ความคิดเห็น
ชม
บท

บทที่ 1 1

ดรณ์ เดชาโชติช่วง มองผู้คนนับร้อยเดินขวักไขว่ไปมาในสนามบินานาชาติสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นภาพชินตาแล้ว เขาพาส่วนสูงร้อยแปดสิบเก้าที่มีกางเกงยีนสกินนี่ฟอกสีขาเดฟหุ้มท่อนล่าง เสื้อยืดสีขาวบนอกด้านซ้ายมีโลโกเล็กๆ สีน้ำเงินปักชื่อ ‘DD Group’ ไว้ก้าวเดินปะปนผู้คนไปยังประตูทางออก มือถือในกระเป๋ากางเกงดังขึ้น เลยรีบกดรับทันทีเพราะมีงานสำคัญรออยู่

“คุณดรณ์ครับ ลุงไก่สแตนด์บายที่ลานจอดแล้วครับ ถ้าจะออกไปเลยก็โทรบอกตอนนี้ครับ”

“เค”

เพียงเท่านั้นเขาก็ตัดสายทันที แล้วรีบพยักหน้าให้ผู้ช่วยเข็นรถกระเป๋าตรงไปหาประตูใกล้สุด มือซ้ายเกาะรถสองเท้าก้าวเดินเคียงไปด้วย มือขวากำลังเปิดไลน์ที่เลขาส่งมาหาไปด้วย นั่นเลยทำให้การมองผู้คนที่เดินไปมาไม่เต็มที่นัก

“อุ๊ย!”

ปึก! ปึก! ปึก!

เสียงร้องด้วยความตกใจของใครบางคนดังขึ้น ตามติดด้วยของในมือเขาร่วงลงไปกับพื้น แต่พอก้มมองลงไป ไม่ใช่สิ! ไม่ใช่มือถือของเขาคนเดียวที่ตก เป็นของคนที่เดินมาชนด้วย แถมท่าทางก็รีบร้อนเกินเหตุด้วย

“ขอโทษครับ ผมมัวแต่มองหน้าจอ เลยไม่ทันเห็นครับ”

เมื่อเห็นว่าเป็นผู้หญิงและกำลังก้มเก็บมือถืออยู่นั้น เขารีบแสดงความเป็นสุภาพบุรุษทันที แม้จะไม่รู้ว่าใครชนใครก่อน อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมามองเขาแล้วทำหน้าชนิดที่เขาตีไม่ออก ว่าจะยิ้มหรือจะบึ้งกันแน่ จากนั้นก็รีบเดินออกประตูไป

ทิ้งให้เขายืนอึ้งอยู่กับที่หลายวินาที ด้วยตกตะลึงกับใบหน้าสวยหมดจดงดงาม สาบานเลยว่ายังไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนสวย สง่า มีเสน่ห์อย่างนี้มาก่อนในชีวิตก็ว่าได้

ผมดกดำเป็นเงางามหยักศกนิดๆ อาจจะมาจากกันดัดเหมือนสาวหลายคนชอบทำ จมูกนั้นโด่งเป็นสัน บ่งบอกว่ามีสองสัญชาติอย่างไม่ต้องสงสัย นัยน์ตาดำขลับ ริมฝีปากฉาบด้วยสีแดงสด ตัดกับผิวแก้มขาวราวไข่ปอก

ขนตางอนงามดกดำที่น่าจะมีเยอะอยู่แล้วนั้น พอได้มาสคาร่าช่วยยิ่งส่งให้ดูดีมากขึ้น เขายืนมองตามเรือนร่างผอมบาง มีเดรสสีขาวยาวระดับเข่าจับเป็นจีบพีททั้งตัวหุ้มไว้

ตรงเอวคอดมีผ้าซาตินสีเดียวกันคาดไว้ รองเท้าส้นเข็มแบบเปิดสีเดียวกับชุด ส่งให้เจ้าตัวดูสูงขึ้น ถ้าให้คะเนคร่าวๆ ไม่น่าจะหนีร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตรบวกลบไม่เกินสองแน่นอน

กระเป๋าขนนกสีขาวในมือบางนั้น ก็เข้าชุดกันอย่างไม่น่าเชื่อ เขาให้เกลียดเจ้าเมอร์เซเดส-เบนซ์คันงามเหลือกำลัง ที่มาจอดเทียบตรงประตู แล้วพาหญิงสาวที่สะกดสายตาของเขาห่างไปเรื่อยๆ จนลับตา

“คุณดรณ์ครับ”

“ฮื้อ!”

เจ้านายหนุ่มใหญ่วัยสี่สิบส่งเสียงสูงไปหาผู้ช่วย บ่งบอกว่าขัดใจนิดๆ เมื่อมาขัดจังหวะการชมของสวยงามที่ไอ้รถบ้าๆ นั่นพาหนีไปแล้ว

“เอ่อ! จะให้ผมโทรบอกลุงไก่เลยมั้ยครับ”

ชัชวาลเอ่ยเสียงแผ่วเบา ด้วยกลัวจะถูกเจ้านายดุ โทษฐานกวนสมาธิในการจ้องสาว แต่ถ้าไม่สะกิดก็คงจะยืนอึ้งอยู่ตรงนี้นานๆ แน่ ‘ไหนบอกว่าถอดเขี้ยวเล็บแล้ว จะมุ่งหน้าคัดสรรแม่พันธุ์ไหง แค่เจอสาวสวยบาดใจถึงกับไปไม่เป็นเชียวนะบอส’

“อื้อ!”

