บนสุด
0
เติมเงิน
ประวัติการอ่าน
ออกจากระบบ
ดาวน์โหลดแอป
อัญญาณี
หนังสือของ อัญญาณี(64)
รุ้งเคียงตะวัน
โรแมนติก
5.0
"ฮือๆ .. ทำไมทำอย่างนี้กับรุ้ง ทำไมต้องเป็นเดียร์ ทำไม?" ความรู้สึกเสียงใจของหทัยชนกจะน้อยกว่านี้ หากคนที่เป็นภรรยาน้อยของสามีไม่ใช่เกวลิน...เพื่อนรักของเธอ
สวาทรัก อสูรร้าย
มหาเศรษฐี
5.0
"คนอย่างเธอความเจ็บปวดแค่นี้มันยังน้อยเกินไป เธอต้องเจ็บเหมือนกับที่มินามิเจ็บ และต้องเจ็บยิ่งกว่าหลายร้อยเท่า ฉันจะทำให้เธอตายอย่างช้าๆ แต่ทุกข์ทรมานแสนสาหัส เธอจะไม่ได้ยินหรือสัมผัสกับความอ่อนโยนเมตตาจากฉัน สิ่งที่ฉันจะมอบให้เธอมีเพียงความเกลียดชังเท่านั้น จำใส่กะโหลกไว้" เรียวเหวี่ยงร่างงามไปที่เตียงนอนอย่างแรง มือหนาจับที่ข้อเท้าของเธอไว้แน่นเมื่อรู้ว่าเธอกำลังกระเถิบตัวหนี "หนีสิ หนีเลย ถ้าเธอหนี คนที่ตายเป็นคนแรกคือแม่ของเธอ ฉันจะให้แม่เธอตายเหมือนหมูเหมือนหมาข้างถนน เหมือนกับที่เธอฆ่าแม่ของฉัน" ดวงตาเขาเปล่งแสงแรงกล้าของความอาฆาต เมื่อนึกถึงข้อนี้อยากจะฆ่าหญิงสาวตรงหน้าให้ตายตามมารดาและคนที่เขารัก แต่ความตายอาจจะไม่ทำให้เขาสะใจ นอกจากกระกระทำต่อไปนี้ที่สะใจเขามากที่สุด ทรรศิกาหยุดดิ้นรนขัดขืน เขาจึงปล่อยข้อเท้าของเธอให้เป็นอิสระ จัดการปลดเปลื้องเสื้อผ้าต่อหน้าเธอ ความกลัวเริ่มเกาะกินจิตใจของเธอมากขึ้นเรื่อยๆ อยากจะวิ่งหนีออกไปจากที่นี่ แต่เมื่อนึกถึงมารดา ทำให้เธอก้มหน้ารับชะตากรรมที่กำลังจะเกิดขึ้น เรื่องที่คุณน่าจะสน
ชิงรัก
มหาเศรษฐี
5.0
ความอิจฉาน้องสาวต่างมารดาคือจุดเริ่มต้นของแผนการ “ชิงไอศูรย์” มาเป็นของตน เธอจึงใช้เล่ห์เหลี่ยมง่ายๆ คือวางยานอนหลับเขา พอตื่นขึ้นมาก็จะติ๋งต่างว่า เขากับเธอมีอะไรกัน ทว่าแผนเกิดผิดพลาด ยาที่ผสมในไวน์กลับเป็นยาปลุกเซ็กซ์ ผลที่ออกมาคือ ไอศูรย์มีความสัมพันธ์ทางกายกับเธอจริงๆ ในที่สุด ชเนตตีได้แต่งงานกับเขาตามตั้งใจ ทว่าผลที่ออกมา ไม่ได้เป็นไปตามที่คิดไว้ “เนยใส่อะไรในแก้วไวน์ของพี่ใช่ไหม ไม่อย่างนั้นพี่จะไม่มีวันอยู่ในสภาพแบบนี้” เขาถามอีกครั้งเมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบ เสียงที่ถามเข้มห้วน ใบหน้ายังคงเรียบตึง สายตาถมึงทึงใส่ร่างอวบที่ย่นคอหนีน้ำเสียงแผดกร้าว “ตอบพี่มา” “ใส่อะไร เนยไม่รู้เรื่อง…ฮือ…พี่เจย์ทำผิดแล้วอย่ามาโทษว่าเนยวางยาพี่นะ…ฮือ” เธอยังคงปากแข็งต่อไป หลบสายตาแข็งกร้าวพัลวัน
ลิขิตรักพญามาร
มหาเศรษฐี
5.0
“ว้าย!!..” เธอร้องได้เพียงเท่านั้น ก่อนที่ปากของหยาดน้ำค้างจะถูกมือใหญ่ของใครบางคนปิดเอาไว้ ลำแขนอีกข้างรัดร่างน้อยไว้แน่น ก่อนจะลากไปที่พุ่มไม้รกข้างทาง “อย่าดิ้น อย่าร้อง ไม่งั้นจะจับปล้ำมันตรงนี้แหละ” เสียงที่พูดชิดเรียวหูสะอาด ทำให้เธอรู้ว่าเจ้าของเสียงนั้นคือใคร..เหมันต์ วิเศษเดโช เขาดันร่างเล็กให้แผ่นหลังแนบชิดกับต้นไม้ใหญ่ขนาดสี่คนโอบ ใช้ลำแขนกักร่างบางเอาไว้ “ปล่อยนะ” หญิงสาวพูดเสียงเบาทว่าหนักแน่น เธอไม่กล้าพูดเสียงดังมาก เพราะกลัวว่าคนที่เดินผ่านไปผ่านมาจะได้ยิน “ไปกล่อมพ่อหรือกล่อมลูกมาล่ะ ถึงได้อ้อยอิ่งเป็นชั่วโมงแบบนี้” น้ำเสียงของเหมันต์เขียวเหมือนกับใบหน้าที่เขียวคล้ำด้วยความโกรธ “มันเรื่องของฉัน..คุณไม่เกี่ยว..เราไม่มีอะไรต่อกันแล้ว คุณก็ได้ในสิ่งที่คุณต้องการแล้วนี่ จะมาเอาอะไรกับฉันอีก ปล่อยนะ ฉันจะกลับที่พัก” หยาดน้ำค้างพยายามดิ้นรนหนีพันธนาการที่รัดร่างอยู่ แต่ทว่าลำแขนของเขานั้นหาได้คลายออกไม่ ยิ่งรัดแน่นมากกว่าเก่า เมื่อได้ยินวลีของเธอ “ทำไมผมจะไม่เกี่ยว ในเมื่อน้ำค้างเป็นเมียของผม..เป็นเมีย หรือว่าจำไม่ได้ว่าเราสองคนมีความสุขกันมากแค่ไหน” เขาเท้าความหนหลังให้เธอได้ฟัง ฝ่ายหญิงนิ่งเงียบกับคำพูดของเขา เธอไม่เถียงว่ามีความสุขมากแค่ไหนเวลาได้อยู่ใกล้ชิดกับเรือนกายที่แสนแข็งแรงและอบอุ่น หากแต่ความทุกข์และความเสียใจที่เธอได้รับนั้นมันก็มากมายเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นความสุขหรือว่าความทุกข์ เธอก็ไม่มีวันลืมเช่นกัน และไม่มีทางจะกลับไปจมกับความทุกข์อีกแล้ว “ฉันไม่ใช่เมียคุณ..ถ้าคุณคิดว่าการที่เรามีอะไรกันแล้วฉันจะเป็นเมียคุณ พี่ว่านก็ต้องเป็นสามีของฉันเหมือนกัน” หยาดน้ำค้างคิดว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุด วิธีที่เขาไม่มีทางมายุ่งเกี่ยวกับเธออีก อ้อมแขนที่รัดร่างนิ่มคลายออกโดยอัตโนมัติ หัวใจของคนที่ฟังเต้นเร็ว ดวงตาคมเข้มสีดำเรืองแสงในความมืดที่โรยตัวไปทั่วบริเวณ บ่งบอกอะไรหลายอย่างในแววตา เสียใจ ไม่คาดฝัน ไม่แน่ใจ
