หนังสือของ อัญญาณี
คุณหมอ...อย่าใจร้าย
วามสัมพันธ์กับคนแปลกหน้า ทำให้เธอ...ท้องไม่มีพ่อ .................... “คูน...คุณ” ชมพลอยทรุดตัวนั่งใกล้ร่างหนาที่หันมองเธอด้วยสายตาแปลกใจ เธอทักทายเขาด้วยภาษาสากล “คูณนอนกับช้านม้าย ฉันซิงนะ” บุรุษที่ชมพลอยเข้าไปทักคือ ภาคินทร์ ภักดีธำรง หรือหมอธาม ในวัยสามสิบปีที่มาเรียนแพทย์เฉพาะทางเพิ่มเติมในประเทศเยอรมัน เขายังคงมองหน้าคนเสนอตัวให้ด้วยสายตาตกใจปนประหลาดใจ เขาพบเจอผู้หญิงที่ชวนไปหลับนอนหลายคน ทว่ากลับไม่มีใครสักคนที่บอกให้รู้ว่า ครองพรหมจรรย์ ในตอนนั้นภาคินทร์คิดว่า สาวสวยตรงหน้าเมาจึงพูดในเรื่องตรงกันข้ามกับการกระทำ ผู้หญิงบริสุทธิ์คงไม่ชวนผู้ชายหลับนอนด้วย “วันไนท์สแตนด์งาย...สนใจไหม” “ได้สิ” ภาคินทร์ยิ้มและตอบรับทันที อาจเป็นเพราะเขาถูกใจในความสวยงามบนใบหน้า ผิวขาวลออตา และรูปร่างที่น่าฟัดอย่าบอกใคร ภาคินทร์เหมือนผู้ชายทั่วๆ ไป กิเลสตัณหาเกิดขึ้นได้หากเจอคนถูกใจ
รักร้อนเพลิงปรารถนา (ภาคต่อรักร้อนเพลิงริษยา)
ร่างของกัญติญาถูกโยนลงบนเตียงอย่างแรง มือที่ถูกไขว้ไว้ที่ด้านหลังแถมโดนมัดเสียแน่นหนา ทำให้เธอไม่สามารถทำอะไรได้ ส่วนแนวขาอ่อนทั้งสองข้างก็ถูกเขาทุบเบาะๆเพื่อตัดทอนกำลัง ส่งผลให้ขาทั้งสองข้างของเธอไร้เรี่ยวแรงต่อสู้ “เธอจะต้องได้รับโทษที่เธอทำไว้กับฉัน วันนี้เธอจะต้องจดจำไปชั่วชีวิตแน่นอน” กางเกงตัวสวยของเธอถูกถอดออกจากร่างกายตามด้วยอันเดอร์แวร์ โดยกัญติญาไม่ทีทางต่อสู้ได้เลย เธอไม่รู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นกับตน “เธอเตรียมตัวรอรับโทษจากฉันได้เลย” เขาพูดจบพร้อมกับลงโทษให้เธอรู้สำนึกว่าอย่าบังอาจมาทำร้ายคนอย่างเขา ถ้าเขาเจ็บเธอจะต้องเจ็บยิ่งกว่า และมันก็เป็นอย่างที่เขาตั้งใจไว้จริงๆ “อี๊ดดดดดดดดด..” เสียงกรีดร้องที่ไม่สามารถดังออกมาได้เพราะเธอถูกเสื้อที่เขากระชากติดมือมาอุดไว้ที่ปาก ความเจ็บปวดที่แสนทุกข์ทรมานที่เธอไม่เคยเจอมาก่อน น้ำตาของเธอรินไหลออกมาไม่ขาดสาย ร่างกำยำเริ่มเคลื่อนไหวหลังจากที่แทรกเข้ามาในกลีบกุหลาบของเธอ ในภาวะที่เธอยังไม่พร้อมทำให้ร่างกายของเธอเจ็บปวดอย่างที่สุด กลีบกุหลาบที่ไร้ซึ่งน้ำหวานมาชโลมให้ชุ่มฉ่ำ ร่างทั้งร่างเจ็บปวดจนไม่อาจทานทนได้ มีเพียงน้ำตาที่รินไหลออกมาบรรเทาความเจ็บปวดเท่านั้น กัญติญาร้องไห้แทบจะเป็นสายเลือดเพราะความเจ็บระบมกับสิ่งที่เกิดขึ้น บทลงโทษของเขาทำให้เธอจดจำไม่มีวันลืมจริงๆ เขายังคงเคลื่อนไหวร่างกายอย่างต่อเนื่อง แรงถาโถมที่เขาสาดใส่อย่างแรงอย่างไม่กลัวเธอเจ็บปวด เขาทำตามอารมณ์และจินตนาการที่อยู่ในใจของเขา เสียงสะอื้นและกรีดร้องผ่านเสื้อที่ปิดเรียวปากของเธอ ดังออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่เขาหาสนใจไม่ยังคงเคลื่อนไหวบนร่างของเธออย่างไม่หยุดหย่อน จนกระทั่งได้ปลดปล่อยในร่างกายของเธอ รัฐศาสตร์นอนหอบหายใจแรงอยู่ข้างกายเปลือยเปล่าของเธอ หลังจากเสพสมครั้งสุดท้ายเสร็จสิ้น เขาตะแคงหันร่างมาหาเธอที่นอนร้องไห้อยู่ มือหนาไต่ไปตามแนวลำแขนของเธอที่เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อและรอยเขียวจ้ำกระจายอยู่เต็มไปทั่ว “ฉันจะไม่ฆ่าไอ้เคนจิมัน..แต่ฉันจะไล่มันลงเรือแทน และต่อไปนี้ห้ามติดต่อกับมันอีกไม่ว่าจะทางไหนก็ตาม ถ้าฉันรู้เธอเจอหนักกว่านี้แน่ แต่ถ้าเธอคิดหนี พ่อของไอ้เคนจิมันจะต้องหัวใจวายเพราะลูกชายมันแน่นอน” รัฐศาสตร์ลุกขึ้นจากเตียงก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระร่างกาย แต่ก่อนที่เขาจะก้าวลงจากเตียงเขาปลดเสื้อที่มัดข้อมือและเรียวปากของเธอให้เป็นอิสระ และดึงผ้าห่มมาปิดร่างกายให้ กัญติญานอนร้องไห้กับการกระทำของเขา ทำไมโชคชะตาถึงเล่นตลกกับเธอแบบนี้ เคนจิโร่ทำร้ายเธอทั้งคำพูดและร่างกายเป็นบางครั้ง แต่เธอสามารถทนได้เพราะรักเขาและนึกถึงทางาดะบิดาของเคนจิโร่ที่มีบุญคุณกับเธออย่างใหญ่หลวง แต่สำหรับรัฐศาสตร์เธอเองไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องทนและทนไปเพื่ออะไร หญิงสาวนอนร้องไห้จนหลับไปด้วยความอ่อนเพลียและเจ็บปวด นอนเพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวเพื่อต่อสู้กับเขาในวันพรุ่งนี้ รัฐศาสตร์เดินออกมาจากห้องน้ำด้วยชุดลำลอง เขาเดินมาหยุดนิ่งที่ข้างเตียง ยืนมองร่างที่หลับใหลของเธอ ใบหน้านวลยังคงมีหยาดน้ำตาแห้งกรังติดอยู่ เสียงสะอื้นดังออกมาเป็นระยะ เขาบอกตัวเองไม่ได้ว่าสิ่งที่เขากระทำลงไปกับเธอเพราะเหตุใด แต่ที่แน่ๆ คือเขาหวง ไม่อยากให้เธอเข้าใกล้ผู้ชายคนไหน ยิ่งเป็นเคนจิโร่ด้วยแล้ว ความหวงของเขามากเป็นเท่าทวีคูณ รัฐศาสตร์เดินออกไปจากห้องนอนทันที เพื่อจัดการบางอย่างให้เรียบร้อย
บำเรอรักนายหัวเถื่อน
หล่อนไม่เสียใจที่ตกเป็นของผู้ชายที่เกลียดหล่อนเข้าไส้ แม้จะเป็นได้แค่เพียงดอกไม้ประดับเตียง แต่หล่อนก็ยอมพลีกายให้เขา หากมันจะลบล้างความผิดที่ตนทำไว้... .... “นี่แม่คุณ กอดฉันซะแน่นเดี๋ยวได้จมกันทั้งคู่” “ก็ฉันกลัวนี่” อริศราตอบตามตรง “พาขึ้นเรือได้แล้ว เดี๋ยวจม” “พาขึ้นแน่ แต่เธอต้องให้รางวัลที่ฉันลงมาช่วยเธอก่อน” เมืองแมนมีข้อต่อรอง “ถ้าไม่ให้รางวัลฉัน ฉันจะปล่อยให้เธอจมน้ำ” “คุณอยากได้อะไรล่ะ” ถามไปโดยไม่คิด ตอนนี้อริศราไม่คิดอะไรทั้งนั้น ขอเพียงได้ขึ้นไปจากน้ำเร็วๆ “จูบฉันสิ” เขาตอบ หญิงสาวตกใจกับรางวัลที่เขาต้องการ “ถ้าไม่จูบ ฉันปล่อยนะ” เพียงแค่เขาทำท่าจะคลายลำแขนออก อริศรากอดร่างแกร่งไว้แน่น ยื่นหน้าไปประกบปากหนาอย่างรวดเร็ว “จูบแล้ว” หล่อนบอก “จูบตอนไหน ฉันไม่เห็นรู้สึก” “ก็เมื่อกี้ไง” “เมื่อกี้เรียกจูบเหรอ ฉันรู้สึกแค่เธอเอาปากมาชนปากฉัน อย่างนี้ปล่อยให้จมน้ำดีไหมเนี่ย” “อย่านะ” หญิงสาวรีบบอก เมื่อเห็นเขาจะคลายแขนออกจริงๆ “ฉัน...ฉันจูบไม่เป็น” “งั้นฉันจะสอนให้ สอนแล้วต้องจำนะ เพราะถ้าเธอจูบไม่เป็นสับปะรด ฉันจะจับตัวพี่สาวเธอมาจูบแทน” ขู่ได้ขู่ดี ขู่เก่งยิ่งกว่าหมาเสียอีก... เหอะ...ขู่แบบนี้ ไม่ทำตามก็คงไม่ได้อีกตามเคย โรมานซ์แก้แค้น
