Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
เดิมพันรักจอมมาเฟีย

เดิมพันรักจอมมาเฟีย

อัญญาณี

4.7
ความคิดเห็น
106.7K
ชม
114
บท

“ตำแหน่งพี่เลี้ยงไม่ค่อยเหมาะกับเธอสักเท่าไหร่ ลองมาอยู่ในตำแหน่งเมียของฉันไหมล่ะ รับรองว่าจะติดใจจนไม่อยากลงจากเตียง ............. ฟรานเซสโก้ เดอมาร์ชี มาเฟียหนุ่มกลัดมันรักอิสระ ไม่ชอบการผูกมัด ไม่คิดมีใจให้หญิงใด เขาคิดเสมอว่า “ผู้หญิงคือเครื่องบรรณาการทางเพศ” มีไว้เชยชม แต่ไม่ได้มีไว้รักใคร่ เมื่อเสร็จกิจทุกอย่างก็จบ แต่แล้วจู่ๆ ความรักก็หล่นโครม ใส่แบบไม่ทันตั้งตัว เขาจึงคิดอยาก “ผูกมัด” แม่หมัดหนักที่อัดใจเขาซะน่วม ด้วยการ “ไล่จูบ” ทุกครั้งที่เจอหน้า โดยไม่หวั่นกำปั้นหนักๆ เพราะ “เดิมพัน” ที่หวังจะได้นั้นมันคุ้มแสนคุ้ม ............. ไลลา นักมวยหมัดหนักต้องมารับหน้าที่ดูแล “ลูกชายมาเฟีย” ที่ร้ายทั้งพ่อทั้งลูก ปวดหัวกับลูกชายไม่พอ ยังต้องมา “ใจเต้นระทึก” กับคนเป็นพ่อ ที่อยู่ใกล้ครั้งใดต้อง “เปลืองตัว”เสมอ และโดยไม่รู้ตัวเขาก็ “ปราบ” เธอจนไม่เหลือคราบเก่งกาจ แล้วไลลาจะหนีรอดเงื้อมมือมาเฟียหนุ่มได้อย่างไร ในเมื่อเขา “กัดไม่ปล่อย” และเห็นเธอเป็นกวางน้อยแสนเชื่อง ที่อยากขย้ำกินใจแทบขาด

บทที่ 1 1

1

“ลูก!...กูมีลูก”

ผลการตรวจดีเอ็นเอในมือย้ำให้ฟรานเซสโก้ เดอมาร์ชีนักธุรกิจด้านการบินรู้ว่า ต่อไปนี้เขามีอีกหนึ่งชีวิตต้องดูแล เป็นอีกชีวิตที่ไม่คิดไม่ฝันว่าจะเกิดขึ้นมาบนโลกใบนี้ เขายังจำความรู้สึกแรกที่มาเรียน่า คู่ขาสุดร้อนแรงของตนมาบอกว่า ได้ให้กำเนิดทารกเพศชายสายเลือดเดอมาร์ชี ฟรานเซสโก้ถึงกับช็อค เขาไม่มีวันเชื่อเด็ดขาดว่าตัวเองจะพลาดพลั้ง เผลอเลอไม่สวมเครื่องป้องกัน จนเป็นเหตุให้สเปิร์มสุดรักสุดหวงวิ่งเข้าไปอยู่ในรังไข่ของเธอ การพิสูจน์ความเป็นพ่อลูกจึงเกิดขึ้น และเมื่อผลตรวจดีเอ็นเอออกมา ฟรานเซสโก้ถึงกับเถียงไม่ออก และต้องยอมรับหนูน้อยวัยสามเดือนนามว่าอัลบาโรไว้ในฐานะลูก และเลี้ยงดูลูกชายแทนมาเรียน่าที่ไม่สามารถเลี้ยงดูลูกชายต่อได้ เพราะเธอป่วยเป็นมะเร็งในระยะสุดท้าย

“ทีนี้ชัดแล้วนะคะว่า อัลบาโรเป็นลูกของคุณจริงๆ” มาเรียน่าพูดเสียงโรย ใบหน้าถึงแม้จะหมองแต่ก็มีรอยยิ้ม “ฝากลูกด้วยนะคะเซสโก้ ถ้าฉันรักษาตัวหาย ฉันจะมารับแกไปเลี้ยงดูเอง”

