icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
closeIcon

เปิดรับโบนัส

เปิด

นิยายหญิงแนวมหาเศรษฐี

ขายดี ออกต่อเนื่อง จบเล่ม
ทะเลเถื่อน

ทะเลเถื่อน

เขาใจดีกับคนทั้งโลก ยกเว้นเธอ... “ถ้าเจ็บก็ทนเอาหน่อยล่ะกัน เธอท้องเมื่อไหร่ ฉันจะไม่แตะต้องเธอเลย...ตัวเสนียดจัญไร” .... หลังจากการลงทัณฑ์จบสิ้น ร่างสาวเปลือยเปล่าคุดคู้ มือข้างซ้ายจับตรงของสงวน มือข้างขวาจับช่วงท้อง ทั้งจุกและเจ็บร้าว น้ำตารินไหลเป็นทาง เขาไม่ปรานีเธอสักนิดเดียว ทำรุนแรงทุกท่วงท่า กระแทกกระทั้นแต่ละครั้งดุเดือด ทำราวกับว่าเธอเป็นตุ๊กตายาง ไม่มีความรู้สึกใดใด เขากระทำด้วยความโกรธ แค้นและชิงชัง “จะร้องไห้หาสวรรค์วิมานอะไร เธอเจ็บแค่นี้ไม่ตายหรอก เจ็บน้อยกว่าที่ฉันเจ็บด้วยซ้ำ แล้วอย่าทำเป็นสำออย จำใส่หัวไว้ว่า เธอไม่ใช่นางเอกเจ้าน้ำตา เธอคือแม่มดใจหยาบช้า” นัยน์ตาณคุณโหดด้วยไฟแค้นลุกท่วม ยากดับได้ “จำเอาไว้อย่างหนึ่งว่า นี่แค่เริ่มต้น เธอจะเจ็บแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าท้อง คลอดเมื่อไหร่ เธอไสหัวออกไปจากที่นี่เมื่อนั้น”
เสน่หาเมียเก็บ

เสน่หาเมียเก็บ

‘ไรเฟิล’ ลูกครึ่งบราซิล-ฮ่องกง หนุ่มหล่อโลกตะลึง กับ ‘อินถวา’ สาวไทยหน้าตาจิ้มลิ้ม สู้คน แต่อ่อนหวานไปทั้งตัว ‘เขาใช้เล่ห์กลให้ได้ครอบครองร่างกายของเธอ เธอก็จะทำให้เขารักด้วยมารยาร้อยเล่ห์ของเธอบ้าง’ อินถวาจะไม่เสียเวอร์จิ้นไปฟรี เสน่ห์ทุกกระบวน มารยาทุกอย่างถูกงัดมาใช้ ทำเป็นอ่อนหวาน ใสซื่อ แต่จริงๆ วางแผนไว้ทุกทาง เพราะรู้แกวว่าไรเฟิลชอบผู้หญิงยากหน่อย ไม่ตามใจเขา นั่นน่ะเร้าใจอย่างแรง เธอยิ่งซื่อ ไรเฟิลก็ยิ่งหลง แต่ที่เขาหลงไม่ใช่เพราะเธอแสร้งทำเป็นใส ทำเป็นยาก แต่เป็นเพราะไม่เคยเจอผู้หญิงแบบนี้มาก่อน นั่นแหละเขาชอบมากเพราะชีวิตช่างมีสีสันทุกวัน
เสน่หามนตรา

เสน่หามนตรา

สายตาคมที่ยืนมองเหตุการณ์ในมุมลับตา การเสวนาระหว่างหญิงสาวที่เขาเพิ่งชนอยู่ในสายตาของเชคฮ บราฮิมตลอดหลังจากที่เขานั้นเดินออกมา เชคฮ บราฮิมดั่งถูกสาปให้นิ่งดั่งหินเมื่อเห็นใบหน้าหวานเสลา ดุจนางพญา ดวงตาคมของม่านฟ้าที่มองหน้าสบตาเขามันตราตรึงติดในดวงตาอย่างน่าจดจำ...^นางฟ้าเดินดิน^ เขาตราหน้าเธอในใจ "เราพอใจหญิงนางนั้น" เชคฮ บราฮิมเอ่ยบอก "ท่านหมายถึงใครหรือครับ" "นางฟ้าเดินดินคนนั้น" คำพูดที่ทำเอาเลขาอย่างราชิตถึงกับงวยงงเมื่อเจ้านายพร่ำบอก "คนที่ชนเราตอนเข้ามา" เชคฮ บราฮิมขยายความเมื่อเห็นแล้วว่าคนสนิทไม่เข้าใจ "เราต้องการเธอคนนั้น!" เสียงเข้มแผดดังหนักแน่นอย่างมุ่งมั่น "แต่กระผมเกรงว่า..." "อยากได้ก็คืออยากได้!...ไปสืบมาว่าเธอเป็นใคร มาจากไหน แลกด้วยอะไรเราก็ยอม"
มุกร้อยกะรัต