เดิมพันรักจอมมาเฟีย
“ตำแหน่งพี่เลี้ยงไม่ค่อยเหมาะกับเธอสักเท่าไหร่ ลองมาอยู่ในตำแหน่งเมียของฉันไหมล่ะ รับรองว่าจะติดใจจนไม่อยากลงจากเตียง ............. ฟรานเซสโก้ เดอมาร์ชี มาเฟียหนุ่มกลัดมันรักอิสระ ไม่ชอบการผูกมัด ไม่คิดมีใจให้หญิงใด เขาคิดเสมอว่า “ผู้หญิงคือเครื่องบรรณาการทางเพศ” มีไว้เชยชม แต่ไม่ได้มีไว้รักใคร่ เมื่อเสร็จกิจทุกอย่างก็จบ แต่แล้วจู่ๆ ความรักก็หล่นโครม ใส่แบบไม่ทันตั้งตัว เขาจึงคิดอยาก “ผูกมัด” แม่หมัดหนักที่อัดใจเขาซะน่วม ด้วยการ “ไล่จูบ” ทุกครั้งที่เจอหน้า โดยไม่หวั่นกำปั้นหนักๆ เพราะ “เดิมพัน” ที่หวังจะได้นั้นมันคุ้มแสนคุ้ม ............. ไลลา นักมวยหมัดหนักต้องมารับหน้าที่ดูแล “ลูกชายมาเฟีย” ที่ร้ายทั้งพ่อทั้งลูก ปวดหัวกับลูกชายไม่พอ ยังต้องมา “ใจเต้นระทึก” กับคนเป็นพ่อ ที่อยู่ใกล้ครั้งใดต้อง “เปลืองตัว”เสมอ และโดยไม่รู้ตัวเขาก็ “ปราบ” เธอจนไม่เหลือคราบเก่งกาจ แล้วไลลาจะหนีรอดเงื้อมมือมาเฟียหนุ่มได้อย่างไร ในเมื่อเขา “กัดไม่ปล่อย” และเห็นเธอเป็นกวางน้อยแสนเชื่อง ที่อยากขย้ำกินใจแทบขาด
พยาบาทพิศวาส
ความแค้นของกัลป์ฝังรากลึก เขาออกตามล่าตัวต้นเหตุที่ทำให้น้องสาวกลายเป็นคนเสียสติ แต่คนที่ต้องรับกรรมคือ น้องสาวของตัวการ "เธอเลือกเอาเองว่าจะนอนกับฉันคนเดียว หรือให้ลูกน้องฉันร่วมสนุกด้วย" ... “คุณอย่าทำอะไรฉันเลยนะ...ฮือ...ฉันไหว้ล่ะ...อย่าทำอะไรฉันเลย” ขวัญข้าวขอร้องทั้งน้ำตา ยกมือไหว้กัลป์ ทำท่าจะก้มลงกราบ “ถึงเธอจะกราบเท้าฉัน ฉันก็ไม่มีวันเปลี่ยนใจ กล้วยไม้น้องสาวของฉันก็คงทำแบบเดียวกับเธอ แต่พี่ชายเธอไม่มีความเมตตาปรานี แล้วฉันจะมีให้เธอได้ยังไง” ชื่อเล่นที่ดังจากปากชายน่ากลัวตรงหน้า ทำให้ขวัญข้าวตกใจอีกรอบ เพราะชื่อนี้เป็นชื่อเดียวกันกับหญิงสาวที่เธอส่งข้าวส่งน้ำให้นานเป็นสัปดาห์ มองดูเธอคนนั้นเผชิญชะตากรรมโหดร้าย แต่ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากช่วย ขวัญข้าวช่วยไม่ได้ต่างหาก “ฉัน...” ขวัญข้าวพูดไม่ออก “เธอรู้ไหมว่า ตอนนี้น้องสาวของฉันเป็นยังไง กล้วยไม้สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว จำใครไม่ได้แม้กระทั่งตัวเอง พ่อกับแม่ของฉันต้องเจ็บปวดใจเมื่อเห็นสภาพลูก ร้องไห้จนไม่มีน้ำตาจะไหล ฉันเป็นพี่หัวใจแทบสลาย ไม่มีหลงเหลือแล้วกับคำว่าครอบครัวอบอุ่น ความสุขที่เคยมีกลายเป็นความทุกข์แสนสาหัส ทุกคนในบ้านเหมือนตกนรกทั้งเป็น กล้วยไม้ต้องหมดอนาคตเพราะพี่ชายสุดชั่วของเธอ แบบนี้ฉันจะเมตตาปรานีเธอได้ยังไง เธอตอบฉันมาสิว่า ฉันควรจะเมตตาเธอหรือเปล่า” กัลป์กล่าวเสียงเดือด ระเบิดน้ำเสียงจนเส้นเอ็นตรงลำคอขึ้น ดวงตาลุกโชนจากแรงโทสะที่โหมเข้าสู่จิตใจ นึกถึงสภาพของพรรณพฤกษาในกระท่อม อารมณ์ของเขาเพิ่มทวีคูณ อยากจะแล่เนื้อขวัญข้าว แล้วเอาเกลือทามองดูเธอตายอย่างช้าๆ ให้หายคับแค้นใจ แต่ถ้าทำเช่นนั้นดูเหมือนจะไม่สะใจมากพอ ครอบครัวของเธอจะต้องพบเจอเรื่องเลวร้ายเช่นเดียวกับตน “ฉันขอโทษ...ฮือ...ฉะ...ฉันขอโทษ...ฉัน” ขวัญข้าวเอ่ยคำขอโทษ รู้ทั้งรู้ว่า คำๆ นี้เขาอาจไม่ต้องการ แต่เธอก็อยากจะขอโทษที่ช่วยเหลือน้องสาวเขาไม่ได้ กัลป์ไม่สนคำขอโทษ เขาก้าวเดินมาหาขวัญข้าวราวกับราชสีห์จ้องเหยื่อ ก่อนจะกระชากแขนเธอสุดแรง ขวัญข้าวลุกขึ้นยืนตามแรงฉุด ไม่กี่อึดใจต่อมา ร่างอรชรถูกเหวี่ยงไปบนเตียงนอน พอแผ่นหลังขวัญข้าวสัมผัสกับที่นอน เธอรีบดีดตัวลุกขึ้นนั่ง กระเถิบตัวหนีกัลป์ ใบหน้าสวยหวานอาบไปด้วยความหวาดกลัว น้ำตาไม่เคยห่างหายไปจากแก้ม ปากสั่น ตัวสั่น “เธอหนีฉันไม่พ้นหรอก ฉันจะให้ลูกน้องสนุกกับเธอจนเธออิ่ม รับรองสำลักความสุขแน่ๆ เธอจะต้องโดนเหมือนที่กล้วยไม้โดน” กัลป์พูดเสียงเยียบเย็น กระตุกยิ้ม ก่อนจะตะโกนเรียกลูกน้องที่อยู่นอกห้องให้เข้ามาด้านใน “พวกมึงสนุกกันให้เต็มที่ แต่ระวังหน่อยนะ ระวังเธอจะตายคาเตียง” ขวัญข้าวเบิกตากว้างมองกลุ่มชายฉกรรจ์สี่คนที่เดินเข้ามาในห้อง ความกลัวพล่านในหัวใจ มองซ้ายมองขวาหาทางหนี แต่เธอจะหนีไปที่ใดได้ ไม่มีทางไหนที่จะหนีออกไปจากห้องนี้ได้เลย นอกจากประตูห้องบานนั้น ซึ่งมันก็อยู่ไกลในความรู้สึกของเธอเหลือเกิน ทั้งที่มันห่างแค่ไม่กี่เมตร ขวัญข้าวตระหนักวินาทีนี้เองว่า ความกลัวของกล้วยไม้เป็นอย่างไร ไม่แปลกที่กล้วยไม้สติจะหลุดลอย ผลกรรมที่คชาทำไว้กับน้องสาวของคนออกคำสั่ง กำลังส่งผลถึงเธอ ทั้งที่ขวัญข้าวไม่ได้เป็นคนกระทำ “ไม่นะ อย่าทำฉัน อย่าเข้ามา” ขวัญข้าวไม่เคยกลัวอะไรเช่นวินาทีนี้มาก่อน เธอกระโดดลงมายืนข้างเตียงอีกฝั่งหนึ่ง มองไปยังชายสี่คนที่เดินอ้อมเตียงมาทางตน ส่วนกัลป์ยืนกอดอกแล้วยิ้ม มองดูเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างสาแก่ใจ ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง รอดูผลงานเมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น “อย่าเข้ามา อย่า...กรี๊ด” ขวัญข้าวกรีดร้องเสียงดังลั่นห้อง เมื่อหนึ่งในสี่กระชากร่างเธอมากอด แล้วเหวี่ยงไปบนเตียง เธอแทบจะกลั้นใจตาย เพราะรู้ดีว่า ไม่อาจรอดจากเงื้อมมือของพวกเขาได้ เรื่องเลวร้ายที่สุดในชีวิตของเธอกำลังจะเกิดขึ้น เหมือนกับพรรณพฤกษาไม่มีผิด...
