Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon

อัญญาณี

หนังสือของ อัญญาณี(55)

รักร้อนเพลิงพยาบาท 25+

รักร้อนเพลิงพยาบาท 25+

มหาเศรษฐี
5.0
ความพยาบาทของเธอ ทำให้ทุกคนต่างสะพรึงกลัว ยกเว้นเขา...รัฐรวินทร์ ที่จะใช้ความรักทั้งหมดสลายความพยาบาทในใจเกวลิน เขาคือทายาทตระกูลอัครธนากุล ตระกูลมหาเศรษฐีของเมืองไทย เธอคือหญิงสาวชาวบ้านธรรมดาที่ไร้พิษสง แต่ก็ไม่ใช่ว่า เป็นลูกไก่ในกำมือ “เพี้ยะ!” ฝ่ามือเล็กฝาดลงไปบนแก้มรัฐรวินทร์เต็มแรง จนเกิดรอยฝ่ามือบนผิวแก้มเขา “เธอกล้าตบหน้าฉันเหรอ” เขาถามเสียงเข้ม แววตาลุกโชนด้วยความโกรธ “ก็ใช่น่ะสิ ก็คุณอยากปากหมาทำไม แค่นี้มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ” เกวลินตอบด้วยทีท่าไม่เกรงกลัว ทว่าความเป็นจริงนั้นไม่ใช่ ในใจเต้นรัวจากความกลัวชายตรงหน้าที่อาจบีบคอเธอตายได้ “สองครั้งแล้วนะ สองครั้งแล้วที่เธอตบหน้าฉัน เธอจำไม่ได้หรือว่า เธอตบหน้าฉันครั้งแรก เธอต้องเจอกับอะไรบ้าง เธอคงอยากจะกระอักเป็นครั้งที่สองใช่ไหม” เขาถามเสียงเหี้ยม แววตาไร้ซึ่งความปราณี “แค่นี้ฉันก็กระอักเลือดมากพอแล้ว จะโดนอีกสักหน่อยคงไม่เป็นไร อีกอย่างคนอย่างคุณ มันก็หน้าตัวเมียอยู่แล้ว รังแกคนไม่มีทางสู้ เอาสิ เอาเลย ตบฉันเลย แตะฉันก็ได้ หรือว่าจะถีบฉัน ฉันก็ยินดี ฉันจะไม่ร้องขอชีวิตจากคุณ แต่ฉันจะจำทุกอย่างที่คุณทำกับฉัน แล้ววันหนึ่งฉันจะเอาคืนคุณอย่างสาสม” ตาต่อตา ฟันต่อฟัน เกวลินพูดโดยปราศจากความเกรงกลังรัฐรวินทร์ ชายหนุ่มที่กุมชีวิตตนกับครอบครัวไว้ในอุ้งมือ อุ้งมือของคนที่ไม่เคยให้คำว่า เมตตาปราณีกับตน
วิวาห์ไร้เสน่หา

วิวาห์ไร้เสน่หา

มหาเศรษฐี
5.0
งานแต่งงานที่ไร้ซึ่งความรัก ทำให้หัวใจสองดวงต้องเจ็บปวด หนึ่งรักมั่นคงกับอดีตคนรัก อีกหนึ่งหลงรักสามีไร้หัวใจ .......... “วันนี้ฉันไปงานวันเกิดเพื่อนที่โรงแรม ฉันเห็นเธอเดินกับผู้ชายที่นั่นด้วย คนนี้ใช่ไหมที่เธอบอกว่าเป็นเพื่อนและไปเที่ยวคลับด้วยกัน” น้ำเสียงติดเข้มห้วน ใบหน้าเรียบตึง มองพราวพรรณตาขวาง “ใช่ค่ะ คนนั้นคือพี่ไอซ์ เขาเป็นรุ่นพี่และเพื่อนสนิทของพราวเอง” พราวพรรณตอบตามตรง ไม่มีอะไรต้องปิดบัง “เพื่อนแน่เหรอ” พุฒิวัตรถาม เขาไม่อยากเชื่อว่าสิ่งที่เธอพูดมาเป็นความจริง เพราะภาพที่เขาเห็นมันมีอะไรมากกว่านั้น “แน่สิค่ะ” พราวพรรณย้ำ ไม่เข้าใจว่าทำไมพุฒิวัตรถึงถามเรื่องปวีณวิชมากมายขนาดนี้ “เพื่อนที่ไหนเขาไปกันเที่ยวกันกลางค่ำกลางคืนสองต่อสอง เธอบอกความจริงฉันมาดีกว่าว่า หมอนั่นเป็นใคร” กระแสเสียงเข้มขึ้นกว่าเดิม นัยน์ตาคุกรุ่นไม่พอใจ “พี่ไอซ์เป็นเพื่อนพราวจริงๆ ค่ะ แล้วพราวไปกันหลายคน คุณเห็นแค่อยู่ในโรงแรม แต่ถ้าคุณเห็นตอนพราวอยู่ในคลับ คุณจะรู้ว่า พราวไม่ได้ไปกับพี่ไอซ์แค่สองคน” พราวพรรณอดทนอธิบายย้ำให้พุฒิวัตรฟัง “พราวไปงานเลี้ยงพร้อมเพื่อนอีกสองคนค่ะ คุณพุฒิไม่รู้จักเพื่อนพราวเลยเข้าใจผิดคิดว่าพราวไปกับพี่ไอซ์ จริงๆ แล้วพราวบังเอิญเจอพี่ไอซ์ด้วยซ้ำไป ไม่คิดว่าพี่ไอซ์จะมางานแต่งนี้ด้วย” “ก็ฉันไม่ได้อยากรู้จักเพื่อนของเธอ ฉันแค่อยากบอกกับเธอว่า ฉันไม่อยากถูกสวมเขา” พราวพรรณถึงกับหน้าชากับประโยคนี้ “ฉันไม่รู้หรอกนะว่า ความจริงผู้ชายคนนั้นมีความสัมพันธ์แบบไหนกับเธอ จะพี่ชาย เพื่อนหรือแฟน ฉันแค่อยากเตือนสติเธอ ตอนนี้เธอเป็นเมียฉันอยู่ ถึงแม้คนจะรู้ไม่กี่คนก็ตาม ฉันไม่อยากถูกสวมเขา คิดจะทำอะไรนึกถึงทะเบียนสมรสของเราด้วย ระงับความอยากไว้รอวันที่เราหย่ากันดีกว่า ซึ่งฉันคิดว่าคงไม่เกินปีหน้า เธอเข้าใจที่ฉันพูดใช่ไหม” เพี้ยะ... พุฒิวัตรพูดจบ เสียงฝ่ามือฟาดลงบนแก้มเขาเต็มแรงจนเกิดรอยนูนฝ่ามือ ใบหน้าคมคายหันไปตามแรงตบ ก่อนหันมองหน้าพราวพรรณด้วยสายตาวาวโรจน์ เพราะครั้งนี้เป็นครั้งแรกในชีวิตกับการถูกผู้หญิงตบหน้า “คุณเฉยชา ไม่เห็นฉันในสายตา ฉันทนได้ แต่มากล่าวหาว่าฉันมีชู้ ฉันไม่ขอทน” พราวพรรณระเบิดอารมณ์ใส่ เธอไม่คาดคิดว่าเขาจะคิดชั่วๆ แบบนี้ได้ “ฉันไม่เคยทำแบบนั้น แล้วฉันก็อธิบายให้คุณฟังไปแล้ว คุณจะเชื่อไม่เชื่อก็เรื่องของคุณ แต่อย่ามากล่าวหากัน มันมากเกินไป” “จะให้ฉันเชื่อได้ยังไงก็ภาพที่ฉันเห็นมันฟ้อง ว่าเธอกำลังมีชู้ เมื่อคืนก็ไปกับมัน คืนนี้ก็ไปกับมันอีก ไม่ใช่ว่าไปเที่ยวทะเลไปกับมันอีกนะ ติดใจอะไรมันหนักหนา มันทำเก่งกว่าฉันหรือไง เธอถึงได้อยากวิ่งเข้าหาชู้จนตัวสั่น” พุฒิวัตรไม่อั้นอารมณ์ เวลานี้มีทั้งความโกรธและความหึงหวงที่วิ่งเข้ามาในจิตใจโดยไม่รู้ตัว พุฒิวัตรกำลังเถียงกับตัวเองว่าความรู้สึกเขาตอนนี้คือ กลัวเธอสวมเขา ก็เท่านั้น
คลั่งรักเมียบำเรอ