ความไม่พร้อมของร่างกายและต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล สถานที่ที่อาจพูดได้ว่า เธอต้องอยู่จวบจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต มาเรียน่าจึงไม่อาจดูแลลูกชายสุดที่รักได้ เธอจึงบอกความลับนี้ที่ตั้งใจว่า จะเก็บไว้ไม่บอกให้ใครรู้ว่าใครคือพ่อของอัลบาโร แต่ด้วยเหตุผลข้างต้นทำให้มาเรียน่าเปลี่ยนใจ แล้วรู้ด้วยว่า ฟรานเซสโก้ต้องไม่เชื่อในเรื่องที่ตนบอก การตรวจดีเอ็นเอพิสูจน์จึงเกิดขึ้น

“ไม่ต้องห่วง ฉันจะดูแลอัลบาโรให้ดีที่สุด” ฟรานเซสโก้ยอมรับผลที่ออกมา “เธอดูแลตัวเองด้วยนะ ฉันจะให้เงินเธอก้อนหนึ่งไว้รักษาตัว”

“เงินไม่จำเป็นสำหรับฉันค่ะ เท่าที่ฉันมีอยู่ฉันคิดว่าน่าจะพอกับชีวิตที่เหลือ ถ้าคุณอยากจะให้อะไรฉัน ฉันขอให้คุณให้ความรัก ความอบอุ่นกับอัลบาโรนะคะ แกไม่มีแม่แล้ว ฉันไม่อยากให้แกคิดว่าไม่มีพ่ออีกคน”

มาเรียน่าไม่เป็นห่วงตัวเอง แล้วรู้ดีว่าอยู่ในโลกนี้ได้อีกไม่นาน เรื่องที่เธอห่วงคือบุตรชายสุดที่รัก ในใจเป็นกังวลว่า ฟรานเซสโก้ที่รักชีวิตโสดเป็นชีวิตจิตใจจะทำหน้าที่ พ่อ ได้ดีมากน้อยแค่ไหน แล้วยิ่งรู้ว่าตนเองมีลูกแบบไม่ทันตั้งตัวเช่นนี้ เขาจะปรับตัวได้หรือไม่ แต่ที่ตัดสินใจบอกฟรานเซสโก้ เพราะคิดว่า เขาคือคนเดียวที่เลี้ยงดูอัลบาโรได้ดีที่สุด ถึงแม้ว่าเขาจะนิสัยแย่ รักใครไม่เป็น และมีความเลวในตัว คงไม่ขนาดทิ้งขว้างลูกตัวเอง

“เธอไม่ต้องห่วงลูกของเรา ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ได้ตั้งใจให้เขาเกิดมา แต่ก็ไม่คิดทิ้งขว้าง ในตัวอัลบาโรมีสายเลือดเดอมาร์ชีอยู่ นับต่อจากนี้ฉันจะดูแลเขาให้ดีที่สุด” ฟรานเซสโก้รับปากเสียงจริงจัง

“ลูกมาแล้วค่ะ” มาเรียน่าบอกฟรานเซสโก้ เมื่อเพื่อนสนิทอุ้มอัลบาโรเดินมาทางตน “แกเป็นน่ารักค่ะ เด็กเลี้ยงง่าย ไม่งอแง ยิ้มเก่งด้วยค่ะ”

มาเรียน่ารับทารกวัยสามเดือน แก้วตาดวงใจมาอุ้ม เธอยิ้มก้มมองใบหน้าลูกชายที่เวลานี้หลับปุ๋ย ปลายนิ้วค่อนข้างสั่นเขี่ยแก้มบุตรชายเล่น น้ำตาของคนเป็นแม่คลอหน่วย เมื่อรู้ว่า วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ได้มองเห็นหน้าลูก ทุกอย่างย่อมมีการจากลา เธอตัดใจส่งอัลบาโรให้ฟรานเซสโก้ที่รับร่างบุตรชายด้วยท่าทางเก้ๆ กังๆ

“ฝากลูกด้วยนะคะ ฉันไม่ขอให้คุณรักเขาเท่าที่ฉันรัก แค่ขอให้คุณเมตตาแกบ้างก็พอค่ะ” คือการสั่งเสียครั้งสุดท้ายของเธอ

“ไม่ต้องห่วงลูก ฉันดูแลแกเต็มที่ เท่าพ่อคนหนึ่งจะดูลูกได้” ฟรานเซสโก้รับปากเสียงหนักแน่น

