Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
closeIcon

เปิดรับโบนัส

เปิด

อัญญาณี

หนังสือที่ตีพิมพ์ 12 เล่ม

หนังสือและนิยายทั้งหมดของอัญญาณี

โซ่รัก ใยพิศวาส

โซ่รัก ใยพิศวาส

มหาเศรษฐี
5.0
“ฉันท้อง” เพชรหอมกลั้นใจบอกชายตรงหน้า ชายหนุ่มที่หล่อนรักสุดหัวใจ ยอมมอบกายมอบใจให้ทั้งที่ยังไม่แต่งงาน คนได้ยินเลิกคิ้วสูง สีหน้าแปลกใจเล็กน้อย ก่อนเหยียดยิ้ม “แน่ใจเหรอว่าเป็นลูกฉัน” ราซิเอลโล่ตวัดผ้าห่มออกจากตัว ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะคว้าชุดคลุมที่พาดอยู่ปลายเตียงมาสวมทับเรือนกายเปล่าเปลือย “ฉันจำได้ว่า ฉันป้องกันทุกครั้งไม่มีพลาดแน่นอน” เจ็บ! “ไม่ใช่ว่าฉันจะไม่คิดรับผิดชอบเธอนะ แต่ฉันมั่นใจว่า ฉันป้องกันตัวเองดีมาก ดูอย่างเมื่อคืนสิ ฉันเมาฉันยังใส่ถุงยางเลย ลูกในท้องเธอ ไม่ใช่ลูกฉัน...ฉันมั่นใจ” เพราะความมั่นใจของเขา ทำให้หล่อนแบกความเสียใจ ความทุกข์และลูกในท้องกลับเมืองไทย โดยที่ราซิเอลโล่ไม่รู้สักนิดว่า ความแน่นอนคือสิ่งไม่แน่นอน
พันธะเสน่หามาเฟีย

พันธะเสน่หามาเฟีย

มหาเศรษฐี
5.0
เพราะเตกิล่าสองแก้วในคืนนั้น ทำให้ชีวิตเรียบง่ายของดวงดาราเปลี่ยนไป หล่อนมีลูกแฝด โดยไม่รู้ว่า ใครคือพ่อของลูก “ก็ฉันอยากกอดเธอด้วยถามไปด้วยนี่” เขาไม่ปล่อย “แล้วก็อยากจูบเธอด้วย” ดวงดาราตกใจ อ้าปากค้าง ดวงตาขยายกว้าง ไม่คิดว่าเขาจะเอ่ยประโยคนี้ออกมา หล่อนถึงกับทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ยืนนิ่งให้เขากอด “ไม่...” เป็นเพียงคำเดียวที่ดวงดาราเอ่ยออกมา เนื่องจากเสียงทุกเสียงถูกปิดลงด้วยริมฝีปากบางสีชมพูของเขา อารามตกใจปากจิ้มลิ้มที่ยังคงอ้าค้าง เปิดโอกาสให้เอเดนสอดลิ้นเข้าไปพันรัดลิ้นนุ่มที่อยู่ในอาการตระหนก เอเดนสำรวจช่องปากหอมหวาน พิสูจน์ด้วยตัวเองว่า ทั้งกลิ่นและรสชาติภายในโพรงปากหวานจะใช้คนเดียวกับสาวปริศนาคนนั้นหรือไม่ เหมือนกันเลย...ปากหอมหวาน กลิ่นน้ำหอมก็เย้ายวนชวนลุ่มหลง นั่นคือคำตอบที่เอเดนได้รับ เขาบดจูบ แรกลัดลิ้นเล็กที่ดูแล้วไม่เป็นประสา ราวกับไม่เคยถูกจูบมาก่อน เนื้อตัวก็สั่นหนัก หัวใจดวงดาราไม่ต้องพูดถึง เต้นโครมครามหาจังหวะไม่ได้ ตื่นเต้นไปหมดจนมือชื้นเหงื่อ สมองของหล่อนว่างเปล่าเสมือนถูกถึงออกจากหัว ไร้ความคิดความอ่านใดๆ ทั้งสิ้น แล้วอยู่ๆ ความดำมืดก็เข้ามาแทนที่ “เฮ้ย!” เอเดนตกใจ เมื่อร่างแน่งน้อยอ่อนแรง ขาทั้งสองข้างอ่อนเปลี้ย ใบหน้าแหงนหงาย ดวงดาราเป็นลม...
เมียไม่ปรารถนา