คลั่งรักเมียบำเรอ

มหาเศรษฐี
5.0
เขมนัทต์แทบจะตกเก้าอี้เมื่อรู้ว่า หญิงสาวคนต่อไปที่จะมาเป็นเมียบำเรอเขาคือใคร เธอคือเอมิกา สาวน้อยกะโปโลที่ไม่เคยอยู่ในสายตาเขาเลย เจอหน้ากันทีไร เมินใส่เสมอ กลืนน้ำลายตัวเองแทบไม่ทัน... เขาพบกับคำนี้ เมื่อได้พบกับเอมิกาในลุคใหม่... จากเดินหนีเป็นพุ่งใส่....ใส่แบบไม่ยั้งด้วย ........ “มานี่สิ” เสียงเขมนัทต์ดังทำลายความเงียบ เอมิกาก้าวเดินมาหาคนสั่งด้วยขาค่อนข้างสั่น แต่หัวใจสั่นหนักกว่า ยิ่งเดินเข้าใกล้เขา อัตราการเต้นของหัวใจก็ยิ่งเพิ่มทวี เอมิกามาหยุดยืนริมเตียง เธอหลุบตามองลำแขนใหญ่ที่ยกขึ้นสูง และเคลื่อนตัวมาจับเอวตน ก่อนเขาจะออกแรงรั้งร่างสาวมานั่งบนตัก เก็บกักเอมิกาไว้ด้วยอ้อมแขน ทั้งสองจึงชิดใกล้กันมากขึ้น มีเพียงผ้าขนหนูที่พันรอบอกเอมิกาเท่านั้นที่กั้นกลาง ว้าว... กลิ่นกายเอมิกาหอมมาก หอมกระตุ้นความกำหนัดเขาได้เป็นอย่างดี เขาไม่รู้สึกเช่นนี้มาก่อน ความรู้สึกที่ว่า เพียงแค่ได้สัมผัสกลิ่นกายเธอ อารมณ์ตนจะพลุ่งพล่าน ความกำหนัดถูกปลุกขึ้นมาทันใด เขมนัทต์กอดเอมิกาแน่นขึ้น กดจมูกลงบนหัวไหล่เธอ วินาทีนี้ร่างเธอสั่นสะท้าน หัวใจเต้นกระหน่ำ ความตื่นเต้นปกคลุมจิตใจ “หอมจัง” เขมนัทต์พูดหลังจากได้สูดดมความหอมที่คละเคล้ากันระหว่าง กลิ่นโลชั่นกับกลิ่นแป้ง “ไม่รู้ว่า ตรงอื่นจะหอมอย่างนี้ไหม ไม่แน่อาจหอมกว่าด้วยซ้ำไป” โอ้ว... ประโยคนี้ชวนใจสั่นตัวสั่นเหลือเกิน เอมิกาไม่ใช่เด็กน้อยถึงไม่รู้ว่า ความนัยในคำพูดเขมนัทต์คืออะไร แรงสั่นทำให้เจ้าของอ้อมแขนลอบยิ้ม
ภรรยาแสนร้ายของพายัพ

ภรรยาแสนร้ายของพายัพ

มหาเศรษฐี
5.0
เมียใครที่ว่าร้าย ที่ว่าแน่ คงแพ้เมียพายัพแน่นอน เพราะหล่อนไม่ร้าย แต่หมัดและเท้าหนักมาก แต่ถึงกระนั้น ก็แพ้พายัพอยู่ดี จริงเหรอ... ............... "ฉันสัญญาค่ะว่า จะไม่ยุ่งทำแบบนั้นอีกแล้ว และขอโทษคุณด้วยค่ะ" หล่อนทำตาม "ยกมือไหว้ด้วย แล้วขอโทษใหม่" อังศุมาลีเริ่มหน้าตึง รู้ทันทีว่า เขาแกล้งตน แต่ถึงกระนั้นหล่อนไม่มีทางเลือก ทำตามคำสั่ง "ไหว้สวยๆ ด้วยนะ ถ้าไม่สวย ไม่ถูกใจ ไม่ให้ภาพนี้แน่ๆ" อังศุมาลียิ้มหวานมาก หวานเสียจนคนมองเห็นใจสั่นอย่างห้ามตัวเองไม่ได้ ส่งให้ดวงหน้าหล่อนมีความงดงาม ชวนมองมาก พายัพรีบยับยั้งความรู้สึกไหลลื่นให้อยู่กับที่ มองดูอังศุมาลียกมือไหว้ กล่าวคำขอโทษ "คราวนี้คืนรูปแม่ฉันได้หรือยังคะ" "ก็เดินมาเอาสิ" พายัพสะบัดรูปไปมา อังศุมาลีก้าวเดินไปหาร่างหนา แขนหล่อนยื่นออกไป หมายจับรูปในมือเขา ทว่าพายัพกลับชักมือหนี นำมือไขว้หลัง "นี่คุณจะผิดสัญญาเหรอ" อังศุมาลีถามเสียงขุ่น "ผิดสัญญาตรงไหนมิทราบ ฉันก็บอกอยู่นี่ว่า เดินมาเอาสิ แต่ไม่ได้บอกว่าจะให้ดีๆ นี่นา" พายัพเอาคืนอังศุมาลี ที่ทำกับตนไว้เจ็บแสบ ให้แค่ไหว้กับขอโทษมันดูน้อยไป ให้ร้อนหัวใจเล่นๆ ร่วมด้วย คงสนุกพิลึก "ถ้าอยากได้ก็ต้องพยายามหยิบเอง" ด้วยความโมโห อังศุมาลีก้าวเท้าไปหาร่างหนาใกล้กว่าเดิม ทุบอกเขาเต็มแรง จนคนถูกทำร้ายถึงกับเจ็บ ตกใจไม่คิดว่าหล่อนทำเช่นนี้ ยิ่งตกใจมากขึ้นกับการกระทำต่อมา ที่พายัพไม่ทันตั้งตัวเช่นกัน "โอ๊ย!" อังศุมาลีเหนี่ยวคอแข็งแรง ขยับตัวเข้าใกล้เขาอีกหน่อย เข่าสาวกระแทกเหมาะเหม็งตรงกล่องดวงใจพายัพ ที่ร้องโอดครวญจากความจุกเจ็บ ตัวงอ หน้าแดง รูปภาพในมือล่วงหล่นสู่พื้น อังศุมาลีรีบไปหยิบรูปภาพแสนรักทันที "ฉันไม่ลืมสัญญาที่ให้ไว้กับคุณเมื่อกี้นะ ที่ว่าจะไม่ยุ่งเรื่องคุณน่ะ แต่ไม่ได้บอกว่าจะทำไปจนกว่าเราหย่ากัน ฉันหมายถึงแค่วันนี้วันเดียว ให้คุณพักหายใจหายคอ พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ อ้อ...ขอบคุณนะสำหรับรูปแม่ของฉัน" อังศุมาลีบอกคนจุกแน่นไปทั้งตัว หัวใจเดือดดาลมาก แต่ทำอะไรหล่อนไม่ได้มากไปกว่า เก็บความแค้นไว้ ถูกทำร้ายตรงจุดนี้ เรี่ยวแรงพายัพไม่หลงเหลือ แค่ขยับตัวยังยาก เข่าอังศุมาลีหนักมาก พุ่งใส่เต็มแรง เกิดมาไม่เคยถูกผู้หญิงคนไหนเล่นงานเขาเช่นหล่อนมาก่อน คอยดูเถอะ พายัพเอาคืนเป็นสองเท่าแน่ "ฝากไว้ก่อนเถอะ ยัยตัวแสบ อูยย์"
คุณอาขา (อัญญาณี)