“ลาก่อนค่ะฟรานโก้” มาเรียน่าพูดจบ เธอหันไปพยักหน้ากับเพื่อนรักที่เข็นรถวีนแชร์ไปยังลิฟต์โดยสาร เดินทางต่อไปยังโรงพยาบาลที่มาเรียน่ารักษาตัว

ฟรานเซสโก้ก้มหน้ามองลูกชายหน้าตาน่ารักน่าชัง รูปร่างของอัลบาโรตอนนี้อ้วนพลี แก้มยุ้ย พวงแก้มเปื้อนด้วยสีชมพูระเรื่อ เขาเคยเห็นดวงตาของบุตรชายครั้งหนึ่งตอนมาเรียน่าพามาหา ตอนนั้นเขาไม่ได้สนใจมากนัก เพราะคิดว่าไม่ใช่ลูกของตนตามที่เธอเอ่ยบอก แต่พอรู้ว่าใช่ เขาอยากเห็นแววตาอัลบาโรมาก อยากพิจารณามองว่าเป็นสีอะไร มองแล้วจะรู้สึกอย่างไร แต่ที่แน่ๆ เวลานี้ฟรานเซสโก้เผลอยิ้ม เมื่อเห็นเด็กตัวอ้วนที่นอนหลับบนแขนของเขายิ้ม...ยิ้มทั้งที่ยังหลับ

“เปียโร นายช่วยหาพี่เลี้ยงเด็กให้ฉันคนหนึ่ง เอาคนมีประสบการณ์นะ”

ฟรานเซสโก้สั่งเปียโร ลูกน้องคนสนิทที่รับร่างเจ้านายน้อยมาอุ้มไว้แทน เพราะเขามีลูกสองคน ชำนาญการอุ้มลูกมากกว่าเจ้านายหนุ่มที่ไม่คิดจะมีใคร ขืนให้ฟรานเซสโก้อุ้ม เขาเกรงว่าจะตกลงมากระแทกพื้น

“ครับคุณเซสโก้”

“อ้อ...แล้วโทรสั่งแมรี่จัดห้องนอนให้ลูกชายฉันด้วย ไม่เอาดีกว่า บอกแมรี่ว่าให้ทำความสะอาดห้องปีกซ้ายริมสุด ใช้เป็นห้องนอนชั่วคราวอัลบาโรไปก่อน แล้วโทรบอกให้จัสตินออกแบบตกแต่งห้องของลูกชายฉันใหม่ เอาห้องที่ติดกับฉัน”

“ครับคุณเซสโก้” เปียโรรับคำสั่ง และไม่รู้สึกลำบากที่จะอุ้มเด็กชายไว้ด้วยมือเดียว ใช้อีกมือล้วงหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง เดินไปด้วยทำตามคำสั่งของเจ้านายไปด้วย

เปียโรก้มมองเจ้านายคนใหม่ของตน เขามองเห็นความอ้างว้างที่เด็กชายจะได้รับ เขารู้นิสัยฟรานเซสโก้ดีกว่าใคร ฟรานเซสโก้รักอิสระ ไม่ชอบอะไรที่มาผูกมัด ยิ่งเป็นชีวิตโสดด้วยแล้ว ฟรานเซสโก้หวงยิ่งกว่าไข่ในหิน การที่อยู่ๆ มีลูกโผล่ออกมา ลูกที่ไม่ได้เกิดจากความรัก ความตั้งใจ มีหรือที่ฟรานเซสโก้จะมอบความรักให้ คงมีเพียงแค่ความผูกพันระหว่างพ่อลูกที่พอจะมีบ้าง แต่ก็ไม่รู้ว่าจะมากน้อยแค่ไหน แล้วรู้ด้วยว่า ที่ฟรานเซสโก้รับอัลบาโรมาเลี้ยงดูเพราะคำว่า หน้าที่ คำเดียว

