอเงยหน้าขึ้นมา ก็สบเข้ากับสายตาที่แข็งทื่อของเจียงเย่าจิ่ง
มือที่เธอวางเอาไว้บนโต๊ะ ก็เริ่มกำหมัดแน่น
เขาคิดจะทำอะไรอีกแล้ว!
เฉินเวินเหยียนสังเกตเห็นถึงความผิดปกติ แต่ก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจ นึกว่าตัวเองฟังผิดไป
“อาชีพการงานของเราไม่เหมาะที่จะดื่มหรอกค่ะ ฉันกับหมอซ่งสนิทกันมาก ต่อให้ฉันไปแล้ว ก็จะคิดถึงเธออยู่เสมอ” สีหน้าของเฉินเวินเหยียนเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ท่าทีของเธอดูใจกว้าง
จู่ ๆ โทรศัพท์ของเจียงเย่าจิ่งก็ดังขึ้น เขารับสาย
ไม่รู้ว่าในสายพูดอะไร แค่ได้ยินเขาตอบไปว่าเข้าใจแล้ว ก่อนจะวางสายไป
เขาเพิ่งจะวางโทรศัพท์ลง โทรศัพท์ของซงยุ่นยุ่นก็ดังขึ้นมาเหมือนกัน เธอกดปุ่มรับสาย ก็มีเสียงของพ่อบ้านเฉียนดังขึ้นมาในสาย “คุณนาย รบกวนกลับมาที่คฤหาสน์ด้วยครับ เฒ่าแก่ต้องการที่จะพบคุณตอนนี้ครับ”
ซงยุ่นยุ่นตอบรับสั้น ๆ “ได้ค่ะ”
พอวางโทรศัพท์ลง เธอก็พูดกับเฉินเวินเหยียน “ฉันมีเรื่องด่วน ต้องขอตัวไปก่อนนะ ฉันขอดื่มชาแทนเหล้าแล้วกัน ขออวยพรให้ทุกสิ่งทุกอย่างราบรื่นไปด้วยดี”
พูดจบก็ยกชาบนโต๊ะขึ้นมาดื่ม
เธอลุกขึ้น ในขณะนี้เอง เจียงเย่าจิ่งก็หันสายตามองไปที่เธอ มุมปากยิ้มขึ้น “บังเอิญจัง ผมเองก็มีธุระเหมือนกัน จะไปด้วยกันไหมครับ?”
ซงยุ่นยุ่น “...”
ไม่รู้ทำไม พอเห็นท่าทางเสแสร้งทำเป็นไม่รู้จักเธอของซงยุ่นยุ่นแล้ว เขาก็รู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมา
เขาอยากจะดูซิว่าเธอจะเสแสร้งแกล้งทำไปได้ถึงเมื่อไร
สายตาของทุกคนต่างพากันจับจ้องไปที่ซงยุ่นยุ่น