นกหงส์หยกข้าใครอย่าหมาย
เกิดอีกกี่ชาติถึงจะได้เป็นเมียองค์รัชทายาท ในเมื่อชาตินี้มีโอกาส คนที่ทะลุมิติมาเป็นนกหงส์หยกในตอนกลางวัน กลางคืนเป็นสาวผู้เลอโฉม ธิดาดอยหรือเหมยจึงไม่พลาดโอกาสทอง จับองค์รัชทายาทเป็นผัว เอ๊ย! ไม่ใช่ เป็นเมียองค์รัชทายาทถึงจะถูก เมื่อสาวเปรี้ยวปากจัดเดินเหยียบเปลือกกล้วยแล้วพลาดท่าหล่นตูมลงในน้ำ แต่พอเธอตะกายขึ้นมาเหนือน้ำ เธอก็พบว่า ตนเองอยู่ในยุคจีนโบราณสมัยราชวงศ์หมิง ซ้ำร้ายเธอยังกลายเป็นนกหงส์หยกขององค์รัชทายาทที่เปี่ยมไปด้วยอำนาจและถูกขนานนามว่าโหดเหี้ยมที่สุด แต่ในความเหี้ยมโหดก็มีความมุ้งมิ้งกระดิ่งแมวซ่อนอยู่ โชคชะตาไม่ได้เล่นตลกกับเธอเพียงแค่นั้น การทะลุมิติที่ผิดแปลก แถมยังแปลกประหลาด กลางวันเธอจะเป็นนกหงส์หยกตัวน้อยนิดแต่น่ารัก ยามพระอาทิตย์ลาลับเธอจะกลางร่างเป็นสาวผู้เลอโฉมที่สะกดใจองค์รัชทายาทตั้งแต่แรกเห็น เพราะการเห็นเธอครั้งแรก แสนจะไม่ธรรมดา แสงตะวันลับขอบฟ้าคือเวลาที่องค์รัชทายาทอ่านตำราเกี่ยวกับการปกครองอยู่ภายในห้องบรรทม ระหว่าที่เขากำลังนั่งอ่านตำรา เขาตวัดสายตามอไปยังกรงนกหงส์หยก นกเร่ร่อนบินมาเกาะขอบไม้ตรงศาลาริมสระบัวที่เขามักมานั่งพักผ่อน ความเชื่องและความน่ารัก องค์รัชทายาทตึงจับมันใส่กรง ให้อาหารและน้ำ ก่อนนำมาวางไว้ในห้องบรรทม ดวงตาองค์รัชทายาทค่อยๆ เบิกกว้าง เมื่อนกหงส์หยกในกรงกำลังมีรูปลักษณ์เปลี่ยนไป เขาลุกขึ้นยืน สะบัดศีรษะหลายหน ขยี้ตาหลายครั้ง หยิกตัวเองด้วย เพื่อให้แน่ในว่า ภาพที่เห็นไม่ใช่ความฝัน แต่มันคือความจริง ความจริงที่เหนือความคาดหมายและไม่น่าเป็นไปได้ นกหงส์หยกกลายเป็นคน “เฮ้ย!” องค์รัชทายาทร้องดังลั่น มองนกหงส์หยก เอ๊ย! ไม่ใช่สิ ตอนนี้กลายเป็นสตรีที่มีความงามล้ำเลิศ สรีระทรวดทรงงดงามไม่แพ้กัน มีส่วนเว้าส่วนโค้งที่เรียกเลือดลมให้เดือดพล่าน ส่วนกรงนกก็พังเป็นเศษไม้ชิ้นเล็กชิ้นน้อย “ว้าย!” ธิดาดอยหรือเหมยตกใจไม่แพ้กัน เมื่อเห็นว่าร่างกายของตนปราศจากเสื้อผ้า และตอนนี้ตกอยู่ในสายตาของหนุ่มรูปงาม ที่ตอนนั้นตนเป็นนกกำลังบินอยู่เหนือต้นไม้ พอเห็นความงามของบุรุษที่นั่งอยู่ในศาลา เธอก็รีบบินลงมาเกาะบนขอบไม้มองดูความหล่อของเขาในระยะใกล้ “เจ้า...เจ้าทำไมถึงเป็นคน” เออนั่นสิ ทำไมถึงเป็นคนได้หว่า จำได้ว่าเป็นนกหงส์หยกนี่นา
จางม่านอวี้ นางสนมล่มเมือง
ด้วยหน้าที่ทำให้จางม่านอวี้ต้องมายืนอยู่ในตำแหน่งพระสนม ทั้งที่รู้ว่าไม่คู่ควรกับตำแหน่งนี้ และเชื่อว่านางจะไม่เป็นที่พอพระทัยของฮ่องเต้ แต่คงไม่มีใครคาดคิดว่า พระสนมนอกสายตาที่ไม่มีความงามเฉิดฉาย จะเป็นนางสนมล่มเมือง ที่ฮ่องเต้ องค์ชายและแม่ทัพหนุ่ม หวังชิงดวงใจนาง “ต้าเหว่ย” พระสนมจางม่านอวี้เรียกชื่อเพื่อนสนิทที่ก้มลงคำนับ “ทำไมต้องพิธีรีตองด้วย เจ้าเป็นเพื่อนข้านะ” “ตอนนี้มันไม่เหมือนเดิมแล้วพ่ะย่ะค่ะ เวลานี้ท่านเป็นพระสนม กระหม่อมจะปฏิบัติตัวเช่นเดิมมิได้” แม่ทัพเฉินต้าเหว่ยกล่าวอย่างเจียมตน รู้สึกเหมือนคมมีดกรีดหัวใจ เจ็บปวดกับสถานะที่ไกลเกินเอื้อม จางม่านอวี้หน้าเศร้า ในดวงตามีน้ำใสๆ คลอ “เช่นเดียวกับหัวใจของเจ้าใช่ไหมที่ไม่เหมือนเดิม” คำพูดตัดพ้อเอ่ยถาม “หัวใจของกระหม่อมยังคงเช่นเดิม แน่นหนักดังหินผา ต่อให้พระสนมเป็นของชายใด หัวใจกระหม่อมมิเคยเปลี่ยนแปลง” ดวงตาของทั้งคู่สบประสาน เปิดเผยความรู้สึกให้อีกฝ่ายได้รับรู้ จางม่านอวี้ไม่คิดว่า ตนเองจะตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ หากนางรู้มาก่อนว่า จะต้องเป็นสนมของฮ่องเต้ นางจะเปิดใจรับเฉินต้าเหว่ย และอยู่กินฉันผัวเมีย ไม่ใช่เป็นพระสนมของฮ่องเต้จูหมิง ผู้ชายที่แก่คราวพ่อ “ข้าดีใจที่ได้ยินคำนี้” จางม่านอวี้รู้สึกเช่นนั้นจริงๆ ความเหี่ยวเฉาในหัวใจ เสมือนต้นไม้ไร้น้ำมาชโลมรด ตอนนี้เหมือนมีน้ำพรมให้ชุ่มฉ่ำ แม้ว่าน้ำจะเพียงบางเบา ทว่ามีอณุภาพใหญ่หลวง ชะตาความรักของทั้งคู่จะลงเอยเช่นไร ไม่มีใครล่วงรู้ นอกจากสวรรค์เบื้องบนที่ลิขิตเส้นทางให้ทั้งสองก้าวเดิน
รักร้อนเพลิงเสน่หา
เธอคือน้องสาวของชายหนุ่มที่ช่วงชิงคนรักของเขาไป รัฐภาคย์จึงตอบแทนการกระทำของพี่ชายของลลิลด้วยการย่ำยีทั้งกายและหัวใจ โดยไม่รู้ตัวเลยว่า เพลิงเสน่หากำลังหลอมละลายความแค้นให้กลายเป็นรัก แก้แค้นอีโรติกคนในเครื่องแบบ
รอยจูบมัจจุราช