ส่วนคนเป็นเจ้านายก็ส่งเสียงห้วนนิดๆ แต่ไม่ได้อะไรนอกจากก้มไปหาไลน์ตามเดิม มือก็เกาะรถแล้วเดินตามเดิม แม้ใจจะยังเต้นไม่เป็นส่ำกับของสวยๆ งามๆ ที่เพิ่งผ่านตาไปเมื่อครู่ แต่พอรู้ตัวว่ามีงานรออยู่ ก็ต้องรีบดึงสติให้กลับเข้าตัว ไม่กี่อึดใจเมอร์เซเดสสีขาวก็แล่นมาจอดตรงหน้า เลยรีบเข้าไปนั่ง

ชั่วโมงนิดๆ รถก็มาจอดอยู่หน้าตึกสูงระฟ้า มีป้ายหราอยู่ยอดสูงสุดเขียนไว้ว่า ‘DD Tower’ ชั้นที่สี่สิบแปดคือห้องทำงานของเขา เลขาสาวใหญ่วัยห้าสิบสองคอยอำนวยความสะดวกให้อยู่ก่อนแล้ว ทั้งรายงานที่จะต้องเข้าประชุม ทั้งของว่างคือ กาแฟดำกับเค้กกล้วยหอมวางไว้ตรงหน้า พร้อมน้ำเปล่าเสร็จสรรพ

“เดี๋ยวยกเข้าห้องประชุมเลยครับคุณจิตร ผมไม่มีเวลาแล้ว”

นั่งยังไม่ทันถึงสามนาที ยังอ่านรายงานจากแฟ้มไม่จบ ก็จำต้องสั่งแล้วลุกพรวดพราดไปห้องประชุม มีผู้บริหารหลายฝ่ายรออยู่ก่อนแล้ว วาระเร่งด่วนที่จะต้องหยิบยกมาก่อนเรื่องอื่นคือ

“เรื่องคนส่งของเป็นยังไง ขอเนื้อๆ นะครับไม่เอาน้ำ”

เขาส่งเสียงเข้มไปหาผู้จัดการสาขา ซึ่งพนักงานสร้างปัญหาหนักให้จนต้องถูกเรียกตัวเข้าห้องประชุม หรือที่ทุกคนขนานนามว่า ‘ห้องพิจารณาคดี’ หรืออีกชื่อที่ไม่เป็นทางการคือ ‘ห้องเย็น’ จากนั้นเขาก็ก้มหน้าอ่านรายงานในแฟ้มต่อ แม้จะฟังจากเลขา จากผู้ช่วย และอุดม ผู้เป็นลุงของเขาในตำแหน่งที่ปรึกษาอาวุโสมาแล้วก็ตาม

“คือเด็กมันทำกล่องของตกแตก ของข้างในเลยหลุดออกมา พอเห็นว่าเป็นอะไรก็พากันหัวเราะ แล้วแกะออกมาเล่น เล่นไปเล่นมาก็ลามไปถึงเอาลงเฟซบุ๊ก แล้วก็อย่างที่เป็นข่าวนั่นล่ะครับ พอดีเด็กมันเมานิดๆ ด้วย เลยสติไม่เต็มร้อย...”

อันที่จริงเขาไม่ได้ฟังผู้จัดการรายงานสักนิด เพราะกำลังสนใจกับแฟ้มอยู่ ปัญหาใหญ่ขนาดต้องเปิดประชุมด่วนชนิดที่เขากลับจากไปติดต่อลูกค้ารายใหญ่ที่อเมริกาแล้วเข้าบ้านไม่ได้ ต้องมาประชุมก่อนนี้ก็คือ

พนักงานส่งของในบริษัทเห็นจากเครื่องสแกน ว่าของในกล่องเป็นสินค้าจำพวกให้ความสำราญทางอารมณ์ หรือที่เรียกกันว่า ‘เซ็กส์ทอย' เลยเอาออกมาเล่น จนเลยเถิดไปถึงขนาดเอาชื่อลูกค้าส่งต่อๆ กันไป ยังความอับอายให้ลูกค้า และสร้างความเสียหายให้บริษัทเป็นอันมาก

“คุณลุงคิดว่าไงครับ” ผู้จัดการเล่าจบเขาก็หันไปหาที่ปรึกษาทันที

“หักเงินเดือน ให้พักงาน หรือไม่ก็ย้ายไปสาขาอื่นดีมั้ยครับ”

