สามีสุดที่ร้าย ภรรยาสุดที่รัก
ซินเหยียนเงยหน้าขึ้นอย่างช้า ๆ เมื่อเห็นใบหน้าของชายคนนั้นชัดเจน ก็พูดขึ้นด้วยความตกใจว่า “คุณหมอรุ่ยเจ๋อ คุณมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร? ”
เหอรุ่ยเจ๋อยิ้มอย่างอ่อนโยน เขายังไม่ทันเอ่ยปากพูด ผู้อำนวยการของโรงพยาบาลนี้ก็พูดขึ้นว่า “คุณหมอรุ่ยเจ๋อได้รับเชิญจากโรงพยาบาลของเราให้มาเป็นวิทยากร คุณผู้หญิงคนนี้เป็นเพื่อนของคุณหมอรุ่ยเจ๋อเหรอครับ? ”
เหอรุ่ยเจ๋อตอบอืมคำเดียว จากนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยมองไปยังหลินซินเหยียน “คุณมาโรงพยาบาลทำไมเหรอครับ ไม่สบายเหรอ? ”
หลินซินเหยียนส่ายหน้า และยิ้มอย่างขมขื่น
น้องชายของเธอป่วยเป็นโรคออทิซึม และเหอรุ่ยเจ๋อเป็นหมอประจำของเขา ทั้งสองสนิทสนมกันมาก
“เหยียนเหยียน! ” จวงจื่อจินวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน
ได้ยินพยาบาลพูดว่าซินเหยียนหนีไปแล้ว เธอก็ตกใจมาก เมื่อเห็นหลินซินเหยียนวิ่งไปได้ไม่ไกล เธอจึงรู้สึกโล่งอกขึ้นมาหน่อย
หลินซินเหยียนเม้มปาก และยืนออกไปข้าง ๆ โดยไม่ตั้งใจ
เมื่อรู้สึกได้ว่าหลินซินเหยียนอาจจะกำลังลำบาก เหอรุ่ยเจ๋อจึงหันไปพูดกับผู้อำนวยการโรงพยาบาลว่า “พวกคุณกลับไปก่อน ผมขอคุยกับเพื่อนผมหน่อย”
ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพยักหน้า “ถ้าคุณหมอรุ่ยเจ๋อเขามีธุระ พวกผมก็ไม่รบกวนแล้วครับ คือผมตั้งใจเชิญคุณหมอรุ่ยเจ๋อมาทำงานในโรงพยาบาลของเรา หากคุณหมอรุ่ยเจ๋อมีข้อเรียกร้องอะไร สามารถเสนอแนะออกมาได้เลยนะครับ ผมจะพยายามทำทุกอย่างเพื่อสนองความต้องการของคุณเลยครับ”
เหอรุ่ยเจ๋อพูดขึ้นอย่างอ่อนโยนว่า “ผมจะเก็บไปพิจารณานะครับ”
หลังจากยืนมองผู้อำนวยการโรงพยาบาลเดินจากไปแล้ว รุ่ยเจ๋อเตือนขึ้นด้วยเสียงเบา ๆ ว่า “คุณป้า มีเรื่องอะไร เราออกไปคุยกันข้างนอกดีกว่าครับ ที่นี่ไม่ค่อยเหมาะ”
จวงจื่อจินก็รู้จักเหอรุ่ยเจ๋อดีเช่นกัน ตอนที่ลูกชายของเธอไปพบแพทย์ บางครั้งเธอเงินไม่พอจริง ๆ ก็เป็นเขาที่ช่วยออกให้ก่อนทุกครั้ง
สำหรับเขา จวงจื่อจินเคารพเขามาก และก็ไม่กล้าปฏิเสธ
เพิ่งออกจากประตูโรงพยาบาล หลินซินเหยียนก็ลูบท้องของเธอ และอ้อนวอนขึ้นว่า “คุณแม่ ขอร้องละค่ะ ให้หนูเก็บเด็กคนนี้ไว้ได้ไหมคะ? ”
เหอรุ่ยเจ๋อขมวดคิ้วทันที หมายความว่ายังไง? ในไม่ช้าเขาก็มีสติกลับมาอีกครั้ง และสายตาก็จ้องมองไปยังท้องของเธอ
เมื่อมองผลการตรวจในมือของจวงจื่อจิน ก็แทบจะรู้ได้อย่างชัดเจนว่าเธอท้องจริง ๆ
เขาตกใจอย่างไม่อยากจะเชื่อ
เขาอยากรู้มากว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาถาม
“ถ้าแกเก็บเด็กคนนี้ไว้แกก็จะไม่มีฉัน แกเลือกเอาเองแล้วกัน” ท่าทีของจวงจื่อจินแน่วแน่มาก
