หนังสือของ ปูริดา
บ่วงสวาททาสรักอสูร
ผิดไหมถ้าฉันจะรักใครสักคน จนลืมรักตัวเอง ผิดไหมถ้าฉันจะรักใครสักคน แล้วทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เขามาครอบครอง ผิดไหมถ้าที่หัวใจมันไม่รักดี รักคนที่ไม่คู่ควร “เธอนี่มันใจร้ายมากเลยนะไทนี่ นี่แม่ฉันหลงรักคนใจร้ายอย่างเธอได้ยังไงกัน” “ใช่ค่ะ...ไทนี่ร้าย เมื่อพี่รู้แล้วก็อย่ามายุ่งกับไทนี่ซิคะ ไปให้ไกลจากผู้หญิงร้ายกาจคนนี้ซิคะ หรือจะให้ไทนี่ออกจากงานเลยก็ได้นะ ไทนี่ไม่แคร์พี่ภามอีกแล้ว คนใจร้าย!” “ไม่...” เพียงแค่ได้ยินนันทิยาบอกว่าจะไป เขากลับทนไม่ได้ขึ้นมา หงุดหงิดเหลือกำลัง กรามหนาขบกัดบดเบียดจนแก้มสากนูนเด่น “เธอไม่มีทางได้ไปจากฉันนันทิยา” มือใหญ่จับรั้งลำแขนกลมกลึงเอาไว้ได้ทันก่อนที่นันทิยาจะถอยกายได้ทัน “ฉันจะทำให้เธอตกนรกทั้งเป็น รู้ไว้นะฉันจะหาผู้หญิงที่คู่ควรกับฉันมาแต่งงานได้ ส่วนเธอจะเป็นได้เพียงแค่นางบำเรอบนเตียงที่จะไม่มีวันได้รับการยกย่องเป็นเมียฉันอย่างออกหน้าออกตา” เผียะ! เผียะ!
ขอให้รักกลับคืนมาได้ไหม
ความรักไม่ผิด...เรารักเขา เขาไม่รักเรา ก็ไม่ผิด แต่การรอคอยมันย่อมมีระยะเวลาสิ้นสุดลงเมื่อ...ใจเราไม่อาจรอรักจากเขาได้อีกแล้ว มันก็ถึงเวลา...สิ้นสุดยุติการรอคอที่เลื่อนลอยไร้จุดหมาย “นั่นสิคะ หนูดาวก็งงอยู่ ทำไมถึงหนีพี่เหนือไม่พ้นสักที ตั้งแต่หนูดาวตัดสินใจทำแบบนั้นลงไป พี่เหนือทำให้หนูดาวแปลกใจจนงงและสับสนไปหมด” “หือ” “ปกติพี่เหนือจะผลักไสให้หนูดาวไปไกล ๆ ชอบใช้สายตาแบบว่า...ฉันรำคาญเธอนะ เห็นหน้าเธอแล้วมันหงุดหงิดใจมาก จะไปเองดี ๆ หรือจะให้ฉันเตะโด่งเธอไป...ประมาณนี้นะคะ แต่พอหนูดาวเอาแหวนหมั้นไปคืน กลับต้องเจอกับพี่เหนือทุกวัน...และยังอยู่ด้วยกันแทบจะตลอดทั้งวันเลยด้วย ขนาดคิดหนีมาทำงานที่นี่ สุดท้ายยังหนีพี่เหนือไม่พ้นเลยด้วย” “เราคงเป็นคู่เวรคู่กรรมกันละมั้ง ทำยังไงก็หนีกันไม่พ้น เสร็จงานที่นี่ เห็นทีพี่คงจะต้องจับมัดเราให้หนักกว่าเดิม” พันดาวมองแดนเหนืออย่างตื่นตะลึง เรียวปากสีชมพูอ้าค้าง “นี่พี่เหนือ...”