มุกร้อยกะรัต

‘อันดามัน ดาวประดับบ่า ล่องหน เส้นผมบังภูเขา มุก’ ปริศนาทั้งห้า ที่ณิชาต้องสืบเพื่อแก้ปม ปริศนาทั้งห้า ที่เชื่อมต่อ โยงใยไปถึงคำว่ามุกร้อยกะรัต ปริศนาแห่งความท้าทายที่มาพร้อมความตายของพี่ชาย นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ณิชาเลือกที่จะสานต่อ ทำภารกิจเปิดฉากเกมกระชากวิญญาณนี้ให้สำเร็จ เพื่อสืบหาผู้อยู่เบื้องหลัง ซึ่งความจริงที่ได้รู้ ทำให้เธอต้องเลือกระหว่างหน้าที่หรือความรัก
พิษสวาทร้าย เจ้าชายเถื่อน

พิษสวาทร้าย เจ้าชายเถื่อน

หล่อนปลอมตัวเป็นพี่สาวฝาแฝดที่ตายไปแล้วเพื่อแต่งงานกับกับเขา เจ้าชายหนุ่มรูปงามแห่งดินแดนทะเลทราย แต่เรื่องราวมันคงผ่านไปด้วยดี หากเขาจะไม่จับได้เสียก่อน และลงทัณฑ์หล่อนด้วยเพลิงสวาทร้อนแรงดั่งไฟกัลป์ ทั้งๆ ที่ตั้งใจว่าครั้งนี้จะไม่หลั่งเร็วอย่างครั้งที่แล้ว เพราะต้องการจะทำให้หญิงสาวขึ้นสวรรค์เสียก่อน แต่... แต่ดูเหมือนว่าเขากำลังจะถูกความเสียดเสียวครอบงำอีกแล้ว “โอ้ว... โอ้ว... เจ้าบีบรัดเราแน่นเหลือเกิน” เขากระตุกเกร็งไปทั้งตัว ขณะกำลังกระซวกเอ็นยาวเข้าใส่รูสวาทอย่างบ้าคลั่ง “อ๊า.... ซี๊ดดดด... องค์ชาย... อ๊า...” หล่อนร้อน... ร้อนเหลือเกิน ร้อนไปทั้งตัวโดยเฉพาะในจุดที่กำลังถูกเขาแทงไม่ยั้งอยู่ตอนนี้ เขากระซวกเข้าใส่ถี่ระรัว รุนแรงมากขึ้น มากขึ้น จนกระทั่ง... “อ๊ายยยยยย... กรี๊ดดดด...” หล่อนกระตุกเกร็งไปทั้งร่าง ความสุขมากมายลอยอยู่รอบๆ ตัว เล็บคมจิกบนแผ่นหลังของชายหนุ่มเอาไว้แน่น แน่นจนเลือดของเขาซึมไหล
หนี้ร้อนซ่อนสวาท