คุณอาขา (อัญญาณี)

มหาเศรษฐี
5.0
“คุณอาขา” เจ้าของเสียงหวานหยดย้อยดังกังวาน “ที่นี่ตอนดึกๆ อากาศหนาวจังเลยนะคะ ดูสิคะขนบนแขนของกุ๊กลุกพรึบเลยค่ะ” สาวน้อยวัยดรุณีถลกแขนเสื้อโค้ทขึ้นสูง แล้วยื่นลำแขนให้ชายหนุ่มข้างกายดูขนเส้นเล็กบนลำแขนที่ลุกชันตามอากาศหนาวเหน็บ ด้วยความหนาวเย็นนี้เองทำให้สาวร่างเล็กเบียดชิดผู้ปกครองวัยกำหนัดเพื่อหาไออุ่นอย่างเสียมิได้ ทั้งที่เธอสวมชุดกันหนาวแบบเต็มยศแล้วก็ตาม “ชะ...ใช่ค่ะอากาศมันเริ่มหนาวแล้ว หนาวมากๆ ด้วยค่ะ” เสียงใหญ่พูดขึ้น พยายามข่มอารมณ์บางอย่างที่แล่นพล่านในร่างกาย เธอหนาว...แต่เขากลับรู้สึกร้อน ร้อนรุ่มไปหมดทั้งตัว จนอยากจะถอดเสื้อผ้าออกจากกายแล้วใช้ความเย็นของอากาศดับไฟในร่าง ยิ่งเธอเบียดชิดร่างกายหาไออุ่น อุณหภูมิความร้อนยิ่งเพิ่มมากขึ้น ธาตุไฟในร่างแตกซ่านจะไม่ให้เขาเกิดอาการเช่นนี้ได้อย่างไร ก็เธอเล่นเบียดกระแซะกายหาไออุ่นอย่างเด็กขาดความอบอุ่น ดอกอุบลที่อยู่ภายใต้เสื้อโค้ทสัมผัสกับท่อนแขนกำยำของเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ ‘จะทนได้สักกี่น้ำวะเนี่ย’ คนปากแข็งพล่ามในใจ ปรายตามองณัฏฐลักษณ์ สาวน้อยวัยยี่สิบเอ็ดปี เด็กในปกครองตามันระยับที่โจนาธานปรารถนาจะพุ่งเข้าใส่วันละหลายๆ รอบ
รสรักเสน่หา

รสรักเสน่หา

มหาเศรษฐี
4.3
“ตูม” ร่างของอักษราที่ยังไม่ได้สติ แล้วยังจะถูกมัดมือมัดเท้าและปิดปาก ถูกโยนลงมาจากเรือด้วยมือของเจ้าของเกาะ ลูกน้องทั้งสามมองตากันไปมา อยากจะไปช่วยสาวน้อยผู้น่าสงสารใจจะขาด แต่ถ้าช่วยมีหวังพวกเขาต้องโดนบาทาของเจ้านายแน่นอน อักษรารู้สึกตัวเมื่อร่างกายกระแทกกับผืนน้ำ น้ำเค็มๆ ซึมผ่านเนื้อผ้าเข้ามาในปากและจมูกจนเธอเกิดอาการสำลัก เปลือกตาสาวเปิดขึ้นในเวลาต่อมาแต่ก็ต้องหลับลงอีกครั้ง เพราะน้ำทะเลเข้าไปในดวงตาของเธอจนเกิดความแสบ อักษรารีบทะลึ่งตัวขึ้นเหนือน้ำ โดยไม่รู้ว่าเวลานี้ตนเองตกอยู่ในสภาพอย่างไร “อื้อๆ อื้อๆ” ทันทีที่ขาทั้งสองข้างยืนอยู่บนทรายใต้น้ำ และรู้ว่าตัวเองถูกพันธนาการไว้ด้วยเชือกทั้งข้อมือและเท้า ปากก็เช่นกันหาได้มีอิสระถูกปิดทับด้วยผ้าผืนใหญ่ “อ๊าย!” ความที่ข้อเท้าเล็กถูกมัดด้วยเชือก ส่งผลให้เธอยืนได้ไม่ถนัดนัก เสียการทรงตัวจนร่างคะมำลงไปในผืนน้ำ แต่เธอก็พยายามยืนขึ้นอีกแต่สุดท้ายก็เป็นเหมือนเดิม อักษราจึงเลือกที่จะนั่งลงบนผืนทรายใต้น้ำที่มีความลึกประมาณครึ่งเมตร อักษรานั่งมองร่างสูงใหญ่ ผิวคล้ำน่าเกรงขาม ใบหน้าของเขามีหนวดเคราขึ้นเล็กน้อย ดวงตาคมกริบมองมายังเธอด้วยสายตาไม่เป็นมิตร เขากระโดดลงมาจากเรือเร็วก่อนจะเดินลุยน้ำทะเลมาหาเธอ “ไง ตื่นแล้วเหรอ นึกว่าจะตายเพราะยาสลบซะแล้ว” เสียงห้าวใหญ่พูดขึ้น ในขณะที่มาหยุดยืนเท้าเอวตรงหน้าเธอ อักษราเงยหน้ามองชายหน้าตาน่ากลัวที่จ้องหน้าเธอราวกับจะกินเลือดกินเนื้ออย่างหวาดกลัว ไม่เข้าใจว่าเขาทำเช่นนี้กับเธอทำไม จะถามก็ไม่ได้เพราะปากถูกปิดด้วยผ้าผืนใหญ่
จอมใจภาวินทร์

