มนต์ไอยคุปต์
“หัวหน้าอยากจะเข้าไปสักการะดวงพระวิญญาณขององค์ฟาโรห์น่ะค่ะ” มินตราเป็นฝ่ายตอบแทนชนะชน ด้วยภาษาอังกฤษตามที่เซเรียส่งภาษาถามมา ขณะที่ชนะชนยืนจ้องหน้าเซเรียนิ่ง
“ถ้าอย่างนั้นฉันจะนำทางให้แล้วกัน”
“ไม่จำเป็น!”
คราวนี้ชนะชนสวนขึ้นทันควันด้วยภาษาอาหรับ เสียงเข้มแบบเดียวกับในคราวที่ปฏิเสธเซรี แต่นั่นเองที่ทำให้หญิงสาวหัวเราะขบขัน และยอมเปิดทางให้แบบง่ายๆ จนมินตรางุนงงกับพฤติกรรมแปลกๆ ของคนทั้งคู่ ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ได้ปริปากถามอะไรออกมา
“เดี๋ยวดิฉันถือไฟฉายให้นะคะ” มินตราบอกชนะชน หลังจากที่เดินเข้าไปภายในพีระมิด กระทั่งถึงจุดที่แสงอาทิตย์ไม่อาจสาดส่องเข้าไปถึง
“ไม่เป็นไร ผมถือเองดีกว่า” เขาปฏิเสธ น้ำเสียงอ่อนโยนผิดจากตอนที่พูดกับสองสาวพี่น้อง เพราะถึงแม้มินตราจะจดจำเรื่องราวต่างๆ ในอดีตชาติไม่ได้เลย แต่ชายหนุ่มก็ไม่อยากให้การกระทำโง่ๆ ของเขาไปกระทบกระเทือนจิตใจเธออีก
...แค่ได้พบกันอีกครั้ง และมีเธออยู่ข้างๆ แบบนี้ ก็นับว่าเป็นโชคดีที่สุดของเขาแล้ว สำหรับการถือกำเนิดมาในภพชาตินี้
“หัวหน้าระวังๆ นะคะ พื้นพีระมิดไม่ค่อยเรียบ อาจจะสะดุดล้มได้” มินตราพูดทำลายความเงียบขึ้นอีกครั้ง ระหว่างที่ทั้งเธอและเขาเดินลึกเข้าไปจนเกือบถึงส่วนในสุดของพีระมิด ซึ่งเป็นห้องที่ใช้เก็บรักษาพระศพองค์ฟาโรห์คาเฟร
“ขอโทษนะที่ทำให้ต้องลำบาก” ชนะชนตอบพลางหัวเราะขื่นๆ นึกสมเพชตัวเองที่ต้องให้นางอันเป็นที่รักคอยดูแล ทั้งที่ควรจะเป็นตัวเขาเองมากกว่าที่ต้องปกป้องดูแลเธอ