ปรารถนาเถื่อนอสูรร้าย
“ขอร้องนะคะคุณเกล ตะวันไม่ไหวแล้วจริงๆ คุณเกลอย่าทำอะไรตะวันอีกนะคะ” ภูตะวันขอร้องอ้อนวอนเสียงสั่น ชายหนุ่มยกมือขึ้นเช็ดหยาดน้ำตาบนใบหน้าสวย ตัดสินใจข่มความปวดร้าวทางร่างกายที่ยังตื่นตัวไม่มากลุกขึ้นนั่ง พร้อมกับดึงเอาร่างของคนที่ร้องขอตามติดมาด้วย เกเบรียลจับเอาร่างเล็กบางที่สั่นสะท้าน เพราะความกลัวมาวางบนตักกว้าง สองแขนใหญ่โอบรัดรอบเอวเล็กคอด “เธอควรจะรู้นะภูตะวัน ฉันไม่ใช่สุภาพบุรุษที่จะต้องทะนุถนอมผู้หญิงอย่างเธอ แล้วสิ่งที่เธอได้รับในครั้งนี้ เป็นเพียงแค่บทเรียนแรกเท่านั้น แล้วถ้ามีครั้งต่อไป ฉันไม่สัญญาว่าจะมีการลงไม้ลงมือหรือเปล่า” *********************** “ว่าไงล่ะตรีประดับ ไม่อยากรู้เรื่องเพื่อนแล้วหรือไง นี่ฉันลดข้อต่อรองลงให้แล้วนะ” เฟดเดอริโกถาม ขณะวาดไปตามความยาวของโซฟา “ว่าไงละ ถ้าเธอไม่อยากรู้ ฉันก็จะได้...” ชายหนุ่มแกล้งยันตัวลุกขึ้นยืน “ไม่!” ตรีประดับรีบร้องห้ามเสียงหลง “หยุดตรงนั้นเลยนะพี่เฟด อย่าเข้ามานะ” หญิงสาวรีบยกมือขึ้นดันร่างใหญ่มาจากที่ไกล ใบหน้านวลร้อนผ่าวอย่างกะทันหัน เพราะรู้ว่าถ้าเขาเดินเข้ามาเมื่อไหร่ นอกจากเธอจะลืมสิ่งที่ต้องการแล้ว เธอก็จะร้อนไปในเพลิงพิศวาสที่ถูกปลุกเร้าขึ้นมา “ตรี...ตรีทำเองก็ได้ พี่เฟดหันหน้าไปก่อนซิ”
กับดักรักไฟเสน่หา
ลินินถูกขอร้องให้หมั้นกับคนที่เธอขลาดกลัว แต่เพราะบุญคุณและความรู้สึกที่ถูกเก็บงำเอาไว้ภายใน เธอยอมที่รับหมั้นโดยไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่ (เพราะถูกมัดมือชกโดยไม่ทันตั้งตัว) เธอทำให้จักรธรโกรธแค้น เขาจึงเอาความโกรธมาระบายลงที่เธอ...จะมีไหมที่เขารับรู้ว่าเธอมิได้เป็นดังข้อกล่าวหา จะมีไหมที่เขาจะเห็นหัวใจของเธอ ปลาดาว...ชอบเอาชนะ เมื่อเพื่อนร่วมงานทำให้เธอต้องออกจากงาน เธอก็เลยเล่นงานกลับ เพราะเหตุนี้ทำให้เธอคิดให้น้องสาวทำเวปขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือคนที่เดือดร้อน โดนกระทำ งานแรกที่รับทำ พาเธอไปพบกับโยชิ แสงสาธร ผู้ชายตัวร้ายที่จะต้องโดนเอาคืน! หากผลที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นล่ะ...
สี่หนิงเหออนุภรรยาท้ายเรือน
“ไหนเจ้าบอกว่าจะอาบน้ำร่วมกับข้า แล้วทำไมถึงยังไม่ยอมถอดชุดเหม็น ๆ นั่นออกอีกเล่า หรือเจ้าจะให้ข้าจัดการให้” “ไม่! ไม่ใช่ขอรับ” ข้ารีบร้องบอกหากก็มิทัน เมื่อท่านอ๋องเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วจนตอนนี้เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าข้าแล้วและรีบจับดึงเอาอาภรณ์ออกจากกายข้าไปอย่างรวดเร็วเกินที่ข้าจะเอ่ยปากห้ามได้ทัน “หยุด...หยุดก่อนขอรับท่านอ๋อง ข้า...ข้ายังมิได้ตอบตกลงจะอาบน้ำร่วมกับท่านในครั้งนี้นะขอรับ เรา...เราต้องแลกเปลี่ยนกันอย่างยุติธรรมสิ ท่านจะต้องสอนวรยุทธ์ให้แก่ข้าก่อน ข้าถึงจะยอมทำอย่างที่ท่านต้องการ...