จอมใจภาวินทร์

มหาเศรษฐี
5.0
ความแค้นที่สะสมเป็นเวลาหลายปีกำลังถูกสะสาง “หล่อน” ที่ไม่เคยสำนึกผิดกับการกระทำของตัวเองกำลังถูก “เขา” ลงทัณฑ์ วิธีการลงโทษขอเขาไม่ธรรมดา นอกจากจะทำให้ครอบครัวเธอหมดเนื้อหมดตัว เขายังทำให้หล่อนมาอยู่ในฐานะนางบำเรอ ที่ยิ่งนับวันความเร่าร้อนของจำเลย จะยิ่งทำให้โจทก์หวั่นไหว และโขกสับหล่อนยิ่งกว่าทาส ทาสสวาทที่ไม่ธรรมดา...เพราะฤทธิ์เดชยิ่งกว่าพริกร้อยเม็ด! “ถ้าเธอไม่หยุดทำให้ฉันปวดหัว ฉันจะจูบเธอต่อหน้าคนงาน” ภาวินทร์ขู่เสียงเขียว จ้องมองสาวตรงหน้าที่ยืนเท้าเอว ไม่มีทีท่าเกรงกลัวเขาแม้แต่น้อย “ถ้าคุณจูบฉันต่อหน้าคนงาน ฉันก็จะจูบพี่ชาตรีต่อหน้าคุณเหมือนกัน” เจอย้อนแบบนี้เข้าไป ภาวินทร์ถึงกับอ้าปากค้าง ไม่คิดว่าเธอจะยอกย้อนเช่นนี้ ก่อนจะหันไปมองชาตรี ลูกน้องคนสนิทที่สะดุ้งสุดตัวเมื่อรู้ว่าตนเข้าไปอยู่สงครามประสาท “เธอกล้าเหรอ” ภาวินทร์เสียงเข้มกว่าเก่า “คุณก็ลองทำดูสิ แล้วคุณจะรู้ว่าฉันทำจริงหรือไม่จริง” เอมิกาท้ากลับ เชิดหน้าใส่ “ฉันทำให้คุณดูตอนนี้เลยก็ได้นะ มามะ พี่ชาตรีจ๋า มาให้เอมจูบหน่อย” ผู้พูดเดินตรงไปหาชาตรีที่ก้าวถอยหนีด้วยความกลัว เขาไม่ได้กลัวว่าเอมิกาจะจูบตนจริงๆ แต่กลัวแววตา ท่าทางของเจ้านายตัวดีต่างหาก กลัวว่าเท้าหนักๆ ของเจ้านายจะประเคนใส่หน้าตน ภาวินทร์ถึงกับทนไม่ไหว ตะเบ็งเสียงเรียกสาวแสบดังลั่น “เอมิกา!” ไม่พูดเปล่า เขาก้าวฉับๆ ไปหาร่างแน่งน้อย ก่อนจะจับหล่อนพาดบ่า เดินลิ่วๆ ไปบ้านพัก เดินไปตีก้นหล่อนไปด้วย ไม่สนใจเสียงร้อง และกำปั้นน้อยๆ ที่ทุบหลังเขาไม่หยุด “ร้ายนักนะ ร้ายอย่างนี้เดี๋ยวจะทำให้คลานลงจากเตียงเลยคอยดู” มาดูกันสิว่า คดีนี้ใครจะชนะระหว่าง โจทก์หนุ่มสุดหล่อกับจำเลยสุดสวย ใครคือผู้ชนะ
เมียบำเรอในหัวใจ

เมียบำเรอในหัวใจ

มหาเศรษฐี
5.0
ความรักกับความแค้น เหมือนมีเส้นบางๆ กั้นอยู่ เขาตั้งมั่นตั้งใจ ชำระแค้นหล่อนเต็มที่ พอถึงเวลานั้นจริง ตะวันฉายพ่ายแพ้ว่าจันทร์ ชนิดที่ว่า ย่อยยับ แล้วยังมีเด็กหญิงหน้าตาน่ารัก เจ้าของเสียงหวานใส ที่มาพร้อมกับความอ้อนแบบเกินล้าน ตะวันฉายแทบลืมความแค้น มีเพียงความรู้สึกเดียวที่ตระหนักในใจ รักหล่อนสุดหัวใจ... ... "ผู้หญิงแพศยา...เพล้ง" เจ้าของเสียงปาแก้วไวน์ในมือ กระทบกับฝาผนังห้องเต็มแรง ตามอารมณ์คุกรุ่นในหัวใจ กำปั้นทุบลงบนมินิบาร์หลายครั้ง ใบหน้าแดงก่ำจากพิษรักฝังอุรา สี่ปีแล้ว สี่ปีที่ตะวันฉายไม่เคยลืมว่าจันทร์ สตรีคนแรกที่เขารักหมดใจ รักแบบไม่เผื่อความเจ็บปวด เสียใจหรือผิดหวัง เพราะคิดว่า หล่อนไม่มีวันทรยศตน ผิดไปจากที่คิด... ว่าจันทร์มีชายอื่น หล่อนตีปีกจากไป ใช้ชีวิตคู่กับชายคนนั้น มิเพียงแค่นั้น ยังมีโซ่ทองคล้องใจ เป็นเด็กหญิงวัยสามปีกว่า ว่าจันทร์มีความสุข ในขณะที่ตะวันฉายทุกข์ทรมานใจ ผ่านมาหลายปี ความรู้สึกนี้เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน ใหม่สดยกไปจากจิตใจไม่ได้ และไม่มีวันบรรเทา หากไม่ได้ชำระแค้นหญิงชั่ว ชายเลวให้สาสมใจ ใครทำให้ตะวันฉายเจ็บ คนนั้นต้องเจ็บมากกว่าเขาร้อยเท่าพันทวี แก้แค้นสี่ปี ก็ยังมิสาย...
พยาบาทรักลวงใจ

พยาบาทรักลวงใจ

มหาเศรษฐี
5.0
“จำใส่หัวของเธอเอาไว้ ฉันไม่เคยรักเธอเลย แม้แต่คิดก็ยังไม่เคย สิ่งที่ฉันทำ ลงไปทั้งหมดมันเป็นแผนการของฉันเอง แผนที่จะทำให้เธอรักเธอหลงฉันจนโงหัวไม่ขึ้น แล้วต่อจากนั้นฉันก็จะเขี่ยเธอออกไปจากชีวิตของฉัน เหมือนกับที่เธอเคยทำกับผู้ชาย หลายคนยังไงล่ะ ให้เธอเจ็บเจียนตาย ให้สาสมกับสิ่งที่เธอทำเอาไว้” คำพูดประโยคไร้ซึ่งความใยดีของเขา มันมีอานุภาพความเจ็บที่รุนแรงโหมซัด มันทิ่มแทงทะลุผิวเนื้อชั้นนอกแทรกซอนเข้าไปถึงเนื้อใน บริเวณหัวใจคือจุดที่เธอเจ็บช้ำ จากเข็มเหล่านี้มากที่สุด เจ็บลึกลงไปถึงขั้วหัวใจ ลมหายใจของเธอนั้นก็ไม่ต่างกันเลย วชิราภรณ์กำลังสูดความปวดร้าวความเสียใจเข้าไปในร่างกาย หล่อรวมกับเจ็บช้ำที่อัด แน่นในหัวใจ ไม่ต้องบอกเลยว่าตอนนี้เธอมีความรู้สึกอย่างไร ตรอมตรมเกินกว่าที่จะ หยั่งได้ว่ามากน้อยแค่ไหน
ตรวนเสน่หาคล้องใจ

