มงกุฎเลือด
วจือ
มื่นโดยไม่กระพริบตา ยามเวลานี้กลับเผยค
ปแล้ว เจ้าจะคิดเยี่
้แล้ว เขาก็สั่งให
ะหายลับไปในยามค่ำคืน ชวนให้รู้สึกราว
องนางลูบไล้จี้หยกสีดำชิ้นนั้นไปมา
ี่ทำให้ศัตรูในสนามรบต้องอกสั่นขวัญแข
่างทะนุถนอม ก่อนจะหันหลั
แล้ว ความอิจฉาและความเคียดแค้นในใจ
นว่าอ๋องอวี้จะโปรดปรานท่านพี่มากเลยนะเจ้าคะ ถึงขนาดมารออยู่หน้าประตูพระราชวังเช่นนี้ แต่คิดไปคิดมา
นก็ปะทะเข้ากับใบหน้าของนางอย่างเต็มแรง
แข็งว่า “ซูหลิงเอ่อร์ เจ้าไปเอาความกล้ามาจากที่ใดถึงได้กล่าววาจาล่วง
ด้วยชีวิตไปทูลต่อฝ่าบาทเพื่อขอพระราชทานงา
ึงตาใส่ซูหยินด้วยความเคียดแค้น
เป็นของข้าตั้งแต่แรกอยู่แล้วต่างหาก อีกทั้งผู้ที่ท่านพี่เจิ้งรักก็คือข้า หากมิ
องนางทวีความเย็นชายิ่งขึ้น “คนชั่ว ๆ อย่างฉินเจ
ด้วยระดับเสียงที่ได้ยินกันเพียงสองคนว่า “นี่จะเป็นค
หลิงเอ่อร์เบา ๆ แต่สัมผัสอันเย็นเยียบกลับทำให้ซูหลิงเอ่
ต่อหน้าธารกำนัลเช่นกัน ถึงครานั้นพวกเราจะได้เห็นกันว่า ระหว่างตัวปลอมที่หลอกลวงต่อผู้อื
ึงพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “เจ้า...… เจ้ากล้าเยี่ยงนั้นหรือ ท่าน
จ้าคิดว่าถึงตอนนั้น ข้าจะยังสนใจความคิดเห็นขอ
ร์อีก นางหันหลังเดินขึ้นรถม้าไปอย่างฉับไว ชายกระโ
กับที่ แขนขาทั้งสี่ของนา
าตลอดคนเดิมคนนั้นหรือไม่ เหตุใดในเวลาเพียงชั
นขึ้นมาในอก ทว่าสุดท้ายนางกลับไม่กล้าเอ่ยคำใดออกมา ทำได้เพี
เมืองประมารครึ่งชั่วยาม ก่อนจะหย
ยกันลงมาจากรถ ทั้งสองกลับพบว่า
หลิงเอ่อร์ดูดีอกดีใจอย่างยิ
้วยน้ำตาแห่งความคับข้องใจ “ท่านพี่เจิ้งเจ้าคะ พี่หญิงต้องขุ่นเคืองเรื่องที่ข้าขอพระราชทานงานสม
ลนัก จากนั้นก็เอ่ยปากปลอบโยนซูหลิงเอ่อร์ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า
นหลังเดินไปยังประตูจวน สายตาที่นางมองซูห
วังได้แล้วอย่างไรเล่า? สุดท้ายน
ทางทหารล้วนเป็นของนาง นางต่
ของซูหลิงเอ่อร์ไม่ หากแต่ต
บก้าวออกมาขวางท
์ทูลขอขอพระราชโองการต่อหน้าธารกำนัล เรื่องนั้นเป็นสิ่งที่ข้ามิรู้ล่วงหน้ามาก่อน อีกอย่างด
จื่อกับน้องของข้ามีความสัมพันธ์กันแบบใด ท่านย่อมรู้
างก่อเรื่องในวันนี้ ข้าคงมิอาจใช้โอกาสนี้ถอนหมั้นได้อย่า
ดว่าการแต่งงานเข้าจวนอ๋องอวี้เป็นบทสรุปที่ดีแล้วหรือ เซียวจือเขามิได้พิการแค่ขาสองข้างเสียหน่อย เมื่อครั้งได้รับบาดเจ็บที่ช่องเขายิงโฉว ลมปราณของเขา