“เธอไม่รอดแน่ คราวนี้ฉันจะจูบเธอทั้งตัว” ... ลีออน สแตนฟอร์ด หนุ่มผู้ดีจากเมืองอังกฤษ เจ้าของฉายา ‘หมาล่าเนื้อ’ เพราะไม่มีเนื้อสมันรายใดหนีรอดเงื้อมมือเขาได้ เหยื่อรายใดที่ถูกจ้อง รายไหนรายนั้นก็มา ‘ทอดกายให้ลิ้มลอง’ มันง่านราวกับปอกกล้วยเข้าปาก แต่เธอ...สมันน้อยแสนงามที่ชายหนุ่มหมายใจตั้งแต่แรกเห็น ว่าน่ากินที่สุด กลับทำให้เขาต้องใช้เวลา ‘ล่า’ นานที่สุดเช่นกัน! ‘เพียงจูบเดียว’ ที่ทำให้เดือนดารา สาวชาวไทยตกเป็นเหยื่อหมาล่าเนื้อโดยไม่รู้ตัว เธอถูก ‘หลอกล่อ’ ให้ติดกับดักที่ลีออนเป็นผู้ชักนำ กว่าจะรู้ตัวทุกอย่างก็สายเกินไป หญิงสาวตกลงไปในบ่วงเสน่หาของเขา ซาตานร้ายจนถอนตัวไม่ขึ้น
พิศวาสทาสคนเถื่อน
เพลิง…ชายหนุ่มที่เต็มไปด้วยปมในอดีต ความเจ็บปวดจากภรรยาที่หนีตามชู้ยังไม่เคยจืดจางในใจเขา จนจิตใจของพ่อเลี้ยงหนุ่มด้านชา ไม่เคยมองเห็นหญิงสาวคนใดมีค่ามากไปกว่า ดอกไม้ประดับเตียง พอดอมดมจนพอใจก็โยนทิ้ง จนกระทั่งมาเจอเธอ ธันย์ณิชา ดอกไม้ดอกสวยที่ไม่ได้มีดีแค่ความสาว เธอยังมีเสน่ห์ปลายจวักอันยอดเยี่ยม และนั่นทำให้ความคิดของเขาเปลี่ยนไปตลอดกาล “มื้อนี้ทำอะไรให้ฉันกิน” “มื้อนี้วุ้นทำปลาสามรสให้พี่เพลิงทานค่ะ แล้วยังมีไข่เจียวกุ้งสับทรงเครื่องกับแกงจืดไว้ให้พี่เพลิงซดคล่องคอ” เธอบอกเมนูอาหารที่ทำสุดฝีมือ “ไข่เจียวกุ้งสับทรงเครื่อง วุ้นจำสูตรมาจากทีวี วุ้นเพิ่งทำเป็นครั้งแรกด้วย อร่อยไม่อร่อยยังไง พี่เพลิงติวุ้นได้นะคะ วุ้นจะได้เอาไปปรับปรุง” “ฉันกลายเป็นหนูทดลองของเธออีกใช่ไหมเนี่ย” เพลิงพูดติดตลก แต่ก็ยอมเป็นหนูทดลองให้เธอแต่โดยดี ลงมือทานอาหารที่ธันย์ณิชาบอกว่า เพิ่งทำครั้งแรกเป็นจานแรก โดยมีแม่ครัวแสนสวยนั่งลุ้นอยู่ใกล้ๆ “เป็นไงคะ อร่อยไหมคะ” “มันแปลกๆ เพราะปกติฉันเคยกินแต่ไข่เจียวหมูสับ” เพลิงตอบตามความรู้สึกของตนเอง “แต่รสชาติอร่อย กลมกล่อม มีกลิ่นหอมของต้นหอมซอยด้วย ฉันชอบ” คนทำอาหารยิ้มกว้างกับคำชม แต่ก็ต้องหุบยิ้ม ใบหน้าแดงซ่านเมื่อเขาพูดประโยคต่อมา “ฉันยอมเป็นหนูทดลองให้เธอแล้ว คืนนี้เธอต้องเป็นหนูทดลองอุปกรณ์ใหม่ของฉันด้วยนะ ตกลงไหม” เพลิงส่งสายตาประกายวับวาว เป็นสายตาที่ไม่เคยส่งให้หญิงสาวคนใดมาก่อน มันเต็มไปด้วยความปรารถนาที่พร้อมจะลุกโชนได้ทุกครั้งที่ชิดใกล้เธอ รวมถึงตอนนี้ด้วย “ค่ะ” เธอตอบสั้นๆ ด้วยกิริยาเหนียมอาย คนที่มองเห็นแทบจะกระชากร่างเล็กมากอดจูบให้หายอยาก แต่ก็ต้องกลั้นความรู้สึกเอาไว้ รวบยอดทีเดียวตอนค่ำพร้อมอุปกรณ์เซ็กซ์ชิ้นใหม่ที่เพิ่งส่งถึงมือเขาตอนสายดีกว่า
นางบำเรอดื้อรัก
“ไอ้ชั่ว ไอ้เลว ไอ้...” “จุ๊ๆๆ อย่าด่าผัวมากสิจ๊ะเมียจ๋า ด่ามากลูกดกนะ” เขายิ้ม มะปรางยิ้มไม่ออก ได้แต่ร้องฮึ่มๆ ในใจ “มาให้ผัวชื่นใจหน่อยเร็ว เป็นเดือนแล้วนะที่ไม่ได้กกเมีย คิดถึงที่สุดเลย” นับตั้งแต่ความสัมพันธ์ครั้งนั้น ก้องเกียรติกับมะปรางไม่มีอะไรเกินเลยกันอีก ทุกครั้งที่เจอหน้ากันมะปรางเป็นฝ่ายเดินหนี หลีกเลี่ยงการพูดคุย พอเกิดเรื่องในไร่กอบกุล ก้องเกียรติก็วิ่งวุ่นดูแลจัดการ ทั้งเรื่องงานศพคนงานในไร่ ให้เงินเยียวยาครอบครัวคนตาย และเรื่องคดีความ ส่วนมะปรางก็ต้องกลับมาเรียนหนังสือ ส่งผลให้ทั้งสองห่างกันโดยปริยาย “ใครเมียแก ฉันไม่ใช่เมียแก” “ทำไมจะไม่ใช่ ลืมแล้วเหรอว่าเราสนุกกันมากแค่ไหน เสียงครางเธอดังจนแก้วหูฉันแทบแตก ดูเธอมีความสุขจนกระอัก” เขาเอาความจริงมาพูด มะปรางหน้าแดงซ่าน อายก็อาย เจ็บใจก็เจ็บใจ “คืนนี้เรามาสนุกกันดีกว่า ฉันอยากเต็มแก่แล้ว” “ไม่นะ อย่าทำอะไรฉัน ถ้าแกฉันทำล่ะก็ ฉันจะแจ้งตำรวจมาลากคอแกเข้าคุก” มะปรางขู่ หวังว่าเขาจะกลัว แต่ไม่เลย ไม่เลยสักนิด “เอาสิ ไปเลย” ก้องเกียรติขยับตัวให้ร่างเล็กเป็นอิสระ มะปรางรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งหมายจะออกไปจากห้องนี้ให้เร็วที่สุด ทว่าเสียงหนึ่งที่ดังเข้าหูทำให้เท้าเล็กชะงัก “หนังโป๊เรื่องนี้นางเอกผิวดี๊ดี นมก็ใหญ่ ร้องครางได้อารมณ์ชะมัด” มะปรางหันมามองต้นเสียงที่กำลังดูคลิปในมือถือ ใบหน้าเขาแต่งแต้มด้วยรอยยิ้ม นัยน์ตาเป็นประกายเสน่หา ก้องเกียรติเงยหน้ามองมะปรางแล้วกระตุกยิ้ม “มาดูหนังโป๊ด้วยกันไหม เธอจะได้เห็นหน้านางเอกไง ส่วนพระเอกไม่ต้องมองหรอก อยู่ตรงหน้าเธอไง” “คุณทำแบบนี้ทำไม ทำไปทำไม” มะปรางถามเสียงสั่น ไม่คิดว่าชายตรงหน้าจะชั่วมากขนาดนี้ “ทำอะไร ไม่ได้ทำอะไรเลย ก็แค่บันทึกลีลารักของเราเก็บไว้ดูเท่านั้นเอง” ก้องเกียรติตอบ “แต่ถ้าเธอไม่อยากให้คลิปนี้หลุดออกไปในโลกอินเทอร์เน็ต และไม่อยากให้พ่อแม่เธอรู้ความจริง และยังอยากให้พี่ชายเธอออกจากคุก เธอก็ต้องทำตัวดีๆ เชื่อฟังฉัน ตามใจฉัน ถ้าเธอทำตรงกันข้าม คลิปนี้จะถูกเบลอหน้าพระเอก แต่หน้านางเอกจะเด่นชัด เรื่องคดีของพี่เธอก็ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ฉันจะสั่งให้ทนายชะลอไว้ก่อน รอไปเรื่อยๆ จนกว่าเธอจะยอมฉันอีกครั้งและอีกครั้ง”
อสูรสองหัวใจ