เมียไม่ปรารถนา

มหาเศรษฐี
4.9
คุณานนท์เมา... ใช่ เขาต้องการให้แอลกอฮอล์ดับความทุกข์ ความผิดหวัง ความเสียใจ และอาการเจ็บใจ แค้นฝังรากลึกให้หลุดออกไปใจบ้าง วันนี้เขากับครอบครัวเสียหน้าหนักมาก ต้องตกเป็นขี้ปากชาวบ้านที่ต้องนำเรื่องนี้ไปพูดคุยกันสนุกปาก คงไม่มีใครคิดว่า คนอย่างคุณานนท์จะถูกทิ้งกลางอากาศ ถูกทิ้งในวันสำคัญของชีวิตด้วย ไม่แค้นก็แปลก แล้วความแค้นทั้งหมดก็กำลังไปลงที่เจ้าสาวที่ไม่ปรารถนา “หลับสบายเลยนะ” เขาพูดเสียงต่ำ มองดวงหน้าหวานที่นอนหลับพริ้มบนเตียง “ตื่น!” คุณานนท์ตะโกนเสียงดัง เขาไม่เพียงแค่ส่งเสียงเรียกเธอ มือใหญ่คว้าผ้าห่มแล้วเหวี่ยงมันไปกองบนพื้น และนั่นทำให้เขาเห็นเรือนร่างสาวมีเพียงผ้าขนหนูผืนเดียวพันกาย เสียงอันแผดดัง ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศที่กระทบผิวกาย ส่งผลให้ลัลณ์ลนินตื่น เธอเอี้ยวตัวมาทางด้านหลังแล้วต้องสะดุ้งตัวลุกขึ้นนั่งเมื่อเห็นร่างสามียืนไม่มั่นคงนักริมเตียง “พี่กล้า” “แหม แต่งตัวรอให้ฉันมาเอาเธอเลยเหรอ รู้หน้าที่ดีนี่” น้ำเสียงติดอ้อแอ้ ทำให้เธอรู้ว่า เขากำลังเมา “ไม่ใช่ค่ะ ไม่ชะ...ว้าย!” ลัลณ์ลนินยังไม่ทันพูดจบประโยค คุณานนท์ก็โถมร่างดันร่างเล็กให้นอนลงบนที่นอน โดยมีร่างเขาทาบทับ “พี่กล้าลุกคะ ลุก” “ไม่ลุก” คุณานนท์ตอบเสียงดังฟังชัด “เธอลืมแล้วเหรอว่าเราแต่งงานกันแล้ว ไม่ใช่เรื่องแปลกนี่ที่เราจะมีอะไรกัน จริงไหม” ใช่ เขาพูดถูก ไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าการแต่งงานมาจากความรักและความเต็มใจของทั้งสองฝ่าย แต่นี่ไม่ใช่ งานวิวาห์ที่ทั้งเขาและเธอไม่ปรารถนาให้เกิดขึ้น เรื่องแบบนี้ก็ไม่น่าเกิดขึ้นเช่นกัน ยิ่งตอนนี้ด้วยแล้ว กลิ่นแอลกอฮอล์ที่ฟุ้งตามร่างหนา เป็นอีกสัญญาณหนึ่งให้รู้ถึงความไม่ปลอดภัย “ไม่ค่ะ ไม่” ลัลณ์ลนินพูดด้วยความกลัว เธอกำลังกลัวคุณานนท์ ลางสังหรณ์บอกเธอว่า ตนเองกำลังไม่ปลอดภัย เธอดิ้นรนไปมา ดิ้นทั้งที่รู้ว่า หนีไม่พ้น
ดั่งมนต์ต้องใจ

