ครอบครัวเสิ่นเลี้ยงดูเซี่ยซางหนิงเป็นเวลา 20 ปี และเธอเองก็ถูกเอาเปรียบมาเป็นเวลา 20 ปีเช่นกัน วันหนึ่ง พวกเขาตามหาลูกสาวตัวจริงพบ และเซี่ยซางหนิงก็ถูกไล่ออกจากตระกูลเสิ่น ได้ยินมาว่าพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของเธอกำลังเผชิญกับความยากลำบากอย่างหนัก แต่ความเป็นจริง พ่อแม่ทางสายเลือดของเธอเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองไห่ เป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดที่ตระกูลเสิ่นไม่สามารถเอื้อมถึงได้ ตระกูลเสิ่นที่คอยดูว่าเซี่ยซางหนิงจะต้องตกอับอย่างน่าสมเพช แต่กลับต้องตกตะลึงซ้ำแล้วซ้ำเล่ากับตัวตนของเซี่ยซางหนิง ผู้มีอิทธิพลในการเงินระดับโลก วิศวกรระดับแนวหน้า นักแข่งรถอันดับหนึ่งของโลก... เธอยังมีความสามารถที่ซ่อนอยู่อีกกี่อย่างกันแน่ คู่หมั้นยกเลิกการหมั้นกับเซี่ยซางหนิง อย่างไรก็ตาม เมื่อเซี่ยซางหนิงไปออกเดทกับพี่ชายฝาแฝดของเขา เขากลับปรากฏตัวขึ้นและสารภาพรักกับเธอ
ณ วิลล่าตระกูลเสิ่นแห่งเมืองไห่
ห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่บนชั้นหนึ่งเต็มไปด้วยแขกที่กำลังถือเหล้าชั้นดีอยู่ โดยฝั่งตรงข้ามประตูจะมีโปสเตอร์ขนาดใหญ่ที่กำลังฉายคำว่า ‘ยินดีต้อนรับกลับบ้าน ลูกสาวที่รัก’ เอาไว้
ในห้องใต้หลังคาสามชั้นที่อึดอัดและต่ำเตี้ย เซี่ยซางหนิงกำลังเก็บสัมภาระของตัวเองอยู่
เสิ่นเจิ้นหยวนหรือพ่อเสิ่นกำลังถือซองจดหมายฉบับหนึ่งเอาไว้ เขาวางมันลงตรงหน้าเซี่ยซางหนิงเบา ๆ ด้วยสีหน้าที่อาลัยอาวรณ์อย่างมาก
“หนิงหนิง ทำไมเธอถึงได้ทำแบบนี้ล่ะ? ถึงแม้ว่าพวกเราจะหาลูกสาวแท้ ๆ ของพวกเราเจอแล้ว แต่เธอก็ไม่จำเป็นต้องไปเลยนะ ด้วยศักยภาพของพวกเราแล้ว การจะเลี้ยงดูเธอเพิ่มอีกคนไม่ใช่ปัญหาเลยนะ ฉันว่าเธออย่าไปเลย ฉันกับแม่ของเธอก็ยังคงปฏิบัติกับเธอเหมือนเธอเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของพวกเราเหมือนเดิมนั่นแหละ แต่หากเธอยังยืนกรานที่จะไป ฉันก็จะไม่ห้ามเธอ เพียงแต่ครอบครัวที่แท้จริงของเธอยากจนมาก คาดว่าพวกเขาไม่น่าจะส่งรถมารับเธอกลับไปได้ด้วยซ้ำ เงินนี้ เธอเอาไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางก็แล้วกันนะ”
เซี่ยซางหนิงเหลือบมองซองจดหมายบาง ๆ นั้นอย่างเฉยชา เธอเดาว่าในนั้นจะต้องมีเงินไม่เกินห้าพันแน่ ๆ หลังจากนั้นเธอก็ยัดเงินกลับคืนไปให้เสิ่นเจิ้นหยวนด้วยสีหน้าเย็นชาและพูดว่า “ไม่จำเป็นต้องเสียค่าเดินทางหรอกค่ะ พ่อแม่ของฉันส่งรถมารับฉันแล้ว”
ปากก็พูดรั้งให้เธออยู่ต่อ แต่มือนั้นกลับยื่นค่าเดินทางให้ เขาอยากจะให้เธออยู่ต่อจริง ๆ น่ะเหรอ