“คนไม่มีค่า ไม่จำเป็นต้องถนอม เหมือนกับเธอยังไงล่ะแคท เธอมันก็แค่ก้อนกรวดเม็ดทรายไร้ค่า ไร้ราคา เป็นได้แค่ตุ๊กตามีชีวิตที่ดิ้นระริกอยู่ใต้ระหว่างขาของฉันเท่านั้น” ถ้อยคำของชายร่างใหญ่ที่คร่อมร่างเปลือยของเธอ ช่างเป็นคำพูดที่สร้างความเจ็บปวดให้กับนันท์นภัสมากเหลือเกิน หัวใจดวงน้อยเต้นเร่าด้วยความเสียใจ ร่างกายเย็นเฉียบประหนึ่งเธอฝังตัวอยู่ในหิมะขาวโพลน “คุณอูโก้...” เสียงเจ็บช้ำกล่าวออกไป “ใช่...ฉันคืออูโก้ จำชื่อเจ้าของเธอให้ขึ้นใจ แม่สัตว์เลี้ยงตัวน้อยๆ ของฉัน สร้อยที่ฉันให้เธอใส่มันก็เปรียบเสมือนปอกคอที่สวมให้สัตว์เลี้ยงตัวโปรด ให้คนอื่นเขารู้ว่า เธอมีเจ้าของแล้ว และฉันก็จะไม่ยอมให้ใครมาแย่งสัตว์เลี้ยงของฉันไปได้ นอกเสียจากว่า ฉันจะปล่อยมันไปเอง แล้วก็จำใส่กะโหลกกลวงๆ ของเธอเอาไว้ด้วยว่า ร่างกายของเธอทุกสัดส่วน อย่าให้ใครมาแตะต้อง ไม่อย่างนั้นเธอได้แหลกคามือฉันแน่ วันนี้ฉันจะลงโทษเธอเบาะๆ ที่ริอ่านให้ไอ้แจ็คมันจับมือ ไม่หนักไม่หนาอะไรหรอก...แค่คางเหลืองเดินลงจากเตียงไม่ได้เท่านั้นเอง”
อ้อมกอดมัจจุราช
“คุณทอร์ช คุณจะทำอะไรฉัน อย่านะ ลุกขึ้นจากตัวฉันเดี๋ยวนี้” มือที่ยังเป็นอิสระทุบไปยังอกกว้างของเขาจนดังอึกๆ เจ้าของอกแกร่งไม่มีอาการสะทกสะท้านแต่อย่างใด รู้สึกรำคาญมือน้อยๆ ของเธอจนเขาต้องจับมันรวบไว้ในมือแข็งแรง “จะทำอะไรน่ะเหรอ ถามโง่ๆ ก็จะปล้ำเธอน่ะสิ เธอยั่วยวนคนงานของฉันจนหัวปั่นเกือบทุกคน ฉันก็เลยอยากจะรู้ว่าเธอมีอะไรดี พวกมันถึงได้หลงเธอหนักหนา ถึงขนาดตามก้นเธอไปไร่ของไอ้ท๊อป สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น พิสูจน์ด้วยตัวของฉันเองนี่แหละดีแล้ว ร่านดีนักก็จะสนองให้หายอยาก จะได้ไม่ไปยั่วคนอื่นให้เขาฉิบหายเหมือนฉัน” เสียงของเขานั้นช่างเหี้ยมเกรียมจนเธอใจหล่นไปกองยังปลายเท้า และยิ่งสีหน้าของเขาด้วยแล้ว เพลงมีนาอยากจะตายเสียให้ได้ “อย่าคุณทอร์ช...อย่า ฉันไม่ใช่น้องหนู แควกๆๆๆ กรี๊ดดดดด...แควก” คำร้องห้ามของสาวใต้ร่างดูเหมือนจะไร้ผล เพราะตอนนี้อาการหน้ามืดด้วยไอแห่งแรงโทสะมันปกคลุมสมองและจิตใจของเขาจนสิ้น เสื้อผ้าของเธอจึงถูกกระชากติดมือมา แล้วเขาก็ใช้เศษผ้าที่มีความยาวมากที่สุด มัดข้อมือเล็กทั้งสองข้างเอาไว้ ล้วงหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนใหญ่ของตนออกจากกระเป๋ากางเกง นำผ้าผืนนั้นมาปิดปากสาวที่แผดเสียงกรีดร้องไม่หยุด มัดปมผ้าไว้ด้านหลังศีรษะสาว “อื้อ อื้อๆๆ” เธอทั้งดิ้นทั้งส่งเสียงร้อง แต่เสียงนั้นไม่อาจหลุดออกมาได้ เพราะมีผ้าผืนใหญ่ปิดปากของเธออยู่ อีกทั้งร่างกายยังถูกร่างหนาคร่อมทับ ทำให้เธอหมดสิ้นอิสรภาพอย่างสิ้นเชิง ดวงหน้าสาวตอนนี้เปื้อนสีเลือด เนื่องจากร่างกายส่วนบนของตนเองเหลือเพียงบราตัวสวยที่ห่อหุ้มดอกบัวงดงามไว้เท่านั้น และเวลานี้เขาก็ก้มมองความอวบใหญ่ตาเป็นมัน “เธอได้อิ่มแน่ เพลง...ฉันจะทำให้เธอคลานลงเตียงเลย” ปากหนาพูด มือใหญ่ค่อยๆ บรรจงถอดบราสีชมพูหวานออกจากร่างสาว ไม่กี่วินาทีบงกชคู่สล้างก็เปิดเผยต่อสายตาร้อนแรงของกวินภพ
รักร้อนเพลิงริษยา
‘เพี๊ยะ!!...เพี๊ยะ!!...เพี๊ยะ!!...’ ร่างของณิชาถูกผลักลงไปที่พื้น ใบหน้าบวมช้ำที่แก้มมีรอยฝ่ามือทับซ้อนกันหลายแห่ง ที่มุมปากทั้งสองข้างมีเลือดซึมออกมา ลูกน้องทั้งสามไม่มีใครกล้าเข้าไปห้ามปราม ถึงแม้ว่าจะสงสารณิชาจับใจ เพราะเขาไม่เคยเห็นเจ้านายของใครทำร้ายผู้หญิงมากขนาดนี้ อย่างมากก็แค่ตบทีสองทีเป็นการสั่งสอน แต่นี่มันไม่ใช่แค่การสั่งสอน เหมือนกับระบายอารมณ์ที่คั่งค้างมาทั้งวัน ยิ่งมาได้ยินคำพูดที่กวนโทสะด้วยแล้ว เจ้านายของเขาจึงระงับอารมณ์ไม่อยู่ “เธอกล้ามากนักที่ตบหน้าฉัน...ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกล้าตบฉันเลย” เสียงของเขาตวาดลั่น “ก็มีซะสิ...ไอ้หน้าตัวเมียรังแกได้แม้กระทั่งผู้หญิง” ณิชาลุกขึ้นยืนตวาดออกไปอย่างไม่ยอมแพ้ วาจาที่ถูกเอ่ยออกไปทำให้ร่างของรัฐกฤตญ์สั่นด้วยความโกรธ เขาไม่เคยรู้สึกโกรธใครมากเท่านี้มาก่อน ยิ่งเป็นผู้หญิงด้วยแล้ว ณิชาเป็นคนแรกที่กล้าว่าเขารุนแรงขนาดนี้ ‘อย่างนี้มันต้องสั่งสอนให้รู้สึก...ว่าอย่าบังอาจมาว่าคนอย่างเขา’ ร่างของณิชาถูกลากไปตามพื้นพรม จุดหมายปลายทางคือห้องนอนที่เธอนอนเมื่อคืน ก่อนที่ร่างของเธอจะถูกโยนลงบนที่นอนอย่างแรง พร้อมกับเสียงประตูที่ถูกปิดอย่างแรง ดินแดน วิทยาและอุดมมองหน้ากัน รู้ว่าหญิงสาวที่อยู่ข้างในจะถูกลงโทษยังไง ก่อนที่พวกเขาทั้งสามจะเดินออกไปจากห้องชุดของเจ้านายมีเพียงอย่างเดียวที่เขาได้ยิน คือเสียงหวีดร้องของณิชาที่ดังลอดออกมาเท่านั้น ณิชาร้องสุดเสียงเมื่อมือหนาของเขา กระชากเสื้อผ้าของเธออย่างแรงสองสามครั้ง ก่อนที่มันจะขาดออกจากกัน บางส่วนอยู่ในมือของเขาและบางส่วนอยู่ที่เตียงนอน ณิชาคว้าผ้าห่มที่อยู่ใกล้มือ มาปกปิดท่อนบนที่ไร้อาภรณ์ มีเพียงเสื้อในที่ขาดแหว่งตามแรงกระชาก แต่มันก็ไม่สามารถปกปิดอะไรได้เลย ร่างของณิชากระเถิบหนีร่างของเขาที่เดินเข้ามาที่เตียงอย่างหวาดกลัว ข้อเท้าบางลูกจับด้วยมือหนาแล้วถูกลากเข้ามาหาเขา “คุ...