ดั่งมนต์ต้องใจ

มหาเศรษฐี
5.0
ยามเกลียด...เกลียดเข้าไส้ ถึงเวลารักเมื่อใด...คำว่าหมดทั้งใจยังน้อยไป ......... “โอ๊ย!” เสียงร้องเจ็บดังขึ้น ปรียาพรถูกเหวี่ยงไปบนพื้นห้อง “เธอกล้ามากนะที่สวมเขาให้ฉัน ฉันอยากรู้เหลือเกินว่าเธอต้องการเงินอะไรหนักหนาถึงกลับไปรับงาน เงินที่เธอสูบไปจากแม่กับยายของฉันไม่พอหรือไง หรือว่าทนความร่านของตัวเองไม่ไหว ผู้หญิงอย่างเธอหิวเงินไม่พอ ยังหิวผู้ชายอีก ทุเรศที่สุด ฉันไม่น่าแต่งงานอีตัวอย่างเธอเลย” “เพี้ยะ” ความอดทนของมนุษย์มีขีดจำกัด ปรียาพรเป็นปุถุชนธรรมดาระงับความโกรธไม่ได้ ยิ่งเขามาดูถูกซ้ำๆ อย่างนี้ เธอจะไม่ทนอีกต่อไป ฟาดฝ่ามือลงบนแก้มยุรนันท์ แม้กลัวเขา แต่เธอก็ทำ “อย่ามาดูถูกกันให้มากนะ ถ้าฉันไม่ดี ฉันมันร่าน หิวผู้ชาย ไม่คู่ควรกับคุณ งั้นเราเลิกกัน พรุ่งนี้ไปหย่ากันที่อำเภอ แล้วต่างคนต่างไป จะได้ไม่ต้องทนอึดอัดกันอีก” ปรียาพรคิดว่าทางดีที่สุด ทว่ายุรนันท์ไม่คิดเช่นนั้น เขาคิดว่าเธอมีเป้าหมายใหม่ ถึงได้พูดขอหย่า กำแพงแห่งความโกรธที่ว่าสูงแล้ว ตอนนี้สูงมากขึ้นหลายเท่า ใบหน้าเขาแดงก่ำ ดวงตาลุกโชนด้วยแรงแห่งโทสะ มองปรียาพรอย่างดุดัน ก้าวเดินมาหาภรรยาด้วยท่าทางคุกคาม “เธอกับครอบครัวตั้งใจเข้ามากอบโกยเงินทองจากฉัน จัดฉากเรื่องคืนนั้น ทั้งที่เธอก็รู้เต็มอกว่าเราไม่มีอะไรกัน แต่เธอก็ไม่พูดแย้ง พ่อกับแม่เธอก็เอาแต่พูดว่าฉันต้องรับผิดชอบ ทั้งที่รู้เต็มอกว่า ผู้หญิงเน่าๆ อย่างเธอไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบ นอนด้วยครั้งสองครั้งคงไม่สึกหรอเพราะผ่านงานมาโชกโชน ซึ่งเธอก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไร แล้วจะมาพูดว่าฉันดูถูกเธอได้ยังไงห๊า” ยุรนันท์ตะเบ็งเสียงจนเธอตกใจ “ถ้าฉันไม่ดี เราก็เลิกกัน หย่ากันไปเลย” ปรียาพรคิดหาหนทางไม่ออกนอกจากวิธีนี้ เขาจะได้ไม่ต้องทนอยู่กับภรรยาที่คิดว่าเป็นอดีตโสเภณี เธอเองก็จะได้ไม่ต้องเจ็บปวดซ้ำซาก “หย่าเหรอ” เขาทวนคำเสียงเย็น “ฉันหย่าแน่ เรื่องอื่นฉันพอยอมรับได้ แต่เรื่องสวมเขานี่ไม่ไหว แต่ก่อนหย่าฉันอยากลองสักครั้ง อยากรู้ว่าทำไมมีแต่ผู้ชายอยากดมดอกไม้เน่าๆ กันนัก แค่ฉันเดินผ่านก็จะอ้วกแล้ว ดอกไม้ไร้กลิ่นหอมอย่างเธอคงไม่ทำให้ฉันมีความสุขหรอก แต่ฉันก็อยากลอง” ยุรนันท์จ้องมองปรียาพรไม่วางตา นัยน์ตาเขามีพลังแห่งความโกรธมิเปลี่ยนแปลง ปรียาพรตกใจ หัวใจเธอเต้นแรงมาก คำพูดเขาไม่ต้องแปลความหมาย ยิ่งทำให้ความหวาดกลัวอาบทั่วจิตใจ อยากอธิบายให้ยุรนันท์เข้าใจ แต่ด้วยอารมณ์เขาตอนนี้พูดมากแค่ไหนก็คงไม่ฟัง ไม่เข้าไปในหู ทางเดียวคือต้องเอาตัวรอดออกจากห้องนี้ ทว่าความคิดเธอช้าไป... .... เป็นภาคต่อ ดั่งทรายต้องลมค่ะ
ดั่งทรายต้องลม