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ อัญญาณี

ข้อมูลเพิ่มเติม
สวาทรัก อสูรร้าย

สวาทรัก อสูรร้าย

มหาเศรษฐี

5.0

"คนอย่างเธอความเจ็บปวดแค่นี้มันยังน้อยเกินไป เธอต้องเจ็บเหมือนกับที่มินามิเจ็บ และต้องเจ็บยิ่งกว่าหลายร้อยเท่า ฉันจะทำให้เธอตายอย่างช้าๆ แต่ทุกข์ทรมานแสนสาหัส เธอจะไม่ได้ยินหรือสัมผัสกับความอ่อนโยนเมตตาจากฉัน สิ่งที่ฉันจะมอบให้เธอมีเพียงความเกลียดชังเท่านั้น จำใส่กะโหลกไว้" เรียวเหวี่ยงร่างงามไปที่เตียงนอนอย่างแรง มือหนาจับที่ข้อเท้าของเธอไว้แน่นเมื่อรู้ว่าเธอกำลังกระเถิบตัวหนี "หนีสิ หนีเลย ถ้าเธอหนี คนที่ตายเป็นคนแรกคือแม่ของเธอ ฉันจะให้แม่เธอตายเหมือนหมูเหมือนหมาข้างถนน เหมือนกับที่เธอฆ่าแม่ของฉัน" ดวงตาเขาเปล่งแสงแรงกล้าของความอาฆาต เมื่อนึกถึงข้อนี้อยากจะฆ่าหญิงสาวตรงหน้าให้ตายตามมารดาและคนที่เขารัก แต่ความตายอาจจะไม่ทำให้เขาสะใจ นอกจากกระกระทำต่อไปนี้ที่สะใจเขามากที่สุด ทรรศิกาหยุดดิ้นรนขัดขืน เขาจึงปล่อยข้อเท้าของเธอให้เป็นอิสระ จัดการปลดเปลื้องเสื้อผ้าต่อหน้าเธอ ความกลัวเริ่มเกาะกินจิตใจของเธอมากขึ้นเรื่อยๆ อยากจะวิ่งหนีออกไปจากที่นี่ แต่เมื่อนึกถึงมารดา ทำให้เธอก้มหน้ารับชะตากรรมที่กำลังจะเกิดขึ้น เรื่องที่คุณน่าจะสน

ชิงรัก

ชิงรัก

มหาเศรษฐี

5.0

ความอิจฉาน้องสาวต่างมารดาคือจุดเริ่มต้นของแผนการ “ชิงไอศูรย์” มาเป็นของตน เธอจึงใช้เล่ห์เหลี่ยมง่ายๆ คือวางยานอนหลับเขา พอตื่นขึ้นมาก็จะติ๋งต่างว่า เขากับเธอมีอะไรกัน ทว่าแผนเกิดผิดพลาด ยาที่ผสมในไวน์กลับเป็นยาปลุกเซ็กซ์ ผลที่ออกมาคือ ไอศูรย์มีความสัมพันธ์ทางกายกับเธอจริงๆ ในที่สุด ชเนตตีได้แต่งงานกับเขาตามตั้งใจ ทว่าผลที่ออกมา ไม่ได้เป็นไปตามที่คิดไว้ “เนยใส่อะไรในแก้วไวน์ของพี่ใช่ไหม ไม่อย่างนั้นพี่จะไม่มีวันอยู่ในสภาพแบบนี้” เขาถามอีกครั้งเมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบ เสียงที่ถามเข้มห้วน ใบหน้ายังคงเรียบตึง สายตาถมึงทึงใส่ร่างอวบที่ย่นคอหนีน้ำเสียงแผดกร้าว “ตอบพี่มา” “ใส่อะไร เนยไม่รู้เรื่อง…ฮือ…พี่เจย์ทำผิดแล้วอย่ามาโทษว่าเนยวางยาพี่นะ…ฮือ” เธอยังคงปากแข็งต่อไป หลบสายตาแข็งกร้าวพัลวัน

