BLOOD NIGHT รัตติกาลสีเลือด
ญ่หนาทึบตรงหน้ามันแทบไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อหนึ่งพันปีก่อนเลยสักนิด อาจเป็นเพราะบรรยากาศรอบๆ ที่ดูอึมครึมน่ากลัว นั
กลับม
รงหน้าเรื่อยๆ จุดหมายปลายทางของผมคือปรา
พราะตั้งใจมาพบใคร
้นที่ส่วนบุคคล” เสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้นท่ามก
อยู่บนต้นไม้... คงคิ
ับเลิ่กคิ้วน้อยๆ อย่างแปลกใจ จะเข้
พื้นที่ของตระกูลบาโธนี่” ชายคนเดิมเอ่ยด้วยน้ำเสียงก
ื่อหน่าย ดูจากทรงแล้วหมอนี่น่าจะเป็นแวมไพร์หน้าใหม
ขาเป็นอะไร” มันยังพูดต่อ ในขณะที่ผมตัดสินใจ
มกับพุ่งมาหาผมจากข้างบนอย่างเอาเรื่อง แต่มีหรือที่สปีดข
จนกระแทกกับต้นสนสูงใหญ่ ฝ่ามือที่กำอยู่รอบลำคอของมันแทบจะไม่ต้อ
ป็นอมตะอยู่” ผมเอ่ยเสียงกดต่ำพร้อมกับขู่
นนี้ตัวเองคงไม่ได้อยู่คนเดียวแน่ ที่นี่เป็นป่าลึกก็จริง... แต่ว่านี่มันเงียบเกินไป ไม่มีแม้ก
่แข็งแกร่งและทรงพลัง...
น่า
งมาอย่างหลบๆ ซ่อนๆ พวกมันไม่กล้าแม้แต่จะโผล่หัวออกมาด้วยซ้ำ คิดดังนั้นผมจึงสา
.. ที่นี่เหมือนถูกหยุดเวลาเอ
ูเก่าแก่ทรุดโทรม... หากแต่เมื่อผมเปิดประตูเข้าไปด้านใน ปร
ขามดังขึ้นทันทีที่ผมก้าวเท้าเข้าไป และเพราะผมจำได้ว่ามั
ุรุษตรงหน้าด้วยความดีใจ ก่อนจะกระโด
กับเซไปชนกำแพงจนเกิดรอยร้าว แม้กระนั้
อนที่ตบไหล่ผมป้าบๆ ในขณะที่ผมเองก็แทบไม่อยากคลายอ้อ
ี่ผละออก สายตาเสมองกำแพงด้านหลังคนตรงหน
ยักหน้าน้อยๆ อย่างเข้าใจ... ก็ผมเล่นไม่กลับมาบ้านมาตั้งเป็
่าสมเพชได้” ผมพูดคร่าวๆ และเคาท์เตสก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ พวกเราโตแล
คนตรงหน้าก็ส่ายศีรษะตอบกลับมาอย่างสิ้นหวัง เซ
.. เซนเป็นพี่คนรอง..
คำตอบของเคาท์เตสทำให้ผมถอนหายใจออกมา เพราะ
“ข้าก็เ
้อะไรมากกว่าข้า” คนตรงหน
กไปถึงเด็กตัวเล็กๆ ที่เคยชวนผมวิ่งเล่นรอบๆ
กลั้วหัวเราะอย่างขบขัน นั่นสินะ... บางทีผมก็ลืมไปว่าวันเวลามันผ่านมานานมากแล้ว