ดั่งทรายต้องลม

มหาเศรษฐี
5.0
ของบางอย่างมักเห็นค่า ในเวลาที่เสียมันไป .... “เปิ้ลจะมาอยู่บ้านหลังนี้ในฐานะเมียพี่อีกคนนะ” ความเจ็บช้ำที่พราวฟ้าได้รับน้อยไปใช่ไหม ปรินทร์ถึงได้โยนความรู้สึกนั้นเข้าจิตใจเธอมากขึ้น มันมากมายเสียจนพราวฟ้าคิดว่า ชาตินี้ทั้งชาติไม่รู้ว่าจะสลัดหลุดความร้าวรานใจได้หรือไม่ น้ำตาที่เพิ่งแห้งเหือดไปพักหนึ่ง ตอนนี้กำลังทำงานอีกครั้ง ไหลรินเป็นทาง ปรินทร์พูดออกไปแล้วก็นึกอยากตบปากตัวเอง เขาไม่ควรเอ่ยประโยคนี้เป็นประโยคแรก ควรเป็นคำพูดที่ทำให้ความเสียใจปัดออกไปจากหัวใจพราวฟ้ามากกว่า เขาไม่รู้สาเหตุว่า ทำไมปากเขาหนัก ขาตัวเองแข็งเช่นนี้ ได้แต่ยืนมองพราวฟ้าที่ร้องไห้อย่างน่าสงสาร “ถ้างั้นทรายจะไปจากที่นี่ค่ะ” ไม่มีผู้หญิงคนไหนทนได้ ทนเห็นผู้หญิงอีกคนเข้ามาอยู่ในฐานะเมียน้อย แค่นี้เธอก็เจ็บปวดมากพอแล้ว “ทรายอยู่ที่นี่ไม่ได้ค่ะ ไม่ได้แม้วินาทีเดียว” ปรินทร์ตกใจไม่คิดว่าพราวฟ้าจะตัดสินใจเช่นนี้ หัวใจเขาหล่นตุ๊บ ใจหายกับประโยคที่ได้ยิน “มันยากนักหรือไงที่จะอยู่ด้วยกัน พี่ก็ไม่เห็นว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโตอะไร ต่างคนต่างอยู่ก็หมดเรื่อง เปิ้ลเป็นผู้ดีพอ ไม่มารังควานทรายหรอก” ปากหนอปาก พูดไปโดยไม่ทันคิดอีกแล้ว และไม่เคยคิดไตร่ตรองว่า วาจาที่เอ่ยออกไปสร้างแรงสะเทือนเกิดขึ้นในใจพราวฟ้าหนักมาก “สำหรับคุณอาจไม่คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่ แต่สำหรับฉัน มันคือเรื่องใหญ่ที่สุดในชีวิตคู่ ไม่มีผู้หญิงคนไหนทนได้หรอกค่ะ คุณลองคิดกลับกัน ถ้าฉันพาผู้ชายมาอยู่ที่นี่อีกคนในฐานะผัวน้อย คุณจะรู้สึกยังไง ที่ฉันนอนกับคุณวันนึง นอนกับผัวน้อยวันนึง คุณคงมีความสุขมากสินะ” พราวฟ้าเถียงกลับ ปรินทร์นิ่งอึ้ง ตกใจ มองคนพูดนิ่ง พราวฟ้าเป็นคนไม่มีปากมีเสียง แทบจะไม่เถียงใครเลยทั้งสิ้น นับตั้งแต่อยู่กินกันมาวันนี้เป็นวันแรกที่เธอกล้าต่อปากต่อคำ และไม่หมดเพียงแค่นี้ “คุณเปิ้ลเป็นผู้ดีหรือคะ ผู้ดียังไงถึงได้ยอมเป็นเมียน้อยคนอื่น ผู้ดีจริงๆ เขาจะหยิ่งทระนงในศักดิ์ศรีของตัวเอง ไม่ทำตัวต่ำ ไม่ทำให้ตัวเองโดนติฉินนินทา จะคิดทำอะไรต้องใช้สติคิด นี่ต่างหากค่ะที่เรียกว่าผู้ดี ฉันคงอยู่ที่นี่ไม่ได้หรอกค่ะ เพราะฉันเป็นคนชั้นต่ำ ไม่เหมาะกับดงผู้ดี เชิญคุณอยู่กับคุณเปิ้ล ผู้หญิงที่คุณเลือก ส่วนฉันก็จะไปตามทางของฉัน” ปรินทร์อึ้งอีกรอบ เขามองเธอนิ่งงัน ไม่เพียงแค่พราวฟ้าตอบโต้กลับด้วยคำพูดเชือดเฉือน สรรพนามที่เรียกระหว่างกันก็เปลี่ยนไป มองพราวฟ้าที่เดินไปนั่งร้องไห้ริมเตียง “ก็ลองทำตามที่พูดสิ ฉันจะฆ่าเธอกับชู้ให้ตายคาที่เลย” ปรินทร์เสียงเข้มห้วน ความไม่พอใจคุกรุ่นในแววตา แค่จินตนาการว่าเธอมีความสัมพันธ์กับชายอื่น เขาก็แทบบ้า ความหึงหวงพล่านในอก “แค่ฉันพูดคุณยังโกรธ แต่คุณทำจริง คุณมีอะไรกับคุณเปิ้ลไม่พอ ยังพาเธอมาอยู่ที่นี่ แล้วคุณคิดเหรอว่าฉันจะทนได้ แล้วฉันก็ไม่ทนด้วย” พราวฟ้าพูดไปร้องไห้ไป “โธ่โว้ย! มันจะอะไรกันหนักหนา ทำไมเธอทนอยู่ที่นี่ไม่ได้ มันจะตายหรือไง” ปรินทร์หัวเสีย เมื่อเมียพูดไม่รู้เรื่อง ทำแข็งข้อใส่อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน “ฉันให้เธออยู่ที่นี่ก็บุญเท่าไหร่แล้ว อย่าเรื่องมากไปหน่อยเลย...รำคาญ” ปรินทร์กระแทกเสียงใส่ มองหน้าพราวฟ้าด้วยความไม่พอใจ เขาไม่คิดสักนิดเลยว่า เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความผิดของพราวฟ้า ความผิดอยู่ที่เขาเต็มๆ “ฮือ...ฮือ” พราวฟ้าร้องไห้หนักขึ้น ไม่กลั้นน้ำเสียง เธอปล่อยโฮออกมาราวกับว่า ไม่อาจกลั้นความเจ็บช้ำน้ำใจที่โถมใส่ได้อีก ปรินทร์ไม่เพียงแค่ทำร้ายจิตใจพราวฟ้า เขาไม่ถนอมน้ำใจเธอเลยสักนิด พร้อมเหยียบย่ำความรู้สึกให้จมพื้นดิน ขยี้หัวใจสาวจนแหลกลานคาเท้า “แล้วก็เลิกร้องไห้ซะที น้ำตาไม่ได้ช่วยอะไรเธอหรอกนะ เห็นแล้วหงุดหงิด น่าเบื่อชะมัด” ปรินทร์หัวเสียหนักมากขึ้น เขาเดินออกไปจากห้องทันทีที่พูดจบ ราวกับว่าไม่อยากคุยกับพราวฟ้าต่อ เพราะเกรงว่าจะยิ่งพูดกันไม่รู้เรื่อง ค่อยกลับมาพูดใหม่หลังจากที่ต่างฝ่ายต่างอารมณ์เย็นลง พราวฟ้าไม่มีคำใดเอื้อนเอ่ย นอกจากน้ำตาที่รินไหลไม่หยุด คำสัญญาคำพูดของเขาที่ว่า ไม่คิดอะไรกับทิวาทิพย์มากไปกว่าเพื่อนก็ไม่ใช่ความจริง เขาเพียงแค่หลอกล่อให้เธอตายใจและเชื่อใจ ก่อนตลบหลังอย่างเจ็บปวดที่สุด ปรินทร์หมดรักเธอแล้ว หากยังมีความรักหลงเหลือ ปรินทร์จะไม่ทำเช่นนี้ มือเรียวสวยวางลงบนท้อง เธอลูบท้องเบาๆ ก้มหน้าลงบอกกล่าวกับอีกหนึ่งชีวิตในครรภ์ “พ่อไม่ต้องการแม่แล้ว เราไปอยู่กันสองคนนะลูก” เป็นการตัดสินใจอันแน่วแน่ของพราวฟ้า เมื่อเขาไม่เห็นค่า ไม่เห็นแก่ความรัก จะอยู่ให้ทุกข์ทรมานใจทำไม หากเธอไม่ดึงตัวเองออกจากความเจ็บปวด เธอก็ต้องจมอยู่กับความเสียใจไปตลอดชีวิต
เมียลับนายหัว