เธอคือลูกบุญธรรมของตระกูลเสิ่น เธอเข้ามาในบ้านตระกูลเสิ่นตอนที่เธออายุเพียงสองขวบกว่า ๆ เท่านั้น ซึ่งในตอนนั้นเนื่องจากตอนนั้นลูกสาวของแม่เสิ่นที่เพิ่งคลอดถูกคนอุ้มไปจากโรงพยาบาล ทำให้แม่เสิ่นไม่สามารถทำใจได้ก็เลยรับเธอมาเลี้ยง
ตอนที่เธอยังเป็นเด็ก เธอจะใส่เสื้อผ้าตามแผงลอยที่ราคาถูกที่สุดตลอดทั้งปี ได้กินอาหารเหลือของที่บ้าน แล้วก็ยังต้องเป็นพี่เลี้ยงคอยดูแลรับใช้ครอบครัวของพวกเขา
หลังจากโตขึ้น เสิ่นเจิ้นหยวนก็ได้ค้นพบว่าเซี่ยซางหนิงมีความสามารถพิเศษด้านการออกแบบ ของอะไรก็ตามแต่ที่เธอวาดขึ้นมาแบบส่ง ๆ ล้วนแล้วแต่วิจิตรงดงามกว่าที่ผู้เชี่ยวชาญวาดขึ้นมากเป็นหมื่น ๆ เท่า แถมยังมีมูลค่าทางการตลาดที่สูงมากเลยทีเดียว
ตระกูลเสิ่นไม่อนุญาตให้เธอไปโรงเรียน โดยอยู่บ้านเพื่อที่จะทำการออกแบบอะไหล่รถยนต์โดยเฉพาะ รวมไปถึงการออกแบบรถยนต์อีกด้วย ทุกคนในตระกูลเสิ่นรู้ดีว่าเธอหารายได้ให้ตระกูลเสิ่นได้มากแค่ไหน
ถ้าไม่มีเซี่ยซางหนิง ตระกูลเสิ่นคงไม่มีทางที่จะถีบตัวขึ้นมาอยู่ในแวดวงสังคมชั้นสูงของเมืองไห่ได้หรอก แล้วก็ไม่มีทางได้จัดงานเลี้ยงฉลองการกลับมาของลูกสาวแท้ ๆ ของพวกเขาอย่างเปิดเผยจนได้เชิญคนดังจากทั่วโลกมาเช่นนี้หรอก
ตอนนี้ตระกูลเสิ่นก็แค่เพิ่งจะเริ่มมีชีวิตที่ดีขึ้นเท่านั้น แต่พวกเขากลับคิดที่จะไล่เซี่ยซางหนิงไปซะแล้ว คนในครอบครัวนี้ช่างมีจิตสำนึกที่ดีงามกันซะเหลือเกิน
เสิ่นเจิ้นหยวนถอนหายใจออกมา แล้วก็ยัดซองจดหมายในมือใส่ลงในกระเป๋าของเซี่ยซางหนิงไป
“ทางนั้นจะส่งรถมารับเธออย่างนั้นเหรอ มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน? ฉันไปสืบมาแล้ว พ่อแม่แท้ ๆ ของเธอมีลูกชายอยู่สองคน แถมยังมีลุงใหญ่ที่เป็นอัมพาตติดเตียงแถมยังโสดที่ต้องคอยดูแลอีกด้วย พวกเขาอาศัยอยู่ในหุบเขากันอย่างยากจน ที่บ้านก็ลำบากขัดสนจะตายไป ยังไงก็ไม่น่าจะมีศักยภาพพอที่จะมารับเธอได้อยู่ดี เธออยู่กับพวกเราได้ใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่าย หากไปอยู่ที่นั่นต้องไม่ชินแน่ ๆ เงินพวกนี้เธอเอาไปเถอะ……”
เซี่ยซางหนิงหยิบซองจดหมายมาวางไว้บนโต๊ะ แล้วเธอก็พูดอย่างหน้าตาเฉยว่า “ลาก่อนนะคะ”
ซึ่งเธอไม่ได้สังเกตเลยว่า เสิ่นฮุยจูที่อยู่ข้าง ๆ ได้ใส่อะไรบางอย่างลงมาในช่องด้านข้างของกระเป๋าเป้ของเธอ
หลังจากพูดจบ เธอก็สะพายกระเป๋าเป้สีดำขึ้นมา แล้วก็เดินลงบันได้ไปเสียงดังตึง ๆ ๆ อย่างรวดเร็วโดยไม่มองไปที่คนตระกูลเสิ่นอีกเลย
แม่เสิ่นเบิกตาโตกว้างมองไปที่แผ่นหลังของเธอที่หายลับไปจากบันไดอย่างรวดเร็ว เวลานี้เธอโมโหมากจนขมวดคิ้วแน่น “ดูสิ ขนาดหมาที่เลี้ยงมันยังรู้จักเชื่องกับเจ้าของเลย ฉันเลี้ยงเธอมาตั้งยี่สิบปี แต่ตอนนี้พอเธอจะไปแค่คำขอบคุณสักคำยังไม่รู้จักพูดเลย คนแบบนี้ควรต้องไปเป็นคนไร้บ้านู้นแหละ!”