สะใภ้สุดขั้ว แม่ผัวสุดขอบ
มหาเศรษฐี
5.0
จะกี่หมัดก็ไม่หวั่น กี่ยกก็ไม่กลัว เธอจะ Knock Out ด้วยหัวใจติดปลายนวม ภัทรียายินดีสานต่อค่ายมวยและรับผิดชอบหนี้สินรุงรังต่อจากพ่อซึ่งเสียชีวิต แต่ ณ วันนี้หนี้สินสามปีที่ผัดผ่อนมาตลอดทำให้เธอมืดแปดด้าน ไม่ว่าความหวังแสนริบหรี่แค่ไหน เธอก็คว้าไว้อย่างไม่รอช้า ไม่เว้นแม้แต่การเป็นภรรยาหลอกๆ ต่อให้ต้องโดนแม่สามีดูถูกทุกขณะ น้องสาวสามีจ้องเหยียดชาติกำเนิดทุกครั้งที่เจอหน้า ภัทรียาก็ไม่หวั่นเกรงแม้แต่น้อย เพราะเธอคือ... ‘มะปราง ลูกจ่าดาบ ศิษย์จอมทอง’ นักมวยสาวหุ่นกระชากใจหนุ่มๆ หากไม่เพราะกำลังจะถูกแม่จับคลุมถุงชน ธัชธรรมจึงต้องเลือกใช้วิธีสิ้นคิด จ้างนักมวยสาวหมัดหนักที่กำลังร้อนเงินมาเป็นภรรยากำมะลอ จดทะเบียนจริง อยู่ด้วยกันจริง...และทำท่าว่าจะต้องอยู่ด้วยกันอีกนาน รออีกอย่างเดียวเท่านั้น... รอให้สะใภ้กำมะลอยอมเป็นภรรยาตัวจริงของเศรษฐีหนุ่มหล่อ
พิศวาสทาสเสน่หา
มหาเศรษฐี
5.0
“บ้าอำนาจชะมัด” หญิงสาวแอบบ่น กระแทกตัวลงนั่งริมสุดของขอบโซฟา ทิ้งระยะห่างจากเขาให้มากที่สุด “นี่แม่คุณ มานั่งใกล้หน่อยสิ นั่งไกลอย่างนั้นแล้วจะบริการฉันได้ยังไง ไม่เห็นเหรออาหารหมดถ้วยแล้ว” ถ้ารู้มาก่อนว่าคนที่จองห้องวีไอพีคือเขาคนนี้ เธอไม่ยอมเป็นพนักงานเสิร์ฟจำเป็นแน่นอน หญิงสาวเขยิบร่างกายเข้ามาอีกนิด ตักอาหารใส่ถ้วย ก่อนจะวางไว้ตรงหน้าเขาเหมือนเดิม “ป้อนด้วยสิ” เขาพูดอย่างอารมณ์ดี “ดิฉันมีหน้าที่คอยให้บริการอำนวยความสะดวกให้กับคุณ ตามที่เห็นสมควรนะคะ การป้อนอาหารเป็นนอกหน้าที่ของดิฉัน” สร้อยระย้าพูดด้วยน้ำเสียงค่อนข้างเข้ม จ้องมองอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจ ชายหนุ่มกระตุกยิ้มกับท่าทีแสนพยศของเธอ ขยับร่างกายเข้ามาประชิดร่างบางอย่างรวดเร็ว โดยที่หญิงสาวไม่ทันตั้งตัว “ว้าย!!..ปล่อยนะ” หญิงสาวร้องเสียงหลง ผลักร่างหนาให้ออกห่าง แกะมือใหญ่ที่รัดเอวของเธอไว้แน่น แต่ยิ่งพยายามเอวของเธอก็ต้องถูกรัดแน่นมากยิ่งขึ้น ไม่เพียงเท่านั้นร่างงามลอยขึ้นเหนือเบาะ เนื่องจากเขาอุ้มร่างของเธอมานั่งบนตัก “พยศนักนะ” ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกล้าปฏิเสธเขามาก่อน เห็นจะมีเพียงผู้หญิงกลิ่นกายเย้ายวนใจคนนี้ ยิ่งชิดใกล้เลือดในกายของเขาเดือดพล่าน ความต้องการปะทุขึ้นมาทันที เรียวปากใหญ่ปิดสนิทปากนุ่มที่กำลังจะอ้าปากต่อว่า ทำให้เขาสอดแทรกลิ้นร้อนชื้นเข้าไปภายในโพรงปากอย่างง่ายดาย เรียวลิ้นหนาตวัดพัดโบกกับลิ้นนุ่มที่ตื่นกลัวทำอะไรไม่ถูก เนื่องจากจูบนี้เป็นจูบแรกของชีวิตสาว สมองของเธอนั้นเริ่มมีกลุ่มหมอกควันสีขาวเข้ามาปกคลุม ความว่างเปล่ากำลังเข้ามาแทนที่ ไม่มีสตินึกคิด ความหวานนุ่มชวนหอมหวานที่เขาได้สัมผัส กระตุ้นความเป็นชายของเขาให้ตื่นจากการหลับใหล เสียงครางที่ดังทักท้วงในลำคอสาว เสมือนยากระตุ้นให้ความดันโลหิตของเขาเสียดทานกับความต้องการทางเพศ ร้อนรุ่มไปทั้งกาย มือใหญ่ลูบแผ่นหลังบางไปมา ก่อนจะวกมากอบกุมทรวงอกขนาดพอเหมาะกับฝ่ามือของเขา ไม่ใหญ่มากเกินไปจนล้นมือและไม่เล็กจนเสียอารมณ์
รักร้อนเพลิงพิศวาส
มหาเศรษฐี
5.0
