เจ้านายคนไหน ใครรู้บอกที

เจ้านายคนไหน ใครรู้บอกที

Lloyd Perold

4.9
ความคิดเห็น
909.2K
ชม
383
บท

"เขาลือกันว่าคู่หมั้นของคุณฮั่วเป็นคนบ้านนอก ไม่มีการศึกษาและแถมยังหน้าตาขี้เหร่ซะอีก"เมื่อซูฉิงปรากฏตัวอยู่ ในงานเลี้ยง ทุกคนในงานล้วนตกตะลึงไปหมด! "พระเจ้า ขี้เหร่ซะทีไหน!" "ได้ข่าวว่าราชาภาพยนตร์เป็นน้องของเธอด้วย" "พ่อของเธอเป็นมหาเศรษฐีที่รวยเป็นอันดับแรกของโลกเลยนะ" "leo นักออกแบบหญิงที่ลึกลับคนนั้นก็คือเธอ!" เมื่อตัวจริงของเธอค่อย ๆ ถูกเปิดเผย ทุกคนพากันตกตะลึงไปหมด แต่แล้วก็เป็นเป็นไง ฮั่วหยุนเฉิงไม่ได้รักเธอสักหน่อย ในวันเดียวกัน ฮั่วซื่อ กรุ๊ปก็โพสต์ข้อความหนึ่งในทวิตเตอร์ว่า"เราสองคนรักกันมาก และกำลังเตรียมจะแต่งงาน" คนภายนอก:"......!!!"

บทที่ 1 มาตระกูลฮั่วครั้งแรก

สถานีรถไฟความเร็วสูงเมือง A

ผู้หญิงสวมเสื้อยืดสีขาว กางเกงยีนส์ มือลากกระเป๋าเดินทางคนหนึ่งเดินออกมา

เธอหน้าตาน่ารัก ผมลอนสลวยพลิ้วไหวอยู่ด้านหลัง ภายใต้คิ้วใบหลิ่วที่งดงามนั้นมีดวงตาสดใสคู่งาม จมูกโด่ง ริมฝีปากที่แดงราวกับผลเชอร์รี่ แม้จะเป็นใบหน้าที่ไม่ได้แต่งหน้าเลย แต่ก็ทำให้คนอดใจที่จะมองไม่ได้

“สวัสดีครับ คุณคือคุณซูใช่มั้ยครับ? ผมเป็นคนขับรถของตระกูลฮั่ว”

ซูฉิงพยักหน้า เธอเดินตามคนขับรถไปขึ้นรถโดยไม่ใส่ใจ สีหน้าท่าทางของเธอเต็มไปด้วยความอ่อนล้า

เมื่อรถขับออกไปจากสถานีรถไฟความเร็วสูง ระหว่างทาง คนขับรถอดไม่ได้ที่จะมองผู้หญิงที่หลับตาอยู่ด้านหลังผ่านกระจกมองหลัง

นี่ก็คือคู่หมั้นของคุณฮั่ว

ฮั่วหยุนเฉิงนั้นเป็นใครน่ะเหรอ? เขาเป็นถึงประธานของฮั่วซื่อ กรุ๊ป ที่อายุเพียงยี่สิบเอ็ดปี แต่เป็นคนที่เด็ดขาดมาก มีวิธีการที่ชาญฉลาด ในแวดวงธุรกิจไม่มีใครไม่เกรงกลัวเจ้าพ่อคนนี้

พูดไปแล้วก็น่าตลก เมื่อหลายปีก่อน ท่านผู้เฒ่าฮั่วกลับเคยหมั้นหมายคู่แต่งงานไว้ให้กับฮั่วหยุนเฉิง และคนที่หมั้นหมายด้วยคือซูฉิง ผู้หญิงที่ไม่มีเบื้องหลังอะไรเลย แล้วยังนั่งรถไฟความเร็วสูงมาจากชนบทอีกด้วย

คนขับรถมองหน้าตาที่ไร้เดียงสาของซูฉิง และอดไม่ได้ที่ทำเสียงจิจิขึ้น ซินเดอเรลล่าจะแต่งงานกับตระกูลผู้สูงสักดิ์ ช่างยากจริง ๆ !