อาบน้ำและนวดให้กับท่าน” กล่าวออกไปแล้วข้านี้แสนจะอับอายยิ่งนัก หวังแต่ว่าจะมิมีวันนั้นนะ “นี่เจ้า! ถึงเจ้าจะทนเหม็นกลิ่นของตัวเองไปถึงจวนได้ แต่ข้ามิยอมทนหรอกนะ ข้ามิยอมขี่ม้ากับเจ้าโดยที่เจ้ายังมิอาบน้ำเปลี่ยนอาภรณ์ตัวใหม่หรอกนะ” “เปล่า...เปล่านะขอรับ ข้าแค่...” “ถึงอย่างไร เจ้าก็จะต้องเป็นอนุของข้า เพียงแค่เวลาจะช้าหรือเร็วเท่านั้น ถ้าครั้งนี้จะอาบน้ำร่วมกันก็มิแปลก แต่เจ้ายังมิต้องกังวลใจหรอกนะ ข้ายังมิคิดทำอันใดเจ้าหรอกนะหนิงเหอ...มันยังไม่ถึงเวลานั้น” สุดท้ายแล้วท่านอ๋องก็เป็นผู้มีชัย...ข้ากับท่านอ๋องอาบน้ำด้วยกัน เขาสำเริงสำราญกับการกินเต้าหู้ข้าไม่ยอมหยุด ส่วนตัวข้านั้น...หุ่นไม้! เพราะไม่รู้ว่าจะป้องกันตัวเองจากมือไม้ที่มันยุ่มย่ามไปทั่วร่างกับปากหนาที่คลอเคลียขบกัดสร้างรอยไว้ที่ลำคอและหน้าอกไม่ได้ ตอนนี้มันคงเป็นรอยแดงไปหมดแล้ว...ที่ไม่รู้ด้วยว่าอาภรณ์ชุดใหม่จะปกปิดร่องรอยเหล่านี้ได้หมดหรือเปล่า เตรียมตัวอับอายกับสายตาของลูกน้องท่านอ๋องที่คงจะ...เอ่ยวาจาล้อข้ามิหยุด
มนตราจอมพยศ
“แล้วใครกันที่เมื่อกี้พูดว่า...คุณต้องช่วยฉันนะ” “ใคร้...ใครพูด ฉันไม่ได้พูดสักหน่อย” ถึงจำได้ แต่ทำไมละ จะทำตัวเป็นพวกความจำปลาทองในตอนนี้ ดาราเนตรเชิดหน้าไปฝั่งที่ไม่มีดวงคมพราวระยิบระยับที่ทำให้หัวใจหวั่นไหว “ใครเป็นคนพูดกันนะ ใช่คนนี้หรือเปล่า” ปรมัตถ์ดึงเอาผ้าห่มที่หญิงสาวใช้ห่อตัวจนแทบจะเป็นดักแด้ออกมาได้เล็กน้อย นิ้วยาวลากไล้ลำคอระหงเคลื่อนไปถึงปลายคางมน “อืม...เอายังไงกับคนขี้ลืมดีนะ ขอรางวัลเป็นจุ๊บหนึ่งที หรือว่าจะจับลอกเปลือกแล้วกินจนหมดทั้งตัวดีนะ” ถามพร้อมมองไปทั่วกายกลมกลึงที่ซุกซ่อนอยู่ใต้ผ้าห่ม แต่ฝังตรึงอยู่ในสมองเขาจนแกะไม่ออก “งั้นฉันหอมแก้มคุณก็ได้” รีบตอบดักคอไปก่อนด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ เมินหน้าหนีนัยน์ตาพราวระยับจึงไม่ทันได้เห็นความเจ้าเล่ห์ที่แฝงอยู่ “ไม่ละ เปลี่ยนใจแล้ว ขอเป็นหนึ่งจูบและผมเป็นคนจูบด้วย” “อืม...งั้น ให้สองจูบเลย แต่...” คิดว่าเธอรู้ไม่ทันใช่ไหม ถึงจะฉลาดไม่มากนัก แต่ถึงจะอย่างนั้นก็เอาตัวรอดได้ล่ะกัน ดาราเนตรแขนกลมกลึงยื่นออกมาโอบรัดรอบลำคอแกร่ง ปลายนิ้วลากไล้บนแผ่นหลังกว้าง ซอกซอนไปพัวพันจิกทึ้งกับเส้นผมหนานุ่ม “แต่ขอเป็นพรุ่งนี้ ตกลงไหม แบบว่าตอนนี้ฉันเหนื่อย อยากที่จะนอนแล้ว” “อืม...ก็ได้ แต่ว่า...” เอาสิเขาเองก็มีข้อแม้เหมือนกัน
เพลิงหัวใจไฟเสน่หา
“ฉันไม่ได้บ้านะน้ำพราว” “อ้าว...ก็อาการที่นายเป็นมันใช่นี่น่า อยู่ดีไม่ว่าดีทำตัวเหมือนกับคนบ้าที่ยาหมด เลยอาละวาดใส่คนอื่นเขาไปทั่ว แล้วไปโกรธใครมาอีกล่ะ แต่ฉันไม่น่าจะถามเลยนะที่ทำให้นายเต้นเป็นเจ้าเข้าแบบนี้ได้ ก็มีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้นแหละ” หญิงสาวยิ้มหยันให้อย่างที่รู้ว่าตัวเองไม่น่าจะคิดผิด สีหราชหันมองคนที่กำลังพูดจ๋อยๆ อย่างไม่เกรงกลัวเขาด้วยสายตาขุ่นขวาง “ไม่ต้องมาทำตาแบบนั้นเลยตาบ้า ไม่กลัวแล้ว คนอะไร