“ไม่นะ อย่านะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ คุณได้พระคืนไปแล้วนี่ ปล่อยฉันไปเถอะ ฮือ...อย่าทำอะไรฉันเลย อย่าทำฉันเลย” หมอนวดสาวยังคงอ้อนวอนไม่หยุด มีหรือที่รัฐภูมิจะใจอ่อน เมตตาสาวตรงหน้าง่ายๆ เขาปล่อยเธอแน่ แต่ไม่ใช่ตอนนี้และเวลานี้ สิบแปดมงกุฎอย่างจันยาวีร์ต้องเจอคนอย่างเขา ร้ายมาร้ายกลับและเพิ่มความร้ายมากเป็นร้อยเท่า เท้าเล็กพยายามถีบ กระแทกไปที่ร่างหนาดูเหมือนว่าจะถีบลมมากกว่า มันไม่ช่วยอะไรเลยจริงๆ เพราะตอนนี้เขาขึ้นมานั่งคร่อมร่างเธออีกครั้งหนึ่งแล้ว “ยานี้จะทำให้ร้อนรุ่มอย่างมากมาย เลือดในกายเธอจะสูบฉีดจนเธอกระสับกระส่าย กระหายไปด้วยความใคร่แบบสุดๆ เธออยากจนแทบจะถ่างขารอให้ผู้ชายมากระทุ้ง ขอให้มีความสุขกับความร่านที่กำลังจะเกิดขึ้นกับเธอนะ ยาออกฤทธิ์เต็มที่เมื่อไหร่ ฉันจะมาสนองตอบความอยากให้เธอเอง รับรองถึงอกถึงใจไปสามโลก หมอนวดอย่างเธอคงผ่านศึกมาไม่ใช่น้อย คงมีวิธีบังคับความร่านของตัวเองนะ ฉันขอตัวไปอาบน้ำก่อน แล้วเจอกันนะแป้ง” จันยาวีร์เม้มปากเป็นเส้นตรงแน่น เพื่อไม่ให้เขานำยานั้นใส่เข้าไปในปากของเธอ ทว่ามันไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขาเลยที่จะทำให้ปากของเธอเปิดอ้าออก เพียงแค่รัฐภูมิใช้ฝ่ามือบีบไปบนแก้มของเธอทั้งซ้ายขวาอย่างแรง หญิงสาวระบมปวดแก้มไปหมด แรงบีบที่มากมายทำให้ปากที่เม้มค่อยๆ คลายตัวออก จนในที่สุดปากของเธอก็อ้าออก ชายหนุ่มหน้าดุรีบใส่ยาปลุกเซ็กส์เข้าไปในช่องปากสาวบังคับให้เธอกลืนมันลงไปด้วยการนำฝ่ามือใหญ่มาปิดทับที่ริมฝีปาก ยาที่อยู่ในปากไม่ได้ถูกกลืนลงไปในลำคอ แต่มันละลายเมื่อสัมผัสโดนความชื้นของน้ำลายที่อยู่ภายใน ความขมของเม็ดยาที่เริ่มละลายในปาก ทำให้สาวเจ้าร้องไห้ออกมาทันที คิดในใจว่าเธอจะต่อต้านยาประเภทนี้ได้อย่างไร รัฐภูมิกระตุกยิ้มอย่างพอใจ ขยับร่างกายลงมายืนอยู่ริมเตียง มองดูร่างสาวที่ร้องไห้ตัวโยนด้วยความสะใจ เจอแค่นี้มันยังน้อยไป ริอาจเข้ามากระตุกหนวดเสือถึงที่ ไม่ถูกเสือขย้ำกินก็คงเป็นไม่ได้ เสืออย่างเขาฆ่าได้หยามไม่ได้อยู่แล้ว เขาหมุนตัวก่อนจะขยับร่างกายเดินไปยังห้องน้ำ อาบน้ำอย่างสบายใจ ผิวปากอย่างอารมณ์ดี ยาเซ็กส์ชนิดนี้เขาซื้อมาจากตลาดมืดแห่งหนึ่งในประเทศฝรั่งเศส เป็นยาปลุกเซ็กส์ชนิดใหม่ล่าสุดที่กำลังเป็นที่นิยมในขณะนี้ สาเหตุที่เขาซื้อยาชนิดนี้มาไม่ใช่ว่าเขาจะใช้เอง พันกรเพื่อนสนิทของเขาเป็นคนฝากซื้อ เพื่อจะนำไปให้พี่เขยที่มีอาการนกเขาไม่ขัน ต้องพึ่งยาปลุกเซ็กส์ขณะที่ดำเนินกิจกรรมทางเพศ ห้านาทีต่อมาหลังจากที่ยาปลุกเซ็กส์เริ่มละลายในปากและตัวยาไหลเข้าไปในลำคอสาว อาการแปลกๆ ก็เกิดขึ้นกับจันยาวีร์ คลื่นความร้อนบางอย่างแผ่กระจายไปทั่วร่างกายของเธอ แทรกลึกไหลซึมเข้าไปตามเซลล์ต่างๆ เม็ดเลือด ลุกลามลึกเข้าไปถึงกระแสเลือดที่เร่งสูบฉีดด้วยอัตราที่เร็วกว่าปกติ จันยาวีร์รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว ความร้อนที่ได้รับทำให้เธอต้องการที่จะถอดเสื้อผ้าออก ความปรารถนาทางอารมณ์ที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อนกำลังกระจายอาบไปทั่วร่าง ความเป็นอิสตรีเพศกระตุกและเต้นเร่าอยู่ตลอดเวลา เธอมีความรู้สึกว่าต้องการร่วมเพศกับผู้ชายสักคน เพื่อมาบำบัดอาการที่เป็นอยู่นี้ให้ดีขึ้น ต้องการให้เขานำปาก ลิ้นประโลมจูบไปทั่วร่างสาว และต้องการฝ่ามือของเขาลูบไล้นวดเฟ้นไปตามผิวกายของเธอ และความปรารถนามากที่สุดก็คือ ต้องการให้เขาฝังกายลึกเข้าไปในกลีบสาว ขยับเขยื้อนกายด้วยความรุนแรง กระแทกกระทั้นให้ถึงอกถึงใจ
อุ้งมือพิศวาสซาตาน
มหาเศรษฐี
5.0
“ฉันเอง จะตกใจอะไรหนักหนา ไม่มีใครเข้ามาในห้องนี้ได้นอกจากฉันอยู่แล้ว” เขาพูดเสียงไม่สบอารมณ์ มองใบหน้านวลที่ส่องกระทบกับแสงสีส้มจากหลอดนีออนแล้วพาใจสั่น ดวงหน้าหวานยามต้องแสงสีนี้ผสมผสานกับความเห่อร้อนจากความอาย ทำให้เธอเกิดความงดงามราวกับภาพวาดจากจิตรกรชั้นเอก เขาเผลอไผลหลงมองนิ่งงัน ลืมความไม่พอใจเรื่องที่เธอผลักร่างของตนจนสิ้น “ตาขอโทษค่ะ” เธอก้มหน้างุด ข่มความอายเมื่อเขามองเธอไม่วางตา เอ่ยคำขอโทษต่อเจ้าหนี้รายใหญ่ของบิดา เขาจะว่าเธอก็ไม่ถูกเพราะทีแรกเธอนอนคนเดียวในห้องนี้ แล้วตื่นมาเจอใครอีกคนอยู่ด้วยก็ต้องตกใจเป็นธรรมดา “ทำหน้าที่เธอให้ดี แล้วฉันจะให้อภัย” สิ่งที่เขาต้องการมีเพียงแค่นี้คือหาความสุขจากร่างสาวอวบอิ่ม ที่ทำให้เขาคิดถึงมาตลอดทั้งวันอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