หนี้ร้อนซ่อนสวาท

“ก้นสวยๆ ใครเขาจะทำให้เป็นรอยฝ่ามือ จะจับแก้ผ้าแล้วลงโทษด้วย... ด้วยปากกับลิ้นเสียให้เข็ด” จันทร์เจ้าขา โอ้! ไม่สิ เธอคือ ลูกจันทร์ ต่างหาก ยัยสาวบ้านนอกแสนซื่อ แต่ยั่วเก่งชะมัด ผู้หญิงร่างบางที่ทั้งเนื้อทั้งตัวไม่มีอะไรเลยนอกจาก อกอวบอิ่ม เกินตัว ที่ทำเอาคุณผู้ชายไม่อาจหยุดจินตนาการได้เลยแม้แต่นาทีเดียว เพราะครอบครัวเป็นหนี้กว่าหนึ่งร้อยล้านหมดหนทางที่จะปลดหนี้ เรื่องน่าปวดหัวจึงตกมาอยู่ที่ จันทร์ศิตางค์ หรือจันทร์เจ้าขา สาวสวยดีกรีนักเรียนนอก ที่ต้องถูกยัดเยียดให้แต่งงานกับคนที่ไม่รู้จักและ เขาคนนั้นคือเจ้าหนี้ที่แก่คราวคุณอา อติภัทร เวเดอร์ วรสกุลเกริกเกียรติ ลูกครึ่งหุ่นล่ำหน้าปล้ำที่สุด พ่อม้ายเนื้อหอม หล่อขั้นเทพ รวยเว่อร์ เจ้าของบริษัทหลักทรัพย์เกริกเกียรติ เป็นหนุ่มในฝันของสาวๆ แต่ไม่ใช่ในฝันของจันทร์เจ้าขา เพราะเขาเป็นเจ้าหนี้ ภารกิจของจันทร์เจ้าขา จึงเริ่มขึ้น จากนักเรียนนอกจึงต้องกลายเป็นพี่เลี้ยงคนสวยในบ้านของคู่หมั้นหนุ่ม เสแสร้งแกล้งซื่อ บีบและเค้นหาความจริงเรื่องหนี้สินของครอบครัวทั้งหมด แต่แล้วเธอกลับพบอีกหนึ่งความลับที่คู่หมั้นหนุ่มปิดซ่อนมันเอาไว้มาตลอดชีวิต และความลับนั้นมันทำให้เธอถลำลึก แม้อยากจะเอาชนะเขา แต่ต้องแพ้พ่ายให้กับแรงปรารถนาจากเรือนกายและการเล้าโลมขั้นเทพ กระทั่งจมดิ่งเข้าไปในห้วงเสน่หาของคุณผู้ชายรูปหล่อโดยไม่รู้ตัว และอาจจะทำให้ความลับของเธอแตกเสียเอง “ไม่ว่าคุณจะรู้ตัวหรือเปล่า แต่เวลานี้ ไม่สิ วันทั้งวัน คุณยั่วผม” เขากอดรัดเธอเอาไว้แน่นแล้วกระซิบบอกพลางกัดกรามแน่นเพื่อข่มอารมณ์ “ว่า ว่าไงนะคะ จันทร์ไม่ได้ ไม่ได้ทำแบบนั้น” เวลานี้หัวใจดวงน้อยๆ ของเธอกำลังตื่นกลัวอย่างประหลาด “คุณทำไปแล้ว และผม... จะไม่ทนอีก” จบคำเขาจึงก้มหน้าชิดกับริมฝีปากหวาน ก่อนจะประกบจูบแนบแน่นรวดเร็ว จาบจ้วง “อืม” จันทร์ศิตางค์ตกใจจนดวงตาเบิกโพลง หัวใจเต้นระส่ำราวกับกลอง เพราะไม่นึกว่าจะต้องตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ ไม่เคยมีใครล่วงเกินแบบนี้ ทำให้เธอพยายามผลักใสเขาแต่ไม่ผลเมื่อริมฝีปากสุดช่ำชองบดขยี้ อย่างดูดดื่มรุนแรง ราวกับหิวกระหายและยิ่งได้สัมผัสกับเรือนกายแสนเย้ายวนกับริมฝีปากไร้เดียงสา ยิ่งทำให้เขาความหยุดปรารถนาเอาไว้ไม่อยู่ “คุณยั่วผมเหลือเกินนะลูกจันทร์” เขาจูบไปพลางพูดไปพลาง ก่อนจะจูบอีกครั้งและขบเบาๆ ที่ริมฝีปากบางเพื่อให้เธอยอมเผย และชั่ววินาทีด้วยความที่หายใจไม่ออก เธอเผลอเผยให้เขาได้สอดแทรกลิ้นอุ่นรุกล้ำเข้าไปควานหาความหอมหวาน ลิ้นอุ่นตวัดพันเกี่ยวกันอย่างหนักหน่วงบังคับให้เธอคล้อยตาม ขณะที่เธอยังดิ้นรนเอาตัวรอด และจากความปรารถนาที่กำลังลุกโชน เมื่อสัมผัสได้ว่าเธอไร้เดียงสาเพียงใด เขาจึงเปลี่ยนท่าทีด้วยการมอบจูบอ่อนโยน นุ่มนวล ขณะที่มือหนาเริ่มซุกซนไปตามแผ่นหลัง ลูบไล้ลงมาที่สะโพกและบั้นท้าย ก่อนจะขยำเบาๆ “อืม ยะ อย่า ปล่อยจันทร์” จันทร์ศิตางค์พยายามเบือนหน้าหนีริมฝีปากเร่าร้อน และขอร้องด้วยน้ำเสียงหอบพร่า เธอกำลังจะแย่พยายามขัดขืนความต้องการของร่างกายที่สุด แต่เพิ่งรู้ว่ากำลังจะแพ้พ่าย “ผมอยากจะชิมคุณ อยากรู้ว่าจะหอมหวานหมือนอย่างที่พูดหรือเปล่า”
ตรวนเสน่หา

ตรวนเสน่หา

ตรวนบาปที่ครอบครัวเขา มีต่อครอบครัวเธอก็ร้ายแรงจนดิ้นไม่หลุดแล้ว แต่เขายังสร้างตรวนใหม่ขึ้นมา ผูกมักให้ตัวเองหมดหนทางดิ้นให้หลุดได้ แม้เธอจะไม่ปรารถนาจะล่ามเขาไว้ยังไง แต่เขาก็ไม่อาจจะหนีไปไหนได้แล้ว ------------------------------ นายแพทย์เมธี พัฒนาธรสกุล ได้พาตัวเองและครอบครัว ถูกพันธนาการด้วยตรวนบาปกับครอบครัวศรีสมบูรณ์ จนไม่อาจจะปลดปล่อยให้หลุดพ้นได้ *** ซ้ำร้ายไปกว่านั้น นายแพทย์เขมินท์ พัฒนาธรสกุล ลูกชายคนโตของตระกูล *** กลับทำให้สถานการณ์ย่ำแย่ลงกว่าที่เป็น ด้วยการสร้างตรวนบาปใหม่ขึ้นมา *** และยิ่งเป็นตรวนแห่งเสน่หาด้วยแล้ว ใยเลยที่เขากับครอบครัวจะพาตัวเองให้เป็นอิสระได้ ปรียา ศรีสมบูรณ์ ผู้ไม่คิดจะหยิบยื่นตรวนให้ใคร แต่เมื่อได้สูญเสียแล้ว ใยเลยจะปล่อยให้ตัวเองและครอบครัวยุ่งยาก หม้ายสาวจึงไม่คิดจะปลดตรวนบาปให้ใครง่ายๆ *** สถานการณ์ของตัวเองยิ่งเป็นต่อ เมื่อ มัสยา ศรีสมบูรณ์ ลูกชายคนโตของบ้าน *** ถูกดึงเข้าไปอยู่ในเกมที่ทำให้อีกฝ่ายย่ำแย่ขึ้นกว่าเดิม นั่นเป็นโอกาสให้หม้ายสาวมีอำนาจต่อรองมากขึ้น *** แต่มัสยากลับไม่ปรารถนาจะล่ามเขาไว้ ในเมื่อเขาไม่ได้มีใจ ใยเลยที่เธอจะต้องจองจำเขาให้ตัวเองเจ็บช้ำใจไปเปล่าๆ ------------------------------
เศษเสี้ยวของห้วงหัวใจ