บ้าได้ไม่มีวันหยุดจริงๆ ผู้หญิงคนไหนได้นายเป็นสามีนี่คงจะต้องเป็นคนมีกรรมอย่างหนักแน่” “ไม่รู้เหมือนกันว่าใคร แต่ที่แน่ๆ นะกำลังพูดจ๋อยๆ จนลิงจะหลับอยู่ไงล่ะคนหนึ่ง” ****************** “ชาติหน้าเถอะน้ำเพชร เธอเป็นของฉัน! เป็นของฉันคนเดียวเท่านั้น!” จมูกโด่งกดไปใบหน้าและลำคอระหงพร้อมกับที่เสื้อผ้าที่หญิงสาวและตัวเขาเองใส่ หลุดออกจากร่างกายของทั้งคู่ด้วยสภาพฉีกขาดไม่สามารถนำมาใส่ซ้ำได้อีกแล้ว ชายหนุ่มมือเรียวที่ผลักดันใบหน้าและร่างกายเขาออกตรึงไว้เหนือศีรษะ “ไม่นะนายเสือ....” บุษย์น้ำเพชรเริ่มกลัวจนหัวใจแทบจะหยุดเต้นเมื่อเจอความโกรธของพยัคฆ์ หญิงสาวพยายามหนีให้พ้นจากปากและกายใหญ่ที่จับต้องร่างกายของเธออย่างรุนแรง ดวงตากลมโตเบิกกว้างน้ำตาเอ่อล้นคลอเบ้าและซึมออกมาอย่างหักห้ามไม่ได้
ร้อยหัวใจอุ่นไอรัก
“ไม่เอาน่าปิ่นอย่างอนซิ” “เปล่าค่ะคุณเมฆา ดิฉันไม่ได้งอน แค่ดิฉันรู้สภาพของตัวเองดีว่าอยู่ในฐานะใด”หญิงสาวแกะมือใหญ่ออกจากแขนและหันหลังเดินไปที่รถ ตอนแรกก็ว่าจะให้ธวัชชัยพาเธอกลับไปเก็บของแต่ตอนนี้ธวัชชัยก็มีคนที่เขาต้องดูแล ขณะเธอเองก็เป็นเหมือนกับที่แก้วเพชรว่าไว้ เป็นผู้หญิงไร้ค่าที่ไม่มีใครต้องการเท่านั้นเอง “ว้าย! ปล่อยปิ่นนะคุณเมฆ” ปิ่นปักบอกกับคนที่ฉวยโอกาสคว้าแขนกระชากตัวกลับมาปะทะอกกว้างร่างโปร่งบางจมหายไปในอ้อมแขนใหญ่ที่ไม่ว่าจะพยายามแกะเท่าไหร่ก็ยอมออก
หักเหลี่ยมสวาทคาสโนวา
รมย์นลิน...ต้องพากายที่บอบช้ำ ใจที่แหลกสลายจากการกระทำของคนที่บอกรัก...เทพกานต์ ความเจ็บปวดที่ได้รับในวันนี้จะเป็นบทเรียนราคาแพง และคนที่สร้างขึ้นมาจะต้องได้รับการเอาคืนอย่างสาสม! นลิน...นักร้องสาวที่แรกเห็นหน้าก็เรียกเสือร้ายอย่างเทพกานต์ให้อยากครอบครอง แต่เธอไม่ใช่หมูในอวยให้เขาเคี้ยวเล่นได้ง่ายๆ เหมือนบางคนหรอกนะ เขี้ยวเล็บน่ะมันมีเยอะ “พี่เทพอยู่นิ่งๆ ซิคะ” ร่างโปร่งบางเคลื่อนตัวขึ้นไปนั่งบนตักกว้าง สองมือเล็กจับแขนแข็งแกร่งและชูขึ้นเหนือศีรษะ “ตอนนี้หลินมัดพี่เทพเอาไว้แล้วนะคะ มัดด้วย...” นิ้วเล็กชี้ตรงหัวใจตัวเองซึ่งกำลังเต้นอยู่ และเคลื่อนไปหาแขนใหญ่ขยับวนเวียนอยู่สองสามครั้ง ก่อนจะกระซิบเสียงหวานเบาข้างใบหูใหญ่ แต่มันก็ดังเข้าไปถึงหัวใจเทพกานต์จนเต้นแรงและเร็วเหมือนกำลังจะทะลุออกมาจากทรวง “หลินมัดมือพี่เทพด้วยสายใยแห่งรักที่ถักทอมาจากหัวใจของหลินเอง” และอีกหนึ่งที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับชีวิตของเทพกานต์อย่างที่ชายหนุ่มอยากจะ...บ้าตาย เมื่อเขาดันเผลอไปมีอะไรกับ... “ผมรู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนทำให้เจ้านายไม่สบายใจ อึดอัดคับแค้นใจเป็นอย่างมาก เมื่อคนที่เจ้านายมีอะไรด้วยไม่ใช่ผู้หญิงที่ชื่อหลินคนนั้น เจ้านายไม่ต้องกลัวหรือกังวลใจอะไรนะครับ ผมให้สัญญาว่าจะไม่เรียกร้องอะไร” แค่ขอเป็นคนของเจ้านายนับแต่วันนี้จนตลอดไป ใบหน้าหล่อหวานแย้มยิ้มอย่างหวานเชื่อม ดวงตากลมโตเป็นประกายระยิบระยับและมีเลศนัย ถ้าหากเทพกานต์ได้เห็นคงจะหนาวสั่นยิ่งกว่าที่เจอมาเมื่อคืนอีกเป็นแน่ “ขอเพียงแค่เจ้านายไม่ทอดทิ้งและให้ผมได้อยู่รับใช้ใกล้ชิด แล้วก็ไม่ไล่ผมออกจากงานเท่านั้นเองฮะ” หนุ่มน้อยหน้าหวานเอ่ยพูดน้ำเสียงหวานนุ่ม ทั้งอ่อนหวานและเว้าวอน ดวงตากลมโตกะพริบปริบๆ ให้อย่างน่ารัก