เพลิงรักเพลิงแค้น
มหาเศรษฐี
5.0
“คุณคมน์ฟังหนูนาก่อนค่ะ ได้โปรดฟังหนูนาก่อน” เธอยังคงพูดประโยคนี้ซ้ำไปซ้ำมา หวังจะให้เขายอมฟังเสียงนกเสียงกาอย่างเธอบ้าง หากปล่อยเอาไว้อย่างนี้มีหวังเธอกับประสงค์ต้องตายแน่นอน คมน์เวลานี้ไม่เหมือนคมน์ที่เธอเคยรู้จักเลย เขาคือปิศาจร้ายชัดๆ “จะตอแหลอะไรล่ะ จะตอแหลอะไร ฉันไม่เชื่องูพิษอย่างเธอหรอก อุตส่าห์เลี้ยงอย่างดี ทะนุถนอม ยังริอ่านไปนอกใจฉันไปมีอะไรกับไอ้หน้าอ่อนนั่นอีก วันนี้เธอกับชายชู้ได้ตายคามือคาเท้าฉันแน่...ว้าย..โอ๊ย” สิ้นคำพูดของคมน์ ร่างอรชรถูกเหวี่ยงลงบนพื้นห้องอย่างแรง เสียงแสดงความตกใจจึงหลุดออกมาจากลำคอสาว ตามด้วยเสียงร้องแสดงความเจ็บปวดเมื่อศีรษะของเธอกระแทกโดนมุมโต๊ะตัวเล็กที่วางหนังสือพอดี “สมน้ำหน้า แต่เธอไม่ได้ตายตรงนี้หรอก” เขาไม่รู้สึกสงสารหรือว่าเมตตารุจิเรศแม้แต่นิดเดียว ตรงกันข้ามสะใจเสียมากกว่า ร่างบอบบางลุกขึ้นยืนเดินถอยหลังหนีไปสามสี่ก้าว ก่อนจะยกมือนุ่มมาจับบริเวณที่ศีรษะกระแทก มันแค่ปูดขึ้นมาเล็กน้อยเท่านั้น “คุณคมน์ไม่มีเหตุผล ทำไมคุณคมน์ไม่ฟังหนูนาก่อนล่ะคะ” น้ำเสียงของเธอตัดพ้อและน้อยใจ “ไม่ฟัง เพราะสิ่งที่ฉันได้ยินมันบอกฉันหมดทุกอย่างแล้ว ร่าน...คำๆ นี้คงไม่เหมาะสมกับเธอเท่าไหร่ น่าจะเหมาะกับคำว่า เสี้ยน หรือไม่ก็คันมากกว่า ถึงได้แวะกลางทางให้ไอ้หน้าอ่อนมันช่วยเกาให้ ทำไม มันหนุ่มกว่าฉัน หรือว่ามันเก่งเรื่องบนเตียงกว่าฉัน ถึงได้หายไปครึ่งค่อนวันแบบนี้ เสี้ยนไม่รู้จักพอเหมือนแม่ของเธอไม่มีผิด”
รักร้อนเพลิงพยาบาท 25+
มหาเศรษฐี
5.0
ความพยาบาทของเธอ ทำให้ทุกคนต่างสะพรึงกลัว ยกเว้นเขา...รัฐรวินทร์ ที่จะใช้ความรักทั้งหมดสลายความพยาบาทในใจเกวลิน เขาคือทายาทตระกูลอัครธนากุล ตระกูลมหาเศรษฐีของเมืองไทย เธอคือหญิงสาวชาวบ้านธรรมดาที่ไร้พิษสง แต่ก็ไม่ใช่ว่า เป็นลูกไก่ในกำมือ “เพี้ยะ!” ฝ่ามือเล็กฝาดลงไปบนแก้มรัฐรวินทร์เต็มแรง จนเกิดรอยฝ่ามือบนผิวแก้มเขา “เธอกล้าตบหน้าฉันเหรอ” เขาถามเสียงเข้ม แววตาลุกโชนด้วยความโกรธ “ก็ใช่น่ะสิ ก็คุณอยากปากหมาทำไม แค่นี้มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ” เกวลินตอบด้วยทีท่าไม่เกรงกลัว ทว่าความเป็นจริงนั้นไม่ใช่ ในใจเต้นรัวจากความกลัวชายตรงหน้าที่อาจบีบคอเธอตายได้ “สองครั้งแล้วนะ สองครั้งแล้วที่เธอตบหน้าฉัน เธอจำไม่ได้หรือว่า เธอตบหน้าฉันครั้งแรก เธอต้องเจอกับอะไรบ้าง เธอคงอยากจะกระอักเป็นครั้งที่สองใช่ไหม” เขาถามเสียงเหี้ยม แววตาไร้ซึ่งความปราณี “แค่นี้ฉันก็กระอักเลือดมากพอแล้ว จะโดนอีกสักหน่อยคงไม่เป็นไร อีกอย่างคนอย่างคุณ มันก็หน้าตัวเมียอยู่แล้ว รังแกคนไม่มีทางสู้ เอาสิ เอาเลย ตบฉันเลย แตะฉันก็ได้ หรือว่าจะถีบฉัน ฉันก็ยินดี ฉันจะไม่ร้องขอชีวิตจากคุณ แต่ฉันจะจำทุกอย่างที่คุณทำกับฉัน แล้ววันหนึ่งฉันจะเอาคืนคุณอย่างสาสม” ตาต่อตา ฟันต่อฟัน เกวลินพูดโดยปราศจากความเกรงกลังรัฐรวินทร์ ชายหนุ่มที่กุมชีวิตตนกับครอบครัวไว้ในอุ้งมือ อุ้งมือของคนที่ไม่เคยให้คำว่า เมตตาปราณีกับตน
วิวาห์ไร้เสน่หา
มหาเศรษฐี
5.0
งานแต่งงานที่ไร้ซึ่งความรัก ทำให้หัวใจสองดวงต้องเจ็บปวด หนึ่งรักมั่นคงกับอดีตคนรัก อีกหนึ่งหลงรักสามีไร้หัวใจ .......... “วันนี้ฉันไปงานวันเกิดเพื่อนที่โรงแรม ฉันเห็นเธอเดินกับผู้ชายที่นั่นด้วย คนนี้ใช่ไหมที่เธอบอกว่าเป็นเพื่อนและไปเที่ยวคลับด้วยกัน” น้ำเสียงติดเข้มห้วน ใบหน้าเรียบตึง มองพราวพรรณตาขวาง “ใช่ค่ะ คนนั้นคือพี่ไอซ์ เขาเป็นรุ่นพี่และเพื่อนสนิทของพราวเอง” พราวพรรณตอบตามตรง ไม่มีอะไรต้องปิดบัง “เพื่อนแน่เหรอ” พุฒิวัตรถาม เขาไม่อยากเชื่อว่าสิ่งที่เธอพูดมาเป็นความจริง เพราะภาพที่เขาเห็นมันมีอะไรมากกว่านั้น “แน่สิค่ะ” พราวพรรณย้ำ ไม่เข้าใจว่าทำไมพุฒิวัตรถึงถามเรื่องปวีณวิชมากมายขนาดนี้ “เพื่อนที่ไหนเขาไปกันเที่ยวกันกลางค่ำกลางคืนสองต่อสอง เธอบอกความจริงฉันมาดีกว่าว่า