เศษเสี้ยวของห้วงหัวใจ

หากไม่ใช่ว่ารักมาก ยึดมั่นกับรักแรกและคำสัญญาจอมปลอมจากปากของรุจิภาส ดรัลรัตน์คงไม่เจ็บช้ำใจหนักถึงขนาดนี้ ดรัลรัตน์กลายเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ใจเด็ด หิวเงินในสายตาของใครต่อใคร ห้าปีแล้วที่เธอมีแก้วตาดวงใจอย่างเด็กชายสิปปภาสในชีวิต หญิงสาวยอมลาออกจากงาน เพื่อเลี้ยงดูเด็กชายสิปปภาสให้เติบโตเป็นเด็กดี มาวันนี้รุจิภาสขอกลับมาแก้ไขความผิดพลาดเหล่านั้น พร้อมทำทุกวิถีทางเพื่อจะได้กลับเข้ามาในชีวิตของเธออีก ดรัลรัตน์จะยอมให้เขากลับมาแก้ตัวไหม หรือจะปล่อยให้เขาเป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งในห้วงหัวใจของเธอเท่านั้นก็พอ บางช่วงบางตอนจากเนื้อหา “ห้ามออกไปไหน ตอนที่ผมยังหลับอยู่” เสียงพึมพำที่เหนือศีรษะทำเอาหัวใจของเธอเต้นแรงมากขึ้น แล้วมันเรื่องอะไรที่เธอจะต้องไปฟังเขาด้วย นอนนิ่งให้ไออุ่นจากกายของเขาห่มคลุมอยู่แบบนั้น ปิดตาไว้จนผ่านไปเป็นนาน เห็นว่าเขานิ่ง ไม่ขยับตัว และลมหายใจก็แผ่ว ๆ ราบเรียบเป็นจังหวะเสมอมากขึ้นก็ค่อยผละออกทีละนิด ออกมาทีละนิด จนแขนของเขาหลุดออกจากตัวของเธอในที่สุด ก็ค่อยพลิกตัวไปอีกด้าน มองฝ่าความมืดหาเสื้อผ้าของตัวเอง “บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าคิดไปไหนตอนที่ผมหลับ” เสียงของเขาไม่ได้ดังเลยสักนิด แต่ทำเอาขนกายของเธอลุกชันไปทั้งตัว “คุณไม่มีสิทธิ์” “ต้องให้ผมใช้สิทธิ์ของผัวอีกไหม” ดรัลรัตน์ไม่เถียง เธอเห็นเสื้อผ้าตัวเองแล้ว ก็พุ่งตัวไปหยิบมันแต่ก็ยังช้ากว่าเขา “ไปสิ อยากไปก็ออกไปแบบนั้นเลย” “ได้” ดรัลรัตน์ไม่สน เธอหันหลังทันที แล้วเดินเปลือยไปยังประตูห้อง แต่แล้วความหึงหวงที่ไม่รู้ผุดออกมาจากส่วนไหนของหัวใจ ก็กระตุ้นให้เขาตรงรี่เข้าไปคว้าแขนของเธอเอาไว้เสียก่อน “อย่าบ้าให้มากนักได้ไหม” ดรัลรัตน์เมินหน้า มือก็พยายามยื้อออกจากมือของเขา แต่ไม่หลุด “กลับไปที่เตียง” “ฉันจะกลับห้อง” “จะกลับไปนอนพักผ่อนที่เตียงดี ๆ ไหม หรือจะทำอีก” สิ้นเสียงถามของเขา เลือดหมดทั้งตัวของเธอก็พากันไหลมากองรวมกันที่ใบหน้า ดรัลรัตน์กัดปากแน่น ไม่มองหน้าเขา แล้วเดินกลับไปยังที่นอนอย่างเดิม “นอนลง ถ้ายังต้องให้พูดให้กล่อมกันอีก ผมจะทำต่อจนถึงเย็นวันมะรืนเลย”
รักร้อนเพลิงปรารถนา (ภาคต่อรักร้อนเพลิงริษยา)

