หลังหย่าเธอกลายเป็นมหาเศรษฐี
“นายท่านบอกว่า คุณไม่จำเป็นต้องกลับไปตอนนี้ก็ได้ครับ แต่คุณต้องยอมรับสิทธิ์ในการบริหารของแองเกิล อินเตอร์เนชั่นแนลในเมืองฟอร์เดนที่อยู่ภายใต้เครือของลู่ซือ กรุ๊ป แล้วผลกำไรของบริษัทในปีนี้ก็ต้องสูงขึ้นกว่าปีก่อนถึงห้าเปอร์เซ็นต์ด้วยครับ”
“นายท่านยังบอกอีกว่า คุณจะปฏิเสธก็ได้ แต่ชะตากรรมของเฟิงซือ กรุ๊ปอาจจะแย่”
เซิ่งเกอกัดฟันแน่น
ก่อนที่คุณท่านของตระกูลเฟิงจะเสียชีวิต เธอเคยสัญญากับเขาว่า เธอจะช่วยเขาดูแลเฟิงซือ กรุ๊ปให้ดี ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถปล่อยให้เกิดอะไรขึ้นกับเฟิงซือ กรุ๊ปได้
เห็นได้ชัดว่าพ่อใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนของเธอในเรื่องนี้มาบังคับเธอ ซึ่งเขาไม่ได้จะบังคับให้เธอกลับบ้าน แต่กลับยืนกรานหนักแน่นว่าเธอจะต้องเป็นคนรับช่วงต่อแองเกิล อินเตอร์เนชั่นแนล
สรุปแล้วเขากำลังพยายามจะทำอะไรอยู่กันแน่?
“ตกลง เอาตามที่เขาต้องการนั่นแหละ!”
เซิ่งเกอรับปากกามา แล้วก็เซ็นชื่อของเธอลงไปอย่างคล่องแคล่วว่องไว จากนั้นก็รับบัตรสีดำทองที่มีเงินสามหมื่นล้านอยู่ในนั้นมา
เมื่อมองไปที่ใบหน้าสีบลอนด์ของการ์ด เธอส่ายหัวอย่างขบขัน
เห็น ๆ อยู่ว่าเมื่อไม่กี่นาทีก่อน เธอยังยากจนมากทั้งเนื้อทั้งตัวมีเงินอยู่แค่ไม่กี่บาทเอง แม้แต่ค่าแท็กซี่ยังไม่พอจ่ายเลยด้วยซ้ำ
ตอนนี้คือเธอกลายเป็นคนรวยแล้วเหรอเนี่ย?
เป็นเพราะก่อนหน้านี้เธอทำข้อตกลงกับพ่อเอาไว้ว่า บัญชีและบัตรธนาคารของเธอจึงถูกระงับ อีกทั้งเธอจำเป็นต้องปกปิดตัวตนที่แท้จริงของเธอ มิฉะนั้นจะถือว่าผิดสัญญา
โดยปกติแล้วแม่สามี และน้องสะใภ้เป็นคนที่ไม่ชอบคนจน และรักคนรวยมาก แถมยังชอบตีสนิทกับคนรวยหรือคนมีอำนาจ แล้วก็ไม่เคยมองเธอแบบเต็ม ๆ ตาด้วย
หากพวกเขารู้ว่าแท้จริงแล้วเธอคือเซิ่งเกอ ลูกสาวคนสุดท้องของลู่ซือ กรุ๊ปที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศ เป็นผู้หญิงที่ร่ำรวยมหาศาลมีเงินใช้สบาย ๆ มูลค่าหลายร้อยล้าน พวกเขาจะมีสีหน้ายังไงนะ?
เธอจำได้ว่าก่อนหน้าที่เธอจะฟื้นคืนความทรงจำมาได้ ตอนที่เพื่อนสนิทของเธอในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลังจะตาย เธอคุกเข่าลง และคำนับอ้อนวอนเพื่อขอยืมเงินจากลี่เฟยแม่สามีของเธอ
แต่ลี่เฟยกลับหยิบบัตรธนาคารแพลทินัมใบหนึ่งออกมาอย่างหยิ่ง ๆ แล้วก็ไม่ได้ยื่นให้เธอ ทั้งยังอวดเธออีกว่า “เธอลองเดาสิว่ามีเงินอยู่ในนี้เท่าไหร่? เงินหนึ่งล้าน ชาตินี้เธอคงไม่เคยเห็นเงินมากมายขนาดนี้มาก่อนใช่ไหมล่ะ?”
“แต่ฉันยอมเอาเงินไปซื้ออาหารหมา ดีกว่าให้เธอยืม! เพราะเพื่อนที่ยากจนผู้น่าสงสารของเธอ ในสายตาของฉันแล้วมีค่าไม่เท่ากับหมาหนึ่งตัวเลยด้วยซ้ำ”
เซิ่งเกอกำหมัดแน่น ในแววตาของเธอมีร่องรอยของความเย้ยหยันแวบขึ้นมา
หากมีโอกาส เธอก็อยากจะสั่งสอนนังสารเลวสองคนที่ชอบดูถูกคนอื่นจริง ๆ ! อยากจะระบายความโกรธออกมาให้เต็มที่ไปเลย!