เมียลับนายหัว

มหาเศรษฐี
5.0
................ วินาทีที่ได้เห็นรอยยิ้มของลูกสาว หัวใจเขาเต้นแรงมาก ความรู้สึกหม่นเศร้า เคว้งคว้างท่ามกลางความหนาวเหน็บถูกปัดออกมาจากจิตใจจนสิ้นเมื่อได้พบหน้ากัญญาพัชรด้วยตาตัวเอง หนูน้อยวัยสี่ขวบเดินมาหาชายร่างสูงใหญ่ด้วยความรู้สึกที่บอกในใจว่า ต้องเดินไปหา “สวัสดีค่ะ มาหาใครคะ” เสียงหวานใสเหลือเกิน... สิงหนาทพูดอยู่ในใจเมื่อได้ยินเสียงแรกของลูกสาว เขาก้มมองดูเด็กหญิงหน้าตาราวกับตุ๊กตา ผิวขาวอมชมพู รูปร่างอวบน่าฟัดน่ากอด สวมใส่ชุดคอจีนสีขาวฟ้า ใบหน้าหนูน้อยชวนมองยิ่งนัก ตาโต แก้มป่อง ริมฝีปากแดงอมชมพู เขาย่อตัวลงให้ความสูงอยู่ระดับเดียวกับกัญญาพัชร “ขอกอดหน่อยได้ไหมครับ” สิงหนาทพูดกับลูกเสียงหวานมาก กัญญาภรณ์กับชุติมาสั่งสอนเสมอว่า อย่าเข้าใกล้คนแปลกหน้า ใครที่น้องขนมไม่รู้จักชวนไปไหนอย่าไป ให้กินอะไรก็อย่ากิน ซึ่งหนูน้อยเชื่อฟังมาตลอด ทว่าครั้งนี้กัญญาพัขรกลับละเมิดคำสั่งสอนมารดา “ได้ค่ะ” กัญญาพัชรกางมือออกไปทางด้านข้าง ยิ้มเต็มใบหน้า ราวกับว่าต้องการอ้อมกอดจากเขาเช่นกัน สิงหนาทไม่รอช้ารั้งร่างอวบของลูกสาวไว้ในอ้อมแขน กระชับแน่นประหนึ่งกลัวว่าร่างนี้จะสลายแล้วรู้ตัวว่า เขาอยู่ในความฝัน ไม่ใช่ฝัน...มันคือเรื่องจริง เนื้อนุ่มนิ่มที่เขากอด หัวใจของหนูน้อยที่แนบกับอก สิงหนาทรับรู้ได้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจ ความอุ่นจากเรือนกายตอกย้ำว่า เขาได้พบลูกแล้ว น้ำตาเขาปริ่มขอบตาก่อนปล่อยมันลงมาเคลียแก้มอย่างไม่คิดจะกลั้น เป็นน้ำตาแห่งความดีใจ เป็นความดีใจที่รอคอยมานานสี่ปี คนเป็นพ่อค่อยๆ ดันร่างลูกสาว ลูบหัวหนูน้อยเบามือ “คุณลุนร้อนไห้ทำไมคะ โอ๋ๆ ไม่ร้อนนะคะ” สิงหนาทยิ้มกับคำพูดของลูกสาว แล้วยิ้มกว้างมากขึ้นเมื่อกัญญาพัชรกอดปลอด “ไม่ต้องร้อนนะคะ โอ๋ๆ” “ลุงไม่ร้องแล้วครับ ลุงไม่ร้องแล้ว ขอบใจน้องขนมนะครับที่ปลอบลุง” สิงหนาทปาดน้ำตาทิ้ง ยิ้มให้บุตรสาวสุดน่ารัก “แม่อยู่ไหมครับ แม่แพรน่ะครับ” “แม่ไม่อยู่ค่ะ” “แม่ไปไหนครับ” “แม่ไปหาผัวใหม่” เด็กวัยสี่ขวบตอบเสียงใส ยิ้มแป้น แต่คนได้รับคำตอบกลับยิ้มไม่ออก “ไปไหนนะครับ” สิงหนาทถามซ้ำ “แม่ไปหาผัวใหม่ น้ายูบอกว่าผัวเก่าแม่เฮงซวยค่ะ” น้องขนมตอบตามที่ชุติมาบอก ไม่รู้ความหมายในคำพูดที่เอ่ยออกไป โดยไม่รู้ว่า คำตอบของตนนั้นกำลังทำให้เสือร้ายโมโห “หนอย...ห่างผัวไม่กี่ปี ริอยากมีผัวใหม่ ฝันไปเถอะ” โรมานซ์
พิษรักนางบำเรอ