รักร้อนเพลิงปรารถนา (ภาคต่อรักร้อนเพลิงริษยา)

ร่างของกัญติญาถูกโยนลงบนเตียงอย่างแรง มือที่ถูกไขว้ไว้ที่ด้านหลังแถมโดนมัดเสียแน่นหนา ทำให้เธอไม่สามารถทำอะไรได้ ส่วนแนวขาอ่อนทั้งสองข้างก็ถูกเขาทุบเบาะๆเพื่อตัดทอนกำลัง ส่งผลให้ขาทั้งสองข้างของเธอไร้เรี่ยวแรงต่อสู้ “เธอจะต้องได้รับโทษที่เธอทำไว้กับฉัน วันนี้เธอจะต้องจดจำไปชั่วชีวิตแน่นอน” กางเกงตัวสวยของเธอถูกถอดออกจากร่างกายตามด้วยอันเดอร์แวร์ โดยกัญติญาไม่ทีทางต่อสู้ได้เลย เธอไม่รู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นกับตน “เธอเตรียมตัวรอรับโทษจากฉันได้เลย” เขาพูดจบพร้อมกับลงโทษให้เธอรู้สำนึกว่าอย่าบังอาจมาทำร้ายคนอย่างเขา ถ้าเขาเจ็บเธอจะต้องเจ็บยิ่งกว่า และมันก็เป็นอย่างที่เขาตั้งใจไว้จริงๆ “อี๊ดดดดดดดดด..” เสียงกรีดร้องที่ไม่สามารถดังออกมาได้เพราะเธอถูกเสื้อที่เขากระชากติดมือมาอุดไว้ที่ปาก ความเจ็บปวดที่แสนทุกข์ทรมานที่เธอไม่เคยเจอมาก่อน น้ำตาของเธอรินไหลออกมาไม่ขาดสาย ร่างกำยำเริ่มเคลื่อนไหวหลังจากที่แทรกเข้ามาในกลีบกุหลาบของเธอ ในภาวะที่เธอยังไม่พร้อมทำให้ร่างกายของเธอเจ็บปวดอย่างที่สุด กลีบกุหลาบที่ไร้ซึ่งน้ำหวานมาชโลมให้ชุ่มฉ่ำ ร่างทั้งร่างเจ็บปวดจนไม่อาจทานทนได้ มีเพียงน้ำตาที่รินไหลออกมาบรรเทาความเจ็บปวดเท่านั้น กัญติญาร้องไห้แทบจะเป็นสายเลือดเพราะความเจ็บระบมกับสิ่งที่เกิดขึ้น บทลงโทษของเขาทำให้เธอจดจำไม่มีวันลืมจริงๆ เขายังคงเคลื่อนไหวร่างกายอย่างต่อเนื่อง แรงถาโถมที่เขาสาดใส่อย่างแรงอย่างไม่กลัวเธอเจ็บปวด เขาทำตามอารมณ์และจินตนาการที่อยู่ในใจของเขา เสียงสะอื้นและกรีดร้องผ่านเสื้อที่ปิดเรียวปากของเธอ ดังออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่เขาหาสนใจไม่ยังคงเคลื่อนไหวบนร่างของเธออย่างไม่หยุดหย่อน จนกระทั่งได้ปลดปล่อยในร่างกายของเธอ รัฐศาสตร์นอนหอบหายใจแรงอยู่ข้างกายเปลือยเปล่าของเธอ หลังจากเสพสมครั้งสุดท้ายเสร็จสิ้น เขาตะแคงหันร่างมาหาเธอที่นอนร้องไห้อยู่ มือหนาไต่ไปตามแนวลำแขนของเธอที่เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อและรอยเขียวจ้ำกระจายอยู่เต็มไปทั่ว “ฉันจะไม่ฆ่าไอ้เคนจิมัน..แต่ฉันจะไล่มันลงเรือแทน และต่อไปนี้ห้ามติดต่อกับมันอีกไม่ว่าจะทางไหนก็ตาม ถ้าฉันรู้เธอเจอหนักกว่านี้แน่ แต่ถ้าเธอคิดหนี พ่อของไอ้เคนจิมันจะต้องหัวใจวายเพราะลูกชายมันแน่นอน” รัฐศาสตร์ลุกขึ้นจากเตียงก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระร่างกาย แต่ก่อนที่เขาจะก้าวลงจากเตียงเขาปลดเสื้อที่มัดข้อมือและเรียวปากของเธอให้เป็นอิสระ และดึงผ้าห่มมาปิดร่างกายให้ กัญติญานอนร้องไห้กับการกระทำของเขา ทำไมโชคชะตาถึงเล่นตลกกับเธอแบบนี้ เคนจิโร่ทำร้ายเธอทั้งคำพูดและร่างกายเป็นบางครั้ง แต่เธอสามารถทนได้เพราะรักเขาและนึกถึงทางาดะบิดาของเคนจิโร่ที่มีบุญคุณกับเธออย่างใหญ่หลวง แต่สำหรับรัฐศาสตร์เธอเองไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องทนและทนไปเพื่ออะไร หญิงสาวนอนร้องไห้จนหลับไปด้วยความอ่อนเพลียและเจ็บปวด นอนเพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวเพื่อต่อสู้กับเขาในวันพรุ่งนี้ รัฐศาสตร์เดินออกมาจากห้องน้ำด้วยชุดลำลอง เขาเดินมาหยุดนิ่งที่ข้างเตียง ยืนมองร่างที่หลับใหลของเธอ ใบหน้านวลยังคงมีหยาดน้ำตาแห้งกรังติดอยู่ เสียงสะอื้นดังออกมาเป็นระยะ เขาบอกตัวเองไม่ได้ว่าสิ่งที่เขากระทำลงไปกับเธอเพราะเหตุใด แต่ที่แน่ๆ คือเขาหวง ไม่อยากให้เธอเข้าใกล้ผู้ชายคนไหน ยิ่งเป็นเคนจิโร่ด้วยแล้ว ความหวงของเขามากเป็นเท่าทวีคูณ รัฐศาสตร์เดินออกไปจากห้องนอนทันที เพื่อจัดการบางอย่างให้เรียบร้อย
สามีพันธกาลรัก