ลิขิตรักพญามาร

ลิขิตรักพญามาร

มหาเศรษฐี

5.0

“ว้าย!!..” เธอร้องได้เพียงเท่านั้น ก่อนที่ปากของหยาดน้ำค้างจะถูกมือใหญ่ของใครบางคนปิดเอาไว้ ลำแขนอีกข้างรัดร่างน้อยไว้แน่น ก่อนจะลากไปที่พุ่มไม้รกข้างทาง “อย่าดิ้น อย่าร้อง ไม่งั้นจะจับปล้ำมันตรงนี้แหละ” เสียงที่พูดชิดเรียวหูสะอาด ทำให้เธอรู้ว่าเจ้าของเสียงนั้นคือใคร..เหมันต์ วิเศษเดโช เขาดันร่างเล็กให้แผ่นหลังแนบชิดกับต้นไม้ใหญ่ขนาดสี่คนโอบ ใช้ลำแขนกักร่างบางเอาไว้ “ปล่อยนะ” หญิงสาวพูดเสียงเบาทว่าหนักแน่น เธอไม่กล้าพูดเสียงดังมาก เพราะกลัวว่าคนที่เดินผ่านไปผ่านมาจะได้ยิน “ไปกล่อมพ่อหรือกล่อมลูกมาล่ะ ถึงได้อ้อยอิ่งเป็นชั่วโมงแบบนี้” น้ำเสียงของเหมันต์เขียวเหมือนกับใบหน้าที่เขียวคล้ำด้วยความโกรธ “มันเรื่องของฉัน..คุณไม่เกี่ยว..เราไม่มีอะไรต่อกันแล้ว คุณก็ได้ในสิ่งที่คุณต้องการแล้วนี่ จะมาเอาอะไรกับฉันอีก ปล่อยนะ ฉันจะกลับที่พัก” หยาดน้ำค้างพยายามดิ้นรนหนีพันธนาการที่รัดร่างอยู่ แต่ทว่าลำแขนของเขานั้นหาได้คลายออกไม่ ยิ่งรัดแน่นมากกว่าเก่า เมื่อได้ยินวลีของเธอ “ทำไมผมจะไม่เกี่ยว ในเมื่อน้ำค้างเป็นเมียของผม..เป็นเมีย หรือว่าจำไม่ได้ว่าเราสองคนมีความสุขกันมากแค่ไหน” เขาเท้าความหนหลังให้เธอได้ฟัง ฝ่ายหญิงนิ่งเงียบกับคำพูดของเขา เธอไม่เถียงว่ามีความสุขมากแค่ไหนเวลาได้อยู่ใกล้ชิดกับเรือนกายที่แสนแข็งแรงและอบอุ่น หากแต่ความทุกข์และความเสียใจที่เธอได้รับนั้นมันก็มากมายเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นความสุขหรือว่าความทุกข์ เธอก็ไม่มีวันลืมเช่นกัน และไม่มีทางจะกลับไปจมกับความทุกข์อีกแล้ว “ฉันไม่ใช่เมียคุณ..ถ้าคุณคิดว่าการที่เรามีอะไรกันแล้วฉันจะเป็นเมียคุณ พี่ว่านก็ต้องเป็นสามีของฉันเหมือนกัน” หยาดน้ำค้างคิดว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุด วิธีที่เขาไม่มีทางมายุ่งเกี่ยวกับเธออีก อ้อมแขนที่รัดร่างนิ่มคลายออกโดยอัตโนมัติ หัวใจของคนที่ฟังเต้นเร็ว ดวงตาคมเข้มสีดำเรืองแสงในความมืดที่โรยตัวไปทั่วบริเวณ บ่งบอกอะไรหลายอย่างในแววตา เสียใจ ไม่คาดฝัน ไม่แน่ใจ

สะใภ้สุดขั้ว แม่ผัวสุดขอบ

สะใภ้สุดขั้ว แม่ผัวสุดขอบ

มหาเศรษฐี

5.0

จะกี่หมัดก็ไม่หวั่น กี่ยกก็ไม่กลัว เธอจะ Knock Out ด้วยหัวใจติดปลายนวม ภัทรียายินดีสานต่อค่ายมวยและรับผิดชอบหนี้สินรุงรังต่อจากพ่อซึ่งเสียชีวิต แต่ ณ วันนี้หนี้สินสามปีที่ผัดผ่อนมาตลอดทำให้เธอมืดแปดด้าน ไม่ว่าความหวังแสนริบหรี่แค่ไหน เธอก็คว้าไว้อย่างไม่รอช้า ไม่เว้นแม้แต่การเป็นภรรยาหลอกๆ ต่อให้ต้องโดนแม่สามีดูถูกทุกขณะ น้องสาวสามีจ้องเหยียดชาติกำเนิดทุกครั้งที่เจอหน้า ภัทรียาก็ไม่หวั่นเกรงแม้แต่น้อย เพราะเธอคือ... ‘มะปราง ลูกจ่าดาบ ศิษย์จอมทอง’ นักมวยสาวหุ่นกระชากใจหนุ่มๆ หากไม่เพราะกำลังจะถูกแม่จับคลุมถุงชน ธัชธรรมจึงต้องเลือกใช้วิธีสิ้นคิด จ้างนักมวยสาวหมัดหนักที่กำลังร้อนเงินมาเป็นภรรยากำมะลอ จดทะเบียนจริง อยู่ด้วยกันจริง...และทำท่าว่าจะต้องอยู่ด้วยกันอีกนาน รออีกอย่างเดียวเท่านั้น... รอให้สะใภ้กำมะลอยอมเป็นภรรยาตัวจริงของเศรษฐีหนุ่มหล่อ

