เกิดใหม่มีสามีและลูกแฝดในยุค 70

เกิดใหม่มีสามีและลูกแฝดในยุค 70

จิรัฐติกาล

5.0
ความคิดเห็น
17.4K
ชม
30
บท

จะทำยังไงเมื่อชาติก่อนก็มีชีวิตครอบครัวที่บัดซบถูกสามีนอกใจ มาภพนี้กลับมาอยู่ร่างของผู้หญิงที่หนีไปชู้อีก ทั้งที่เธอมีลูกที่แสนน่ารักและสามีที่แสนน่ากิน!!

บทที่ 1 1

ท่ามกลางผู้คนมากมายในโรงพยาบาลทั้งคนไข้ ญาติผู้ป่วย และเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลต่างเดินไปเดินมาแทบจะชนกัน มีผู้หญิงคนหนึ่งร่างกายผอมบางพึ่งออกมาจากออกตรวจใบหน้าเศร้าสร้อย แววตาเหม่อลอย ค่อย ๆ ทรุดตัวนั่งลงกับพื้นอย่างไม่คิดอายใคร น้ำตาค่อย ๆ เอ่อล้นออกมาจากขอบตาอย่างไม่อดกลั้นเอาไว้ ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นไหลออกมาอย่างพรั่งพรู สะอื้นเสียงดังอย่างไม่แคร์สายตาคนที่กำลังเดินผ่านไปผ่านมา พลางนึกตัดพ้อชีวิตที่แสนจะบัดซบของตัวเอง…. “ทำไมชีวิตแกถึงซวยขนาดนี้เจ้าซูเยี่ย ฮึก….ฮือ”

ซูเยี่ย ผู้หญิงที่จัดอยู่ในอันดับต้น ๆ ของความโชคร้ายมาเกือบทั้งชีวิตเลยก็ว่าได้ เพราะเธอพึ่งจะทำใจเรื่องแท้งลูกเมื่อปีที่แล้วได้ไม่นาน ตอนนั้นเธอเกือบจะเป็นโรคซึมเศร้าแต่ก็รอดมาได้ แต่วันนี้เธอกลับมาได้รับข่าวร้ายจากหมออีกครั้งว่าเธอป่วยเป็นโรคมะเร็งปอดระยะสุดท้าย ซึ่งความหวังมีเพียง 5% เท่านั้นที่จะรักษาหายขาดได้ ซึ่งสาเหตุที่ซูเยี่ยเป็นโรคนี้นั้นเพราะเธอมีปัญหาเกี่ยวกับการหายใจมาตั้งแต่เกิด แต่เธอก็รักษาตัวเองเป็นอย่างดีมาตลอดจนกระทั่งเธอแต่งงานมีครอบครัว เธอก็แทบไม่มีเวลาที่จะได้ดูแลตัวเองอีกเลย

เนื่องจากซูเยี่ยต้องทำงานหนักเพื่อเลี้ยงดูสามีที่ไม่ยอมทำงาน นั่งกินนอนกินไปวัน ๆ แถมยังชอบนอกใจเธออยู่บ่อย ๆ โดยการชอบพาผู้หญิงมานอนที่บ้านในตอนที่เธอออกไปทำงาน ถึงแม้ว่าซูเยี่ยจะยังไม่เคยจับได้แบบคาหนังคาเขาเลยสักครั้ง แต่ชาวบ้านที่อยู่บ้านใกล้เรือนเคียงก็คอยสอดส่องให้อยู่แทบจะทุกวันทุกเวลา พอซูเยี่ยกลับมาจากทำงานต่างก็พลัดกันมาเล่าให้ฟังไม่เว้นวัน แต่พอซูเยี่ยไปถามเอาความจริงจากสามี มีเหรอที่สามีตัวร้ายจะยอมรับง่าย ๆ มิหนำซ้ำยังตอกหน้าเธอกลับมาจนเธอต้องยอมแพ้ ไม่เช่นกันก็จะทะเลาะกันเป็นเรื่องราวใหญ่โตอีก

“ฮึก….ทำไมชีวิตของฉันมันถึงได้ซวยขนาดนี้ แค่ก ๆ” ด้วยความที่ร้องไห้หนักเกินไปทำให้ซูเยี่ยที่มีปัญหาเกี่ยวกับปอดอยู่แล้วสำลักน้ำหูน้ำตาของตัวเองจนไอออกมาจึงเอามือป้องปากตอนไอ แต่สิ่งที่น่าตกใจไปกว่านั้นตอนที่เธอเอามือออกมีน้ำสีแดงสดกระจายอยู่เต็มหน้ามือ….ซูเยี่ยเธอไอออกมาเป็นเลือด

ซูเยี่ยทั้งตกใจและรับไม่ได้กับสิ่งที่เห็นจึงรีบดันตัวเองลุกขึ้นแล้วหอบสังขารของตัวเองกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปที่ห้องน้ำ