ตรวนเสน่หาคล้องใจ

มหาเศรษฐี
5.0
“พี่ถามตรงๆ นะว่า น้องไหมเป็นลูกของพี่ใช่ไหม” ช่วงเวลาสั้นๆ ไม่กี่นาที เดือนแรมไม่ได้ตั้งตัว ไม่ได้เตรียมใจในหลายเรื่อง คำถามนี้ก็เช่นกัน เธอไม่คาดฝันว่าได้เจอณนนท์ ยิ่งเขาได้เจอไหมขวัญด้วยแล้ว เป็นเรื่องที่ไกลความคิดมาก การถูกตามแบบขวานผ่าซาก เธอจึงไม่ตระเตรียมคำตอบไว้ “พี่ถาม แรมต้องตอบ” “ไม่ใช่ น้องไหมไม่ใช่ลูกของคุณ” เดือนแรมตอบกลับ พยายามปั้นสีหน้าจริงจัง ดวงตาแน่วแน่ไม่สั่นไหว ทว่าการปั้นหน้านั้นทำง่าย นัยน์ตานี่สิ ยากเหลือเกิน “คุณเอาความมั่นใจมาจากไหน ถึงคิดว่าน้องไหมเป็นลูกของคุณ อย่าลืมสิว่า เราเลิกกันหลายปีแล้วนะ ฉันอาจมีสามีใหม่ที่พร้อมใช้ชีวิตคู่กับฉันจริงๆ ก็ไม่แปลกที่ฉันจะมีน้องไหม” เดือนแรมย้ำคำว่า พร้อมใช้ชีวิตคู่กับฉันจริงๆ พูดด้วยนัยน์ตาสั่นระริก ณนนท์ไม่ได้สนใจกับคำพูดเน้นหนัก เพราะตอนนี้ใขเขามุ่งอยู่กับเรื่องไหมขวัญ “เท่าที่พี่จำได้ พี่ไม่ได้เลิกกับแรมนะ อยู่ๆ แรมก็หนีพี่ไป พี่อยากรู้เหมือนกันว่า แรมทำอย่างนั้นทำไม” ณนนท์คล้ายยิงคำถามใส่ จ้องมองนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนที่ยังคงสวยและมีเสน่ห์เช่นเดิม เพิ่มเติมคือมีความกลัว หวาดระแวงจนเขาจับสังเกตได้ “ส่วนเรื่องที่แรมบอกว่ามีผัวใหม่ ถ้ามีจริง ทำไมน้องไหมถึงบอกว่า ไม่มีพ่อจนต้องแคะกระปุกออมสินเพื่อเอาเงินไปเช่าพ่อ ไปงานวันพ่อน่ะ แรมตอบคำถามนี้ได้ไหมล่ะ” เดือนแรมทำท่าอึกอักขึ้นมาทันที คำถามณนนท์ เธอตอบได้ ทว่าเลือกไม่ตอบ เพราะไม่อยากให้เขาเข้ามาวุ่นวายในชีวิตตน เขาไม่ต้องการเธอก็เท่ากับว่าไม่ต้องการลูกด้วย “จะด้วยเหตุผลอะไรก็ช่าง ฉันไม่จำเป็นต้องตอบคุณ เรื่องระหว่างคุณกับฉันจบไปตั้งนานแล้ว จะรื้อฟื้นทำไม” เดือนแรมต้องทำใจแข็งเข้าไว้ “ส่วนเรื่องพ่อของน้องไหม เขาตายไปตั้งแต่ฉันท้องได้สี่เดือน นี่แหละคำตอบของฉัน” ณนนท์ไม่เชื่อคำตอบเดือนแรมเลยสักนิด เขาก้าวเดินไปหาร่างสาวช้าๆ เธอถอยก้าวหนีร่างหนาก้าวต่อก้าว จนแผ่นหลังชิดผนังห้อง “แรมอย่าลืมสิว่า แรมโกหกไม่เก่ง แล้วพี่ก็จับพิรุธคนโกหกเก่งมาก ที่แรมพูดมาทั้งหมดเป็นเรื่องโกหก พี่จะถามดีๆ อีกครั้ง ถ้าแรมยังโกหกพี่อีกล่ะก็ ได้เห็นดีกันแน่” “คะ...คุณจะทำอะไรฉัน อย่าเข้ามานะ” เธอห้ามเสียงหลง หัวใจเต้นแรงมาก มองเขาด้วยใจหวาดหวั่น “ตอบคำถามพี่มาก่อนสิ ตอบถูกใจจะไม่ทำอะไร แต่ถ้าไม่ โดนดีแน่” ไม่วายขู่ ยิ่งโดนขู่ ใจเดือนแรมยิ่งทำงานหนัก “น้องไหมไม่ใช่ลูกของคุณ” แม้กลัวแต่ก็ตอบออกไป “ไม่ใช่ลูกของคุณ” เดือนแรมย้ำตอบสองครั้ง หมายให้ณนนท์เข้าใจและตระหนักตามคำตอบนั้น แต่ดูเหมือนว่า ณนนท์ไม่เชื่อเธอเลยสักนิดเดียว เขาจ้องมองแววตาติดสั่น และพยายามหลบสายตา “ตรวจดีเอ็นเอ” พูดแค่นี้เดือนแรมก็รู้ความหมาย ณนนท์ไม่ลดละ แถมก้าวเดินมาหาเธออีกหนึ่งก้าว ระยะห่างตอนนี้ประมาณสองศอก ใกล้มาก ใกล้จนเธอทำตัวไม่ถูก ขยับเท้าไปทางด้านข้างหลายก้าวเพื่อหนีร่างหนา “ไม่ตรวจ” จบคำพูดประโยคนี้ ณนนท์ประชิดตัวเดือนแรม รั้งเอวสาวด้วยลำแขนใหญ่ เธอตกใจจนตัวสั่น อ้าปากค้างไม่คิดว่าเขาทำเช่นนี้ มือดันอกกว้าง “ปะ...ปล่อยนะ” “ทำไมไม่ตรวจ กลัวเหรอ” “ไม่ได้กลัว” ตอนนี้เดือนแรมยิ่งกว่ากลัวเสียอีก กลัวมากที่สุดคือ กลัวใจตัวเอง “ไม่กลัวก็ตรวจสิ จะได้รู้กันไปเลยว่า น้องไหมเป็นลูกสาวของพี่หรือเปล่า” ณนนท์ตื้อไม่หยุดเพราะมั่นใจว่า ไหมขวัญเป็นลูกตน
ทัณฑ์บำเรอมาเฟีย

ทัณฑ์บำเรอมาเฟีย

มหาเศรษฐี
5.0
ทุกอย่างจบสิ้น ขาทั้งสองข้างปรินดาสั่น ร่างกายอ่อนเพลียมากเพราะนับตั้งแต่เครื่องบินขึ้นสู่รันเวย์ เธอตกเป็นนางบำเรอของฌอร์นนานหลายชั่วโมง และเวลานี้เธอก็ทนไม่ไหว ความเป็นหญิงร้อนฉ่าและเจ็บปวด ปรินดาหลับตาขับน้ำตาให้ไหลย้อนกลับไป ไม่อยากให้เขาเห็นความอ่อนแอของตน แต่เขาก็เห็นจนได้... “ถูกกระแทกแค่นี้ทำเป็นเจ็บ โดนฉันมาไม่รู้กี่ครั้งแล้วไม่ชินหรือไง” ไม่มีความอ่อนโยนในน้ำเสียงและแววตา เขามองปรินดาด้วยสายตาสมเพชมากกว่า “ลุกขึ้นแล้วตามฉันไปห้องน้ำ ฉันจะเอาเธอในห้องน้ำอีกรอบแล้วจะปล่อยให้เธอพัก” พูดจบก็ผละร่างอย่างไม่ใยดี เดินโทงๆ เข้าไปในห้องน้ำ ปรินดายันตัวลุกนั่ง เจ็บระบมไปทั้งกาย แต่ก็ต้องฝืนทำตามคำสั่ง ก้าวเดินแข้งขาสั่นไปยังสถานที่เดียวกับฌอร์น ทำหน้าที่บำเรอกามด้วยใจร้าวราน
สุดปรารถนา

สุดปรารถนา

มหาเศรษฐี
5.0
“ฉันจะอ่อนโยนกับเธอให้เหมือนผีเสื้อมาบินมาเกาะเกสรดอกไม้” เขาเอ่ยชิดเรียวปากคู่สวย แล้วจูบซ้ำๆ ลงไปอีกหลายครั้ง สุดปรารถนาปรือตามองเขา อารมณ์เธอสั่นพร่า หวามไหวไปกับสัมผัสรัญจวน ที่เพียงแค่จุมพิต เธอรู้สึกเหมือนวิญญาณออกจากร่าง “เธอรู้ไหมว่า เวลาผีเสื้อบินมาดูดน้ำหวานจากเกสรดอกไม้ ผีเสื้อจะรู้สึกยังไง แล้วน้ำของเกสรดอกไม้จะหมดไปหรือเปล่า ว่าไงตอบฉันมาสิ ว่ารู้ไหม” “ไม่รู้ค่ะ” เธอตอบเสียงสั่น มองหน้าเขาในระยะห่างไม่ถึงคืบด้วยใจไหวหวั่นและขวยเขิน “แล้วอยากรู้ไหมว่า ผีเสื้อจะรู้สึกยังไงและน้ำหวานจะหมดไปหรือเปล่า” เขาถามต่อ แล้วดูเหมือนว่าอลงกตจะใจร้อนไม่เอาคำตอบ “ฉันจะทำให้เธอรู้ด้วยตัวเอง” สุดปรารถนาไม่เข้าใจคำพูดของอลงกต เธอจะรู้ได้อย่างไรในเมื่อไม่ใช่เกสรดอกไม้และไม่ใช่ผีเสื้อ ทว่าความสงสัยกลายเป็นความตกใจ เมื่อเขาลดตัวไปฝังหน้าอยู่กับความเป็นอิสตรีเพศโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว จะหนับขาก็ไม่ทัน จะดันหน้าเขาให้ถอยห่างก็ไม่ได้
อุ้มรักนางบำเรอนอกหัวใจ

