Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
แค้นนี้ของนายมาเฟีย

แค้นนี้ของนายมาเฟีย

Kidsroom

5.0
ความคิดเห็น
ชม
6
บท

" ฉันจะทำให้พี่เธอรู้จักการสูญเสียเหมือนที่มันทำกับพี่ชายฉัน คนทรยศ อย่างมันต้องตาย หรือการตายสำหรับมันจะง่ายไป เธอคิดว่าไงล่ะ ? " "อย่าทำอะไรพี่ชายลินเลยนะคะ "

บทที่ 1 บทนำ

" พี่หายไปไหนมาเป็นปีคะ ? พี่รู้ไหมพ่อกับแม่เป็นห่วงพี่แค่ไหน "

" พี่ไปทำงาน "

" ไปทำงานอะไรคะพี่คิริน ? ทำไมไม่ติดต่อมาหายเงียบไปเลย " มิลินเอียงคอถามด้วยใบหน้าไร้เดียงสาเธอไม่เข้าใจกับเจตนาของพี่ชาย

" พี่ขอโทษที่ไม่ได้ติดต่อมาแต่ตอนนี้พี่ต้องไปแล้ว "

" พี่พึ่งกลับมานะคะจะไปแล้วหรอคแล้วพี่โทรไปหาพ่อกับแม่หรือยัง ? "

" ไว้พี่จะโทรไปหาท่านแล้วกันนะแต่ตอนนี้พี่ต้องไปแล้วอยู่คอนโดคนเดียวก็ระวังตัวด้วยล่ะอย่าไว้ใจใครง่าย ๆ "

" ค่ะพี่ชาย แล้วพี่พอจะบอกได้ไหมคะว่าพี่ทำงานอยู่ที่ไหนกับใคร "

" แกไม่ต้องรู้หรอกลินไว้พี่จะติดต่อกลับมานะ "

" ทำไมถึงรู้ไม่ได้คะ ? ลินก็แค่อยากรู้ว่าพี่ทำอะไรอยู่ที่ไหน ลินเป็นห่วงพี่ พ่อกับแม่ก็ด้วยค่ะ "

" เอาหน่าลินแกขึ้นห้องไปได้แล้วไว้พี่จะมาเยี่ยม "

" แต่พะ..... "

" ลินพี่บอกให้ขึ้นไปได้แล้ว!! " คิรินดุน้องสาวเสียงแข็ง จนทำให้มิลินสะดุ้งเฮือกขึ้นมา แววตาทั้งสองข้างของเธอแดงกล่ำอย่างตกใจปกติพี่ชายไม่เคยดุเธอเลยสักครั้ง

" พี่ทะ...ทำไมต้องเสียงดังใส่ลินด้วยล่ะคะ ? อึกก ! " มิลินพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเคลือน้ำตาค่อย ๆ ไหลอาบแก้มทั้งสองข้างเธอไม่เข้าใจว่าวันนี้ทำไมพี่ชายตัวเองถึงได้เปลี่ยนไป

" ลินพี่ขอโทษอย่าดื้อ ขึ้นห้องไปได้แล้วมันดึกแล้วนะ " คิรินเมื่อเห็นน้องสาวตัวเองร้องไห้ เขาจึงปรับอารมณ์ให้ใจเย็นขึ้นและพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลงแล้วเดินเข้าไปปาดน้ำตาให้มิลินอย่างอ่อนโยน

" พี่จะไม่บอกลินจริง ๆ หรอคะ ? ว่าพี่ทำงานอะไรอยู่ "

" ฟังพี่นะลิน พี่อยากให้ลินตั้งใจเรียนและดูแลพ่อแม่แทนพี่ด้วย "

" แล้วพี่จะไปไหนล่ะคะ ? ทำไมพูดจาแปลก ๆ ทำเหมือนจะไม่ได้กลับมาอยู่ด้วยกันเลย "

" ไม่หรอกลิน ไม่ต้องห่วงพี่นะขึ้นไปบนห้องได้แล้วพี่ต้องไปแล้ว "

" ค่ะลินเชื่อพี่ แต่ไม่ขึ้นไปข้างบนกินข้าวกับลินก่อนหรอคะ ? "

" ไว้วันหลังนะลินพี่ต้องไปแล้ว"

" ก็ได้ค่ะดูแลตัวเองด้วยนะคะ อย่าลืมกลับไปเยี่ยมพ่อกับแม่ด้วย "