หลังจากที่ซูเยี่ยล้างไม้ล้างมือที่เปื้อนเลือดเรียบร้อยแล้ว เธอก็ได้เอาน้ำมาลูบหน้าของตัวเองด้วย ก่อนจะมองตัวเองในกระจกอย่างพิจารณา ใบหน้าของเธอที่ซีดเซียวไร้เครื่องสำอางค์แต่งเติม โหนกแก้มขึ้นเป็นสัน ที่หน้าอกก็เห็นซี่โครงขึ้นครบทุกซี่จนดูน่ากลัว ผมเผ้าถูกจัดอยู่ในทรงผมม้วนขึ้นแบบง่าย ๆ เสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่ก็เป็นเพียงเสื้อยืด กางเกงยีนส์ธรรมดา

นี่ฉันปล่อยตัวให้โทรมขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย….ซูเยี่ยคิดในใจ แต่จะมาคิดได้ในตอนนี้มันก็สายไปเสียแล้ว การที่ซูเยี่ยเป็นโรคมะเร็งปอดระยะสุดท้ายนั้นก็แปลว่าเธอจะมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ได้อีกไม่นานถ้าไม่ได้รับการรักษาที่ถูกวิธีอย่างสม่ำเสมอ ชีวิตของซูเยี่ยเหมือนอยู่ไปแบบไร้จุดหมายจะตายวันตายพรุ่งก็ไม่อาจรู้ได้

พอคิดไปคิดมาน้ำตาก็พลันจะเอ่อล้นไหลออกมาอีกครั้ง แต่พอมีคนมาเข้าในห้องน้ำ ซูเยี่ยก็รีบปาดน้ำตาแล้วออกจากห้องน้ำไปทันที

….ซูเยี่ยกลับมาที่บ้านไวกว่าปกติ เนื่องจากวันนี้เธอไปทำงานแล้วเป็นลมหมดสติจึงถูกหามส่งโรงพยาบาลและก็เจอว่าตัวเองเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้ายนั่น

ซูเยี่ยค่อย ๆ เลื่อนเปิดประตูรั้วอย่างหมดแรง คอตกตั้งแต่ออกจากห้องตรวจตอนนี้ก็ยังตกอยู่อย่างนั้น เหมือนกับว่าชีวิตของเธอมันมองไม่เห็นหนทางข้างหน้าอีกแล้ว

ซูเยี่ยเดินมาถึงประตูหน้าบ้านแต่สายตาไปสะดุดที่รองเท้าคู่หนึ่งถูกถอดวางไว้เหมือนเร่งรีบที่จะเข้าไปในบ้าน ซึ่งรองเท้าคู่นี้มันไม่ใช่รองเท้าของเธอ เธอจำรองเท้าของเธอได้เพราะเธอมีรองเท้าเพียงไม่กี่คู่เท่านั้น เนื่องจากกำลังทรัพย์ที่ไม่ได้มีมากล้น

พอเห็นแบบนี้ซูเยี่ยก็มีกำลังขึ้นมาโดยอัตโนมัติ เธอเปิดประตูเข้าไปในบ้านและค่อย ๆ เดินย่องเข้าไปอย่างเงียบ ๆ พอบรรยากาศในบ้านมันเงียบสงัด ซูเยี่ยก็ได้ยินเสียงหญิงชายกำลังคุยกันหยอกล้อหัวร่อต่อกระซิกดังมาจากห้องนอนของเธอกับสามี

พอได้ยินแบบนี้หัวใจของซูเยี่ยก็รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาทันทีเหมือนมีดพร้านับสิบมาทิ่มแทงลงกลางหัวใจ ในหัวมีแต่คำว่า ทำไม ทำไม ทำไมชีวิตของเธอต้องมาเจอเรื่องที่เลวร้ายขนาดนี้ด้วย ความฝันที่จะมีชีวิตครอบครัวที่สวยงามมันพังทลายลงไปกับตา

ซูเยี่ยทำใจแข็งค่อย ๆ บิดลูกบิดประตูห้องเปิดออก พอประตูห้องถูกเปิดเท่านั้นชายหญิงในห้องที่กำลังนั่งกอดพลอดรักกันอย่างไม่ละอายแก่ใจก็หันขวับมามองที่เธอเป็นตาเดียวด้วยสายตาที่เบิกโพลงก่อนจะดีดตัวลุกขึ้นจากเตียงนอนพร้อมกันโดยอัตโนมัติ

“ซะ ซะ ซูเยี่ย”

“นี่คุณพาผู้หญิงมานอนในห้องนอนของเราเลยเหรอ!”