พิศวาสทาสเสน่หา

พิศวาสทาสเสน่หา

มหาเศรษฐี

5.0

“บ้าอำนาจชะมัด” หญิงสาวแอบบ่น กระแทกตัวลงนั่งริมสุดของขอบโซฟา ทิ้งระยะห่างจากเขาให้มากที่สุด “นี่แม่คุณ มานั่งใกล้หน่อยสิ นั่งไกลอย่างนั้นแล้วจะบริการฉันได้ยังไง ไม่เห็นเหรออาหารหมดถ้วยแล้ว” ถ้ารู้มาก่อนว่าคนที่จองห้องวีไอพีคือเขาคนนี้ เธอไม่ยอมเป็นพนักงานเสิร์ฟจำเป็นแน่นอน หญิงสาวเขยิบร่างกายเข้ามาอีกนิด ตักอาหารใส่ถ้วย ก่อนจะวางไว้ตรงหน้าเขาเหมือนเดิม “ป้อนด้วยสิ” เขาพูดอย่างอารมณ์ดี “ดิฉันมีหน้าที่คอยให้บริการอำนวยความสะดวกให้กับคุณ ตามที่เห็นสมควรนะคะ การป้อนอาหารเป็นนอกหน้าที่ของดิฉัน” สร้อยระย้าพูดด้วยน้ำเสียงค่อนข้างเข้ม จ้องมองอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจ ชายหนุ่มกระตุกยิ้มกับท่าทีแสนพยศของเธอ ขยับร่างกายเข้ามาประชิดร่างบางอย่างรวดเร็ว โดยที่หญิงสาวไม่ทันตั้งตัว “ว้าย!!..ปล่อยนะ” หญิงสาวร้องเสียงหลง ผลักร่างหนาให้ออกห่าง แกะมือใหญ่ที่รัดเอวของเธอไว้แน่น แต่ยิ่งพยายามเอวของเธอก็ต้องถูกรัดแน่นมากยิ่งขึ้น ไม่เพียงเท่านั้นร่างงามลอยขึ้นเหนือเบาะ เนื่องจากเขาอุ้มร่างของเธอมานั่งบนตัก “พยศนักนะ” ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกล้าปฏิเสธเขามาก่อน เห็นจะมีเพียงผู้หญิงกลิ่นกายเย้ายวนใจคนนี้ ยิ่งชิดใกล้เลือดในกายของเขาเดือดพล่าน ความต้องการปะทุขึ้นมาทันที เรียวปากใหญ่ปิดสนิทปากนุ่มที่กำลังจะอ้าปากต่อว่า ทำให้เขาสอดแทรกลิ้นร้อนชื้นเข้าไปภายในโพรงปากอย่างง่ายดาย เรียวลิ้นหนาตวัดพัดโบกกับลิ้นนุ่มที่ตื่นกลัวทำอะไรไม่ถูก เนื่องจากจูบนี้เป็นจูบแรกของชีวิตสาว สมองของเธอนั้นเริ่มมีกลุ่มหมอกควันสีขาวเข้ามาปกคลุม ความว่างเปล่ากำลังเข้ามาแทนที่ ไม่มีสตินึกคิด ความหวานนุ่มชวนหอมหวานที่เขาได้สัมผัส กระตุ้นความเป็นชายของเขาให้ตื่นจากการหลับใหล เสียงครางที่ดังทักท้วงในลำคอสาว เสมือนยากระตุ้นให้ความดันโลหิตของเขาเสียดทานกับความต้องการทางเพศ ร้อนรุ่มไปทั้งกาย มือใหญ่ลูบแผ่นหลังบางไปมา ก่อนจะวกมากอบกุมทรวงอกขนาดพอเหมาะกับฝ่ามือของเขา ไม่ใหญ่มากเกินไปจนล้นมือและไม่เล็กจนเสียอารมณ์

หนังสือที่คุณอาจชอบ

พระชายาสารพัดพิษ

พระชายาสารพัดพิษ

โรแมนติก

4.9

"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"

