หนังสือของ เทียนธีรา
เผลอรัก(ฅนเถื่อน)
คนที่ผยองตัวอยู่เสมออย่างนายหัวสิงห์ ไม่เคยยอมให้ใครมากระตุกหนวดได้ง่ายๆ แม้แต่ดอกไม้ช่อเดียว ที่คนบังอาจมาเด็ดให้หลุดจากต้นในอาณาเขตของเขา คนเด็ดก็ต้องชดใช้ด้วยสิ่งที่มีค่ามากที่สุดในชีวิตสาว เธอจะต้องคลั่ง เธอจะต้องหิว เธอจะต้องลุ่มหลงในรสสวาทของเขาตลอดเวลา เธอจะต้องเรียกร้อง ครางคร่ำ และอ้อนวอนให้เขาปรนป้อนให้ แต่เขาจะให้ก็ต่อเมื่อ เขามีความปรารถนาเท่านั้น นั่นคือบทลงโทษที่นายหัวสิงห์ตั้งใจจะมอบให้กับเด็กสาวขี้ขโมย เพราะนอกจากเธอจะย่องเข้ามาเด็ดดอกไม้ของเขาไปแล้ว เธอยังมาเด็ดหัวใจของเขาติดมือไปด้วย
เมีย(ไม่)พลอยโจน
ใครๆ ต่างก็คิดว่าผู้หญิงที่ถูกเจ้าบ่าวปฏิเสธในวันแต่งงานช่างเป็นผู้หญิงที่น่าสงสารสุดๆ แต่ไม่ใช่สำหรับปราณต์แน่ๆ เขารู้ดีว่านัสรินไม่ได้ตกกะไดพลอยโจนมาแต่งงานกับเขา แต่เธอกับน้องชายของเขาร่วมมือกันจงใจมัดมือเขาชกต่างหาก เพราะฉะนั้นก็อย่าหวังว่าจะมีความสุขกับการแต่งงานจอมปลอมนี่เลย ในเมื่อหน้าซื่อแต่มากเล่ห์นัก ผู้ชายที่แสนดีอย่างเขาก็พร้อมจะกลายร่างเป็นซาตานเช่นกัน ร่างเล็กก้าวได้ไม่ถึงก้าว มือแข็งแรงของปราณต์ของยื่นไปตะปบที่ต้นแขน กระชากร่างให้เธอหมุนตัวกลับมาหา “คุณปราณต์!” นัสรินอุทานออกมาอย่างตกใจต่อการกระทำของเขา “เรายังคุยกันไม่จบ ผมไม่ชอบให้ใครเดินหนี” “คุณปราณต์ยังต้องการอะไรจากนัสอีกคะ เราสองคนยังต้องมีเรื่องอะไรต้องคุยกันอีกนอกจากเรื่องหย่า” “มีสิ ก็เรื่องตำแหน่งแม่หม้ายป้ายแดงของคุณไง” “คุณปราณต์จะต้องเดือดร้อนอะไรคะ นัสรับได้ค่ะ ไม่ต้องห่วงหรอก” “ผมไม่ได้ห่วง ผมแค่อยากทำให้คุณเป็นแม่หม้ายอย่างสมบูรณ์แบบ” “หมายความว่ายังไงคะ” “ง่ายๆ ผมก็จะทำให้คุณเป็นแม่หม้ายอย่างสมบูรณ์แบบน่ะสินัสริน หย่ากับผัวทั้งที่ยังซิงอยู่ แล้วมันจะเป็นแม่หม้ายตัวจริงได้ยังไง”
ซาตานตีตราแค้น