ขณะที่กำลังคิดถึงเรื่องนี้อยู่ จู่ ๆ เซิ่งเกอก็ถูกคว้าข้อมือไปจากด้านหลัง
เมื่อหันกลับไปมอง เธอก็เห็นว่าเป็นลี่เฟย แม่สามีของเธอนั่นเอง
ลี่เฟยกำลังเชิดคางขึ้นสูง สีหน้าดูรังเกียจ และไม่พอใจมาก ด้านหลังมีไฮโซหลายคนเดินตามมาด้วย ทุกคนถือถุงช้อปปิ้งทั้งใบใหญ่และใบเล็กเอาไว้ ดูจากท่าทางแล้วเหมือนว่าพวกเธอน่าจะเพิ่งไปช้อปปิ้งกันมา
เซิ่งเกอเอาบัตรสีดำทองใส่ลงในกระเป๋าอย่างใจเย็น แล้วก็พูดขึ้นมาอย่างเฉยเมยว่า “คุณมีธุระอะไรเหรอ?”
ลี่เฟยผงะไปครู่หนึ่ง ราวกับว่าคาดคิดไม่ถึงว่าท่าทีของเซิ่งเกอจะเย็นชาขนาดนี้ ก็เห็น ๆ อยู่ว่าก่อนหน้านี้เวลาที่เซิ่งเกอเจอเธอทีไรก็ดูกลัวเธอมาก
“ใครอนุญาตให้เธอออกมาทำตัวน่าขายหน้าแบบนี้ฮะ! งานบ้านทำเสร็จแล้วเหรอ? อาหารกลางวันล่ะทำเสร็จรึยัง? ถ้าลูกชายสุดที่รักของฉันหิวขึ้นมา ฉันได้ถลกหนังเธอออกมาแน่!”
“ดูสารรูปสิ เธอใส่ชุดอะไรของเธอเนี่ย! แต่งงานเข้ามาก็ตั้งหลายปีแล้ว ก็ยังทำตัวอย่างคนจนอยู่เหมือนเดิม น่าอายจริง ๆ เลย รีบ ๆ ไปให้พ้นเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
“ฉันเนี่ยนะทำตัวน่าอาย?”
เซิ่งเกอราวกับได้ยินเรื่องที่ตลกมากอย่างไรอย่างนั้น “หลังจากที่ฉันแต่งงานเข้าไปอยู่ในตระกูลเฟิงแล้ว คุณก็จงใจไล่คนใช้ในวิลล่าคนอื่น ๆ ออก แถมยังบังคับให้ฉันลาออกจากงาน แล้วก็มาซักผ้า ทำอาหาร เป็นภรรยาที่แสนดีให้กับลูกชายของคุณ ซึ่งฉันก็ทำตามทุกอย่างแล้ว แต่แล้วคุณพอใจไหมล่ะ?”
“คุณยังรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ใส่ร้ายว่าฉันขโมยเครื่องประดับของคุณไป แล้วก็ใช้เรื่องนี้มาหักส่วนแบ่งของหุ้นที่คุณท่านให้ฉันไว้ แถมยังบังคับให้ฉันคุกเข่าท่ามกลางสายฝนที่ตกหนักเพื่อทำโทษอีก คุณลืมเรื่องนี้ไปหมดแล้วรึยัง?”
พวกไฮโซสาวที่อยู่ข้างหลังลี่เฟยทำเสียงจุ๊ ๆ ขึ้นมา ทุกคนต่างรู้ดีว่าลี่เฟยโหดเหี้ยมกับลูกสะใภ้มากแค่ไหน แต่กลับไม่คาดคิดว่าเธอจะบ้าคลั่งได้ขนาดนี้
เมื่อเห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนดูไม่เข้าร่องเข้ารอย พวกไฮโซเหล่านั้นจึงทยอยกันหาข้ออ้างที่จะไปจากตรงนี้
“เธอ เธอพูดเรื่องไร้สาระอะไรเนี่ยฮะ!”
ลี่เฟยอยากจะพูดตัดบทเซิ่งเกอขึ้นมาหลายครั้ง แต่เธอถูกบล็อกด้วยคำพูดที่เหมือนปืนกลของเซิ่งเกอ ทำให้ไม่มีจังหวะที่จะพูดแทรกได้เลย
“ฉันพูดจาไร้สาระรึเปล่า คุณก็รู้อยู่แก่ใจดี”
เซิ่งเกอเชิดคางขึ้นอย่างเย่อหยิ่ง แล้วก็มองด้วยสายตาที่เฉียบคม “เมื่อก่อนฉันยอมคุณ แต่หลังจากนี้ไปถ้าคุณยังมายุ่งวุ่นวายกับฉันอีก ฉันจะทำให้คุณต้องชดใช้เป็นสองเท่า!”