เล่ห์ร้ายทรายสิเน่หา
“ทีนี้เจ้าก็อาบน้ำให้เราได้แล้วใช่ไหมฮะดียะห์ แต่ถ้าเจ้ายังขัดขืนไม่ทำตามที่เราต้องการ เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่จะเกิดขึ้นใหม่ ที่คราวนี้เราไม่รับประกันนะว่าจะหยุดยั้งอารมณ์ปรารถนาในกายได้หรือเปล่า” น้ำเสียงนุ่มทุ้มและแหบพร่าดังข้างใบหูนุ่ม ถึงจะมีผ้าเนื้อหนาขวางกั้นอยู่ แต่ก็ยังกางกั้นความร้อนผ่าวจากปากหนาที่ขบเม้มติ่งหูไม่ได้ “ค่ะ...ค่ะ...” กัญญาพัชรรีบทำตามอย่างเผลอไผล ใบหน้าขาวสวยแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มสดชื่นและแจ่มใส ดวงตาเป็นประกายพราวระยับ ก่อนที่ดวงตากลมโตจะเบิกกว้าง เมื่อรู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ มือเล็กเรียวที่ลากไล้ไปทั่วลำตัวแกร่งหยุดชะงัก ปลายเล็บแหลมคมจิกลงไปบนอกกว้างจนคนที่นอนเอนตัวอิงถังไม้อยู่ถึงกับสะดุ้ง “ทำอะไรน่ะฮะดียะห์” “โอ๊ะ! ขอประทานอภัยเพคะองค์นาสเซอร์ หม่อมฉันเผลอคิดอะไรเพลินไปหน่อย” กัญญาพัชรรีบเอ่ยปากขอโทษ แต่ใบหน้านั้นแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มจนดวงตาเป็นประกายอย่างถูกอกถูกใจ อีกทั้งมือเล็กที่ลากไปทั่วกายใหญ่จากที่เคยแผ่วเบาและนุ่มนวลก็เป็นแรงขึ้นอย่าง “โอ๊ย! เราเจ็บนะฮะดียะห์” “ตายแล้ว หม่อมฉันขอประทานอภัยเพคะองค์นาสเซอร์ หม่อมฉันไม่ได้ตั้งใจ” ‘นิดหน่อย แต่ตั้งใจมากถึงมากที่สุด’
ใยรักเพลิงเสน่หา
“อย่าตามมานะตาบ้า คุณจะไปไหนก็เชิญ คนเฮงซวย จะไปตายที่ไหนก็ไปเลย” “แต่เธอได้ฉันแล้วนะ” “กรี๊ด! ตาบ้า” ราชาวดีถลาวิ่งกลับมาปิดปากคนบ้าที่ยืนยิ้มกริ่มอยู่แทบจะไม่ทัน ใบหน้าสวยแดงระเรื่องเพราะอับอาย เธอตวัดค้อนคนหน้าไม่อายหลายครั้ง “จะประจานให้คนเขารู้กันหมดหรือไงว่าฉันเป็นของคุณแล้ว คุณไม่อายแต่ฉันอายนะ” “อ้าว...ก็เธอคิดจะทิ้งฉันนี่น่า” ถ้าเป็นช่วงที่มีคนเดินติดตาม ไม่ทางที่เขาจะพูดอะไรแบบนี้เลย ไม่รู้ทำไมพออยู่กับราชาวดีแล้ว ความเย็นชาที่เขาเพียรพยายามสร้างไว้มันหลุดหายไปจนหาทางกลับเข้าตัวไม่ถูก มันเหมือนกับเขาได้กลายเป็นเด็กตอนที่ยังไม่ต้องคิดอะไร ไม่รับรู้ว่าเบื้องหลังภายใต้ความอบอุ่น สีหน้าที่ยิ้มแย้มของพี่ชายคือการต้องเข่นฆ่าผู้อื่นให้ตายทั้งเป็น
เพลิงรักร้อนซ่อนรักร้าย