คุณจะทำอะไรฉัน?” ณิชาพูดอย่างหวาดๆ รัฐกฤตญ์ยิ้มมันเป็นรอยยิ้มที่เธอไม่ชอบเลย ยิ้มมุมปาก หากดวงตาเปล่งประกายด้วยความโกรธ “จะกลัวทำไมเก่งนักไม่ใช่เหรอ?...เก่งให้ตลอดสิ...” รัฐกฤตญ์พูดพร้อมกับถอดเสื้อผ้าของเขาออก จนเหลือแต่ร่างเปล่าเปลือย จ้องมองร่างของณิชาอย่างไม่วางตา ณิชาเองที่เป็นฝ่ายเบือนหน้าหนีเขา เพราะเธอไม่เคยเห็นผู้ชายเปลื้องผ้าต่อหน้ามาก่อน นี่เป็นครั้งแรก “ออกไปนะอย่าเข้ามา...บอกให้ออกไป” ของที่อยู่ใกล้มือณิชาถูกโยนออกไปปะทะร่างของเขา แต่มีสิ่งเดียวที่เป็นของหนักนั่นก็คือนาฬิกาตั้งโต๊ะที่ทำจากไม้ ลอยไปโดนที่หางคิ้วของเขาอย่างแรง “โอ๊ย...” รัฐกฤตญ์ใช้มือของเขาคลำที่หางคิ้ว มีความรู้สึกชานิดๆก่อนจะสัมผัสกับน้ำเหนียวๆที่อยู่บริเวณนั้น ลดมือที่คลำที่หางคิ้วมาดู น้ำเหนียวๆที่ว่านี้คือเลือด ดวงตาของรัฐกฤตญ์มองที่ฝ่ามือที่มีเลือดอยู่ สลับกับใบหน้าที่ซีดเซียวของณิชา เมื่อรู้ว่าเธอทำร้ายเขาถึงกับเลือดตกยางออก “เธอ...เธอกล้ามากนักที่ทำฉันถึงขนาดนี้” เสียงกราดเกรี้ยวดังลั่นไปทั่วห้อง “คนอย่างคุณโดนแค่นี้มันยังน้อยเกินไป...ถ้าฉันฆ่าคุณได้...ฉันก็จะฆ่า” ณิชาตวาดกลับไปเสียงดังไม่แพ้กัน ตอนนี้รัฐกฤตญ์โกรธและโมโห จนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว สิ่งที่เขารับรู้ตอนนี้ก็คือต้องสั่งสอนผู้หญิงคนนี้ให้หลาบจำว่าอย่างมาลองดีกับเขา
จอมใจอสูร
“จะร้องไห้โศกาอะไรนักหนา?..จะเป็นจะตายอะไรขนาดนั้น..แค่ฉันมีผู้หญิงคนใหม่ที่ดีกว่าเธอ สดกว่าเธอ” อัคราพูดเมื่อรวิษาปิดบานประตูเสื้อผ้า หลังจากที่จัดเสื้อผ้าเข้าตู้เรียบร้อยแล้ว “...........” คำตอบที่เขาได้รับคือความเงียบ รวิษาไม่ตอบคำถามเขาพร้อมกับเบี่ยงตัวหนี เพื่อออกไปจากห้องนี้ให้เร็วที่สุด หากแต่มือหนาจับที่ข้อมือบางไว้แน่น ก่อนที่เธอจะเดินผ่านร่างสูงของเขาไป รวิษาพยายามบิดข้อมือเพื่อให้หลุดพ้นจากแรงบีบกระชับ จนเธอเจ็บระบมที่ข้อมือ “ทำเป็นสะดีดสะดิ้งไปได้..ทำอย่างกับว่าฉันไม่เคยจับต้องตัวเธอ..ลืมไปแล้วหรือว่าฉันทำมากกว่าจับข้อมือของเธออีก” อัคราพูดด้วยสีหน้าและน้ำเสียงเยาะเย้ย มุมปากของเขายิ้มน้อยๆ เหมือนผู้มีชัย “ปล่อยเถอะค่ะ..คุณไม่กลัวคุณแจนเห็นหรือไง?” “ทำไมต้องกลัว..เพราะตอนนี้มานะกำลังพาแจน ไปเอาของที่เค้าลืมไว้ที่บ้าน..กว่าจะกลับมาก็คงดึก” เขาพูดพร้อมกับกระชากร่างของเธอเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด รวิษาพยายามดิ้นรนหนีจากอ้อมแขนที่รัดร่างเธอเหมือนกับงูที่ยิ่งดิ้นรนหนี ก็ยิ่งเพิ่มแรงรัดมากยิ่งขึ้น “ปล่อย..ปล่อย” “ยังมีเวลาอีกหลายชั่วโมงกว่าแจนจะมา ฉันว่า..เรามาหาอะไรเล่นสนุกๆ ฆ่าเวลากันดีกว่า” อัคราเหวี่ยงร่างบางลงไปที่เตียงนอนกว้างอย่างแรง ตามด้วยร่างกายหนาที่ทาบทับร่างบาง พร้อมกับ ริมฝีปากที่ฉกจูบเธออย่างจาบจ้วงรุนแรง บังคับให้เธอเผยอปากรับเรียวลิ้นหนาสะอาดอย่างไม่ยากเย็น ปลายลิ้นหนาสอดรัดเรียวลิ้นบางพัวดันดูดดึง และเกี่ยวรัดอย่างเอาแต่ใจ ครั้นเมื่อเธอส่ายหน้าสะบัดหนีริมฝีปากที่รุกราน มือหนากลับจับมั่นที่ท้ายทอยบังคับให้เธอตอบรับจูบที่ดุดันของเขา
บ่วงแค้นแสนหวาน
“ปล่อย...ปล่อยค่ะคุณกล้า” เธอร้องออกมาในที่สุด หลังจากที่ดึงสติกลับมาและเริ่มดิ้นรนออกจากวงแขนที่รัดรึงเธออยู่ “ไม่ปล่อยมีอะไรไหม” เขาไม่พูดเปล่าหลุบสายตาโลมเลียไปทั่วดวงหน้าหวาน ต่ำลงถึงลำคอระหง เนินอกคู่สวยที่โผล่ล้นออกมากจากคอเสื้อชุดนอน มันเคลื่อนไปมาตามแรงจังหวะการหายใจของหญิงสาวที่เร็วและแรง ความร้อนรุ่มแผ่กระจายพร้อมกับความตื่นตระหนกตกใจ เมื่อปลายจมูกโด่งคลอเคลียแก้มนวลแผ่วเบา ไล้ไปมาโดยไม่ทิ้งน้ำหนัก อัลลิยาหลบปลายจมูกโด่งเป็นพัลวัน มือนุ่มนิ่มเริ่มมีเรี่ยวแรงดันแผงอกแกร่ง หวังจะให้ร่างสูงออกห่างกายตน แต่ดูเหมือนว่าร่างสูงจะไม่ขยับออกห่าง ยิ่งรัดแน่นมากยิ่งขึ้น “คุณกล้า ปล่อยยาเถอะคะ คุณกล้าเมาแล้วนะคะ” เธอพยายามเตือนสติของเขา กลิ่นวิสกี้ที่เธอสูดดมเข้าไป แปลความหมายได้ไม่ยากว่า ตอนนี้เขากำลังเมาไม่ได้สติ หญิงสาวจึงเรียกสติของเขาให้กลับคืนมา “ฉันดื่มวิสกี้ไปแค่สองสามแก้ว ไม่ทำให้ฉันเมาหรอก และที่ทำอยู่นี่สติของฉันครบถ้วนทุกอย่าง” กล้าตะวันพูดถูก