“แม่ค่ะ ตอนนี้น้องชายก็ไม่อยู่แล้ว นอกจากแม่แล้วเด็กคนนี้คือคนในครอบครัวเพียงคนเดียวของหนู ” หลินซินเหยียนร้องไห้จนหายใจไม่ทัน
จวงจื่อจินมองดูท่าทางน่าสงสารของเธอ ก็นึกว่าเมื่อเธอแก่ไป หลินซินเหยียนก็จะไม่เหลือใครให้พึ่งพาอีก
เธอจึงถอนหายใจยาว ๆ สุดท้ายก็ทนใจดำกับเธอไม่ได้ “แล้วแต่แกแล้วกัน”
หลังจากที่เธอพูดจบ ก็หยิบทิชชู่ขึ้นมาเช็ดน้ำตาให้กับซินเหยียน
ในที่สุดหัวใจของหลินซินเหยียนก็ถูกปลดปล่อย และสีหน้าที่ตึงเครียดของเธอก็ดูผ่อนคลายลงทันที
“คุณป้า พวกคุณป้าอาศัยอยู่ที่ไหนกันเหรอครับ? ตอนนี้ผมไม่มีธุระอะไร ให้ผมไปส่งพวกคุณป้านะครับ” เหอรุ่ยเจ๋อพูดขึ้นถูกเวลาพอดี
เขาเป็นเพียงคนนอก และไม่สะดวกที่จะมีส่วนร่วมในเรื่องนี้
จวงจื่อจินยิ้มอย่างเหน็ดเหนื่อย “รบกวนคุณจริง ๆ ค่ะ คุณหมอรุ่ยเจ๋อ”
เมื่อมาถึงที่พัก รุ่ยเจ๋อถูกเชิญให้เข้ามาในบ้าน
ทั้งสามคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจวงจื่อจินก็ขอตัวไปพักผ่อนที่ห้อง
เหอรุ่ยเจ๋อจิบน้ำก่อนจะถามหลินซินเหยียนว่า “ต่อจากนี้ไปจะกลับไปที่นั้นอีกไหม? ”
หลินซินเหยียนส่ายหน้า “ไม่กลับแล้วไปแล้วค่ะ”
เดิมทีเธอก็ไม่เหมาะกับที่นั่นอยู่แล้ว จึงไม่มีอะไรให้เธอต้องพะวงอีก
แม่อยู่ที่ไหน บ้านก็อยู่ที่นั่นแหล่ะค่ะ
“ต่อไปวางแผนอนาคตไว้อย่างไร? ”
“ฉันกำลังมองหางานทำอยู่ค่ะ คุณหมอรุ่ยเจ๋อ ฉันไม่มีวันลืมความช่วยเหลือที่คุณมีต่อเรา รอฉันหาเงินได้แล้ว ฉันจะคืนให้กับคุณนะคะ”
รุ่ยเจ๋อเม้มปาก “ผมไม่ได้ต้องการบังคับให้คุณคืนเงิน นั่นคือสิ่งที่ผมตั้งใจจะช่วย ไม่ต้องกังวลกับเรื่องนั้นเลย คุณดูแลตัวเองกับคุณแม่ของคุณให้ดีนี่เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด”
“ไม่คืนให้กับคุณ มันทำให้ฉันรู้สึกไม่สบายใจจริง ๆ ค่ะ” ซินเหยียนยังคงพูดอย่างไม่ลดละ
“คุณคืนเท่าที่คุณมีก็พอ” เหอรุ่ยเจ๋อรู้จักนิสัยของหลินซินเหยียนเป็นอย่างดี เขาจึงไม่ดึงดันต่อไป
ทั้งสองคุยกันอีกสองสามประโยค ก็เห็นว่าเวลาดึกมากแล้ว เหอรุ่ยเจ๋อลุกขึ้นกลับออกไป
หลินซินเหยียนเห็นประตูห้องของแม่เธอปิดสนิท ก็ถอนหายใจ และเธอก็กลับออกไปเหมือนกัน
เมื่อกลับมาถึงบ้าน หลินซินเหยียนกำลังจะกลับไปที่ห้อง ด้านหลังก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น
เธอหันไปมอง และร่างสูงเพรียวก็เข้ามาปรากฏต่อสายตาเธอ
หลังจากนั้น ร่างงดงามก็ออกมาจากด้านหลังจิ่งเฮ่า
หลินซินเหยียนตกตะลึงครู่หนึ่ง และพูดขึ้นอย่างมีไหวพริบว่า “ฉันขอตัวกลับห้องก่อนนะคะ”
เธอก็ไม่เคยคิดเหมือนกันว่า ดึกขนาดนี้แล้ว จิ่งเฮ่าจะพาผู้หญิงที่เขาชอบกลับมาด้วย
เธอไม่อยากอยู่เป็นก้างขวางคอด้วยซ้ำ
เมื่อไป๋จู๋เวยเห็นเธอก็ตกตะลึงเช่นกัน นี่ไม่ใช่ผู้หญิงที่อยู่โรงพยาบาลเมื่อเช้าหรอกเหรอ?
