สวี่กงเหมย ดวงใจท่านแม่ทัพ
้นตลอดทั้งสามวันสามคืน ทว่าไท่เว่ย์คนใหม่ไม่อาจน
อหน้าฮ่องเต้ที่กำลังทรงสำราญ
มีไท่เว่ย์เข้มแข็งและกล้าหาญเช่นเจ้านะ” น้ำเสียงอันเต็มไปด้วยความสำราญของฮ่องเต้อย่า
่างยิ่งพ่ะย่ะค่ะ หลานมีบางสิ่งที
วล่ะสิ”ฮ่องเต้ตรัสติ
ึง...”สายพระเนตรคมดั่งราชสีห์ละจากสิ่งบันเทิงเบื้องหน้าหันมาปราดมองจางหย่งที่กำลังคุกเข่าลง
ะออกทัพอีกแล้ว
่ะค่ะ” จางหย่งก้มหน้าลง
หย่งได้ยินเช่นนั้นก็รีบก้มหน้าผากของตน
ฝ่าบาท กระ
ลับทำให้วังหลวงอ่อนแอด้วยเพราะทุกผู้ทุกเหล่าเอาแต่สำราญอาจถูกโจมตีจากข้าศึกภายนอกได้ ถึงจะเข้มแข็งอย่างไร
าร สายตาคมคู่หนึ่งทอดมองไปยังลานกว้างเบื้องหน้า เห็นธงกองทัพปลิวไสวค่อยเคลื่อนตัวอ
ของชายอาวุโสเอ่ยขึ้น เจ้าของแววตาคมกระตุกยิ้มขึ้นมุมปาก มือ
ใต้หมวกทรงสูงคลานเข่าเข้าคว้าถุงที่ถู
องทัพเคลื่อนผ่าน ริมฝีปากพรายยิ้ม
นุกนะ ท
เชียบ ลึกเข้าไปยังกลางใจป่าไม้เบญจพรรณอันเงียบสงัด แสงจันทร์เสี้ยวสาดส่องผ่านร
ือโดยสวัสดิภาพ ระหว่างที่ทัพยังคงเคลื่อนที่ไปอย่างเงียบเชียบราวกับล่องหน เ
สิ่นเฉิง ธนูห่าใหญ่ก็ตกลงมา พาให้พลกองทัพม้าต่างก็จับกระบ
ับตั้งใจ “ไท่เว่ย์!” ชายหนุ่มตะโกนกร้าวครั้นก็ตบเท้าขับม้าเข้าหาไท่เว่ย์ใ
ไท่เว่ย์ ท่าน ท่าน ได้รับบาดเจ็บ” สีหน้าของเสิ่นเฉิงไม่สู้ดีนัก ด้วยเห็นใบหน้าที่ซีดเผือ
นท่าน...!” เสิ่นเฉิงเพ่งมองสีหน้าของจางหย่งในค
ายตาไปข้างหน้าแล้วพูดต่อ “ข้าไม่มีเวลารอจัดทัพออกเคลื่อนอีกครั้ง ฝากทัพให้เจ้ารับผิดชอบด้วย ข้าจำต้องถึงค่ายในหนึ่งยามมิเช
ดูแลทัพหลังนี้ให้ปลอดภั
งของไท่เว่ย์ยิ่งทำให้เสิ่นเฉิงเป็นห่วง