อุ้มรักนางบำเรอนอกหัวใจ

มหาเศรษฐี
5.0
ความทรงจำอันเลวร้ายในอดีต เธอจำฝังใจ และเมื่อเขากลับเข้ามาในชีวิต หญิงสาวที่เคยอ่อนแอ ยอมจำนนทุกอย่าง ลุกขึ้นสู้ชายใจร้าย ใจดำ ให้รู้ว่า เธอไม่ได้อ่อนแอ ไม่ได้เป็นเบี้ยล่างเขาอีกต่อไป เขาต่างหาก ที่ต้องสิโรราบ หมอบกราบแทบเท้าตน ...................... "ได้โปรด...อย่าทำเอย เอยกลัวแล้วค่ะคุณยักษ์" ณศรินทร์ ยกมือไหว้ขอความเมตตา กระเถิบตัวหนีร่างสูงใหญ่ที่กำลังถอดเสื้อผ้า นัยน์ตาเขาไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย พร้อมฆ่าเธอได้ทุกเมื่อ "เธอร่านไม่ใช่เหรอ ฉันคงทำให้เธอไม่อิ่ม เธอถึงได้เที่ยวร่านไปแบให้ใครต่อใคร วันนี้ฉันจะทำให้เธอกระอักอิ่มไปหลายวัน" ............... "ต่อให้คุณกราบเท้าฉัน ขอร้องอ้อนวอนฉัน ทำดีกับฉันต่างๆ นานา เพื่อให้ฉันอภัยคุณ บอกไว้นะว่า ต่อให้คุณกราบเท้าฉันจนมือทะลุลงไปใต้ภิภพ ทำดีกับฉันจนตัวตาย ฉันก็ไม่มีวันยกโทษ คุณต้องได้รับโทษที่ทำไว้กับฉัน ฉันจะทำให้คุณรู้สึกเหมือนหมาข้างถนน ที่ไม่มีใครต้องการ" ณศรินทร์กล่าวไว้
โซ่เสน่หาชีคทมิฬ

โซ่เสน่หาชีคทมิฬ

มหาเศรษฐี
5.0
“ปากเธอทั้งหวานทั้งหอมเลย” ฟาฎิลปล่อยปากสาวให้เป็นอิสระเพื่อให้อนัญญาได้หายใจ ทั้งที่ไม่อยากทำสักเท่าไหร่ “คอยดูนะ ถ้าฉันขึ้นไปจากสระได้เมื่อไหร่ ฉันจะชกหน้าคุณ จะชกเป็นร้อยทีเลย” อนัญญาอยากทำตามปากว่าตอนนี้เลย แต่ก็ทำไม่ได้เพราะหล่อนอยู่ในน้ำ กลัวจมน้ำก็กลัว อยากอัดหมัดใส่หน้าฟาฎิลก็อยากทำ และที่สำคัญหญิงสาวเขินอายที่ถูกชีคหนุ่มขโมยจูบแรกไปแบบไม่ทันตั้งตัว พวงแก้มขึ้นเลือดฝาดส่งผลให้ใบหน้าหล่อนชวนมองมากขึ้น “จูบหนึ่งครั้งถูกชกหนึ่งทีก็คุ้มนะ งั้นฉันต้องจูบเธอบ่อยๆ ซะแล้ว” ฟาฎิลพูดไปยิ้มไป “จะบ้าเหรอ ฉันไม่ให้คุณจูบหรอก ถ้าคุณจูบฉันอีกล่ะก็ฉันจะชกหน้าคุณให้ดั้งหักเลยคอยดู” หล่อนขู่ “แล้วก็จะกัดลิ้นคุณให้ขาดด้วย” “เธอไม่มีวันได้กัดลิ้นฉันหรอก” อนัญญาใจชื้นเพราะคิดว่าเขากลัวคำขู่ตน ทว่าคำพูดประโยคต่อมา ทำให้หล่อนถึงกับตกใจ “เพราะครั้งหน้าฉันจะจูบเธอแบบไม่สอดลิ้น”
ดั่งลมต้องรัก

ดั่งลมต้องรัก

โรแมนติก
5.0
ลมพัดความรักมาสู่ใจ และลมพัดความรักเก่าหวนคืน ...... พันลภตัวแข็งทื่อตรงหน้าประตูบ้าน เมื่อเห็นสตรีดวงหน้าสวยหวาน แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางบางเบา แต่กลับทำให้เธอโดดเด่นสวยงามจับตา เป็นความงดงามไม่เคยเปลี่ยนแปลง แม้ว่าเวลาผันผ่านมานานหลายปีที่ไม่ได้เจอหน้ากัน อัญชิสานั่งบนโซฟา เธอส่งยิ้มให้เจ้าของบ้านที่ยังยืนอยู่จุดเดิม ราวกับถูกแช่แข็ง ร่างกายขยับเขยื้อนไม่ได้ ก่อนขยับสายตามองเด็กชายที่ไม่ทราบแน่ชัดว่าอายุเท่าใดข้างกายเธอ ใช่อัญชิสาจริงๆ ด้วย...พันลภครางในใจ นัยน์ตายังไม่ถอนจากใบหน้าเธอ “พี่พีท” เสียงหวานของอัญชิสาทำลายความเงียบ เธอส่งยิ้มให้พันลภกว้างขึ้น “ไอซ์” ชื่อเล่นนี้จำได้ขึ้นใจ “ไอซ์มาที่นี่ได้ยังไงครับ” อัญชิสายังไม่ตอบ เธอหันไปทางเด็กชาย ประโยคหนึ่งดังจากปากสาว เรียกความตกใจให้พันลภ ชนิดที่ว่า อ้าปากค้าง หัวใจแทบหยุดเต้น มองสองแม่ลูกสลับกันไปมา “น้องแชมป์ครับ ไหว้คุณพ่อพีทสิลูก” เด็กชายชณาทิปลุกขึ้นยืน เดินไปหาพันลภที่เอาแต่มองหน้าคนกำลังเดินมาหาตนนิ่ง “ลูกเหรอคะ เด็กคนนี้เป็นลูกชายพี่พีทหรือคะ” พันลภหันขวับมองต้นเสียง ที่ตกอยู่ในอาการตกใจไม่ต่างกับตน รวมถึงกลุ่มคนที่เดินมาสมทบ ทั้งหมดได้ยินคำถามประภาวรรณพอดี สายตาพุ่งตรงไปยังอัญชิสากับเด็กชายที่กล่าวอ้างว่า เป็นลูกชายพันลภ “ใช่ลูกพี่พีทจริงหรือคะ” “ใช่ค่ะ น้องแชมป์เป็นลูกพี่พีทกับไอซ์ค่ะ” อัญชิสาตอบแทน พันลภถึงกับทำอะไรไม่ถูก ปกติเขาไม่ใช่คนยอมรับเรื่องที่ไม่ใช่ ครั้งนี้เขาพูดไม่ออก ราวกับว่าลืมวิธีพูดก็ว่าได้ ยืนนิ่งมองหน้าอัญชิสาสลับกับมองหน้าประภาวรรณที่ตกอยู่อารามตกใจ พันลภสัมผัสได้ถึงความเสียใจในแววตาน้องสาวเพื่อนสนิท หัวใจเขาสั่นไหวขึ้นมาทันทีทันใด
เชลยสวาทชีคร้าย