สามีพันธกาลรัก

ผู้มีพระคุณในวันนั้น คือสามีในวันนี้ หลังจากที่ “มิราวดี” ถูกคู่หมั้นทรยศจนหนีหัวซุกหัว ยังต้องมาเจอกับชายผู้มีพระคุณที่ไม่ว่าไปไหนก็เจอทุกที่ ต่อมาต้องตกลงแต่งงานกับเขาเพื่อความอยู่รอด กว่าจะล่วงรู้ว่า มีอายุราว “เทียด” ก็ดันตกหลุมรักจนถอนตัวไม่ขึ้น ทว่าโชคชะตาทำให้ต้องเผชิญกับความรักแสนเจ็บปวดไม่มีวันสิ้นสุด เมื่อเรื่องราวในอดีตได้ย้อนกลับคืนมา และจู่ ๆ วิญญาณปริศนาก็ปรากฏขึ้นพร้อมยื่นข้อเสนอว่า ‘ยกร่างให้หล่อน’ เพื่อชดเชยบาปที่เธอได้ทำไว้ในอดีต !
ตรวนเสน่หาคล้องใจ

ตรวนเสน่หาคล้องใจ

“พี่ถามตรงๆ นะว่า น้องไหมเป็นลูกของพี่ใช่ไหม” ช่วงเวลาสั้นๆ ไม่กี่นาที เดือนแรมไม่ได้ตั้งตัว ไม่ได้เตรียมใจในหลายเรื่อง คำถามนี้ก็เช่นกัน เธอไม่คาดฝันว่าได้เจอณนนท์ ยิ่งเขาได้เจอไหมขวัญด้วยแล้ว เป็นเรื่องที่ไกลความคิดมาก การถูกตามแบบขวานผ่าซาก เธอจึงไม่ตระเตรียมคำตอบไว้ “พี่ถาม แรมต้องตอบ” “ไม่ใช่ น้องไหมไม่ใช่ลูกของคุณ” เดือนแรมตอบกลับ พยายามปั้นสีหน้าจริงจัง ดวงตาแน่วแน่ไม่สั่นไหว ทว่าการปั้นหน้านั้นทำง่าย นัยน์ตานี่สิ ยากเหลือเกิน “คุณเอาความมั่นใจมาจากไหน ถึงคิดว่าน้องไหมเป็นลูกของคุณ อย่าลืมสิว่า เราเลิกกันหลายปีแล้วนะ ฉันอาจมีสามีใหม่ที่พร้อมใช้ชีวิตคู่กับฉันจริงๆ ก็ไม่แปลกที่ฉันจะมีน้องไหม” เดือนแรมย้ำคำว่า พร้อมใช้ชีวิตคู่กับฉันจริงๆ พูดด้วยนัยน์ตาสั่นระริก ณนนท์ไม่ได้สนใจกับคำพูดเน้นหนัก เพราะตอนนี้ใขเขามุ่งอยู่กับเรื่องไหมขวัญ “เท่าที่พี่จำได้ พี่ไม่ได้เลิกกับแรมนะ อยู่ๆ แรมก็หนีพี่ไป พี่อยากรู้เหมือนกันว่า แรมทำอย่างนั้นทำไม” ณนนท์คล้ายยิงคำถามใส่ จ้องมองนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนที่ยังคงสวยและมีเสน่ห์เช่นเดิม เพิ่มเติมคือมีความกลัว หวาดระแวงจนเขาจับสังเกตได้ “ส่วนเรื่องที่แรมบอกว่ามีผัวใหม่ ถ้ามีจริง ทำไมน้องไหมถึงบอกว่า ไม่มีพ่อจนต้องแคะกระปุกออมสินเพื่อเอาเงินไปเช่าพ่อ ไปงานวันพ่อน่ะ แรมตอบคำถามนี้ได้ไหมล่ะ” เดือนแรมทำท่าอึกอักขึ้นมาทันที คำถามณนนท์ เธอตอบได้ ทว่าเลือกไม่ตอบ เพราะไม่อยากให้เขาเข้ามาวุ่นวายในชีวิตตน เขาไม่ต้องการเธอก็เท่ากับว่าไม่ต้องการลูกด้วย “จะด้วยเหตุผลอะไรก็ช่าง ฉันไม่จำเป็นต้องตอบคุณ เรื่องระหว่างคุณกับฉันจบไปตั้งนานแล้ว จะรื้อฟื้นทำไม” เดือนแรมต้องทำใจแข็งเข้าไว้ “ส่วนเรื่องพ่อของน้องไหม เขาตายไปตั้งแต่ฉันท้องได้สี่เดือน นี่แหละคำตอบของฉัน” ณนนท์ไม่เชื่อคำตอบเดือนแรมเลยสักนิด เขาก้าวเดินไปหาร่างสาวช้าๆ เธอถอยก้าวหนีร่างหนาก้าวต่อก้าว จนแผ่นหลังชิดผนังห้อง “แรมอย่าลืมสิว่า แรมโกหกไม่เก่ง แล้วพี่ก็จับพิรุธคนโกหกเก่งมาก ที่แรมพูดมาทั้งหมดเป็นเรื่องโกหก พี่จะถามดีๆ อีกครั้ง ถ้าแรมยังโกหกพี่อีกล่ะก็ ได้เห็นดีกันแน่” “คะ...