เหตุของความแค้น เป็นผลให้เขาทำทุกอย่างเพื่อแก้แค้น! “ว้าว... มีสาวสวยแล่นมานอนให้ทับถึงที่เลยวุ้ย” หยอกกระเซ้าอีกฝ่ายที่หน้าแดงแป๊ด ดวงตาเขียวปั้ดด้วยความโกรธและแค้น “แหม...อยากมีอะไรกับฉันมากจนรอไม่ไหวเลยหรือกระต่าย ถึงได้แล่นมาหากันแบบนี้เลยน่ะ แต่ตอนนี้ฉันยังไม่มีอารมณ์เลย ถ้าอยากให้ฉันบำบัดความต้องการให้ เธอคงจะต้องยั่วยวนฉันมากๆ หน่อยละยาหยี” เพราะต้องการปกป้องพี่สาวและช่วยเหลือผู้มีพระคุณทำให้เธอยอมตกอยู่ในเงื้อมือศัตรู จะเจ็บปวดอับอายแค่ไหนไม่หวั่น เมื่อถึงวันจะเอาคืนให้สาสม! “อะไรที่ผ่านมาแล้ว ก็ปล่อยให้มันผ่านไป ไม่เก็บเอามาใส่ใจให้หงุดหงิดรำคาญ ไม่อยากจะชายตาเหลียวแล แล้วยิ่งผู้ชายอย่างคุณ...” กวาดตามองตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า “หลงตัวเองก็เท่านั้น ปากก็จัดยังกับอมสุนัขเน่าเข้าไป ให้พร้อมแถมขาวสารสักสิบกระสอบ ฉันยังไม่เอาเลยค่ะ ไม่รู้จะเอาไปทำไมให้มันเกะกะสายตา”
วาสนารักคุณชายจอมวุ่นวาย
เพราะครอบครัวเกิดเรื่องไม่ดี เขมกรจึงตัดสินใจทำการแลกเปลี่ยนกับใครบางคน...จากนั้นเขาก็กลายมาเป็นคุณชายเกาหยุนเอ๋อร์ที่ไร้ความทรงจำ ที่...ก่อเรื่องราวไว้นั่นคือ การป่าวประกาศต่อหน้าผู้คนว่าจะเป็น “ฟูเหรินของซ่งหยวนเจ๋อ” อีกฝ่ายคงจะโกรธเขาอยู่นะ ถึงได้ตามติดไม่ยอมห่าง หรือว่าเขาเข้าใจอะไรผิดไป เพราะการตามติดของซ่งหยวนเจ๋อทำให้เขาเริ่มรู้สึกแปลก ๆ แต่คงเท่าอีกฝ่ายที่เดี๋ยวก็เลี้ยงอาหารเขา เดี๋ยวก็ให้เขาขี่หลัง นั่นก็มิหนักเท่ากับคอยป้อนอาหารเขานะสิ... หยุนเอ๋อร์...” ซ่งหยวนเจ๋อเอ่ยเรียกเสียงเข้มแต่นุ่มนวล ขณะทอดสายตาที่อบอุ่นเต็มไปด้วยความอ่อนโยนสบกับดวงตาของเกาหยุนเหลียง “ไม่...ดื้อนะ” หากมิใช่ถูกซ่งหยวนเจ๋อกอดกระชับเอวเอาไว้...เกาหยุนเหลียงรู้เลยว่าเข่าตนเองจะต้องอ่อนยวบทรุดลงไปกองอยู่บนพื้นแน่นอน ไหนจะหัวใจที่มันเต้นราวกับจะทะลุออกมาจากอกอีกเล่า ทำให้เขาคิดว่า กลับถึงเรือนเมื่อไหร่ ควรให้ท่านแม่เชิญท่านหมอมาดูหน่อย เหตุใดถึงได้มีอาการประหลาดเช่นนี้มากนักเมื่ออยู่กับซ่งหยวนเจ๋อ ถ้าหากว่าเป็นอะไรร้ายแรงจะได้รีบทำการรักษาได้ทันท่วงที “ดีมาก...หยุนเอ๋อร์ที่ไม่ดื้อ ไม่ซน ไม่เกเร ทำตัวเป็นอันธพาล...น่ารัก”
ปล้นหัวใจจอมเถื่อน
“ฉันลืมไปได้ยังไงกันนี่ เป็นเพราะคุณอยากเป็นเมียพี่กลางจนตัวสั่นนะเอง แต่เห็นทีจะยากนะคะ เพราะผู้ชายดีๆ อย่างพี่กลาง ฉันไม่ยกให้ใครง่ายๆ หรอกค่ะ” บุษกรโต้ตอบทั้งที่หวั่นๆ กับสายตาที่เป็นเหมือนกับมีปลายแหลมทิ่มแทงเข้าไปในเรือนกายอยู่ไม่น้อย เธอไม่ได้อยากสร้างศัตรู แต่เมื่อรับงานมาแล้ว ก็ต้องทำให้สุดความสามารถ “บัวทั้งเหนื่อย ทั้งเมื่อยเลยคะพี่กลาง” บุษกรจับเอามือพีรายุมาวางบนบ่า “ตะกี้ตอนขับรถมาพี่กลางบอกจะนวดให้...ไม่หลอกบัวนะคะ” หญิงสาวทำหน้าเหนื่อยและเพลียขึ้นมองพีรายุ “อ๋อ...อีกเรื่องหนึ่ง ที่บอกจะจดทะเบียนกับบัว...ไม่หลอกให้บัวดีใจเล่นนะคะ”
ทัณฑ์รักสวาทร้าย
หน้าตาก็หล่อเหลา เท่าที่ปั้นหยาอยู่ด้วยก็คิดว่าคงจะดูไม่ผิด ฐานะคุณไม่ใช่ธรรมดา แต่ปั้นหยาก็ยังไม่รู้หรอกนะว่าถึงขั้นไหน จะหาผู้หญิงมานอนด้วยเมื่อไหร่ก็ได้ แต่จะบอกอะไรให้นะคะคุณฮัมดีนขา...” ปัณฑารีย์เขย่งเท้าขึ้นเล็กน้อย เพื่อให้ริมฝีปากแนบชิดกับใบหูฮัมดีน “ถึงปั้นหยาจะไม่ใช่ผู้หญิงที่ดีนัก แต่ก็รักตัวเองเป็น แล้วผู้ชายอย่างคุณ ปั้นหยาไม่เลือกมาดูแลชีวิตปั้นหยาหรอกค่ะ คุณแก่และน่าเบื่อเกินไป” ปึก!! เข่าเล็กกระทุ้งขึ้นไปเตะกึ่งกลางกายใหญ่ ถึงจะไม่รุนแรงอะไรมากนัก แต่ก็ทำให้ฮัมดีนเจ็บได้ไม่น้อย “ช่วยไม่ได้นะคะคุณฮัมดีน คุณเป็นคนสอนให้ปั้นหยาทำแบบนี้เอง”