แต่ในเวลานี้ ซูฉิงที่นั่งอยู่ด้านหลังค่อย ๆ ลืมตาขึ้น มองเมืองที่แปลกตาด้วยสีหน้าที่สงบ

ในไม่ช้ารถก็มาถึงตระกูลฮั่ว คนขับรถช่วยยกกระเป๋าให้กับซูฉิง

ทันทีที่เธอเดินเข้าประตูมาก็ถูกขวางไว้ หน้าประตูมีสุภาพสตรีผู้สูงศักดิ์คนหนึ่งยืนอยู่ เธอมองซูฉิงตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างดูถูกเหยียดหยามแวบหนึ่ง

“แม่บ้านหลี่”

“คุณนาย มาถึงแล้ว”

ในมือของแม่บ้านหลี่ถือขวดน้ำยาฆ่าเชื้อ และฉีดพ่นไปทั่วทั้งร่างของซูฉิง

คุณแม่ฮั่วที่อยู่ข้าง ๆพูดขึ้นว่า “ยังมีรองเท้า ผม และที่อื่น ๆ ด้วยต่างก็อย่าให้หลุดลอดพ้นสายตาไปแม้จุดแต่จุดเดียว”

กลิ่นแสบจมูกลอยโชยมา ซูฉิงเอามือขึ้นมาปิดหน้าแล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “นี่พวกคุณป่วยรึไง?”

เมื่อได้ยินประโยคนี้ คุณแม่ฮั่วก็โกรธทันที

“มาจากชนบทอย่างที่คิดไว้จริง ๆ ทักก็ไม่ทักทาย ไม่มีการศึกษาเอาเสียเลย พวกฉันแค่กลัวว่าบนตัวของเธอจะมีเชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย ถ้ามันแพร่เชื้อเข้าสู่คนตระกูลฮั่วของพวกฉันขึ้นมาจะทำยังไง? ”

ถ้าเป็นปกติแล้ว ซูฉิงก็คงสะบัดตูดเดินออกไปตั้งนานแล้ว แต่นี่ไม่มีทางอื่น

“คุณป้าค่ะ งั้นปากของคุณป้าก็ควรพ่นยาฆ่าเชื้อหน่อยนะคะ เหม็นขนาดนี้...”

หลังจากพูดจบ ซูฉิงก็ก้าวเข้าไปข้างในทันที

“เธอ…” คุณแม่ฮั่วโกรธมากถึงขนาดชี้ไปที่หลังของซูฉิง ส่วนแม่บ้านหลี่ก็รีบเข้ามาปลอบทันที

ในบ้านหลังนี้ ยังมีผู้หญิงอีกคนที่รุ่นราวคราวเดียวกับซูฉิง ผู้หญิงคนนั้นสวมแบรนด์เนมทั้งตัว และก็มองซูฉิงอย่างดูถูกเหยียดหยามเช่นกัน

“เธอก็คือซูฉิง คู่หมั้นของพี่ชายงั้นเหรอ?” เมื่อมองเสื้อผ้าที่ไม่มีแบรนด์ของซูฉิง ฮั่วเชี่ยนก็แสดงสีหน้าท่าทางดูถูกเหยียดหยาม แล้วพูดขึ้นต่อไปอีกว่า “จิจิ คุณปู่แก่แล้วจริง ๆ สายตาไม่ดีเกินไปแล้ว ได้ยินมาว่าเธอยังนั่งรถไฟมาด้วย ไม่บอกก่อน ตระกูลฮั่วของเราสามารถซื้อตั๋วเครื่องบินให้เธอได้นะ แต่ก็อย่างว่า ชนบทอย่างนั้นน่าจะไม่มีสนามบินมั้ง”

ซูฉิงมองฮั่วเชี่ยนเหมือนมองคนโง่อย่างไรอย่างนั้น

คนของตระกูลฮั่วนี่เย่อยิ่งทุกคนเลยใช่มั้ย?

บ้านเธอไม่มีสนามบินจริง แต่ตาเฒ่าได้เหมารถไฟความเร็วสูงที่มายังเมือง A ทั้งหมดให้เธอ ไม่มีใครสามารถสัมผัสได้ถึงการนั่งรถไฟความเร็วสูงคนเดียวแบบซูฉิง

หากเธอต้องการ ตาเฒ่าก็จะเรียกเครื่องบินส่วนตัวมาส่งเธอแล้ว

ซูฉิงขี้เกียจจะอธิบายกับคนเหล่านี้ เธอเดินขึ้นชั้นบนไปทันที

เมื่อฮั่วเชี่ยนเห็นว่าเธอถูกเพิกเฉย ก็เดินตามไปด้วยสีหน้าบูดบึ้ง

“ห้องของฉันอยู่ไหน?” ซูฉิงเปิดปากถามคนรับใช้ที่อยู่ด้านหลัง

คนรับใช้ไม่ทันจะตอบ ฮั่วเชี่ยนก็เดินเข้ามาข้างหน้า และเปิดปากพูดขึ้นว่า “นี่ไง”