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ จิรัฐติกาล

ข้อมูลเพิ่มเติม

หนังสือที่คุณอาจชอบ

พันธกานต์เลขาเฉิ่ม

พันธกานต์เลขาเฉิ่ม

เนื้อนวล
4.8

อนลควรจะทำยังไง เมื่อจู่ๆ แม่เลขาเฉิ่มของพี่ชาย เข้ามาในห้องพักของเขาด้วยความเมามาย และก็ชักชวนให้เขาเป็นคนแรกของเธอ...!!! เขาควรปฏิเสธ หรือว่าเดินหน้าขย่มแม่สาวแว่นให้จมเตียงดีล่ะ?!!! “อ๊ะ... อย่า... คุณอนล... อื้อ...” เขาไม่สนใจการต่อต้านของหล่อนเลย เพราะวินาทีต่อจากนั้น ปากร้อนจัดก็กลืนกินทุกเสียงต่อต้าน พร้อมกับความเป็นชายที่ถูกปลดปล่อยจากเป้ากางเกง และพุ่งทะยานเข้ามาในกายสาว ทุกอย่างมันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และเต็มไปด้วยความเร่าร้อนรุนแรง การต่อต้านขัดขืนจางหายไป เมื่อปากถูกจูบดูดดื่ม พร้อมกับบั้นเอวแกร่งที่โยกคลึงเข้าหาอย่างหนักหน่วง อา... สติของหล่อนจางหายไปหมดแล้ว ตอนนี้สิ่งเดียวที่หล่อนรับรู้ถึงมันได้ ก็คือความแข็งแกร่งที่กำลังดำผุดดำว่ายอยู่ภายในร่องสาวเท่านั้น แต่พอเช้าวันต่อมา แม่เจ้าประคุณดันหนีหน้าหายไป แถมพอเจอกันก็บอกให้ลืมๆ เรื่องเร่าร้อนเมื่อคืนไปซะ เหอะ!!! คิดว่าเขาจะยอมหรือไง ในเมื่อแม่สาววัตถุโบราณ หวานฉ่ำไปทั้งตัวทั้งตัวแบบนี้...

ต้องมนต์บุปผา

ต้องมนต์บุปผา

ซีไซต์
5.0

หลิวซือซือผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่นอกจากรูปร่างหน้าตาที่สวยหยดย้อยแล้ว แทบจะไม่มีความสามารถหรือความโดดเด่นในเรื่องอื่น และหากจะว่ากันไปหญิงสาวก็เป็นคนที่ค่อนข้างใสซื่อบริสุทธิ์อยู่ไม่น้อย เพราะได้รับการรับเลี้ยงประดุจไข่ในหินจากผู้เป็นพ่อและแม่ที่มีฐานะไม่ธรรมดา เธอรักในอาชีพนักแสดงแม้พ่อแม่จะคัดค้านแต่สุดท้ายก็ตามใจเธอเพราะไม่ต้องการให้ลูกสาวเสียใจ อยู่มาวันหนึ่งด้วยบทบาทที่ต้องแสดงในซีรีส์ย้อนยุค ทำให้พ่อของเธอหาขลุ่ยโบราณเล่มหนึ่งมาให้ ตั้งแต่ได้รับขลุ่ยมาหลิวซือซือก็มักฝันประหลาด ว่าเธอได้พบผู้ชายคนหนึ่งในเขาเป็นแม่ทัพอยู่ระหว่างสงครามอีกทั้งตนเองยังมีโอกาสช่วยเขาหลายครั้ง ที่น่าประหลาดใจคือ ฝันนั้นของเธอเหมือนจะเป็นความจริงไปแล้ว เขาคือใครและเกี่ยวข้องกับเธอด้วยเหตุใด ทำไมเธอจึงมักฝันประหลาดเช่นนี้???

หย่าปุ๊บ แต่งงานใหม่ปั๊บ

หย่าปุ๊บ แต่งงานใหม่ปั๊บ

Crimson Syntax
5.0

ทุกคนต่างรู้ดีว่าเจียงว่านหนิงรักเย่เชินมานานหลายปี เธอที่มักจะว่านอนสอนง่ายและน่ารักเสมอ ได้สักลายเพื่อเขาและยอมทนอยู่ใต้อำนาจผู้อื่น เมื่อเธอถูกทุกคนใส่ร้ายจนโดนตำหนิ เขากลับนิ่งเฉยและยังถึงขั้นให้เธอคุกเข่าให้แฟนเก่าของเขาอีกด้วย เธอที่รู้สึกอับอาย ในที่สุดก็หมดหวัง หลังจากยกเลิกการหมั้น เธอก็หันไปแต่งงานกับทายาทพันล้านทันที คืนนั้นเอง ใบทะเบียนสมรสของทั้งคู่ก็กลายเป็นข่าวฮิตบนโลกออนไลน์ เย่เชินที่เคยคิดว่าตัวเองเก่งกาจที่สุดก็เริ่มวิตกและพูดออกมาด้วยความโกรธว่า "อย่าเพ้อฝันไปเลย นายคิดว่าเธอรักนายจริงๆ งั้นเหรอ เธอแค่ต้องการใช้พลังอำนาจของตระกูลฟู่เพื่อแก้แค้นฉันเท่านั้นเอง" ฟู่จิงเซินจูบหญิงสาวในอ้อมกอดและตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจว่า "แล้วจะเป็นไรไปล่ะ ก็พอดีว่าฉันมีทั้งเงินและอำนาจนี่"

ทะลุมิติมาเป็นบุตรสาวหญิงหม้าย

ทะลุมิติมาเป็นบุตรสาวหญิงหม้าย

l3oonm@
5.0

จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