" ครับผมน้องสาวคนสวยของพี่ " คิรินคลี่ยิ้มพร้อมกับพูดติดตลกให้น้องสาวตัวเองแล้วขยี้ผมมิลินเบา ๆ เป็งเชินหยอกล้อ มิลินจึงปาดน้ำตาออกจากพวกแก้มจนหมดแล้วคลี่ยิ้มตอบพี่ชายบาง ๆ

( milin Talk )

ฉันเดินขึ้นมาตามคำสั่งของพี่คิริน ถึงฉันจะอยากรู้มากแค่ไหนแต่ก็ต้องเก็บความสงสัยนั้นไว้ก่อน เพราะว่าพี่คิรินไม่ยอมบอกอะไรกับฉันเลยว่าเขาหายไปไหนมาตั้งหนึ่งปี โดยไม่ได้ติดต่อมาเลย แต่พอมาวันนี้พี่คิรินติดต่อฉันกลับมาให้ฉันลงไปหาหน้าคอนโด แต่ก็ได้คุยกันแค่แป๊บเดียวพี่คิรินก็ต้องกลับไปทำงานอะไรของเขาอีกแล้ว แต่ก็ไม่เป็นไรฉันเชื่อว่าพี่คิรินคงมีเหตุผลที่บอกไม่ได้ถึงจะอย่างนั้นฉันก็เป็นห่วงพี่คิรินอยู่ดี

ปัง!!!

กรี๊ดดดดด

ระหว่างที่ฉันกำลังนั่งดูทีวีอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ต้องร้องตกใจขึ้นเมื่อจู่ ๆ ก็มีเสียงอะไรชักอย่างชนเข้ากับประตูหน้าห้องฉันอย่างแรง พอฉันเริ่มมีสติฉันก็ค่อยๆเดินเข้าไปส่องดูตาแมวตรงประตูก็ไม่เห็นอะไร เมื่อไม่เห็นอะไรฉันก็แง้มประตูออกไปดูแต่ต้องชะงักไปทันที เมื่อมีผู้ชายคนหนึ่งนอนขดตัวอยู่หน้าประตู ใบหน้าเต็มไปด้วยเลือด

" คะ..คุณคะ "

" ชะ....ช่วยผะ...ผมด้วย อึก ! "

" คุณอย่าเพิ่งเป็นอะไรนะคะ " ผู้ชายคนนั้นพูดอย่างติด ๆขัด ๆ ไม่นานเขาก็สลบไป พอเห็นอย่างนั้นฉันก็รีบโทรหารถโรงพยาบาลให้มารับทันที

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ Kidsroom

ข้อมูลเพิ่มเติม

หนังสือที่คุณอาจชอบ

ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ

ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ

โรแมนติก

5.0

“อันตัวข้า มีนามว่าไป๋ฟางเซียน” ปกติคนอื่นข้ามเวลาคงได้รับมิติ พลังวิเศษ ความเทพทรูต่าง ๆ แล้วนางเล่า ไม่เห็นเป็นเหมือนในนิยายที่เคยอ่านบ้าง เท่านั้นยังไม่พอ! นางยังเข้ามาอยู่ในร่างสาวงามอันดับหนึ่ง มีสถานะเป็นถึงภรรยาของท่านแม่ทัพ ที่สามีหาได้รักใคร่ชมชอบไม่ ออกจะเกลียดแสนเกลียดเสียด้วยซ้ำไป หนำซ้ำสามีหน้าตายผู้นั้นดันมีคนที่ตนพึงใจอยู่แล้ว เช่นนี้นางจะเอาตัวรอดต่อไปในโลกที่ไม่รู้จักได้อย่างไร นอกจากจะต้องปรับตัวอย่างมากแล้ว นางต้องคิดหาวิธีรับมือกับบุรุษผู้เป็นสามีที่จ้องแต่จะกินหัวนางอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันอีกด้วย! โอ สวรรค์ ท่านเกลียดชังอะไรข้านักหนา เหตุใดถึงให้ข้าเผชิญชะตากรรมเช่นนี้ ชีวิตสงบสุขที่ใฝ่ฝัน คงได้จบสิ้นกันแล้ว แต่ช่างเถอะ ในเมื่อมันเป็นสิ่งที่ต้องเจอ ไม่สามารถหลีกหนีได้ นาง! ไป๋ฟางเซียนผู้นี้! จะขอร่วมลงประชันสนามอารมณ์กับเขาเอง! ให้มันรู้กันไปเลยว่า ภรรยาอย่างนาง จะเอาชนะสามีอย่างเขา... ไม่ได้!

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

โรแมนติก

5.0

หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