หมอนั่นเป็นใคร” กระแสเสียงเข้มขึ้นกว่าเดิม นัยน์ตาคุกรุ่นไม่พอใจ “พี่ไอซ์เป็นเพื่อนพราวจริงๆ ค่ะ แล้วพราวไปกันหลายคน คุณเห็นแค่อยู่ในโรงแรม แต่ถ้าคุณเห็นตอนพราวอยู่ในคลับ คุณจะรู้ว่า พราวไม่ได้ไปกับพี่ไอซ์แค่สองคน” พราวพรรณอดทนอธิบายย้ำให้พุฒิวัตรฟัง “พราวไปงานเลี้ยงพร้อมเพื่อนอีกสองคนค่ะ คุณพุฒิไม่รู้จักเพื่อนพราวเลยเข้าใจผิดคิดว่าพราวไปกับพี่ไอซ์ จริงๆ แล้วพราวบังเอิญเจอพี่ไอซ์ด้วยซ้ำไป ไม่คิดว่าพี่ไอซ์จะมางานแต่งนี้ด้วย” “ก็ฉันไม่ได้อยากรู้จักเพื่อนของเธอ ฉันแค่อยากบอกกับเธอว่า ฉันไม่อยากถูกสวมเขา” พราวพรรณถึงกับหน้าชากับประโยคนี้ “ฉันไม่รู้หรอกนะว่า ความจริงผู้ชายคนนั้นมีความสัมพันธ์แบบไหนกับเธอ จะพี่ชาย เพื่อนหรือแฟน ฉันแค่อยากเตือนสติเธอ ตอนนี้เธอเป็นเมียฉันอยู่ ถึงแม้คนจะรู้ไม่กี่คนก็ตาม ฉันไม่อยากถูกสวมเขา คิดจะทำอะไรนึกถึงทะเบียนสมรสของเราด้วย ระงับความอยากไว้รอวันที่เราหย่ากันดีกว่า ซึ่งฉันคิดว่าคงไม่เกินปีหน้า เธอเข้าใจที่ฉันพูดใช่ไหม” เพี้ยะ... พุฒิวัตรพูดจบ เสียงฝ่ามือฟาดลงบนแก้มเขาเต็มแรงจนเกิดรอยนูนฝ่ามือ ใบหน้าคมคายหันไปตามแรงตบ ก่อนหันมองหน้าพราวพรรณด้วยสายตาวาวโรจน์ เพราะครั้งนี้เป็นครั้งแรกในชีวิตกับการถูกผู้หญิงตบหน้า “คุณเฉยชา ไม่เห็นฉันในสายตา ฉันทนได้ แต่มากล่าวหาว่าฉันมีชู้ ฉันไม่ขอทน” พราวพรรณระเบิดอารมณ์ใส่ เธอไม่คาดคิดว่าเขาจะคิดชั่วๆ แบบนี้ได้ “ฉันไม่เคยทำแบบนั้น แล้วฉันก็อธิบายให้คุณฟังไปแล้ว คุณจะเชื่อไม่เชื่อก็เรื่องของคุณ แต่อย่ามากล่าวหากัน มันมากเกินไป” “จะให้ฉันเชื่อได้ยังไงก็ภาพที่ฉันเห็นมันฟ้อง ว่าเธอกำลังมีชู้ เมื่อคืนก็ไปกับมัน คืนนี้ก็ไปกับมันอีก ไม่ใช่ว่าไปเที่ยวทะเลไปกับมันอีกนะ ติดใจอะไรมันหนักหนา มันทำเก่งกว่าฉันหรือไง เธอถึงได้อยากวิ่งเข้าหาชู้จนตัวสั่น” พุฒิวัตรไม่อั้นอารมณ์ เวลานี้มีทั้งความโกรธและความหึงหวงที่วิ่งเข้ามาในจิตใจโดยไม่รู้ตัว พุฒิวัตรกำลังเถียงกับตัวเองว่าความรู้สึกเขาตอนนี้คือ กลัวเธอสวมเขา ก็เท่านั้น
คลั่งรักเมียบำเรอ
มหาเศรษฐี
5.0
เขมนัทต์แทบจะตกเก้าอี้เมื่อรู้ว่า หญิงสาวคนต่อไปที่จะมาเป็นเมียบำเรอเขาคือใคร เธอคือเอมิกา สาวน้อยกะโปโลที่ไม่เคยอยู่ในสายตาเขาเลย เจอหน้ากันทีไร เมินใส่เสมอ กลืนน้ำลายตัวเองแทบไม่ทัน... เขาพบกับคำนี้ เมื่อได้พบกับเอมิกาในลุคใหม่... จากเดินหนีเป็นพุ่งใส่....ใส่แบบไม่ยั้งด้วย ........ “มานี่สิ” เสียงเขมนัทต์ดังทำลายความเงียบ เอมิกาก้าวเดินมาหาคนสั่งด้วยขาค่อนข้างสั่น แต่หัวใจสั่นหนักกว่า ยิ่งเดินเข้าใกล้เขา อัตราการเต้นของหัวใจก็ยิ่งเพิ่มทวี เอมิกามาหยุดยืนริมเตียง เธอหลุบตามองลำแขนใหญ่ที่ยกขึ้นสูง และเคลื่อนตัวมาจับเอวตน ก่อนเขาจะออกแรงรั้งร่างสาวมานั่งบนตัก เก็บกักเอมิกาไว้ด้วยอ้อมแขน ทั้งสองจึงชิดใกล้กันมากขึ้น มีเพียงผ้าขนหนูที่พันรอบอกเอมิกาเท่านั้นที่กั้นกลาง ว้าว... กลิ่นกายเอมิกาหอมมาก หอมกระตุ้นความกำหนัดเขาได้เป็นอย่างดี เขาไม่รู้สึกเช่นนี้มาก่อน ความรู้สึกที่ว่า เพียงแค่ได้สัมผัสกลิ่นกายเธอ อารมณ์ตนจะพลุ่งพล่าน ความกำหนัดถูกปลุกขึ้นมาทันใด เขมนัทต์กอดเอมิกาแน่นขึ้น กดจมูกลงบนหัวไหล่เธอ วินาทีนี้ร่างเธอสั่นสะท้าน หัวใจเต้นกระหน่ำ ความตื่นเต้นปกคลุมจิตใจ “หอมจัง” เขมนัทต์พูดหลังจากได้สูดดมความหอมที่คละเคล้ากันระหว่าง กลิ่นโลชั่นกับกลิ่นแป้ง “ไม่รู้ว่า ตรงอื่นจะหอมอย่างนี้ไหม ไม่แน่อาจหอมกว่าด้วยซ้ำไป” โอ้ว... ประโยคนี้ชวนใจสั่นตัวสั่นเหลือเกิน เอมิกาไม่ใช่เด็กน้อยถึงไม่รู้ว่า ความนัยในคำพูดเขมนัทต์คืออะไร แรงสั่นทำให้เจ้าของอ้อมแขนลอบยิ้ม
ภรรยาแสนร้ายของพายัพ
มหาเศรษฐี
5.0