ลูกหนี้ตีตรา
บุญคุณต้องชดใช้ก็จริง แต่ถ้าหัวใจเขาไม่ปรารถนา คำขอของผู้ใหญ่ก็ไม่อาจเป็นจริงได้ แต่นั่นก็ไม่ยากเท่ากับการทำให้เธอรัก หรือสุดท้าย เขาจะต้องปล่อยให้เธอทำอย่างใจต้องการ...จริงๆ คมน์เงยหน้าขึ้นมองสาวน้อยที่กำหัวใจเอาไว้ตั้งแต่แรกที่เขาเติบโตเป็นหนุ่ม เริ่มที่จะรู้จักความรัก ไม่เคยที่จะมอบหัวใจให้กับผู้หญิงคนไหนเลยนอกจากคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า ถึงแม้ว่าจะตัดสินใจแล้ว แต่พอถึงเวลาที่จะต้องพูดจริงๆ มันเหมือนกับมีหินหนักๆ มาถ่วงเอาไว้ บวกกับดวงตาเป็นประกายเอาเรื่องคู่นั้นอีก มันทำให้เขา...ไม่รู้จะเริ่มต้นพูดยังไงดี “ต้นหลิว...พี่จะคืนอิสระให้เรานะ เรา...หย่ากันเถอะ”
สาวน้อยหัวใจไต่รัก
“คิดอะไรไม่ดีอยู่แน่ๆ เลยเรา” “เปล่านะคะ เพียงแค่...” หญิงสาวเบี่ยงกายเล็กน้อย สองแขนกลมกลึงยกขึ้นโอบรอบบ่ากว้าง ช้อนสายตากลมโตพลางกระพือปีกบินราวกับผีเสื้อโบยบิน นิ้วยาวยกขึ้นทาบบนกลีบปากหนา คลี่กลีบปากแย้มยิ้มหวานฉ่ำเชื่อม “ถ้าพ่อเมฆหรือแม่ข้าวมาเห็นเราสองคนในสภาพอย่างนี้...” กันต์กนิษฐ์บดเบียดเรือนร่างนุ่มนิ่มกับความแข็งแกร่ง ยั่วยวนป่วนอารมณ์โดโนแวนให้ลุกพรึบจนยากระงับความต้องการส่วนลึกเอาไว้ “หยุดเลยยายตัวแสบ ทำอย่างนี้ได้ยังไงกันฮึ เราเป็นผู้หญิงนะ ใครรู้เข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน” “เราเป็นคู่หมั้นกันแล้วนี่คะ แค่จูบกันนิดหน่อยไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย ยังไงก็ไม่สึกไม่หรอ เอ๊ะ...หรือคุณป๋าถือว่าได้เจาะไข่แดงกระถินแล้วจะไม่รับผิดชอบ กระถินไม่ยอมน่ะ จะฟ้องแม่ข้าวและพ่อเมฆให้ตีจนหัวแบะเลย” “เฮ้ย!” โดโนแวนถึงกับมึนงงราวกับถูกตีที่ทัดดอกไม้ กลอกนัยน์ตาไปมา “คุณป๋าไปทำอย่างนั้นกับเราตั้งแต่เมื่อไหร่ อย่ามาตู่นะยายตัวยุ่ง” กันต์กนิษฐ์เคาะนิ้วกับข้างแก้ม เบ้ปากไปมาพลางเลิกคิ้วเหมือนคิดหาคำตอบที่โดโนแวนหาข้ออ้างหลีกหนีไม่ได้ ก่อนคลี่ยิ้มนัยน์ตาวาวใส “เมื่อคืนไงคะ เราจูบกัน มีพยานเห็นเยอะแยะเลย” “พยาน!” คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก เมื่อคืนมีใครเสียที่ไหนกัน “ที่ไหนกันฮึยายตัวแสบ เรานี่นะ...ฉลาดแกมโกงจริงๆ ยั่วจนคุณป๋าเผลอสะดุดเท้าตัวเองชนกับปากยายเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมต่างหากล่ะ”
เกลียวรักคลื่นปรารถนา