ขอเถอะครับให้ผมได้เป็นพ่อของลูก

ขอเถอะครับให้ผมได้เป็นพ่อของลูก

โรแมนติก

4.9

เผลอ One night stand กับคนที่ไม่ใช่ เธอจึงลาออก หลบมาเปิดร้านกาแฟเลียแผลใจ ลูกคนเดียวเธอเลี้ยงได้ แล้วไหงคนที่ไม่ใช่ ยังกลับมาเสนอหน้า ขอเป็นพ่อของลูกอีกล่ะ +++++++++++++++++++++ วนิษศากลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ มือกระชับถุงของที่ถือมาแน่น “ท้องทำไมไม่บอกผมหือ... หนูแหวน” เสียงทุ้มต่ำไม่ต่างกับคำราม เขายืนย้อนแสง ยิ่งทำให้เงาร่างใหญ่โตดูทะมึน กลบตัวเธอแทบมิด “ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณนี่” ว่าที่คุณแม่ตอบใจดีสู้เสือ ขณะอีกฝ่ายท่าทางเหมือนเตรียมกระโจนพร้อมเข้างับเหยื่อเนื้อหวานอย่างเธอเสียเหลือเกิน “ทำไมจะไม่เกี่ยวก็ในท้องคุณเป็นลูกผม” วนิษศาฟังแล้วอยากหัวเราะ “เชื่อได้ยังไงว่าเป็นลูกคุณ” หญิงสาวเชิดหน้าขึ้น จ้องตาเขาแบบไม่ยอมแพ้ “เชยเป็นป้าอย่างคุณน่ะนะหนูแหวน ทำงานให้พี่ผมงกๆ จะมีเวลาไปหาแฟนที่ไหน” ได้ฟังถึงกับมือสั่น ยอมรับ...วนิษศาแต่งตัวเป็นป้า แต่ไม่ต้องย้ำขนาดนี้ก็ได้ ++++++++++++++++++++++++

พระชายาของข้าคนเดียว

พระชายาของข้าคนเดียว

โรแมนติก

5.0

เดิมทีนางเป็นทายาทของตระกูลแพทย์เทพ แต่จู่ๆ นางก็กลายเป็นบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเสนาบดีที่พ่อไม่สนใจใยดีและแม่ก็เสียชีวิตตั้งแต่ยังนางยังเด็ก ในวันที่นางย้อนยุค นางถูกใส่ร้ายว่าเป็นผู้ร้ายตัวจริงที่สังหารฮูหยินจวนโหว นางพยายามพลิกผัน พลิกสถานการณ์ และพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของนาง นางคิดว่าภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนั้นจบลงแล้ว แต่นางไม่รู้ว่าสิ่งที่นางจะต้องเผชิญคือเหวอันไม่มีที่สิ้นสุด เป็นถึงบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเสนาบดีกลับมีอันตรายอยู้รอบตัวมากมาย ทุกคนก็รังแกนางได้ พ่อไม่สนใจนางจะเป็นหรือจะตาย แม่เลี้ยงและน้องสาวต่างแม่สนุกกับการทรมานนาง คู่หมั้นชั่วร้ายของนางอยากจะใช้นางเป็นประโยชน์เพื่อขึ้นไปที่สูง และแม้แต่น้องชายแท้ๆ ของนางยังทรยศนาง นางจึงเริ่มต่อสู้กับคนเจ้าเล่ห์ ข่มเหงแม่เลี้ยงของนาง และดูแลน้องชายและน้องสาวของนาง ดังนั้นนางวางแผนที่จะเล่นงานผู้ชายชั่ว เอาคืนแม่เลี้ยง และแก้แค้นน้องๆ ระหว่างที่นางแก้แค้นนั้น นางมีชีวิตที่มีความสุข แต่กลับไม่รู้ว่าไปยั่วยุคนใหญคนหนึ่งเข้าเมื่อไร เมื่อนางจะทำเรื่องไม่ดีหรือฆ่าคน เขาก็ช่วยนางหมด ในที่สุดนางก็อดไม่ได้ที่ถามออกมาว่า "ท่าน แม้ว่าข้าจะทำลายโลกที่ไม่มความยุติธรรมนี้ ท่านก็จะช่วยข้าเช่นกันหรือ" เขาทำหน้าใจเย็น "ตราบใดที่เจ้าอยู่เคียงข้างข้า แม้ว่าจะเป็นโลกใบนี้ ข้าก็สามารถให้เจ้าได้"

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

โรแมนติก

5.0

หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