เมียใครที่ว่าร้าย ที่ว่าแน่ คงแพ้เมียพายัพแน่นอน เพราะหล่อนไม่ร้าย แต่หมัดและเท้าหนักมาก แต่ถึงกระนั้น ก็แพ้พายัพอยู่ดี จริงเหรอ... ............... "ฉันสัญญาค่ะว่า จะไม่ยุ่งทำแบบนั้นอีกแล้ว และขอโทษคุณด้วยค่ะ" หล่อนทำตาม "ยกมือไหว้ด้วย แล้วขอโทษใหม่" อังศุมาลีเริ่มหน้าตึง รู้ทันทีว่า เขาแกล้งตน แต่ถึงกระนั้นหล่อนไม่มีทางเลือก ทำตามคำสั่ง "ไหว้สวยๆ ด้วยนะ ถ้าไม่สวย ไม่ถูกใจ ไม่ให้ภาพนี้แน่ๆ" อังศุมาลียิ้มหวานมาก หวานเสียจนคนมองเห็นใจสั่นอย่างห้ามตัวเองไม่ได้ ส่งให้ดวงหน้าหล่อนมีความงดงาม ชวนมองมาก พายัพรีบยับยั้งความรู้สึกไหลลื่นให้อยู่กับที่ มองดูอังศุมาลียกมือไหว้ กล่าวคำขอโทษ "คราวนี้คืนรูปแม่ฉันได้หรือยังคะ" "ก็เดินมาเอาสิ" พายัพสะบัดรูปไปมา อังศุมาลีก้าวเดินไปหาร่างหนา แขนหล่อนยื่นออกไป หมายจับรูปในมือเขา ทว่าพายัพกลับชักมือหนี นำมือไขว้หลัง "นี่คุณจะผิดสัญญาเหรอ" อังศุมาลีถามเสียงขุ่น "ผิดสัญญาตรงไหนมิทราบ ฉันก็บอกอยู่นี่ว่า เดินมาเอาสิ แต่ไม่ได้บอกว่าจะให้ดีๆ นี่นา" พายัพเอาคืนอังศุมาลี ที่ทำกับตนไว้เจ็บแสบ ให้แค่ไหว้กับขอโทษมันดูน้อยไป ให้ร้อนหัวใจเล่นๆ ร่วมด้วย คงสนุกพิลึก "ถ้าอยากได้ก็ต้องพยายามหยิบเอง" ด้วยความโมโห อังศุมาลีก้าวเท้าไปหาร่างหนาใกล้กว่าเดิม ทุบอกเขาเต็มแรง จนคนถูกทำร้ายถึงกับเจ็บ ตกใจไม่คิดว่าหล่อนทำเช่นนี้ ยิ่งตกใจมากขึ้นกับการกระทำต่อมา ที่พายัพไม่ทันตั้งตัวเช่นกัน "โอ๊ย!" อังศุมาลีเหนี่ยวคอแข็งแรง ขยับตัวเข้าใกล้เขาอีกหน่อย เข่าสาวกระแทกเหมาะเหม็งตรงกล่องดวงใจพายัพ ที่ร้องโอดครวญจากความจุกเจ็บ ตัวงอ หน้าแดง รูปภาพในมือล่วงหล่นสู่พื้น อังศุมาลีรีบไปหยิบรูปภาพแสนรักทันที "ฉันไม่ลืมสัญญาที่ให้ไว้กับคุณเมื่อกี้นะ ที่ว่าจะไม่ยุ่งเรื่องคุณน่ะ แต่ไม่ได้บอกว่าจะทำไปจนกว่าเราหย่ากัน ฉันหมายถึงแค่วันนี้วันเดียว ให้คุณพักหายใจหายคอ พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ อ้อ...ขอบคุณนะสำหรับรูปแม่ของฉัน" อังศุมาลีบอกคนจุกแน่นไปทั้งตัว หัวใจเดือดดาลมาก แต่ทำอะไรหล่อนไม่ได้มากไปกว่า เก็บความแค้นไว้ ถูกทำร้ายตรงจุดนี้ เรี่ยวแรงพายัพไม่หลงเหลือ แค่ขยับตัวยังยาก เข่าอังศุมาลีหนักมาก พุ่งใส่เต็มแรง เกิดมาไม่เคยถูกผู้หญิงคนไหนเล่นงานเขาเช่นหล่อนมาก่อน คอยดูเถอะ พายัพเอาคืนเป็นสองเท่าแน่ "ฝากไว้ก่อนเถอะ ยัยตัวแสบ อูยย์"
คุณอาขา (อัญญาณี)
มหาเศรษฐี
5.0
“คุณอาขา” เจ้าของเสียงหวานหยดย้อยดังกังวาน “ที่นี่ตอนดึกๆ อากาศหนาวจังเลยนะคะ ดูสิคะขนบนแขนของกุ๊กลุกพรึบเลยค่ะ” สาวน้อยวัยดรุณีถลกแขนเสื้อโค้ทขึ้นสูง แล้วยื่นลำแขนให้ชายหนุ่มข้างกายดูขนเส้นเล็กบนลำแขนที่ลุกชันตามอากาศหนาวเหน็บ ด้วยความหนาวเย็นนี้เองทำให้สาวร่างเล็กเบียดชิดผู้ปกครองวัยกำหนัดเพื่อหาไออุ่นอย่างเสียมิได้ ทั้งที่เธอสวมชุดกันหนาวแบบเต็มยศแล้วก็ตาม “ชะ...ใช่ค่ะอากาศมันเริ่มหนาวแล้ว หนาวมากๆ ด้วยค่ะ” เสียงใหญ่พูดขึ้น พยายามข่มอารมณ์บางอย่างที่แล่นพล่านในร่างกาย เธอหนาว...แต่เขากลับรู้สึกร้อน ร้อนรุ่มไปหมดทั้งตัว จนอยากจะถอดเสื้อผ้าออกจากกายแล้วใช้ความเย็นของอากาศดับไฟในร่าง ยิ่งเธอเบียดชิดร่างกายหาไออุ่น อุณหภูมิความร้อนยิ่งเพิ่มมากขึ้น ธาตุไฟในร่างแตกซ่านจะไม่ให้เขาเกิดอาการเช่นนี้ได้อย่างไร ก็เธอเล่นเบียดกระแซะกายหาไออุ่นอย่างเด็กขาดความอบอุ่น ดอกอุบลที่อยู่ภายใต้เสื้อโค้ทสัมผัสกับท่อนแขนกำยำของเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ ‘จะทนได้สักกี่น้ำวะเนี่ย’ คนปากแข็งพล่ามในใจ ปรายตามองณัฏฐลักษณ์ สาวน้อยวัยยี่สิบเอ็ดปี เด็กในปกครองตามันระยับที่โจนาธานปรารถนาจะพุ่งเข้าใส่วันละหลายๆ รอบ
รสรักเสน่หา
มหาเศรษฐี
4.3
“ตูม” ร่างของอักษราที่ยังไม่ได้สติ แล้วยังจะถูกมัดมือมัดเท้าและปิดปาก ถูกโยนลงมาจากเรือด้วยมือของเจ้าของเกาะ ลูกน้องทั้งสามมองตากันไปมา อยากจะไปช่วยสาวน้อยผู้น่าสงสารใจจะขาด แต่ถ้าช่วยมีหวังพวกเขาต้องโดนบาทาของเจ้านายแน่นอน อักษรารู้สึกตัวเมื่อร่างกายกระแทกกับผืนน้ำ น้ำเค็มๆ ซึมผ่านเนื้อผ้าเข้ามาในปากและจมูกจนเธอเกิดอาการสำลัก เปลือกตาสาวเปิดขึ้นในเวลาต่อมาแต่ก็ต้องหลับลงอีกครั้ง เพราะน้ำทะเลเข้าไปในดวงตาของเธอจนเกิดความแสบ อักษรารีบทะลึ่งตัวขึ้นเหนือน้ำ โดยไม่รู้ว่าเวลานี้ตนเองตกอยู่ในสภาพอย่างไร “อื้อๆ อื้อๆ” ทันทีที่ขาทั้งสองข้างยืนอยู่บนทรายใต้น้ำ และรู้ว่าตัวเองถูกพันธนาการไว้ด้วยเชือกทั้งข้อมือและเท้า ปากก็เช่นกันหาได้มีอิสระถูกปิดทับด้วยผ้าผืนใหญ่ “อ๊าย!” ความที่ข้อเท้าเล็กถูกมัดด้วยเชือก ส่งผลให้เธอยืนได้ไม่ถนัดนัก เสียการทรงตัวจนร่างคะมำลงไปในผืนน้ำ แต่เธอก็พยายามยืนขึ้นอีกแต่สุดท้ายก็เป็นเหมือนเดิม อักษราจึงเลือกที่จะนั่งลงบนผืนทรายใต้น้ำที่มีความลึกประมาณครึ่งเมตร อักษรานั่งมองร่างสูงใหญ่ ผิวคล้ำน่าเกรงขาม ใบหน้าของเขามีหนวดเคราขึ้นเล็กน้อย ดวงตาคมกริบมองมายังเธอด้วยสายตาไม่เป็นมิตร เขากระโดดลงมาจากเรือเร็วก่อนจะเดินลุยน้ำทะเลมาหาเธอ “ไง ตื่นแล้วเหรอ นึกว่าจะตายเพราะยาสลบซะแล้ว” เสียงห้าวใหญ่พูดขึ้น ในขณะที่มาหยุดยืนเท้าเอวตรงหน้าเธอ อักษราเงยหน้ามองชายหน้าตาน่ากลัวที่จ้องหน้าเธอราวกับจะกินเลือดกินเนื้ออย่างหวาดกลัว ไม่เข้าใจว่าเขาทำเช่นนี้กับเธอทำไม จะถามก็ไม่ได้เพราะปากถูกปิดด้วยผ้าผืนใหญ่
จอมใจภาวินทร์
มหาเศรษฐี
5.0
ความแค้นที่สะสมเป็นเวลาหลายปีกำลังถูกสะสาง “หล่อน” ที่ไม่เคยสำนึกผิดกับการกระทำของตัวเองกำลังถูก “เขา” ลงทัณฑ์ วิธีการลงโทษขอเขาไม่ธรรมดา นอกจากจะทำให้ครอบครัวเธอหมดเนื้อหมดตัว เขายังทำให้หล่อนมาอยู่ในฐานะนางบำเรอ ที่ยิ่งนับวันความเร่าร้อนของจำเลย จะยิ่งทำให้โจทก์หวั่นไหว และโขกสับหล่อนยิ่งกว่าทาส ทาสสวาทที่ไม่ธรรมดา...เพราะฤทธิ์เดชยิ่งกว่าพริกร้อยเม็ด! “ถ้าเธอไม่หยุดทำให้ฉันปวดหัว ฉันจะจูบเธอต่อหน้าคนงาน” ภาวินทร์ขู่เสียงเขียว จ้องมองสาวตรงหน้าที่ยืนเท้าเอว ไม่มีทีท่าเกรงกลัวเขาแม้แต่น้อย “ถ้าคุณจูบฉันต่อหน้าคนงาน ฉันก็จะจูบพี่ชาตรีต่อหน้าคุณเหมือนกัน” เจอย้อนแบบนี้เข้าไป ภาวินทร์ถึงกับอ้าปากค้าง ไม่คิดว่าเธอจะยอกย้อนเช่นนี้ ก่อนจะหันไปมองชาตรี ลูกน้องคนสนิทที่สะดุ้งสุดตัวเมื่อรู้ว่าตนเข้าไปอยู่สงครามประสาท “เธอกล้าเหรอ” ภาวินทร์เสียงเข้มกว่าเก่า “คุณก็ลองทำดูสิ แล้วคุณจะรู้ว่าฉันทำจริงหรือไม่จริง” เอมิกาท้ากลับ เชิดหน้าใส่ “ฉันทำให้คุณดูตอนนี้เลยก็ได้นะ มามะ พี่ชาตรีจ๋า มาให้เอมจูบหน่อย” ผู้พูดเดินตรงไปหาชาตรีที่ก้าวถอยหนีด้วยความกลัว เขาไม่ได้กลัวว่าเอมิกาจะจูบตนจริงๆ แต่กลัวแววตา ท่าทางของเจ้านายตัวดีต่างหาก กลัวว่าเท้าหนักๆ ของเจ้านายจะประเคนใส่หน้าตน ภาวินทร์ถึงกับทนไม่ไหว ตะเบ็งเสียงเรียกสาวแสบดังลั่น “เอมิกา!” ไม่พูดเปล่า เขาก้าวฉับๆ ไปหาร่างแน่งน้อย ก่อนจะจับหล่อนพาดบ่า เดินลิ่วๆ ไปบ้านพัก เดินไปตีก้นหล่อนไปด้วย ไม่สนใจเสียงร้อง และกำปั้นน้อยๆ ที่ทุบหลังเขาไม่หยุด “ร้ายนักนะ ร้ายอย่างนี้เดี๋ยวจะทำให้คลานลงจากเตียงเลยคอยดู” มาดูกันสิว่า คดีนี้ใครจะชนะระหว่าง โจทก์หนุ่มสุดหล่อกับจำเลยสุดสวย ใครคือผู้ชนะ
เมียบำเรอในหัวใจ
มหาเศรษฐี
5.0
ความรักกับความแค้น เหมือนมีเส้นบางๆ กั้นอยู่ เขาตั้งมั่นตั้งใจ ชำระแค้นหล่อนเต็มที่ พอถึงเวลานั้นจริง ตะวันฉายพ่ายแพ้ว่าจันทร์ ชนิดที่ว่า ย่อยยับ แล้วยังมีเด็กหญิงหน้าตาน่ารัก เจ้าของเสียงหวานใส ที่มาพร้อมกับความอ้อนแบบเกินล้าน ตะวันฉายแทบลืมความแค้น มีเพียงความรู้สึกเดียวที่ตระหนักในใจ รักหล่อนสุดหัวใจ... ... "ผู้หญิงแพศยา...เพล้ง" เจ้าของเสียงปาแก้วไวน์ในมือ กระทบกับฝาผนังห้องเต็มแรง ตามอารมณ์คุกรุ่นในหัวใจ กำปั้นทุบลงบนมินิบาร์หลายครั้ง ใบหน้าแดงก่ำจากพิษรักฝังอุรา สี่ปีแล้ว สี่ปีที่ตะวันฉายไม่เคยลืมว่าจันทร์ สตรีคนแรกที่เขารักหมดใจ รักแบบไม่เผื่อความเจ็บปวด เสียใจหรือผิดหวัง เพราะคิดว่า หล่อนไม่มีวันทรยศตน ผิดไปจากที่คิด... ว่าจันทร์มีชายอื่น หล่อนตีปีกจากไป ใช้ชีวิตคู่กับชายคนนั้น มิเพียงแค่นั้น ยังมีโซ่ทองคล้องใจ เป็นเด็กหญิงวัยสามปีกว่า ว่าจันทร์มีความสุข ในขณะที่ตะวันฉายทุกข์ทรมานใจ ผ่านมาหลายปี ความรู้สึกนี้เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน ใหม่สดยกไปจากจิตใจไม่ได้ และไม่มีวันบรรเทา หากไม่ได้ชำระแค้นหญิงชั่ว ชายเลวให้สาสมใจ ใครทำให้ตะวันฉายเจ็บ คนนั้นต้องเจ็บมากกว่าเขาร้อยเท่าพันทวี แก้แค้นสี่ปี ก็ยังมิสาย...