เสิ่นฮุยจูประคองแขนของแม่เสิ่นเดินลงบันไดไป แล้วก็โน้มน้าวเธออย่างสุภาพว่า “คุณแม่ อย่าไปถือสาคนที่ไร้การศึกษาอย่างเธอเลยค่ะ แค่ประถมยังเรียนไม่จบเลยด้วยซ้ำ พออายุสิบขวบก็เริ่มทำตัวเสเพลไม่เอาไหนซะแล้ว แล้วเธอจะเป็นคนที่มีมารยาทได้ยังไงล่ะคะ หากเธอออกจากครอบครัวที่มีฐานะดีอย่างครอบครัวของพวกเราไป ชีวิตที่เหลืออยู่ของเธอแค่จะกินข้าวให้ครบสามมื้อนั้นยังยากลำบากเลย หากจะอารมณ์ไม่ดีก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สามารถเข้าใจได้อยู่หรอกค่ะ เดี๋ยวฉันจะไปส่งพี่เอง!”
แม่เสิ่นดึงเสิ่นฮุยจูเอาไว้และถามออกมาอย่างกระวนกระวายใจว่า “ลูกจะไปทำไม? เธอเป็นคนใจคอโหดเหี้ยมแบบนี้ มันไม่คุ้มที่พวกเราจะรั้งเธอไว้หรอกนะ”
“คุณแม่ ช่วงที่ฉันกลับมานี้ พี่ก็ทำดีกับฉันเป็นอย่างมากนะคะ การที่พี่ออกไปแบบนี้ ไม่รู้เลยว่าในอนาคตจะมีโอกาสได้เจอหน้ากันอีกรึเปล่า ฉันไปส่งพี่สักหน่อยดีกว่าค่ะ”
เธอเขย่ากล่องเครื่องประดับใบหนึ่งในมือไปมา แล้วก็ยิ้มอย่างน่าเอ็นดู “ฉันซื้อของขวัญมาให้พี่ด้วยค่ะ”
เสิ่นฮุยจูไล่ตามลงไป เสิ่นเจิ้นหยวนและภรรยาจึงไล่ตามลงไปด้วยเช่นกัน
“พี่!” เสิ่นฮุยจูตะโกนเรียกเสียงหวาน แล้วก็รีบวิ่งไปอย่างว่องไว “พี่รีบไปมากเลย ฉันยังไม่ได้ให้ของขวัญที่ฉันเตรียมไว้ให้พี่เลยนะ”
เธอแบมือออกและยื่นกล่องสี่เหลี่ยมสีแดงใบหนึ่งไป ซึ่งข้างในเป็นกำไลหยกสีขาววงหนึ่ง เนื้อหยกมีความใสราวกับคริสตัลและโปร่งแสง ซึ่งทำจากวัสดุประเภทแก้ว ดูมีสีสันสวดสดใสมาก
เซี่ยซางหนิงลดตาลงไปมอง กำไลวงนี้ดูสวยใช้ได้ มีมูลค่าอยู่บ้าง
เธอปฏิเสธออกไปอย่างเย็นชาว่า “ไม่เป็นไรหรอก เธอเก็บเอาไว้ใส่เองเถอะ”
เสิ่นฮุยจูวางกล่องนั้นลงในมือของเธออย่างจริงใจ แล้วก็พูดโน้มน้าวเธออย่างจริงจังว่า “พี่รับไว้เถอะนะ กำไลวงนี้ฉันซื้อมาหลายแสนเลยนะ หากในอนาคตพี่เกิดขัดสนขึ้นมา การเงินติดขัดจะได้เอาไปขายไว้ใช้ยามฉุกเฉินได้ไง หรืออย่างน้อย ๆ ตอนที่พี่แต่งงานมันก็ยังใช้เป็นสินสมรสติดตัวเจ้าสาวที่ถือว่าพอมีราคาได้อยู่นะ”
เธอปิดกล่องลงโดยไม่ปรึกษา แล้วก็ใส่มันลงไปในกระเป๋าเป้ของเซี่ยซางหนิง
ทันใดนั้นเสี่ยวซูผู้เป็นพี่เลี้ยงก็เดินเข้ามาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีอย่างมากและพูดว่า “คุณหนู แย่แล้วค่ะ สร้อยเพชรงานหมั้นที่คุณชายน้อยซ่งมอบให้คุณหนูหายไปค่ะ!”