เมื่อ ‘เจ้าสาวตัวจริง’ คิดคดไม่รักษาสัญญาที่เคยให้กันไว้ ด้วยการส่ง ‘เจ้าสาวตัวปลอม’ มาเป็นตัวตายตัวแทน คนไม่โง่และไม่เคยยอมให้ใครลบคมง่ายๆ อย่าง ‘อัทธ์ อัฐเสนา’ จึงต้องดัดสันดานคนขี้โกงให้หลาบจำ ในเมื่อรังเกียจและเจ้าเล่ห์กันนักก็เอา ‘ความแค้น’ ไปแทน ‘หัวใจ’ แล้วกัน >>อัทธ์ อัฐเสนา<< ผู้ชายไทยวัย ๓๒ ชื่อไทยแท้ แต่สายเลือดของเขามีเลือดของแม่ชาวเวเนซุเอลาปนอยู่ครึ่งหนึ่ง เขาไม่เคยยอมเสียเปรียบใคร เมื่อรู้ว่าลูกน้องของพ่อคิดคดโกงแล้วเชิดเงินหนีไปอย่างลอยนวล เขาจึงไล่ล่าและจับทำสัญญาชดใช้หนี้พร้อมกับจ่ายดอกเบี้ย เพื่อแลกกับการไม่ลากเข้าคุก แต่ลูกสาวคนโกงกลับตอบแทนความใจดีของเขาด้วยการหลอกลวง >>มัดไหม<< เด็กสาววัย ๑๙ กำลังจะได้เข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัย แต่ผู้เป็นบิดากลับมาด่วนจากไป พร้อมกับทิ้งภาระอันแสนหนักอึ้งไว้ให้เด็กกำพร้าตัวเล็กๆ ต้องเผชิญ เมื่อหาทางออกให้ตัวเองไม่ได้ มัดไหมจำต้องใช้วิธี 'หลอกลวง' ผู้เป็นเจ้าหนี้และว่าที่เจ้าบ่าว ด้วยการส่งตัวพี่สาวคนสนิทไปทำหน้าที่แทน โดยไม่รู้เลยว่าผลของการกระทำครั้งนั้นจะทำให้ชีวิตของตัวเองตกที่นั่งลำบากยิ่งกว่าเดิม >>เสาวรส<< น้ำตาและเสียงสะอื้นอันบาดใจของ คนที่รักเหมือนน้องสาว ทำให้หล่อนต้องเสียสละตัวเองเพื่อตอบแทนบุญคุณของครอบครัวมัดไหม โดยการมารับบทบาทเจ้าสาวตัวปลอมของอัทธ์ แต่เขาไม่ได้เป็นปิศาจร้ายอย่างที่คิด เสน่ห์ของเขาสั่นคลอนหัวใจของหล่อน ยิ่งใกล้ก็ยิ่งหวั่นไหว แต่จะทำเช่นไร ในเมื่อรู้ตัวเองดีว่าไม่ใช่เจ้าสาวตัวจริงของเขา >>ธีระ<< เขาเติบโตมาภายใต้ร่มเงาของอัทธ์ อัทธ์เป็นทั้งพี่ชายและผู้มีพระคุณ แต่เขากลับรักคนที่ไม่ควรรักซึ่งอยู่ใกล้เกินเอื้อม สาวน้อยยกมือขึ้นกอดอกและทอดสายตาขึ้นมองท้องฟ้าในคืนเดือนแรมอย่างหนาวเหน็บเช่นเดียวกับคืนที่ได้รู้ว่าเสาวรสกับอัทธ์กำลังจะแต่งงานกัน หล่อนพยายามปล่อยตัวปล่อยใจและสลัดทิ้งความเศร้าสร้อยออกไปจากหัวใจ ทว่ามันก็ไม่สำเร็จเลยแม้แต่เสี้ยววินาที หัวใจดวงน้อยวูบโหวง เจ็บในอกลึกๆ ขอบตาร้อนผ่าว และน้ำใสๆ ในนั้นก็กำลังจะกลั่นออกมา หากว่าไม่มีอ้อมแขนของใครคนหนึ่งสอดมาจากด้านหลังพร้อมๆ กับที่สัมผัสอุ่นๆ ที่กดลงบนซอกคอของหล่อน “อยู่นี่เองตามหาซะทั่วเลย” เสียงทุ้มคุ้นหูรำพึงขึ้นที่ข้างหูพร้อมด้วยสัมผัสหยอกเย้าคลอเคลียที่เริ่มจะหนักขึ้นๆ “ปล่อยค่ะคุณอัทธ์” “ไม่ปล่อย...