พยาบาทรักลวงใจ
มหาเศรษฐี
5.0
“จำใส่หัวของเธอเอาไว้ ฉันไม่เคยรักเธอเลย แม้แต่คิดก็ยังไม่เคย สิ่งที่ฉันทำ ลงไปทั้งหมดมันเป็นแผนการของฉันเอง แผนที่จะทำให้เธอรักเธอหลงฉันจนโงหัวไม่ขึ้น แล้วต่อจากนั้นฉันก็จะเขี่ยเธอออกไปจากชีวิตของฉัน เหมือนกับที่เธอเคยทำกับผู้ชาย หลายคนยังไงล่ะ ให้เธอเจ็บเจียนตาย ให้สาสมกับสิ่งที่เธอทำเอาไว้” คำพูดประโยคไร้ซึ่งความใยดีของเขา มันมีอานุภาพความเจ็บที่รุนแรงโหมซัด มันทิ่มแทงทะลุผิวเนื้อชั้นนอกแทรกซอนเข้าไปถึงเนื้อใน บริเวณหัวใจคือจุดที่เธอเจ็บช้ำ จากเข็มเหล่านี้มากที่สุด เจ็บลึกลงไปถึงขั้วหัวใจ ลมหายใจของเธอนั้นก็ไม่ต่างกันเลย วชิราภรณ์กำลังสูดความปวดร้าวความเสียใจเข้าไปในร่างกาย หล่อรวมกับเจ็บช้ำที่อัด แน่นในหัวใจ ไม่ต้องบอกเลยว่าตอนนี้เธอมีความรู้สึกอย่างไร ตรอมตรมเกินกว่าที่จะ หยั่งได้ว่ามากน้อยแค่ไหน
ตรวนเสน่หาคล้องใจ
มหาเศรษฐี
5.0
“พี่ถามตรงๆ นะว่า น้องไหมเป็นลูกของพี่ใช่ไหม” ช่วงเวลาสั้นๆ ไม่กี่นาที เดือนแรมไม่ได้ตั้งตัว ไม่ได้เตรียมใจในหลายเรื่อง คำถามนี้ก็เช่นกัน เธอไม่คาดฝันว่าได้เจอณนนท์ ยิ่งเขาได้เจอไหมขวัญด้วยแล้ว เป็นเรื่องที่ไกลความคิดมาก การถูกตามแบบขวานผ่าซาก เธอจึงไม่ตระเตรียมคำตอบไว้ “พี่ถาม แรมต้องตอบ” “ไม่ใช่ น้องไหมไม่ใช่ลูกของคุณ” เดือนแรมตอบกลับ พยายามปั้นสีหน้าจริงจัง ดวงตาแน่วแน่ไม่สั่นไหว ทว่าการปั้นหน้านั้นทำง่าย นัยน์ตานี่สิ ยากเหลือเกิน “คุณเอาความมั่นใจมาจากไหน ถึงคิดว่าน้องไหมเป็นลูกของคุณ อย่าลืมสิว่า เราเลิกกันหลายปีแล้วนะ ฉันอาจมีสามีใหม่ที่พร้อมใช้ชีวิตคู่กับฉันจริงๆ ก็ไม่แปลกที่ฉันจะมีน้องไหม” เดือนแรมย้ำคำว่า พร้อมใช้ชีวิตคู่กับฉันจริงๆ พูดด้วยนัยน์ตาสั่นระริก ณนนท์ไม่ได้สนใจกับคำพูดเน้นหนัก เพราะตอนนี้ใขเขามุ่งอยู่กับเรื่องไหมขวัญ “เท่าที่พี่จำได้ พี่ไม่ได้เลิกกับแรมนะ อยู่ๆ แรมก็หนีพี่ไป พี่อยากรู้เหมือนกันว่า แรมทำอย่างนั้นทำไม” ณนนท์คล้ายยิงคำถามใส่ จ้องมองนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนที่ยังคงสวยและมีเสน่ห์เช่นเดิม เพิ่มเติมคือมีความกลัว หวาดระแวงจนเขาจับสังเกตได้ “ส่วนเรื่องที่แรมบอกว่ามีผัวใหม่ ถ้ามีจริง ทำไมน้องไหมถึงบอกว่า ไม่มีพ่อจนต้องแคะกระปุกออมสินเพื่อเอาเงินไปเช่าพ่อ ไปงานวันพ่อน่ะ แรมตอบคำถามนี้ได้ไหมล่ะ” เดือนแรมทำท่าอึกอักขึ้นมาทันที คำถามณนนท์ เธอตอบได้ ทว่าเลือกไม่ตอบ เพราะไม่อยากให้เขาเข้ามาวุ่นวายในชีวิตตน เขาไม่ต้องการเธอก็เท่ากับว่าไม่ต้องการลูกด้วย “จะด้วยเหตุผลอะไรก็ช่าง ฉันไม่จำเป็นต้องตอบคุณ เรื่องระหว่างคุณกับฉันจบไปตั้งนานแล้ว จะรื้อฟื้นทำไม” เดือนแรมต้องทำใจแข็งเข้าไว้ “ส่วนเรื่องพ่อของน้องไหม เขาตายไปตั้งแต่ฉันท้องได้สี่เดือน นี่แหละคำตอบของฉัน” ณนนท์ไม่เชื่อคำตอบเดือนแรมเลยสักนิด เขาก้าวเดินไปหาร่างสาวช้าๆ เธอถอยก้าวหนีร่างหนาก้าวต่อก้าว จนแผ่นหลังชิดผนังห้อง “แรมอย่าลืมสิว่า แรมโกหกไม่เก่ง แล้วพี่ก็จับพิรุธคนโกหกเก่งมาก ที่แรมพูดมาทั้งหมดเป็นเรื่องโกหก พี่จะถามดีๆ อีกครั้ง ถ้าแรมยังโกหกพี่อีกล่ะก็ ได้เห็นดีกันแน่” “คะ...คุณจะทำอะไรฉัน อย่าเข้ามานะ” เธอห้ามเสียงหลง หัวใจเต้นแรงมาก มองเขาด้วยใจหวาดหวั่น “ตอบคำถามพี่มาก่อนสิ ตอบถูกใจจะไม่ทำอะไร แต่ถ้าไม่ โดนดีแน่” ไม่วายขู่ ยิ่งโดนขู่ ใจเดือนแรมยิ่งทำงานหนัก “น้องไหมไม่ใช่ลูกของคุณ” แม้กลัวแต่ก็ตอบออกไป “ไม่ใช่ลูกของคุณ” เดือนแรมย้ำตอบสองครั้ง หมายให้ณนนท์เข้าใจและตระหนักตามคำตอบนั้น แต่ดูเหมือนว่า ณนนท์ไม่เชื่อเธอเลยสักนิดเดียว เขาจ้องมองแววตาติดสั่น และพยายามหลบสายตา “ตรวจดีเอ็นเอ” พูดแค่นี้เดือนแรมก็รู้ความหมาย ณนนท์ไม่ลดละ แถมก้าวเดินมาหาเธออีกหนึ่งก้าว ระยะห่างตอนนี้ประมาณสองศอก ใกล้มาก ใกล้จนเธอทำตัวไม่ถูก ขยับเท้าไปทางด้านข้างหลายก้าวเพื่อหนีร่างหนา “ไม่ตรวจ” จบคำพูดประโยคนี้ ณนนท์ประชิดตัวเดือนแรม รั้งเอวสาวด้วยลำแขนใหญ่ เธอตกใจจนตัวสั่น อ้าปากค้างไม่คิดว่าเขาทำเช่นนี้ มือดันอกกว้าง “ปะ...ปล่อยนะ” “ทำไมไม่ตรวจ กลัวเหรอ” “ไม่ได้กลัว” ตอนนี้เดือนแรมยิ่งกว่ากลัวเสียอีก กลัวมากที่สุดคือ กลัวใจตัวเอง “ไม่กลัวก็ตรวจสิ จะได้รู้กันไปเลยว่า น้องไหมเป็นลูกสาวของพี่หรือเปล่า” ณนนท์ตื้อไม่หยุดเพราะมั่นใจว่า ไหมขวัญเป็นลูกตน
ทัณฑ์บำเรอมาเฟีย
มหาเศรษฐี
5.0
ทุกอย่างจบสิ้น ขาทั้งสองข้างปรินดาสั่น ร่างกายอ่อนเพลียมากเพราะนับตั้งแต่เครื่องบินขึ้นสู่รันเวย์ เธอตกเป็นนางบำเรอของฌอร์นนานหลายชั่วโมง และเวลานี้เธอก็ทนไม่ไหว ความเป็นหญิงร้อนฉ่าและเจ็บปวด ปรินดาหลับตาขับน้ำตาให้ไหลย้อนกลับไป ไม่อยากให้เขาเห็นความอ่อนแอของตน แต่เขาก็เห็นจนได้... “ถูกกระแทกแค่นี้ทำเป็นเจ็บ โดนฉันมาไม่รู้กี่ครั้งแล้วไม่ชินหรือไง” ไม่มีความอ่อนโยนในน้ำเสียงและแววตา เขามองปรินดาด้วยสายตาสมเพชมากกว่า “ลุกขึ้นแล้วตามฉันไปห้องน้ำ ฉันจะเอาเธอในห้องน้ำอีกรอบแล้วจะปล่อยให้เธอพัก” พูดจบก็ผละร่างอย่างไม่ใยดี เดินโทงๆ เข้าไปในห้องน้ำ ปรินดายันตัวลุกนั่ง เจ็บระบมไปทั้งกาย แต่ก็ต้องฝืนทำตามคำสั่ง ก้าวเดินแข้งขาสั่นไปยังสถานที่เดียวกับฌอร์น ทำหน้าที่บำเรอกามด้วยใจร้าวราน