บทที่ 1 ถูกไล่ออกจากบ้าน
11/06/2025
บทที่ 2 ทำไมถึงได้ขโมยแบบร่างของคนอื่นไปล่ะ
11/06/2025
บทที่ 3 แบบร่างของเธอ ฉันนึกว่ามันคือขยะ
11/06/2025
บทที่ 4 ไม่มีเงินเลยสักแดงเดียว (ภาค 1)
11/06/2025
บทที่ 5 ไม่มีเงินเลยสักแดงเดียว (ภาค 2)
11/06/2025
บทที่ 6 ถ้าไม่มีปัญญาจ่ายก็อย่าเสนอหน้ามาที่นี่ (ภาค 1)
11/06/2025
บทที่ 7 ถ้าไม่มีปัญญาจ่ายก็อย่าเสนอหน้ามาที่นี่ (ภาค 2)
11/06/2025
บทที่ 8 พวกเราก็แค่หวังดีกับเธอเท่านั้นเอง (ภาค 1)
11/06/2025
บทที่ 9 พวกเราก็แค่หวังดีกับเธอเท่านั้นเอง (ภาค 2)
11/06/2025
บทที่ 10 คุณกำลังโกหกชัด ๆ
11/06/2025
บทที่ 11 ขอโทษ
11/06/2025
บทที่ 12 ยอมรับคำขอโทษ
11/06/2025
บทที่ 13 ผมเลือกคุณ
11/06/2025
บทที่ 14 ฉันจะลองพิจารณาดู
11/06/2025
บทที่ 15 ไม่เปิดประตูสักที
11/06/2025
บทที่ 16 ให้ยัยนั่นใส่เสื้อผ้าเก่าของฉัน
11/06/2025
บทที่ 17 คุณหนูซางหนิงยากจนมาก
11/06/2025
บทที่ 18 เธอจะไปเหมาะกับเสื้อผ้าสวย ๆ แบบนี้ได้ยังไง?
11/06/2025
บทที่ 19 คนชั่วมักจะชิงฟ้องก่อน
11/06/2025
บทที่ 20 เธอจงใจชัด ๆ
11/06/2025
บทที่ 21 ไม่มีใครโอ๋เซี่ยเสี่ยวน่าเลย
11/06/2025
บทที่ 22 สัญญาเรื่องการหมั้นหมาย
11/06/2025
บทที่ 23 พี่ใหญ่ผู้เย็นชา
11/06/2025
บทที่ 24 อย่าสร้างปัญหา (ภาค 1)
11/06/2025
บทที่ 25 อย่าสร้างปัญหา (ภาค 2)
11/06/2025
บทที่ 26 เธออย่าได้หวังที่จะมาเกาะตระกูลเสิ่น
11/06/2025
บทที่ 27 คุณสือมาเชิญด้วยตัวเอง
11/06/2025
บทที่ 28 จะทำทุกอย่างเพื่อเงินไม่ได้
11/06/2025
บทที่ 29 อย่าโดนเธอหลอกนะ
11/06/2025
บทที่ 30 เมื่อกี้นี้แค่ล้อเล่นเท่านั้น
11/06/2025
บทที่ 31 คำนับและเรียกว่าท่านอาจารย์
11/06/2025
บทที่ 32 ยังไงพวกเราก็เป็นคนเลี้ยงดูเธอมา
12/06/2025
บทที่ 33 คนไร้จิตสำนึก (ภาค 1)
13/06/2025
บทที่ 34 คนไร้จิตสำนึก (ภาค 2)
14/06/2025
บทที่ 35 เลือกของเหลือ
15/06/2025
บทที่ 36 เธอนี่ช่างไม่รู้เรื่องรู้ราวเอาซะเลย
16/06/2025
บทที่ 37 ผมตัดสินใจได้แล้วครับว่าผมอยากแต่งงานกับใคร
17/06/2025
บทที่ 38 ไม่แค้นเฉยเลยแฮะ
วันนี้00:02
บทที่ 39 ใบปริญญาปลอม (ภาค 1)
19/06/2025