เปิดประตูห้อง ฮั่วเชี่ยนก็พูดขึ้นว่า “เธอคงไม่เคยอยู่ในห้องที่ใหญ่และดีขนาดนี้มาก่อนสินะ! เธอต้องทะนุถนอมเวลาที่ได้อยู่ในตระกูลฮั่วไว้ให้ดีนะ ฉันฮั่วเชี่ยน เป็นน้องสาวลูกพี่ลูกน้องของพี่ฮั่วหยุนเฉิง เธอต้องเอาใจฉันให้มาก เข้าใจไหม วันหนึ่ง…”

ฮั่วเชี่ยนยังพูดไม่จบ ซูฉิงก็เดินเข้าไปในห้อง แล้วปิดประตู เสียงปังดังขึ้น ทำเอาฮั่วเชี่ยนยิ่งโกรธมากยิ่งขึ้น

“อ้าย! มันมาจากชนบท ทำไมถึงกล้าดีขนาดนี้ คุณปู่ดูคน ดูยังไงกันเนี่ย!”

คนรับใช้ก้มหน้า “คุณหนู นี่เป็นห้องของคุณฮั่วนะคะ?”

ฮั่วเชี่ยนมองไปที่ประตูแวบหนึ่งอย่างดูถูกเหยียดหยาม

“อย่าพูดมากไป พี่ชายไม่ชอบให้คนอื่นแตะต้องของของเขามากที่สุด ถึงตอนนั้นก็บอกว่ามันเป็นคนอยากพักห้องนี้เอง”

ขณะที่พูด ดวงตาของฮั่วเชี่ยนก็เป็นประกาย

อ่านต่อ

หนังสือที่คุณอาจชอบ

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

มาชาวีร์
5.0

หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง

สุดที่รักของจักรพรรดิ

สุดที่รักของจักรพรรดิ

Berne Beer
4.9

หลังจากดูแลสามีมาเป็นเวลาสามปี เมื่อเห็นสามีสอบติดขุนนาง เฉียวชูเยว่ก็นึกว่าชีวิตดีๆ จะมาแล้ว แต่กลับไม่รู้ว่าสามีเป็นคนโลภ และเจ้าชู้ เพื่อจัดการปัญหาให้สามี เฉียวชูเยว่เสียตัวให้กับจักรพรรดิโหดร้ายโดยไม่ได้ตั้งใจ เพื่อชีวิตและอนาคตของสามี นางได้แต่อดทนเอาไว้ จากนั้น สามีของนางก็ได้รับการยกย่องจากจักรพรรดิ และถูกเลื่อนตำแหน่งเรื่อยๆ เมื่อสามีของนางกำลังเพลิดเพลินอำนาจและสาวสวยนั้น นางกำลังรับใช้กับจักรพรรดิอย่าง้อยใจ แต่ไม่คาดคิดว่าความพยายามของนางได้แลกกับใบหย่าจากสามี ในวันแต่งงานของสามี นางถูกฆาตกรไล่ตามและตกลงไปในโคลน เมื่อนางหมดหวังนั้น จักรพรรดิก็มายืนอยู่ตรงหน้านาง "มาเป็นคนของข้าสิ และจะไม่มีใครกล้ารังแกเจ้าอีก!"

ชายาข้าเป็นหมอนิติเวช

ชายาข้าเป็นหมอนิติเวช

เกาะครีต
4.9

วิญญาณแพทย์นิติเวชที่มีชื่อเสียงในศตวรรษที่ 21 ได้เข้ามาอยู่ในร่างคุณหนูของจวนเสนาบดีอย่างบังเอิญ ผู้คนกล่าวหาว่านางไม่เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และทำให้บุตรชายของแม่ทัพตาย ด้วยเหตุนี้ฮ่องเต้ต้องการฆ่านางเพื่อให้คำอธิบายกับแม่ทัพ! ผู้คนกล่าวหาว่านางเป็นคนหยิ่งยโสและเจ้ากี้เจ้าการ ทุกคนเกลียดนาง และครอบครัวของนางต้องการไล่นางออก! ผู้คนกล่าวหาว่านางเป็นคนเลวทรามและไร้ความปรานี วางยาน้องสาว และพ่อของนางต้องการโบยนางจนตาย! ในความเป็นจริงหากอยากจะกล่าวหาผู้ใดสักคน มันก็หาข้ออ้างได้ทั่ว แต่นางเป็นคนไม่ยอมใคร นางผอมบางนางหนึ่งปลุกปั่นโลกด้วยความสามารถอันทรงพลังตนเอง ท่านอ๋องกล่าวว่า หากได้เจ้ามาครอบครอง ข้ายอมทรยศทุกคนในโลก นางกล่าวว่า เพื่อท่าน ต่อให้ทุกคนในโลกเกลียดข้า ข้าก็ยอม