เชลยสวาทชีคร้าย

มหาเศรษฐี
5.0
กชนิภา...ตกเป็นของชีคใจร้ายด้วยความผิดที่ไม่ได้ก่อ ชีคอัสวาน...เห็นเธอเป็นเพียงเครื่องระบายความแค้น ความแค้นที่ลดลงในทุกๆ วัน และมีความรู้สึกอื่นเข้ามาแทนที่ โดยไม่รู้ตัว... ... “อย่าทำอะไรพี่ชายฉันเลย ฉันไหว้ล่ะ พี่ชายฉันไม่ได้ลงมือข่มขืนด้วย อย่าลงโทษถึงตายเลยนะคะ” กชนิภาอ้อนวอนอัสวาน ยกมือไหว้ชีคผู้เหี้ยมโหดตามปากพูด อัสวานมองหญิงสาวที่กล้าต่อปากต่อคำกับตนทั้งที่พี่ชายตัวเองผิดด้วยสายตาแข็งกร้าว ก่อนยกมือเป็นสัญญาณให้ลูกน้องหยุดลากตัวชายทั้งสองคน “แลกกับอะไรล่ะ” กชนิภาเงยหน้ามองคนพูด “เงินเหรอคะ คุณต้องการเท่าไหร่ ฉันจะหามาให้คุณค่ะ” อัสวานกระตุกยิ้ม นัยน์ตาประกายความเจ้าเล่ห์ “เงินฉันมีเยอะ เยอะจนฉันใช้ไม่ไหว แล้วฉันจะต้องการเงินจากเธอทำไม” “แล้วคุณต้องการอะไร บอกฉันสิคะ ฉันจะรีบหามาให้คุณ ขอแค่คุณอย่าทำอะไรพี่ชายฉัน ฉันยอมทุกอย่าง” “ฉันอยากได้ของที่ฉันไม่มีมากกว่า” “อะไรคะ คุณต้องการอะไร” เมื่อมีโอกาส กชนิภารีบคว้า “ตัวเธอไงล่ะ ถ้าอยากให้พี่ชายเธอรอด เธอต้องเป็นนางบำเรอของฉัน” กชนิภาตกใจอ้าปากค้าง ดวงตาสั่นไหวเสมือนหัวใจที่เต้นเร็วแรง เธอไม่คิดว่าจะได้ยินประโยคนี้ ประโยคที่ทำให้ ร่างกายทุกสัดส่วนแข็งทื่อ อาการตกใจไม่ได้เกิดแค่กชนิภาคนเดียว ยศวินก็ตกใจไม่คิดว่า อัสวานจะยื่นข้อเสนอนี้ “ฮะซีนจัดการ” ของแบบนี้ต้องมีแรงกระตุ้น ฮะซีนรู้คำสั่ง เขาลากตัวยศวินเข้าใกล้กรงจระเข้ ยศวินออกแรงทั้งหมดที่มีดิ้นรนหนี แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรได้มาก ในที่สุดยศวินถูกลากไปถึงกรงสัตว์ร้าย ฮะซีนเปิดช่องตรงกรงกำลังทำแบบเดียวกับที่ฮาริมทำกับโอดิล “โรสช่วยพี่ด้วย พี่ยังไม่อยากตาย ช่วยพี่ด้วยโรส” ยศวินร้องตะโกนลั่น ความกลัวอาบทั่วจิตใจ ไม่สนใจว่าการที่ตนรอดตายจะแลกด้วยสิ่งใด “จัดการมันฮะซีน” อัสวานเปล่งเสียงคำสั่ง อาดีบเดินเข้ามาช่วยฮะซีนยกร่างยศวิน “ฉันยอมแล้ว ฉันยอมแล้ว” กชนิภาเสียงสั่น “ฉันยอมคุณแล้ว คุณก็ต้องรักษาสัญญาด้วย” อัสวานกระตุกยิ้ม พอใจกับคำตอบ ซึ่งเขามั่นใจเกินร้อยว่า เธอต้องยอม แล้วก็เป็นไปตามที่เขาคาดเดาไม่ผิดเพี้ยน “คนอย่างฉันพูดคำไหนคำนั้น” อัสวานบอกสาวปากกล้า ก่อนพยักหน้าให้ลูกน้องที่ปล่อยร่างยศวินกับอนันต์ คนเป็นพี่ชายรีบคลานมาหาน้องสาว กอดรัดร่างกชนิภาไว้แน่นแล้วเอ่ยขอบคุณเบาๆ โดยไม่นึกถึงใจคนเป็นน้องสักนิดว่า จะรู้สึกอย่างไร เสียใจมากแค่ไหนที่ต้องใช้ร่างกายแลกชีวิตพี่ชาย “งั้นคุณก็ปล่อยพี่ชายฉันสิ” “ปล่อยแน่ แต่ต้องหลังจากที่เธอทำตามข้อตกลงซะก่อน แล้วฉันถึงจะปล่อยตัวพี่ชายเธอ” “คุณกลัวฉันเบี้ยว แล้วคุณไม่คิดเหรอว่าฉันจะกลัวคุณผิดคำพูด” กชนิภาโต้กลับทันควัน “ฉันไม่เดือดร้อนนะ กับการไม่ไว้ใจฉันของเธอ เพราะคนที่ตายไม่ใช่ญาติพี่น้องของฉัน แต่เป็นพี่ชายเธอ” อัสวานยักไหล่พูด ไม่แยแสใครทั้งสิ้น “ฉันเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น ไม่มีตุกติกหรือเล่นแง่” กชนิภามองชายหนุ่มที่เป็นต่อตนทุกทาง อัสวานเหมือนผู้คุมเกม ไม่มีทางที่เธอจะต่อกรกับเขาได้ “ตกลงค่ะ คุณว่ายังไงฉันว่าตามนั้น” อัสวานกระตุกยิ้ม “ฉันจะให้พี่ชายเธอกับเพื่อนอยู่ที่นี่จนกว่าหน้าที่ของเธอจะเสร็จ แล้วฉันจะปล่อยมันสองตัว” กชนิภามองชายหน้าตาหล่อเข้มทว่าจิตใจโหดเหี้ยมทั้งน้ำตา เธอไม่เคยรู้สึกอดสูและตัวเองไร้ค่าเท่าวันนี้เลย แต่ถึงกระนั้นกชนิภาก็ไม่อาจต่อรองกับบุรุษที่ถือถ้วยรางวัลแห่งชัยชนะได้เลย กชนิภาเดินตามร่างสูงใหญ่ของอัสวานออกไปจากห้องใต้ดิน เพื่อทำหน้าที่นางบำเรอตามข้อตกลง
มนตร์พิศวาสอสูร

มนตร์พิศวาสอสูร

มหาเศรษฐี
5.0
บัณฑิตาหนีการคลุมถุงชนมาไกลถึงกรุงลอนดอน คิดว่าจะรอดพ้นจากการถูกบังคับ แต่โชคชะตากลับเล่นตลกกับหล่อน เมื่อมาเจอ “ผู้ชายในคืนนั้น” คืนที่เธอสูญเสียพรหมจรรย์ เขาพันธนาการหล่อนไว้ด้วยความสิเน่หาอันเร่าร้อน “คุณจำผมไม่ได้เหรอ” คำถามชายหนุ่มตรงหน้าเรียกความสงสัยให้บัณฑิตามากว่า ตนเคยเจอเขาด้วยหรือ หล่อนใช้ช่วงเวลาที่รู้สึกว่าไม่ปลอดภัยคิดทบทวนว่า เคยเจอเขาหรือไม่ “ไม่ ฉันไม่เคยเจอคุณ” “อ้อ...ผมลืมไป คุณจำผมไม่ได้ แต่ผมจำคุณได้ดี” คำพูดของเขายิ่งทำให้บัณฑิตางงหนักขึ้น “ผมคือผู้ชายคืนนั้นไง ผู้ชายที่ได้ความสาวของคุณ” เหยื่อติดกับแล้ว ราชสีห์หนุ่มไม่มีวันปล่อยหล่อนเด็ดขาด...
จอมมารสองใจ