ฉันคิดถึงเธอจะตายอยู่แล้ว รู้หรือเปล่ามัดไหม” “คุณไม่ควรทำแบบนี้นะคะ พรุ่งนี้คุณก็จะแต่งงานกับพี่รสแล้ว มัดไม่อยากให้พี่รสเสียใจ” “แล้วเธอล่ะ ไม่เสียใจสักนิดเลยเหรอที่ฉันกำลังจะแต่งงาน” “มัดยินดีต่างหากค่ะ คุณกับพี่รสเหมาะสมกันที่สุดแล้ว” มัดไหมพูดเสียงสั่นเครืออย่างหักห้ามความรู้สึกตัวเองไม่อยู่ ก่อนที่น้ำตาที่กลั้นเอาไว้จะไหลเป็นทางออกมาเป็นทาง “เธอเป็นอะไรหือ...” อัทธ์ถามด้วยเสียงงอนง้อ ห่วงหา ก่อนจะจับไหล่บางหมุนให้หล่อนหันมาเผชิญหน้า แม้จะมืดสลัวแต่เขาก็เห็นว่าหล่อนกำลังร้องไห้ นิ้วเรียวจึงเกลี่ยน้ำตาออกให้อย่างอ่อนโยน “มัดเปล่าค่ะ” “เปล่าอะไร เห็นอยู่ว่าร้องไห้ขี้แย” เสียงทุ้มเอ่ยกระเซ้า นั่นยิ่งทำให้น้ำตาของมัดไหมไหลออกมามากกว่าเดิม หล่อนไม่อยากให้เขาอ่อนโยน ไม่อยากให้เขาทำตัวสนิทสนม เพราะแค่นี้หล่อนก็ตัดใจยากมากอยู่แล้ว “ได้โปรดเถอะค่ะ อย่าทำแบบนี้กับมัด” “ฉันรู้ว่าเธอเสียใจ แต่จะเป็นไรไปมัดไหม ฉันก็แค่แต่งงานตามหน้าที่ ยังไงเธอก็ยังเป็นเมียฉันเหมือนเดิม” “มัดไม่ได้ต้องการอย่างนั้น” “แต่ฉันต้องการเธอมัดไหม ต้องการมาก...” น้ำเสียงนั้นฟังดูเว้าวอน ออดอ้อน เต็มไปด้วยความปรารถนา ก่อนที่เรียวปากหยักจะทาบทับลงมาปิดบนปากของหล่อน เขาบดจูบอย่างเร่าร้อน เรียกร้อง จนมัดไหมอดไม่ได้ที่จะจูบตอบเขา จุมพิตนั้นจึงเป็นจุมพิตที่เต็มไปด้วยอารมณ์โหยหา อาลัยอาวรณ์ และปรารถนากันและกันอย่างสุดซึ้ง
วงวานพานรัก
(พิกานxกานต์ระพี) เมื่อว่าที่อาเขยคิดไม่ซื่อกับหลานสาวของคู่หมั้น เรื่องต้องห้ามจึงเกิดขึ้น
ตะวันพ่ายจันทร์
เพราะถูกยัดเยียดให้เป็นแพะรับบาป จันทริกาจึงได้รับการลงทัณฑ์อันสุดโหดร้ายจากผู้ชายที่เคยเป็นดั่งแสงตะวันในชีวิต จันทริกา : ชีวิตของเธอไม่ได้สวยเด่นเฉิดฉายประดับนภาในยามรัติกาลประดุจชื่อแต่อย่างใด ตรงกันข้ามพระจันทร์ดวงนี้กลับมีแต่ความหมองหม่นและหนาวเหน็บ กระทั่งมีแสงตะวันอันอบอุ่นสาดแสงมาพบความงดงามของเธอ แต่ไม่นานตะวันดวงนั้นก็กลับกลายเป็นความโหดร้ายของชีวิต รังสิมันต์ : เขาคงไม่โหดร้ายเท่านี้ ถ้าคนที่ทำลายลูกและเมียของเขา จะไม่ใช่เด็กสาวที่เขาตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น
ตระการตา-อชิระ
รักแรกอยากลืม แต่ช่างยากลืม หัวใจของตระการตาจะเข้มแข็งแค่ไหน เมื่อคนเคยรักที่เคยทำให้ทั้งเจ็บทั้งอายกลับเข้ามาในชีวิตอีกครั้ง ................................................................................................................. “ปล่อยนะพี่ปีย์ มามัดมือตวงทำไม” ตระการตาต่อว่าเสียงหอบๆ ใจเต้นแรงระทึก เธอไม่รู้ว่าเขากำลังจะทำอะไร แต่ที่รู้แน่ๆ คือเธอไม่ได้นึกกลัว เพียงแต่ตื่นเต้นแปลกๆ กับสิ่งที่จะเกิดขึ้นเท่านั้นเอง “ทำไมเหรอตวง ไม่ดีเหรอ พิเศษดีออก แบบนี้ไม่เหมือนใครดี เอากันแบบซาดิสม์ๆ ไงล่ะ” ตอบพลางจัดการถอดเสื้อผ้าของตัวเองออก จนเหลือแต่ร่างใหญ่เปลือยเปล่าที่น่ามองไปทุกสัดส่วน เล่นเอาหัวใจของตระการตาเต้นแรงโลด จนแทบทะลุออกมานอกออก กระนั้นเธอก็ยังมีแต่ใจจะโต้เถียงกับเขาอยู่ “แต่ตวงไม่อยากได้ความพิเศษแบบนี้ พี่ปีย์เก็บไว้ทำกับคนอื่นเถอะ” “คนอื่นก็ทำแบบอื่น แต่กับตวงพี่จะทำแบบนี้” “คนเถื่อน ไอ้คนโรคจิต ไอ้พี่ปีย์บ้า” “นั่นแหละ จำไว้ให้ดีก็แล้วกัน ว่าครั้งหนึ่งตวงเคยเอากับไอ้โรคจิต”
เมียคืนแรม
มีคนบางประเภทแสดงความรักด้วยการ ‘ทำร้าย’ คนที่รัก และมักแสดงออกในทางตรงข้ามกับความรู้สึกของตัวเอง สำหรับธราลินแล้ว เธอไม่เคยหวังจะได้ ‘รัก’ จากคนที่ชอบรังแกเธอทุกครั้งที่โอกาสอย่างปรัชญ์ เพราะรู้ดีว่าตัวเองเป็นได้แค่พระจันทร์ในคืนแรม
มิปองรัก
แม้คนส่วนใหญ่จะคิดว่า ผู้ชายวัยสี่สิบกว่าๆ อาจจะดูแก่เกินไปสำหรับผู้หญิงที่อายุเพิ่งจะยี่สิบสอง ทว่านั่นไม่ใช่ความคิดของปอไหมอย่างแน่นอน อย่างน้อยก็ไม่ใช่สำหรับผู้ชายที่สายตาของเขามีแต่ความไม่ไว้วางใจในตัวเธอ สำหรับเขาแล้ว เธอคือเด็กแก่แดดปากกล้า แต่เขากลับโอบกอดร้อยรัดและจุมพิตเธออย่างเร่าร้อน แล้วปอไหมจะทำอย่างไรกับหัวใจของตัวเองดีเล่ากับความขัดแย้งที่เกิดขึ้น เธอไม่เคยเห็นว่าเขาแก่ หน้ำซ้ำยังเต็มไปด้วยแรงดึงดูดและชอบทำให้เธอหัวใจเต้นแรงเล่นอยู่บ่อยๆ แต่สำหรับเขาล่ะ…เธอเด็กและนิสัยแย่เกินไปหรือเปล่า แล้วไหนจะสถานะอันหมิ่นเหม่ระหว่างเธอและเขาที่คนรอบข้างอาจมองว่าไม่เหมาะสม หรือเธอควรพาตัวเองออกไปให้ห่าง แต่มันช่างยากเหลือเกิน ในเมื่อหัวใจก่อเกิดความรู้สึกที่เรียกว่า ‘รัก’ ไปแล้ว ร่างสูงเดินนำมานั่งลงบนเตียง หัวใจของปอไหมยิ่งเต้นแรงมากกว่าเดิม เมื่อเขาขยับเข้ามาใกล้จนเกือบชิดและจับคางมนของเธอให้หันไปสบตา “ฉันต้องใช้ถุงยางหรือเปล่า” ราชันย์ถามทั้งๆ ที่ปกติเวลามีอะไรกับผู้หญิงเขาก็ป้องกันทุกครั้ง ทว่ากับเด็กสาวคนนี้เขาเกิดอยากจะฉีกกฏของตัวเองขึ้นมาดื้อๆ แม้รู้ดีว่าเธอไม่ได้สะอาดสะอ้านอะไร “ไม่ต้องหรอกค่ะ ปอมียาคุม” ปอไหมพูดราวกับพวกมืออาชีพที่พกพายาเม็ดเล็กๆ เหล่านั้นเป็นประจำ แต่เธอไม่ได้มียาตัวนี้เหมือนผู้หญิงเหล่านั้น เธอใช้มันควบคุมฮอร์โมนตามที่หมอสั่งเท่านั้น แต่ในยามนี้มันกลับช่วยให้เธอไม่ต้องวิตกกังวล และพูดตอบโต้ผู้ชายตรงหน้าได้อย่างคล่องปาก “ลืมไปว่ามืออาชีพ งั้นเราเริ่มกันเลยเป็นไง จะได้ไม่ต้องเสียเวลา” จบคำวงแขนแกร่งก็ตวัดกอดคอดและประกบจูบริมฝีปากอิ่มสีชมพูอ่อนของเธอทันที หญิงสาวที่ริเล่นกับไฟนิ่งงันและตัวแข็งไปครู่หนึ่ง ถึงนี่จะไม่ใช่จูบครั้งแรกและเคยจูบกับเขามาแล้ว แต่จูบของเขามันทำให้ร่างกายของเธอตื่นเร้าไปหมด “เผยอปากออกสิปอไหม อย่ามัวแต่เล่นตัว ถ้าอยากได้เงินเพิ่มเดี๋ยวฉันจ่ายให้ทีหลัง” “ปอไม่ได้จะ...” เธอกำลังจะบอกว่าไม่ได้เล่นตัวและไม่ได้อยากได้ค่าตัวเพิ่ม แต่ราชันย์ไม่ได้สนจะฟัง เพราะเขาฉวยโอกาสนั้นประกบปากลงใหม่และฉกลิ้นเข้าไปในโพรงนุ่มชื้นทันที
วงวารพานรัก 2 (พิชญะxกนิษฐา)
วงวารพานรัก (พิชยะxกนิษฐา) เธอถูกหลานชายคู่หมั้นตราหน้า หยาบหยาม และล่อลวง เขามันเลว แต่เธอยิ่งเลวกว่าเมื่อเผลอนอกใจคู่หมั้น เพียงเพราะเขาบอกว่าเธอเองก็ชื่นชอบ ‘ห้องแดง’ เหมือนกันกับเขา กนิษฐาพยายามพาตัวเองออกห่าง แต่พิชญะร้อนแรงเหลือเกิน เขาเหมือนห้องแดงเคลื่อนที่ ที่แค่เข้าใกล้ก็พร้อมจะทำให้เธอกระโจนเข้าไปติดบ่วงสิ่งที่เขาเรียกว่า ‘รสนิยม’