สติของเขายังครบถ้วนสมบูรณ์ ไม่มีอาการเมาอย่างที่เธอพูดเลยแม้แต่น้อย “ถ้าคุณกล้ารู้ตัว ปล่อยยานะคะ ยาจะขึ้นไปนอนแล้ว” เธอพูดเสียงสั่น ตอนนี้เธอเริ่มหวาดกลัวเขาเป็นเท่าตัว เมื่อได้ยินคำพูดของเขา คนขาดสติมักทำอะไรที่ไม่รู้ตัว คนเราไม่อาจถือโทษโกรธได้ แต่นี่เขาทำเพราะความตั้งใจ ความน่ากลัวจึงโอบล้อมอยู่รอบกายเธอ สัญชาตญาณของอัลลิยาบอกว่า ตนเองกำลังได้รับอันตราย “ปล่อยเหรอ ปล่อยแน่แต่หลังจากนี้” มนต์สะกดที่มีอานุภาพมากล้น สะกดให้อัลลิยายืนนิ่ง ดวงตาทั้งสองข้างเบิกกว้างด้วยความตกใจ มือและขาทั้งสองข้างของเธอสั่น หัวใจดวงน้อยนั่นเล่า เต้นแรงและดังโครมครามมากที่สุดที่เธอเคยรู้สึกได้ เมื่อริมฝีปากหยักสวยได้รูปของกล้าตะวันประกบทับเรียวปากบางอย่างจาบจ้วง เอาแต่ใจ
ชู้
เมื่อธราธรมีลูกไม่ได้ เขาจึงวางแผนให้พี่ชายฝาแฝดเป็นพ่อเชื้อแทนตน แต่ทว่าพูดดีก็แล้ว ทั้งขอร้องและอ้อนวอน ธารเทพก็ไม่ใจอ่อน ไม่ยอมทำตามที่น้องชายเอ่ยปาก งานนี้ทธราธรจึงยัดเยียดความเป็นสามีให้พี่ชาย และให้ภรรยาของตนมีชู้โดยไม่รู้ตัว “เฮ้ย…อะไรวะเนี่ย” ธราเทพอุทานเสียงหลงเมื่อรู้ว่า ตนเองอยู่บนเตียงนอน เขาจะไม่ตกใจเลยหากตนไม่ได้อยู่ในสภาพตัวล่อนจ้อน แถมสาวข้างกายที่นอนหลับพริ้มก็มีสภาพไม่ต่างกับเขา ที่ร้ายไปกว่านั้นเธอเป็นน้องสะใภ้ของเขา คนที่กำลังนอนหลับสบายบนเตียง งัวเงียตื่นเมื่อได้ยินเสียงดังของใครบางคน และเมื่อเธอลืมตาเต็มตา รอยยิ้มก็ระบายบนใบหน้าสวยที่ทำให้คนมองถึงกับตื่นตะลึง ใจเต้นแรงและเร็ว “ทำไมวันนี้พี่ธรถึงได้หนวดเครารกอย่างนี้ล่ะคะ” นุชจรีเอ่ยถามคนที่คิดว่าเป็นสามีของตัวเอง แต่แล้วคิ้วได้รูปเป็นธรรมชาติของเธอก็ต้องขมวดยุ่ง เมื่อเห็นว่าชายตรงหน้าไม่ใช่สามีของตน ถึงแม้ว่าหน้าตาจะเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน “ว้าย! คุณเป็นใคร คุณไม่ใช่พี่ธรนี่” นุชจรีตกใจดีดตัวลุกขึ้นนั่ง ไม่รู้ตัวเลยว่าตนเองอยู่ในสภาพเช่นไร ทำให้ทรวงอกสล้างเบ่งบานเต็มสองตาธราเทพที่มองความสวยงามตรงหน้าตาไม่กระพริบ “ว้าย!” เธออุทานตกใจอีกรอบเมื่อมองตามสายตาของชายแปลกหน้าที่หน้าตาเหมือนธารธรทุกกระเบียดนิ้ว ต่างกันตรงชายตรงหน้ามีหนวดเครา สีผิวคล้ำกว่า ร่างกายบึกบึนกำยำกว่า เขาโดดเด่นกว่าธราธรมากนัก แล้วพอรู้ว่าตังเองอยู่ในสภาพใด เสียงกรีดร้องของนุชจรีก็ดังลั่น “กรี๊ดดดดดดด”
โสเภณียอดรัก
ธาริกาทนเห็นน้ำตาของวาติยาแฝดน้องไม่ได้ เธอจึงสลับตัวกับน้องสาว เพื่อมาจัดการ นายราเชนทร์ สามีจอมปลอมของวาติยา ให้รู้ซะบ้างว่า ผู้หญิงไม่ได้อ่อนแอทุกคน ...... “เธอออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้ ไป!” ราเชนทร์ไล่หญิงสาวความโมโห “ไม่ไป แก้วเพิ่งมาจะไล่แก้วไปไหนล่ะคะ คืนนี้แก้วจะทวนความจำให้พี่เชนทร์ รับรองพรุ่งนี้พี่เชนทร์ไม่มีทางไล่แก้วออกจากบ้านแน่นอนค่ะ” “ไป! ฉันบอกให้เธอออกไปจากบ้านของฉัน แม่โสเภณี!” ราเชนทร์เริ่มตัวสั่นเพราะความโกรธ เขาไม่เคยโกรธใครเท่าผู้หญิงคนนี้เลย ทั้งโกรธทั้งเกลียด ทั้งขยะแขยง “คำก็โสเภณี สองคำก็โสเภณี ถามหน่อยเถอะว่าถ้าเมียเป็นโสเภณีแล้วผัวจะเป็นอะไร ก็เป็นแมงดาไง แสดงว่าพี่เชนทร์เป็นแมงดา ส่วนบ้านหลังนี้ก็เป็นซ่อง ” ธาริกาสวนกลับอย่างเจ็บแสบ ทำให้ราเชนทร์ถึงกับอึ้ง ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธ แล้วเดินเข้ามาหาหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างบันได เขาเงื้อมือขึ้นสูงหมายจะตบใบหน้านวล แต่เสียงหวานใสของธาริกาก็ดังขึ้นมาเสียก่อน “ตบสิ คุณตบฉัน ฉันจะตบคุณด้วยรองเท้าข้างนี้ เอาสิ! ตบสิ!” ธาริกาถือรองเท้าส้นสูงสีดำขึ้นเหนือศีรษะ ตั้งท่าจะฟาดกับใบหน้าของเขาทันทีที่เธอถูกทำร้าย ราเชนทร์ไม่คิดว่าวาติยาคนใหม่จะกล้าทำกับเขาแบบนี้ เพราะที่ผ่านมาวาติยาคนเดิมไม่กล้าขึ้นเสียงกับเขา เขาว่าแรงๆ ก็เอาแต่ร้องไห้ แต่วาติยาคนนี้เถียงเขาทุกคำ แถมยังสู้ถ้าหากเขาคิดทำร้ายเธอ ร้ายมาร้ายกลับ...ไม่โกง
นิยายรักฉบับสาวคลับ S