อ่านต่อ

หนังสือที่คุณอาจชอบ

ลิขิตรักภรรยาตัวร้าย

ลิขิตรักภรรยาตัวร้าย

จิ้งจอกสะท้านหม้อไฟ
5.0

เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้

คุณสามีเป็นผู้พิการ

คุณสามีเป็นผู้พิการ

Devocean
4.9

"คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?" ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"

เกิดใหม่ในเงามืด

เกิดใหม่ในเงามืด

Orson Erickson
5.0

ครอบครัวเสิ่นเลี้ยงดูเซี่ยซางหนิงเป็นเวลา 20 ปี และเธอเองก็ถูกเอาเปรียบมาเป็นเวลา 20 ปีเช่นกัน วันหนึ่ง พวกเขาตามหาลูกสาวตัวจริงพบ และเซี่ยซางหนิงก็ถูกไล่ออกจากตระกูลเสิ่น ได้ยินมาว่าพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของเธอกำลังเผชิญกับความยากลำบากอย่างหนัก แต่ความเป็นจริง พ่อแม่ทางสายเลือดของเธอเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองไห่ เป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดที่ตระกูลเสิ่นไม่สามารถเอื้อมถึงได้ ตระกูลเสิ่นที่คอยดูว่าเซี่ยซางหนิงจะต้องตกอับอย่างน่าสมเพช แต่กลับต้องตกตะลึงซ้ำแล้วซ้ำเล่ากับตัวตนของเซี่ยซางหนิง ผู้มีอิทธิพลในการเงินระดับโลก วิศวกรระดับแนวหน้า นักแข่งรถอันดับหนึ่งของโลก... เธอยังมีความสามารถที่ซ่อนอยู่อีกกี่อย่างกันแน่ คู่หมั้นยกเลิกการหมั้นกับเซี่ยซางหนิง อย่างไรก็ตาม เมื่อเซี่ยซางหนิงไปออกเดทกับพี่ชายฝาแฝดของเขา เขากลับปรากฏตัวขึ้นและสารภาพรักกับเธอ

ภรรยาห้าตำลึงเงิน

ภรรยาห้าตำลึงเงิน

จิ้งจอกสะท้านหม้อไฟ
5.0

คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน

ผู้บัญชาการรักซ้อนแค้น

ผู้บัญชาการรักซ้อนแค้น

Diena Beran
5.0

หลังจากแต่งงานกันสามปี เจียงหยุนถังพยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยชีวิตสามีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยไม่คาดคิด ว่าเขาได้ละทิ้งเธอเหมือนกับขยะ รับรักแรกของเขากลับประเทศและตามใจเธอทุกอย่าง เจียงหยุนถังที่ท้อใจตัดสินใจหย่า และทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอที่กลายเป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้งจากตระกูลเศรษฐี อย่างไรก็ตาม เธอกลับเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างกะทันหันเป็นหมอเทวดาที่พบเจอยาก "Lillian"แชมป์แข่งรถที่มีฐานแฟนคลับจำนวนมาก และยังเป็นนักออกแบบสถาปัตยกรรมระดับโลกอีกด้วย ชายร้ายหญิงชั่วคู่นั้นเยาะเย้ยเธอว่า เธอจะไม่มีวันหาคู่รักได้ใ แต่ไม่คาดคิดว่าลุงของอดีตสามีของเธอ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดทำกแงทัพกลับมาเพียงเพื่อขอแต่งงานกับเธอ

รอยรักรอยร้าว

รอยรักรอยร้าว

Del Goodman
5.0

เซียวหลิ่นตาบอดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ลูกสาวคนรวยทุกคนต่างหลีกเลี่ยงเขา มีแต่สวี่โยวหรานยอมแต่งงานกับเขาโดยไม่ลังเล สามปีต่อมา เซียวหลิ่นกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง จากนั้รเขา็ยื่นข้อตกลงการหย่าเพื่อยุติการแต่งงานนี้ เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า "ฉันพลาดกับชิงชิงมานนานมากพอแล้ว ฉันไม่อยากให้เธอต้องรอนานกว่านี้!" สวี่โยวหรานลงนามในข้อตกลงการหย่าโดยไม่ลังเล ทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอตลอด - หัวเราะเยาะว่าที่เธอแต่งเข้าตระกูลเซียวถือว่าเกาะผู้มีอิทธิพลเข้า จากนั้นก็มาหัวเราะเยาะเธอที่ถูกทอดทิ้ง เป็นหญิงที่ไร้ค่า แต่ทุกคนกลับไม่รู้ว่า เธอคือหมออัศจรรย์ที่รักษาดวงตาของเซียวหลิ่นให้หายดี เป็นผู้ออกแบบเครื่องประดับมูลค่าหลักร้อยล้าน ผู้เป็นมือหนึ่งแห่งหุ้นที่ครองตลาดหุ้น และแม้แต่แฮกเกอร์ระดับแนวหน้าและลูกสาวแท้ๆ ของผู้มีอิทธิพล อดีตสามีมาขอร้องขอคืนดี ซีอีโอผู้เผด็จการก็โยนเซียวหลิ่นออกไปนอกประตูอย่างเย็นชา "ดูดีๆ นี่ภรรยาของผม"

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