รสรักหวานเอย
คู่หมั้นต่างวัย “ชัชวินและอารยา” หนุ่มใหญ่วัยย่างสี่สิบกับสาวที่เพิ่งจะพ้นวัยมหาวิทยาลัยมาหมาดๆ จุดเริ่มต้นของทั้งคู่ไม่ได้มาจากใจสองดวงที่ตรงกันแต่เกิดจาก “หนี้” ทว่าหนี้ที่ว่านั้นกลับนำพาทั้งคู่ไปสัมผัสกับความหวานที่ผสมผสานไปด้วยความเร่าร้อนดูดดื่มของ “รสรักอันสุดแสนหวาน” ตัวอย่างในเรื่อง “อาจะบอกความลับของอาให้นะ ว่าอาเป็นคนเซ็กซ์จัด โดยเฉพาะกับผู้หญิงที่อาถูกใจ อาจะมีเซ็กซ์ด้วยแบบรุนแรงและอาเรียกร้องไม่หยุด ท่าโปรดของอาก็คือ ยกขาของคู่นอนขึ้นพาดบ่ากับจับขาคู้แบะออกแล้วเสยกระแทกเข้าไปแรงๆ แบบสุดกำลัง และอาก็เสร็จยากมาก กระแทกเป็นร้อยครั้งกว่าจะถึงจุดสุดยอด คงรู้นะว่าคนที่ถูกอาอึ๊บจะเมื่อยขาและต้องอึดแค่ไหน เพราะฉะนั้นถ้าเอยไม่อยากให้ขาสวยๆ ของเอยถ่างเวลาเดินเหิน ก็อย่าทำให้อาตบะแตกก่อนเวลา” อารยาเกือบจะหน้าแดง แต่ก็ควบคุมตัวเองเอาไว้ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วลองต่อกรกับเขาแบบจริงๆ จังๆ สักยกจะเป็นไรไป “เอยก็อยากรู้เหมือนกันค่ะว่าอาชัชจะเซ็กซ์จัดได้เท่ากับที่เอยต้องการหรือเปล่า อีกอย่างเอยก็อยากลองเปลี่ยนท่าเดินดูเหมือนกัน เดินเรียบร้อยมานานแล้ว ลองเปลี่ยนเป็นเดินขาถ่างบ้างก็น่าจะได้ฟีลไปอีกแบบ” “อย่ามาทำตัวก๋ากั่นกับอา” เขาขู่เสียงเข้มแต่พร่ากระเส่าอย่างฟังได้ชัด “เอยเปล่า แต่เรื่องพวกนี้มันเป็นเรื่องธรรมดาไม่ใช่เหรอคะ” อารยาบอกแบบหัวสมัยใหม่ และทำเหมือนเรื่องที่เขาพูดเป็นเรื่องธรรมดาอย่างพวกที่พอจะมีประสบการณ์มาแล้ว “เอยจะบอกอาว่าเคยมาแล้วงั้นสิ” “ถ้าไม่เคย เอยจะกล้าชวนอาชัชขึ้นห้องเหรอคะ” อารยาสวมรอยและแอบดีใจที่ทำให้เขาเข้าใจผิดแบบนั้นได้ “เคยเมื่อไหร่ กับใคร?” “ก็...กับแฟนเก่า ตั้งแต่ยังไม่หมั้นกับอา เพราะฉะนั้นเรื่องพวกนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับเอย...” มือเล็กโน้มคอเขาลงมาหา ปากเผยอขึ้น ตาหรี่ลงอย่างเชื้อเชิญ ยอมรับกับตัวเองอย่างไม่อายว่ากำลังยั่วเขา “จูบเอยสิคะ... “ “เธอท้าอา” “ไม่ได้ท้า เอยแค่อยากจูบกับอา สิคะ” “อารยา...” เขาครางได้แค่นั้น ปากหนาก็กระแทกลงมาบดจูบเรียวปากอิ่มของคู่หมั้นสาวช่างยั่วอย่างรวดเร็ว ลิ้นหนาแทรกผ่านไรฟันซี่เล็กๆ ของเธอเข้าไปโรมรันกับลิ้นนุ่มในอุ้งปากนุ่มชื้นที่เมื่อครู่นี้ท้าทายเขาเหลือเกิน