คุณจะทำอะไรฉัน อย่าเข้ามานะ” เธอห้ามเสียงหลง หัวใจเต้นแรงมาก มองเขาด้วยใจหวาดหวั่น “ตอบคำถามพี่มาก่อนสิ ตอบถูกใจจะไม่ทำอะไร แต่ถ้าไม่ โดนดีแน่” ไม่วายขู่ ยิ่งโดนขู่ ใจเดือนแรมยิ่งทำงานหนัก “น้องไหมไม่ใช่ลูกของคุณ” แม้กลัวแต่ก็ตอบออกไป “ไม่ใช่ลูกของคุณ” เดือนแรมย้ำตอบสองครั้ง หมายให้ณนนท์เข้าใจและตระหนักตามคำตอบนั้น แต่ดูเหมือนว่า ณนนท์ไม่เชื่อเธอเลยสักนิดเดียว เขาจ้องมองแววตาติดสั่น และพยายามหลบสายตา “ตรวจดีเอ็นเอ” พูดแค่นี้เดือนแรมก็รู้ความหมาย ณนนท์ไม่ลดละ แถมก้าวเดินมาหาเธออีกหนึ่งก้าว ระยะห่างตอนนี้ประมาณสองศอก ใกล้มาก ใกล้จนเธอทำตัวไม่ถูก ขยับเท้าไปทางด้านข้างหลายก้าวเพื่อหนีร่างหนา “ไม่ตรวจ” จบคำพูดประโยคนี้ ณนนท์ประชิดตัวเดือนแรม รั้งเอวสาวด้วยลำแขนใหญ่ เธอตกใจจนตัวสั่น อ้าปากค้างไม่คิดว่าเขาทำเช่นนี้ มือดันอกกว้าง “ปะ...ปล่อยนะ” “ทำไมไม่ตรวจ กลัวเหรอ” “ไม่ได้กลัว” ตอนนี้เดือนแรมยิ่งกว่ากลัวเสียอีก กลัวมากที่สุดคือ กลัวใจตัวเอง “ไม่กลัวก็ตรวจสิ จะได้รู้กันไปเลยว่า น้องไหมเป็นลูกสาวของพี่หรือเปล่า” ณนนท์ตื้อไม่หยุดเพราะมั่นใจว่า ไหมขวัญเป็นลูกตน
คุณอาขา (อัญญาณี)

คุณอาขา (อัญญาณี)

“คุณอาขา” เจ้าของเสียงหวานหยดย้อยดังกังวาน “ที่นี่ตอนดึกๆ อากาศหนาวจังเลยนะคะ ดูสิคะขนบนแขนของกุ๊กลุกพรึบเลยค่ะ” สาวน้อยวัยดรุณีถลกแขนเสื้อโค้ทขึ้นสูง แล้วยื่นลำแขนให้ชายหนุ่มข้างกายดูขนเส้นเล็กบนลำแขนที่ลุกชันตามอากาศหนาวเหน็บ ด้วยความหนาวเย็นนี้เองทำให้สาวร่างเล็กเบียดชิดผู้ปกครองวัยกำหนัดเพื่อหาไออุ่นอย่างเสียมิได้ ทั้งที่เธอสวมชุดกันหนาวแบบเต็มยศแล้วก็ตาม “ชะ...ใช่ค่ะอากาศมันเริ่มหนาวแล้ว หนาวมากๆ ด้วยค่ะ” เสียงใหญ่พูดขึ้น พยายามข่มอารมณ์บางอย่างที่แล่นพล่านในร่างกาย เธอหนาว...แต่เขากลับรู้สึกร้อน ร้อนรุ่มไปหมดทั้งตัว จนอยากจะถอดเสื้อผ้าออกจากกายแล้วใช้ความเย็นของอากาศดับไฟในร่าง ยิ่งเธอเบียดชิดร่างกายหาไออุ่น อุณหภูมิความร้อนยิ่งเพิ่มมากขึ้น ธาตุไฟในร่างแตกซ่านจะไม่ให้เขาเกิดอาการเช่นนี้ได้อย่างไร ก็เธอเล่นเบียดกระแซะกายหาไออุ่นอย่างเด็กขาดความอบอุ่น ดอกอุบลที่อยู่ภายใต้เสื้อโค้ทสัมผัสกับท่อนแขนกำยำของเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ ‘จะทนได้สักกี่น้ำวะเนี่ย’ คนปากแข็งพล่ามในใจ ปรายตามองณัฏฐลักษณ์ สาวน้อยวัยยี่สิบเอ็ดปี เด็กในปกครองตามันระยับที่โจนาธานปรารถนาจะพุ่งเข้าใส่วันละหลายๆ รอบ
สุดปรารถนา