จอมมารสองใจ

มหาเศรษฐี
5.0
“มารความสุข...ปัง!” เดลฟีน โบวิเย่ห์ เดอมาแตงค์กระแทกเสียงใส่สิรินยา ภรรยาที่ถูกต้องตามกฏหมาย และเป็นผู้หญิงที่เขาเกลียดที่สุดในชีวิต ก่อนจะปิดประตูใส่หน้าหล่อนโดยไม่สนใจความรู้สึกของผู้เป็นภรรยา เขาสนใจแต่ความรู้สึกของตัวเองเท่านั้น เกลียดคือเกลียด สิรินยาช้ำชอกกับการกระทำของสามีไม่พอ คำพูดของเขาตอกย้ำความเสียใจมากขึ้นไปอีก น้ำตาหล่อนไม่เพียงแค่ไหลอาบแก้ม แต่มันไหลลงไปในหัวใจ ไหลนองอยู่ในนั้น ไม่รู้ว่าวันใดน้ำตาของตนจะเหือดหายไปจากดวงใจเจ็บช้ำเสียที หรืออาจะไม่มีวันนั้นก็เป็นได้ “ทำไมคุณถึงทำกับฉันแบบนี้” “ก็เพราะเธอไม่ใช่เมญ่ายังไงล่ะ แต่เป็นผู้หญิงที่ฉันจะเหยียบหัวใจให้จมดิน” หล่อนเคยถามเขาถึงเหตุผลที่ทำเช่นนี้ และนี่คือคำตอบจากปากของชายที่สิรินยารักสุดหัวใจ เดลฟีนทำตามที่พูดไม่ผิดสักคำ เขาเหยียบหัวใจสิรินยาจนจมดิน กระทืบซ้ำๆ จนแหลกคาเท้าก็ว่าได้
หนี้รักทาสเสน่หา

หนี้รักทาสเสน่หา

มหาเศรษฐี
5.0
พิตตนันท์ถอยร่นจนแผ่นหลังชิดกับผนังปูน โดยมีร่างของชายหนุ่มที่ก้าวย่างเข้ามาใกล้ดั่งมัจจุราช แววตาของเขาทำให้เธอกลัวอย่างบอกไม่ถูก กลัวจนเธอไม่สามารถบรรยายออกมาได้ “อย่าทำอะไรต้นข้าวเลย..ต้นข้าวกลัวแล้ว” เธอพูดทั้งน้ำตา ตอนนี้กัณติพัฒน์หาได้มีความสงสารและเมตตาไม่ เพราะว่าเขาถูกความโกรธและแรงโทสะ รวมทั้งความหึงหวงครอบงำ “มานี่” มือแกร่งกระชากร่างบางของเธออย่างแรง ลากจูงไปที่ห้องนอนของเขาก่อนจะโยนร่างบางไปบนเตียงกว้าง โดยมีร่างของเขาทาบทับอยู่ “เธอจะได้รู้จักความสุขจนแทบกระอัก ได้รู้จักความเจ็บปวดและทรมานอย่างที่ไม่เคยเจอ และนี่คือการตอบแทนที่เธอทอดร่างกายให้คนอื่นเชยชม” เขากัดฟันพูด ดวงตาลุกโชนด้วยความโกรธ มือหนากระชากชุดคลุมของเธอออก แม้ว่ามันจะหนาแต่ก็ไม่ใช่อุปสรรคสำหรับเขา เพราะเพียงครู่เดียวเสื้อคลุมตัวสวยถูกฉีกขาดกระจุยลงไปอยู่ที่พื้น ตามด้วยชุดนอนตัวบางของเธอเป็นชิ้นต่อไป “ไม่..อย่า..คุณกันไม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่” เธอกรีดร้องเสียงดังเมื่อความแข็งแกร่งของเขาคืบคลานเข้าไปในร่างกายเธออย่างรุนแรง กัณติพัฒน์ไม่สนใจเสียงที่แผดร้องและเสียงสะอื้นของพิตตนันท์ เพราะตอนนี้เขานึกเพียงสิ่งเดียวคือต้องการลงโทษเธอให้สาสม กับความเสียใจและผิดหวังของเขา แรงเคลื่อนไหวเริ่มทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ตามอารมณ์ของเขา ร่างกายสาวแทบแหลกสลาย ไม่ว่าจะเป็นทรวงอกอวบที่ถูกเขาบีบเคล้นจนแหลกคามือ ปลายถันที่เขาดูดกลืนและกัดมันเจ็บจนเธอน้ำตาเล็ด รอยฝากรักตามร่างกายกระจายไปทั่ว พิตตนันท์ไม่รู้ว่าเวลาที่โหดร้ายผ่านไปนานเท่าไหร่ หญิงสาวเองไม่อยากสนใจไม่อยากรับรู้ ขอเพียงเขาหยุดการกระทำที่ป่าเถื่อนนี้เร็วๆ ก็พอ
เล่ห์รักไฟสวาท

เล่ห์รักไฟสวาท

มหาเศรษฐี
5.0
“อ้าปากซิ” เขาพูดเสียงเบา ยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้ ทำให้สาวเจ้าตกใจเล็กน้อย ผงะศีรษะออกห่างใบหน้าคม หากแต่มือใหญ่ที่จับที่ท้ายทอยรั้งให้กลับคืนมาตำแหน่งเดิม ความใกล้ชิดที่แนบสนิทเรียกความเขินอายให้กับเธอได้อย่างไม่ยาก “อ้าปากซิ” เขาสั่งอีกรอบ หญิงสาวทำตามที่เขาสั่งอย่างว่าง่าย ในใจมีแต่คำถามว่าให้เธออ้าปากทำไม คิมหันต์ยิ้มก่อนจะเฉลยคำถามที่ค้างคาใจของปิ่นปัก ดวงตาสวยงามเบิกกว้างด้วยความตกใจ เมื่อเขาเลื่อนใบหน้าเข้ามาชิดใกล้ ก่อนที่จะทาบทับกลีบปากแสนนุ่มของเธอ ความตกใจเปลี่ยนเป็นความพิศวงงงงวย เมื่อปลายลิ้นหนาที่แทรกซอนเข้ามาในโพรงปากอิ่ม กำลังพันเกี่ยวแลกรัดลิ้นนุ่มอย่างกระหาย หัวใจสาวเต้นระทึกหวามไหวในอก ความรู้สึกนี้เหมือนกับว่าเธอเคยได้รับมาก่อน อ้อมกอดนี้เหมือนกับว่าเธอเคยได้อิงซบไออุ่น มันก็คงใช่เมื่อคืนที่เขาอาจจะจูบเธอกอดเธอแบบนี้ หัวใจของคนที่จูบเต้นแรงไม่แพ้ผู้หญิงที่เขากอดรัด จูบแรกที่เขาสัมผัสเมื่อคืนว่าหวานแล้ว จูบเธอในวันนี้ยิ่งหอมกว่า หวานกว่า ละมุนลิ้นยิ่งกว่า ทุกความรู้สึกเพิ่มทบทวี เขานึกหวงริมฝีปากของคนที่เขาบอกว่าเกลียดขึ้นมา ไม่อยากให้ชายใดครอบครอง ได้สัมผัสลิ้มรสความหวานหอม จากเรียวปากบางนี้เหมือนเขา