เจ้าสาวพร่างฝน
เมสัน แมคไบรด์ บุรุษที่นั่งบนหลังม้าอยู่เป็นเนืองนิตย์ เจ้าของอาณาจักร อันกว้างใหญ่ไฟศาล ใครๆ ต่างก็รู้ว่าเขาดุดัน เฉียบขาด และโมโหร้ายแค่ไหน คำสั่งของเขาคือประกาศิต ของๆ เขาไม่เคยมีใครกล้าแตะต้อง อาณาจักรส่วนตัวซึ่่งเป็นเขตหวงห้ามก็ไม่เคยมีใครหน้าไหนกล้าล่วงล้ำ และแม้เสน่ห์ของเขาจะเหลือร้ายชนิดแม้ไม่ต้องออกแรงกระดิกนิ้วด้วยซ้ำ ก็มีสาวงามพร้อมจะพลีกายให้ แต่ผู้ชายอย่างเมสันกลับเลือกผู้หญิงที่จะขึ้นเตียงด้วย แต่แล้ว...กฎเหล็กทุกอย่างนั้นก็กลับถูกทำลายลงอย่างง่ายดายด้วยน้ำมือของ ผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่เป็นแค่กาฝากใต้ชายคา ‘ละอองฝน’ กล้ามากที่แอบเอา ม้าตัวโปรดของเขาไปขี่เล่นตามอำเภอใจ ซ้ำร้ายต่อมาไม่นาน แม่สาวน้อยกาฝากไร้เดียงสายังบังอาจทำให้เขามีสภาพไม่ต่างจากม้าหนุ่ม ที่พร้อมจะให้เธอควบขี่ได้ตามความพอใจ เมสันจึงต้องสั่งสอนแม่ตัวดีให้รู้ว่า อย่าริอ่านมาลองดีกับผู้ชายอย่างเขา! “ได้โปรดเถอะนะคะคุณเมสัน...พอเถอะนะคะ” “ยังหรอกละอองฝน ยังไม่พอ ฉันยังต้องลงโทษเธออีก” ใบหน้าหล่อเหลาเงยหน้าขึ้นพูดกับเธอท่ามกลางแสงจันทร์ที่สาดส่องลงมา และนั่นก็พอทำให้ละอองฝนได้มีเวลาพักหายใจหายคอบ้าง ไม่อย่างนั้นเธออาจจะขาดใจตายกับการลงโทษที่แสนป่าเถื่อนวาบหวามของเขาก็เป็นได้ “แต่ดิฉันหายมานานแล้ว ป้าแอนนาคงจะ...” ร่างกำยำหยัดกายขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วกดนิ้วลงบนเรียวปากอิ่มที่บวมน้อยๆ จากแรงจุมพิตของเขา “ลืมคนอื่นไปซะ! แล้วคิดถึงแต่ฉัน”
วงวารพานรัก(กันต์xแพรววดี)
แพรววดีถูกคนที่ได้ชื่อว่าญาติคุกคามในคืนหนึ่ง และผลของการคุกคามในคืนนั้น ก็นำมาซึ่งความลับที่ไม่อาจรู้ว่ามันจะเปลี่ยนเป็นความรักได้หรือไม่ หรือเธอจะเป็นได้แค่ตัวคั่นเวลาเพียงเพื่อรอให้เขาเขี่ยทิ้งเท่านั้น