สุดปรารถนา

“ฉันจะอ่อนโยนกับเธอให้เหมือนผีเสื้อมาบินมาเกาะเกสรดอกไม้” เขาเอ่ยชิดเรียวปากคู่สวย แล้วจูบซ้ำๆ ลงไปอีกหลายครั้ง สุดปรารถนาปรือตามองเขา อารมณ์เธอสั่นพร่า หวามไหวไปกับสัมผัสรัญจวน ที่เพียงแค่จุมพิต เธอรู้สึกเหมือนวิญญาณออกจากร่าง “เธอรู้ไหมว่า เวลาผีเสื้อบินมาดูดน้ำหวานจากเกสรดอกไม้ ผีเสื้อจะรู้สึกยังไง แล้วน้ำของเกสรดอกไม้จะหมดไปหรือเปล่า ว่าไงตอบฉันมาสิ ว่ารู้ไหม” “ไม่รู้ค่ะ” เธอตอบเสียงสั่น มองหน้าเขาในระยะห่างไม่ถึงคืบด้วยใจไหวหวั่นและขวยเขิน “แล้วอยากรู้ไหมว่า ผีเสื้อจะรู้สึกยังไงและน้ำหวานจะหมดไปหรือเปล่า” เขาถามต่อ แล้วดูเหมือนว่าอลงกตจะใจร้อนไม่เอาคำตอบ “ฉันจะทำให้เธอรู้ด้วยตัวเอง” สุดปรารถนาไม่เข้าใจคำพูดของอลงกต เธอจะรู้ได้อย่างไรในเมื่อไม่ใช่เกสรดอกไม้และไม่ใช่ผีเสื้อ ทว่าความสงสัยกลายเป็นความตกใจ เมื่อเขาลดตัวไปฝังหน้าอยู่กับความเป็นอิสตรีเพศโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว จะหนับขาก็ไม่ทัน จะดันหน้าเขาให้ถอยห่างก็ไม่ได้
ทัณฑ์รักจากจอมมาร

ทัณฑ์รักจากจอมมาร

รักต้องห้ามที่ไม่อาจเกิดขึ้นได้ แม้ไม่ได้ครองแต่จะขอภักดีตลอดกาล ฟรองซัวร์ ลูฟว์ มาร์เซย์มหาเศรษฐีหนุ่มเจ้าของเสื้อผ้าแบรนด์ ‘มาร์เซย์’ หนุ่มหล่อฟีโรโมนล้นเหลือ เป็นผู้กุมอำนาจสูงสุดของมาร์เซย์ เขามีดวงตาสีมรกต ดูลึกลับและน่าค้นหา ทายาทเพียงคนเดียวของ มาร์เซย์ผู้หยิ่งยโส โสดสนิทไร้คู่ ทำตัวเป็นเพลย์บอยควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า ทรัพย์สมบัติติดตัวมามหาศาลจนผู้หญิงไม่กลัวที่จะกลายเป็นแมลงเม่าล้อเล่นกับไฟ ได้เป็นแค่คู่นอนชั่วคราวก็หาได้แคร์ เมื่อผลตอบแทนที่รับมากมายเหลือเชื่อ ไม่ว่าจะชื่อเสียงหรือเงินตรา เมรี ประภาเกียรติกุล เด็กสาวจากดินแดนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เธอกับมารดาไปเผชิญโชคในต่างแดน ตกอยู่ใต้อุ้งมือจอมมารเพราะคำว่า ‘ตอบแทนพระคุณ’ ฟรองซัวร์มอบตำแหน่งที่ เมรีไม่อยากยอมรับเลยซักนิดให้ แต่ก็จนใจเมื่อบุญคุณค้ำคอ ‘เมียเก็บ’ คือหน้าที่ที่ชายหนุ่มยัดเหยียดให้ เมรีหลงอยู่ในวังวนเสน่หา เธอหลงอยู่กับภาพลวงตามานาน จนวันหนึ่งที่รู้ตัวว่าหลงใหลไปกับสิ่งจอมปลอม หัวใจก็แทบแหลกสลาย