พิษรักนางบำเรอ

มหาเศรษฐี
5.0
เธอมันก็แค่พี่เลี้ยงของลูก คนรับใช้ในบ้าน และนางบำเรอส่วนตัวของเขาไม่ว่าทำดีแค่ไหน สิ่งที่ตอบแทนคือความเย็นชา หมางเมินเขาจะเห็นค่าของเธอก็แค่ตอนอยู่บนเตียง แต่พอเมียเก่าเขาหวนมาเขาและลูกก็พร้อมที่จะเฉดหัวเธอออกจากบ้าน .... “แล้วเธออยากแต่งงานเหมือนเพื่อนเธอไหมล่ะ” เป็นคำถามแทงใจดำไอรีณเหลือเกิน คนถูกถามนิ่งงัน หัวใจเจ็บระบมขึ้นมาทันใด “ว่าไง อยากแต่งหรือเปล่า” เลอันโดรดันกายสาวให้ห่างตัวเล็กน้อย จับดวงหน้าหวานแต่ดูเศร้าให้หันมาเผชิญหน้ากับตน ไอรีณหลุบสายตาต่ำ ไม่กล้าปริปากตอบคำถามเขา ทั้งที่เธอมีคำตอบอยู่แล้วในใจ คงไม่มีสตรีคนใดในโลกที่ไม่อยากเข้าพิธีวิวาห์กับชายที่ตนรัก เธอเองก็ปรารถนาเช่นกัน แต่ชาตินี้คงไม่มีวันนั้น เพราะรู้แก่ใจดีว่าคนที่เธอรักไม่มีวันแต่งงานกับเธอแน่ “ฉันถามทำไมไม่ตอบ” “อยากแต่งค่ะ” ไอรีณตอบเสียงเบา ไม่สบตาเขา “แต่งกับใคร ฉันถามไม่ได้ยินหรือไง” เขาเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ ปลายจมูกโด่งคลอเคลียผิวแก้มสาว ก่อนจะกดจมูกสูดดมความหอมเข้าไปเต็มปอด ลากปากไปเรื่อยจนถึงกลีบปากสีชมพูอ่อน “ตอบฉันมาสิ...ถ้าไม่ตอบจะจูบให้ขาดใจเลยนะ” เป็นคำขู่ชวนวาบหวามเหลือเกิน ไอรีณตัวสั่นในอ้อมกอดอบอุ่น สมองเธอเริ่มปั่นป่วน หัวใจเต้นแรงทุกครั้งที่อยู่ในวงแขนนี้ นิ่งถูกเขาเล้าโลมเพียงแผ่วเบา หัวใจและอารมณ์ก็เตลิดไปไกล “แต่งกับ…” เธอหยุดพูด ไม่กล้าเปล่งเสียงตอบ “กับใคร” เลอันโดรไม่หยุดอยากรู้ “ตอบมาเร็วสิ” “กับคุณค่ะ” ไอรีณตอบไปที่สุด หน้าเธอเห่อร้อน ความอายเกลื่อนดวงหน้า อยากจะเขกหัวตัวเองที่กล้าหาญตอบคำถามออกไป เพราะสิ่งที่เธออาจได้รับกลับมาคือ เสียงหัวเราะเย้ยหยันตามด้วยคำพูดเหน็บแนม
ทะเลเถื่อน

ทะเลเถื่อน

มหาเศรษฐี
5.0
เขาใจดีกับคนทั้งโลก ยกเว้นเธอ... “ถ้าเจ็บก็ทนเอาหน่อยล่ะกัน เธอท้องเมื่อไหร่ ฉันจะไม่แตะต้องเธอเลย...ตัวเสนียดจัญไร” .... หลังจากการลงทัณฑ์จบสิ้น ร่างสาวเปลือยเปล่าคุดคู้ มือข้างซ้ายจับตรงของสงวน มือข้างขวาจับช่วงท้อง ทั้งจุกและเจ็บร้าว น้ำตารินไหลเป็นทาง เขาไม่ปรานีเธอสักนิดเดียว ทำรุนแรงทุกท่วงท่า กระแทกกระทั้นแต่ละครั้งดุเดือด ทำราวกับว่าเธอเป็นตุ๊กตายาง ไม่มีความรู้สึกใดใด เขากระทำด้วยความโกรธ แค้นและชิงชัง “จะร้องไห้หาสวรรค์วิมานอะไร เธอเจ็บแค่นี้ไม่ตายหรอก เจ็บน้อยกว่าที่ฉันเจ็บด้วยซ้ำ แล้วอย่าทำเป็นสำออย จำใส่หัวไว้ว่า เธอไม่ใช่นางเอกเจ้าน้ำตา เธอคือแม่มดใจหยาบช้า” นัยน์ตาณคุณโหดด้วยไฟแค้นลุกท่วม ยากดับได้ “จำเอาไว้อย่างหนึ่งว่า นี่แค่เริ่มต้น เธอจะเจ็บแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าท้อง คลอดเมื่อไหร่ เธอไสหัวออกไปจากที่นี่เมื่อนั้น”
สามีไร้รัก