นิรัติศัย&นันทภัค “ปล่อยนะ” เธอสะบัดแขนสุดแรง ถอยหลังสองสามก้าว มองหน้าเขานิ่ง “ฉันไม่อยู่กับคุณแล้ว เชิญคุณไปอยู่กับผู้หญิงของคุณตามสบายเลย อยากไปอยู่กับใครก็เชิญ” พูดจบก็ก้มตัวลงหยิบกระเป๋าขึ้นมา กำลังจะนำมันไปวางบนเตียง แต่ก็ถูกเขากระชากกลับไป แล้วโยนไปมุมห้อง “เธอจะไปไหนไม่ได้ถ้าฉันไม่ให้ไป” นิรัติศัยเสียงเข้มใส่ ในใจรู้สึกโหวงหวิวเมื่อได้ยินนันทภัคพูดว่า จะไปจากเขา “คุณมันเห็นแก่ตัว นึกถึงแต่ตัวเอง คุณไม่นึกถึงใจฉันเลย ไม่เคยเลย...ฮือ” นันทภัคตะเบ็งเสียงใส่สามีที่ยืนอึ้งกับคำพูดที่รับรู้ได้ว่า นันท์ภัคเจ็บปวดมากแค่ไหน น้ำตาสาวเป็นอีกหนึ่งอย่างที่แสดงออกถึงความปวดร้าวในจิตใจ “นัน...ฉัน” หนุ่มตี๋พูดไม่ออก มันตื้อไปหมด “ฉันทำตามข้อตกลงที่คุณกำหนดทุกอย่าง ฉันอดทนมาตลอด ต้องทนรับรู้ว่าผัวตัวเองนอนกับผู้หญิงคนอื่น แต่ฉันก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่อดทน แต่คุณ คุณกลับไม่รู้สึกรู้สากับการกระทำของตัวเอง มีความสุขในแบบที่คุณชอบ คุณบอกฉันเองว่าจะไม่ให้ผู้หญิงของคุณมายุ่งเกี่ยวกับฉัน ในเมื่อมีมาแสดงตัวว่าเป็นเมียและแม่ของลูก ฉันก็ไม่จำเป็นต้องอดทนอีกต่อไป ถือว่าข้อตกลงของเราจบลงแค่นี้ ถ้าคุณพร้อมหย่าเมื่อไหร่บอกฉันก็แล้วกัน ฉันจะรอคำตอบจากคุณอยู่ที่บ้านของฉัน” นันทภัคบอกคนที่ยืนอึ้งเสียงเด็ดเดี่ยว อาศัยจังหวะที่เขายืนนิ่งทำอะไรไม่ถูกเดินไปหยิบกระเป๋า ก่อนจะก้าวเดินออกจากห้องไปทันทีที่พูดจบ .................................................................................................................. หัสดิน&อารยา “รักจัง รักที่สุดเลย” เขาจูบซ้ำๆ บนกลีบปากค่อนข้างบวมเจ่อจากการจุมพิตยาวนาน “รักเหมือนกันค่ะ” เธอจุมพิตปากเขาบ้าง ซบหน้าลงบนบ่าแข็งแรง มือเล็กลูบแก้มเขาแผ่วเบา เรื่อยไปจนถึงใบหูใช้ปลายเล็บจิกลงบนติ่งหูเบาๆ เงยหน้าหอมลำคอหัสดิน ทุกสัมผัสของอารยาทำให้ร่างหนาสั่น หลับตาลงราวกับข่มความรู้สึก “อย่าซนสิครับ จะทนไม่ไหวแล้วนะ” เขาหลับตาพูด อารยาเงยหน้ามองคนรักแล้วยิ้ม “ทนอะไรไม่ไหวคะ เปิ้ลไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย” สาวเจ้าไม่หยุดยั่ว ลูบต้นคอเขาด้วยปลายเล็บ กรีดลงมาตามลำคอถึงสาบเสื้อ จูบคอเขาอีกครั้ง ขยับสูงสู่แก้มขาว คราวนี้เขาสั่นมากขึ้น อารมณ์รัญจวนพล่านไปหมด “ยั่วดีนัก เดี๋ยวจะโดนดี” หัสดินพูดจบ อารยาดีดตัวลุกขึ้นยืนทันที “เปิ้ลไปทำงานก่อนนะคะ” พูดจบก็รีบเดินออกจากห้อง เหลียวมองชายร่างโตที่นั่งพ่นลมหายใจด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะเบาๆ “ยั่วเก่งจริงๆ พับผ่าสิวะ กูจะทนได้สักกี่ครั้งวะ” เขาพูดกับตัวเอง ลุกขึ้นยืนแล้วเดินตามร่างสวยด้วยอารมณ์สวาทที่ยังคั่งค้าง หัสดินคิดว่า หากเธอยั่วเช่นนี้บ่อยๆ มีหวังเขาตบะแตก จับเธอปล้ำทำเมียสักวันแน่ๆ ‘กูจะรอดถึงวันแต่งงานไหมเนี่ย’ นั่นสิจะรอดไหม... ....................................................................................................... กันต์ธีร์&เบญญาภา “จ๋ากลัว” เป็นความกลัวที่ฝังใจ แม้ว่าจุมพิตของเขาทำให้ใจเธอเตลิด หลงอยู่ในวังวนสิเน่หา ทว่าประสบการณ์ทางเพศที่ไม่น่าจดจำ มันตอกย้ำในอก ภาพสบโชคกระทำรุนแรง ป่าเถื่อนกับตน ไม่เคยลืมเลือน “ไม่ต้องกลัวครับ ผมจะทำให้จ๋าเห็นว่า ความรักและเซ็กซ์ของเราสวยงาม เชื่อผมนะครับ” เบญญาภากล้าๆ กลัวๆ เธอรู้สึกได้ด้วยหัวใจตัวเองว่า กันต์ธีร์ไม่เหมือนสบโชค ชายหนุ่มตรงหน้าไม่มีวันทำให้ตนเจ็บปวดหรือเสียใจ มีแต่สร้างความสุขให้ในทุกๆ วัน ทว่าอดีตที่ตามหลอกหลอน และไม่เคยห่างหายไปจากห้วงความทรงจำ ทำให้เธอใจไม่เข้มแข็งพอที่จะก้าวผ่านความรู้สึกนั้น แต่ถ้าไม่กล้าก็ต้องกลัวอยู่อย่างนี้ เธอต้องชนะความกลัวด้วยความไม่กลัว ดังเช่นสำนวนที่ว่า หนามยอกต้องเอาหนามบ่ง ใช่...เบญญาภาต้องผ่านไปให้ได้ เธอจะได้หลุดพ้นจากความปวดร้าวที่รัดรึงหัวใจ “มันสวยงามจริงหรือคะ” เป็นคำถามของคนขี้กลัว ที่เรียกรอยยิ้มให้คนถูกถาม “จริงสิครับ มันสวยงามจนจ๋าต้องติดใจ ผมจะจูงมือจ๋าไปตลอดเส้นทางนั้น จ๋าจะได้รู้ด้วยตัวเองว่า มันมีความสุขมากแค่ไหน” น้ำเสียงอ่อนโยนเอ่ย จูบกลีบปากเธอแผ่วเบา “ผมจะพาจ๋าไปสวรรค์ชั้นเจ็ด รับรองว่าจ๋าไม่อยากลงมาเหยียบพื้นดิน อยากอยู่บนนั้นทั้งวันทั้งคืน” เธอแก้มแดง ร้อนไปทั้งตัว ยิ้มเขินให้ชายหนุ่มที่เริ่มลงมือจูงเบญญาภาไปย่ำเยือนสวรรค์ด้วยการจูบ รสสัมผัสที่จะกระตุ้นความปรารถนาให้คุกรุ่นในกาย กันต์ธีร์อ่อนโยนและนุ่มนวล ทุกสัมผัสของเขาคือการทะนุถนอม ฝ่ามือใหญ่ที่กำลังสำรวจไปทั่วเรือนกายสาวไม่ผลีผลาม เขาอยากให้เธอซึมซับรสชาติของเซ็กซ์เข้าไปในหัวใจทีละน้อย
อสูรร้อนซ่อนรัก
เขาคืออสูรร้ายสำหรับเธอ เป็นบุคคที่ไม่น่าเข้าใกล้และควรถอยห่างเป็นที่สุด แต่ทำไมยิ่งถอยหนี เขายิ่งวิ่งเข้าใส่ แถมยังกระโจนร่างเข้าหาราวกับว่าเธอคือสมันเนื้อนุ่มที่น่าลิ้มลอง และไม่มีวันหยุดล่าหากไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ เมื่อโดนรุกหนักและมีเหตุจำเป็นที่ต้องยอมเป็นของเล่นของเขา ลูกแมวน้อยจึงจำยอมและจำใจทอดกายให้เขาเชยชม แต่ยิ่งชิดใกล้ เร่าร้อนด้วยเพลิงเสน่หา ความรู้สึกบางอย่างก็เบ่งบานในใจของทั้งคู่ไม่รู้ตัว