เพียงแค่เห็นหน้า เขาก็ถูกใจแล้ว แม้เธอจะมีลูกติดมา เขาก็ไม่คิดที่จะปล่อย ยังคงตามเอาใจลูกสาวตัวน้อยและจีบเธออย่างไม่ลดละ “เย้ เย้ แม่เอาอีกหนุก หนุก เอาอีก เอาอีก” โซดาเริ่มลุยน้ำลงไปกอบทรายที่เปียกน้ำใส่ศีรษะอันนิโต้เรื่อยๆ ไม่ยอมหยุด สิมิลันหัวเราะจนท้องแข็ง อันโตนิโอ้เอาคืนคนอารมณ์ดีด้วยการกอบทรายเปียกใส่ร่างบางบ้าง “ว้าย! เล่นอะไรนะคุณสกปรกจะตาย” “อ้าวที่คุณกับลูกทำผมล่ะ นี่แนะ” มือใหญ่ขยี้ผมบนศีรษะสิมิลัน โซดาเริ่มเอาอย่างสองมืออวบขยี้ผมบนศีรษะมารดาและศีรษะตัวเองจนยุ่งเหยิงและเปียกชื่น แล้วยืนหัวเราะเสียงใสแจ๋ว ดวงตาเป็นประกายสดใส ยิ้มจนเห็นฟันในปากแทบทุกซี่ “ไม่เลิกใช่ไหมคุณเอ โซดารุมพ่อเอเลยลูก” สองมือเล็กเรียวผลักร่างใหญ่ลงนอนบนพื้นทราย พร้อมกอบทรายเปียกชื้นละเลงบนกายแข็งแกร่ง สองแรงแข็งขันสองมือรุมกอบทรายละเลงบนกายหนาใหญ่จนเปียกชื้น ยังไม่พอสองนิ้วเล็กๆ จี้ไปเอวหนาจนชายหนุ่มหัวเราะท้องแข็ง โซดาเองก็เอาอย่างคนเป็นแม่ มือใหญ่ทั้งห้านิ้วจี้เอวแข็งแกร่ง อันโตนิโอ้ก็ไม่ยอมแพ้ มือใหญ่จี้เอวสองแม่ลูกกลับบ้าง เสียงหัวเราะของสองผู้ใหญ่หนึ่งเด็กดังลั่นหาดทรายสีขาว
เล่ห์เสน่หาพญามาร
แต่ถ้าเธออยากจะฟังอีกฉันก็จะบอกอีกครั้ง ว่าฉันอยากครอบครองเป็นเจ้าของร่างนุ่มนิ่ม...แสนหวาน อยากเห็นใบหน้าแดงๆ เหมือนกับผลทับทิม ดวงตาเปล่งประกายเหมือนดวงดาราบนท้องฟ้ายามมอบบอกกับฉันว่า...ต้องการให้ฉันเป็นส่วนหนึ่ง ปากนี้...” นิ้วยาวลากไล้กดย้ำบนริมฝีปากนุ่ม “ร้องอ้อนวอนขอให้ฉันแปลงกายเป็นปลาใหญ่วนเวียนแหวกว่ายในโถงอุ่นระอุฉ่ำนุ่ม เปล่งเสียงครางๆ หวานๆ ยามกลืนกินโมกข์น้อยไม่ยอมหยุด” โมกข์บอกเสียงกระเส่า ลมหายใจเริ่มหอบพร่า กายแกร่งปวดร้าวกับมือและปากเล็กที่เคลื่อนไหวบางเบาแต่หนักหน่วง “อยากมีร่างนุ่มๆ นอนคลอเคลียแนบชิด และทำให้เตียงนอนฉันร้อนราวกับไฟเผาทุกๆ คืน” เสียงแหบหวานหลุดออกมาจากปากอิ่มนุ่ม สองแก้มร้อนผ่าวจนต้องรีบก้มหน้าหลบสายตาร้อนแรงเต็มไปด้วยความต้องการที่มากล้นเหลือ ดังเช่นมือหนาที่ลูบไล้สร้างความปั่นป่วนวาบหวามทั่วกายน้อยๆ ให้สั่นสะท้านเหมือนนกน้อยบินไปท่ามกลางฝนพรำ
กลลวงบ่วงบุพเพ
“คิดจะอ่อยให้ฉันสงสารและอุ้มเธอกลับบ้านอย่างสบายๆ หรือไง แต่เสียใจด้วยนะ ที่มารยาของเธอคราวนี้ใช้กับฉันไม่ได้อีกแล้ว” เขาจับแขนเรียวยาวและดึงร่างโปร่งบางเข้ามาจนเธอสัมผัสถึงลมหายใจร้อนๆ ที่มันเป่ารดพวงแก้มนุ่ม ก่อนที่เขาจะผลักเธอให้ถอยห่าง เหมือนกับว่าเขาเจอของสกปรกจนกลัวมันจะมาเปรอะเปื้อนร่างกาย “โอ๊ย!” มือที่ยันพื้นหญ้าที่ไม่ราบเรียบ โดนเศษไม้แหลมคมทิ่มต่ำจนเจ็บเพิ่มอีกขึ้น “นายมันคนบ้า คนใจร้าย” เรณุกาต่อว่าปากสั่น น้ำตาเอ่อล้นคลอเบ้า เธอกัดฟันใช้มือที่เจ็บยันกายลุกขึ้นยืน โดยไม่ร้องขอความช่วยเหลือจากคนใจร้ายอีกแล้ว พยายามข่มใจให้ลืมความเจ็บจากข้อเท้า เดินตามพฤกษ์อย่างเร็วที่สุดเท่าที่ทำได้แล้ว “เดินเร็วๆ เข้าหน่อยซิ ทำสำออยคิดว่าจะทำให้ฉันใจอ่อนหรือไง” เมื่อเห็นว่าเขาเดินไปไกลแล้ว แต่เรณุกายังตามไปได้เพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น จนเขาหงุดหงิดและรำคาญใจ ทำไมอยู่กับเขามันน่าเบื่อมากหรือไง ถึงได้คิดแต่จะหนีท่าเดียวนะ