สามีไร้รัก

มหาเศรษฐี
5.0
การแต่งงานที่ไร้ซึ่งความรักจากคนที่ขึ้นชื่อว่าสามีนำความปวดร้าวทั้งกายและใจให้เธอไม่น้อยพรนับพันหวังว่า พรที่เธอขอจะสัมฤทธิ์ผลในสักวันหนึ่งวันที่สามีไร้รัก จะรักเธอสุดหัวใจ.. ........ เธอชื่อพรนับพัน ที่แปลว่า มากด้วยพร แต่เธอปรารถนาเพียงแค่พรเดียวคือ ขอให้ได้ความรักจากใครสักคน...แค่คนเดียวก็พอ ...................... การแต่งงานที่ไร้ซึ่งความรักจากคนที่ขึ้นชื่อว่าสามี นำความปวดร้าวทั้งกายและใจให้เธอไม่น้อย พรนับพันหวังว่า พรที่เธอขอจะสัมฤทธิ์ผลในสักวันหนึ่ง วันที่สามีไร้รัก จะรักเธอสุดหัวใจ.. “ว้าย! พี่พี” ความตกใจที่ชุดนอนขาด และความเจ็บจาการถูกมือใหญ่ตะปบทรวงอกสาวแล้วขยำอย่างแรง ความเจ็บทำให้เธอนิ่วหน้า “ใช่ ฉันเอง ผู้ชายที่เธออยากได้เป็นผัวจนตัวสั่น อยากได้เพราะให้ตัวเองสบาย” พีรภัทรเค้นเสียงพูด มองเธอด้วยความเกลียดชังอย่างล้นเหลือ “ไม่ค่ะ ไม่ใช่อย่างนั้น” พรนับพันปฏิเสธเสียงสั่น ความกลัวเข้าแทรกในจิตใจ การกลับมานอนบ้านของเขาครั้งนี้ คงไม่ได้กลับมาเฉยๆ แน่ แล้วยิ่งท่าทางที่บอกถึงความโกรธสุมใจ ยิ่งทำให้พรนับพันหวาดหวั่น เนื้อตัวสั่นราวกับนกเปียกน้ำฝน “มันไม่ใช่อย่างที่พี่พีคิดนะคะ” “เธอนี่แสดงละครเก่งจริงๆ ทำหน้าตาใสซื่อ ทำอย่างกับว่าตัวเองเป็นนางฟ้า แต่แท้จริงแล้วเธอน่ะยิ่งกว่าขี้โคลนซะอีก เน่าเหม็นไปทั้งตัวจนฉันไม่อยากแตะต้อง” เขานำตัวมาคร่อมร่างสาว คำรามเสียงใส่อย่างน่ากลัว “ฉันก็เลยต้องดื่มเหล้าย้อมใจ ไม่งั้นคงกระเดือกเธอไม่ลง” “พี่พีจะทำอะไรหมิว อย่าทำหมิวแบบนี้เลย หมิวกลัว” ลูกนกร้องไห้ เธอรู้ดีว่า เรื่องอย่างว่าระหว่างสามีภรรยาเป็นเรื่องปกติ ทว่าสิ่งที่พรนับพันกำลังเผชิญตอนนี้มันไม่ใช่เรื่องปกติ เขากำลังกระทำต่อเธอด้วยความโกรธแค้น ที่หญิงสาวไม่รู้ว่า เหตุใดอารมณ์เขาจึงเป็นเช่นนี้ เธอทำอะไรให้เขาโกรธหนักหนา “อย่าทำเป็นไม่เคยไปหน่อยเลย ทั้งที่ถูกขย่มมานับครั้งไม่ถ้วน” ค่ำนี้พีรภัทรได้เจอกับพลอยพรรณขณะกำลังนั่งดื่มกับเพื่อนอีกสองคนในผับมารูแอล เขาได้รู้ความจริงอีกหนึ่งเรื่องของพรนับพัน เป็นเรื่องที่ทำให้อารมณ์ของเขาเกิดหงุดหงิดขึ้นมาทันใด
นางบำเรออุ้มรัก