ทะลุมิติมาเป็นบุตรสาวหญิงหม้าย

ทะลุมิติมาเป็นบุตรสาวหญิงหม้าย

l3oonm@
5.0

จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ
เจ้านายคนไหน ใครรู้บอกที
1

บทที่ 1 มาตระกูลฮั่วครั้งแรก

13/03/2023

2

บทที่ 2 ปีนขึ้นไปบนเตียงของฮั่วหยุนเฉิง

13/03/2023

3

บทที่ 3 คนบ้านนอกจากชนบท

13/03/2023

4

บทที่ 4 ผู้หญิงที่เจ๋งที่สุด

13/03/2023

5

บทที่ 5 เป็นคู่หมั้นกัน

13/03/2023

6

บทที่ 6 จิตใจว้าวุ่น

13/03/2023

7

บทที่ 7 ตัวตนที่แท้จริงคงจะไม่ถูกเปิดเผยออกมาสินะ

13/03/2023

8

บทที่ 8 ค่อย ๆ คิดไปแล้วกัน

13/03/2023

9

บทที่ 9 ความสัมพันธ์เป็นเจ้านายกับลูกน้อง

13/03/2023

10

บทที่ 10 ไม่มีใครช่วยเธอหรอก

13/03/2023

11

บทที่ 11 แค่ดูผ่านตาก็จดจำไม่ลืม

13/03/2023

12

บทที่ 12 เธอกลัวความมืด

13/03/2023

13

บทที่ 13 ซูฉิงไปไหนนะ

13/03/2023

14

บทที่ 14 เธอกลัวความมืด

13/03/2023

15

บทที่ 15 หน้าคุ้น ๆ

13/03/2023

16

บทที่ 16 ดอกท้อเน่า

13/03/2023

17

บทที่ 17 จัดการอย่างยุติธรรม

13/03/2023

18

บทที่ 18 กลิ่นอายที่คุ้นเคย

13/03/2023

19

บทที่ 19 ขโมยแหวนเพชร

13/03/2023

20

บทที่ 20 แผนการที่แนบเนียน

13/03/2023

21

บทที่ 21 พิสูจน์ความผิดซึ่ง ๆ หน้า

13/03/2023

22

บทที่ 22 พิสูจน์ความบริสุทธิ์

13/03/2023

23

บทที่ 23 ขอโทษฉันเดี๋ยวนี้

13/03/2023

24

บทที่ 24 ของตก

13/03/2023

25

บทที่ 25 ย้ายไปที่ห้องรับรองแขก

13/03/2023

26

บทที่ 26 เธอคือLeo

14/03/2023

27

บทที่ 27 ของขวัญ

15/03/2023

28

บทที่ 28 ซูฉิง ขอบคุณเธอนะ

16/03/2023

29

บทที่ 29 สวีหวั่นเอ๋อร์พ่ายแพ้อย่างราบคาบ

17/03/2023

30

บทที่ 30 ขอโทษคุณซู

18/03/2023

31

บทที่ 31 ซูฉิงชนะขาดลอย

19/03/2023

32

บทที่ 32 ฮั่วหยุนเฉิงที่โมโหเกรี้ยวกราด

20/03/2023

33

บทที่ 33 ฮั่วหยุนเฉิงเข้าใจผิด

20/03/2023

34

บทที่ 34 อุทิศทั้งกายและใจ

20/03/2023

35

บทที่ 35 คุณคือถางถาง

20/03/2023

36

บทที่ 36 ถางถางอะไร?!

20/03/2023

37

บทที่ 37 การประชุมที่ผิดปกติ

20/03/2023

38

บทที่ 38 เธอทำให้ฉันประหลาดใจมาก

20/03/2023

39

บทที่ 39 ละครสนุก ๆ กำลังจะเริ่มแล้ว

20/03/2023

40

บทที่ 40 ไม่มีทางทำสำเร็จ

20/03/2023