เธอเงยหน้าขึ้นมองไปยังจงจิ่งเฮ่า นึกถึงปฏิกิริยาของเขาที่โรงพยาบาล ก็รู้สึกจิตใจไม่สงบขึ้นมาทันที
“จิ่งเฮ่า คุณหลินโกรธแล้วหรือเปล่าคะ? ไม่งั้นฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ” ไป๋จู๋เวยพูดอย่างเคารพ แต่กลับทำให้สีหน้าของจงจิ่งเฮ่าบูดบึ้งมากขึ้น
“หยุดเดี๋ยวนี้” จงจิ่งเฮ่าตะโกนให้หลินซินเหยียนหยุด และประกาศออกมาว่า “ต่อไปจู๋เวยจะมาที่นี่บ่อยขึ้นเข้าใจไหม?”
หลินซินเหยียนรู้สึกว่าเขาจะพูดเพื่ออะไร บ้านของเขา เขาอยากพาใครมาเกี่ยวอะไรกับเธอด้วย?
“ฉันรู้แล้วค่ะ งั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ” หลินซินเหยียนหันหลังและเดินขึ้นไปชั้นบน
“คุณหลิน” จู่ ๆ ไป๋จู๋เวยก็เรียกเธอไว้ และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า :“ฉันขอโทษ”
จิตใจของผู้หญิงมักจะอ่อนไหวง่าย และความผิดปกติของจงจิ่งเฮ่าทำให้ไป๋จู๋เวยระแวดระวังหลินซินเหยียนมากขึ้น
เธอไม่อยากยอมแพ้ เธออุตส่าห์ทำให้จิ่งเฮ่ายอมเปิดปากรับเธออย่างยากเย็น แต่จู่ ๆ กลับมีผู้หญิงที่เป็นคู่หมั้นปรากฏตัวขึ้น
และผู้หญิงคนนี้ดูเด็กมาก เธอพยายามระงับความหึงหวงในใจของเธอไว้อย่างเต็มที่
ตำแหน่งของนายหญิงจงต้องเป็นของเธอเท่านั้น และไม่มีใครหน้าไหนสามารถแย่งไปได้
หลินซินเหยียนขมวดคิ้วพลางรู้สึกงุนงง
บนใบหน้าของไป๋จู๋เวยเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด “ฉันรู้ว่าคุณกับจิ่งเฮ่ามีสัญญาการแต่งงาน แต่เราสองคนรักกัน เป็นเพราะการที่มีฉันอยู่ เลยทำให้คุณต้องเสียใจ ฉันต้องขอโทษจริง ๆ นะคะ ”
“คุณไม่ต้องขอโทษเธอ” จงจิ่งเฮ่าพูดขึ้นอย่างแข็งกร้าว
มองท่าทางไม่รู้ร้อนรู้หนาวของหลินซินเหยียน ทำให้เขานึกถึงตอนที่เธอทำแท้งที่โรงพยาบาล ในใจเขาก็รู้สึกรังเกียจและขยะแขยงขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
หลินซินเหยียนยักไหล่แล้วเดินขึ้นชั้นบนไป แสดงท่าทางแบบนี้ ที่แท้ก็เพื่อที่จะแสดงความเมตตาต่อหน้าจงจิ่งเฮ่า หลินซินเหยียนไม่อยากหยุดอยู่ที่นี่แม้แต่วินาทีเดียว
“เธอทำพฤติกรรมอะไรของเธอ? ” ใบหน้าที่หล่อเหลาของจงจิ่งเฮ่าเย็นชามืดมน
หลินซินเหยียนหันหน้าไปมอง ดวงตาของเธอขยับไปมาเล็กน้อยภายใต้แสงไฟ
“งั้นฉันขอถามคุณจงหน่อยแล้วกันนะคะ ฉันควรจะแสดงพฤติกรรมยังไงต่อผู้หญิงที่สามีของฉันพากลับมาจากข้างนอกคะ? ”