นางบำเรออุ้มรัก

มหาเศรษฐี
5.0
ณัฐรวีเป็นได้เพียงนางบำเรอไร้ราคา เปรียบดังผืนหญ้าให้เมฆาย่ำยียิ่งกว่าทาสในเรือนเบี้ย ทุกการกระทำของเขาอัดแน่นไปด้วยความแค้นที่แฝงความรักไม่รู้ตัว ในวันที่หล่อนจากไป หล่อนไปแต่ตัวและลูกน้อยในครรภ์ ............ แควก...แควก “กรี๊ด! อย่าค่ะ อย่าทำรวีแบบนี้...ฮือ” เสียงเสื้อผ้าฉีกขาดดังขึ้น ตามด้วยเสียงกรีดร้อง อ้อนวอนของณัฐรวี ทว่าคนกระทำหาได้ฟังเสียงหล่อน เขายังคงออกแรงฉีกเสื้อผ้าจนขาดติดมือมาอีกหลายครั้ง ทั้งเนื้อทั้งตัวหล่อนเหลือเพียงชุดชั้นในท่อนบนและท่อนล่าง “รวีกลัวแล้ว ต่อไปรวีจะไม่ใส่ชุดนี้อีก...ฮือ...พี่เมฆอย่าทำอะไรรวีเลยนะคะ” กระแสเสียงสั่นเครือ เจ้าของประโยคคำพูดน้ำตาไหลอาบแก้ม ยกมือไหว้ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ตรงหน้าด้วยท่าทางหวาดกลัว “เธอไม่มีสิทธิ์ใส่ชุดนี้ ชุดนี้ฉันซื้อให้แก้วตา ไม่ได้ซื้อให้เธอใส่” เสียงเขาเดือดดาล ก่อนกระชากแขนเรียวเล็กสุดแรง ร่างณัฐรวีลอยขึ้นตามแรงฉุด “อย่าเอาตัวเธอไปเทียบกับแก้วตา เธอมันก็แค่เศษดินเศษหญ้าที่รองมือรองเท้าฉัน เป็นได้แค่นางบำเรอ แต่แก้วตาคือว่าที่เมียฉัน จำใส่หัวไว้” พูดจบ ณัฐรวีรับรู้ถึงแรงเหวี่ยง เสี้ยววินาทีต่อมา ร่างงามกระทบกับที่นอนเต็มแรง หล่อนเจ็บไปทั้งตัว แต่นี่มันเป็นแค่ความเจ็บปวดเริ่มต้น ความปวดร้าวระบมร่างกายและจิตใจกำลังตามมาชุดใหญ่ เป็นความเจ็บปวดที่ไม่เคยชาชินสักครั้ง
เมียลับบำเรอแค้น

เมียลับบำเรอแค้น

มหาเศรษฐี
4.9
ตอนเธออยู่ทำร้ายจิตใจต่างๆ นานา ตอนเธอจากไป...เขาเหมือนคนกำลังจะตาย เขาเห็นเธอเป็นเพียงดอกไม้ริมทางที่จะเด็ดมาดอมดมเมื่อไหร่ก็ได้ และเหยียบย่ำน้ำใจเธออย่างแสนสาหัส ทำให้เธอเจ็บปวดกับคำว่า “เมียลับ” แต่ความทุกข์ทรมานที่ได้รับแลกกับความสุขของมารดา...พวงชมพูยอม ……………… “ได้ข่าวมาว่า ตอนที่ฉันไม่อยู่ เธอไปแรดกับผู้ชายคนอื่นใช่ไหม” คนถูกถามตัวสั่น ไม่กล้าสบตาร้อนแรงของปราณปวิชที่แทบจะประหารเธอทางสายตา “ฉันถามไม่ได้ยินหรือไง ตอบมา” พวงชมพูสะดุ้งสุดตัว ตัวเนื้อสั่นไปหมด ปากแข็งขึ้นมาราวกับถูกหินถ่วง “ฉันถามไม่ได้ยินหรือไง ฮะ” คราวนี้เสียงเขาตะเบ็งจนเธอสะดุ้ง ใบหน้าอาบไปด้วยความตกใจและหวาดกลัวเมื่อเห็นสีหน้าเขาตอนนี้ “ชม...ชมไปบ้านพี่ทัชมาค่ะ แต่เราไม่ได้มีอะไรกันอย่างที่คุณปราบเข้า...ว้าย!” มือใหญ่จับท่อนแขนเล็กไว้แน่น ก่อนเหวี่ยงร่างงามไปบนที่นอน “ฉันเคยบอกเธอแล้วใช่ไหมว่า ตราบใดที่เธอเป็นนางบำเรอของฉัน เธออย่าริอ่านไปร่านกับผู้ชายคนอื่น ในเมื่อไม่ฟัง เธอก็ต้องได้รับบทเรียน” ม่านตาพวงชมพูขยายกว้าง เมื่อเขาหยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง “ไม่ค่ะ ไม่เอา ไม่เอาแบบนี้” พวงชมพูพูดเสียงสั่น กระเถิบตัวหนีเสือร้ายขี้โมโหที่พร้อมขย้ำตนให้ตายคาเตียง ทั้งที่รู้ว่า ไม่อาจหนีรอดจากเงื้อมมือเขาได้ “อยากเจ็บตัวเอง ช่วยไม่ได้” เขาคำรามเสียงเข้ม แววตาจ้องมองพวงชมพูประหนึ่งสัตว์ร้ายจ้องมองเหยื่อ ก้าวสามขุมไปหากวางน้อยที่กำลังหาทางเอาตัวรอด