อาภรณ์พิษ ทรราชหลงรัก
เจ็บแต่ไม่ยอมปล่อยมือ
ลิขิตรักภรรยาตัวร้าย
ที่แท้เป็นคุณหนูตัวจริง
เมียผมน่ารักจัง
เป็นสุดที่รักของผู้เผด็จการ
โชคชะตาของพระชายา
ผู้บัญชาการรักซ้อนแค้น
รักใหม่พันล้าน
คุณท่าน คุณนายมาหาอีกแล้ว
ตอนที่ 1.
ร่างสูงใหญ่ของอาจารย์หนุ่มแห่งโรงเรียนสอนวิชาศิลปะการต่อสู้ กำลังเคลื่อนไหวแสดงท่าทางการต่อสู้ให้กับลูกศิษย์ที่พากันนั่งคุกเข่าเป็นระเบียบได้ชม คู่ซ้อมเป็นลูกศิษย์รุ่นใหญ่ที่ผันตัวเองมาเป็นผู้ช่วยครูฝึก รูปร่างของเขาค่อนข้างล่ำสันแต่การเคลื่อนไหวขณะโจมตีคล่องแคล่วว่องไว หากยังไม่เก่งกาจและชำนาญเท่าผู้เป็นอาจารย์ หมัดและเท้าเตะต่อยเหวี่ยงตัวเข้าใส่ร่างหนาสูงใหญ่ของผู้เป็นอาจารย์หลายต่อหลายครั้ง แต่ถูกอีกฝ่ายพลิกพลิ้วเบี่ยงกายหลบและตอบโต้ได้ทุกครั้ง ร่างสูงของอาจารย์หนุ่มเคลื่อนกายพลิ้วไหวลักษณะเป็นวงกลม ตั้งรับทุกกระบวนท่าอย่างสงบนิ่ง การเคลื่อนไหวเลื่อนไหลไปตามธรรมชาติของร่างกาย เป็นฝ่ายตั้งรับมากกว่ารุก ดวงตาคมกริบแววตาเปล่งประกายวาวกล้าทรงพลังจ้องมองคู่ต่อสู้ไม่ละสายตา เหงื่อเม็ดเล็กไหลหยดลงมาบนปลายจมูกโด่งงามเป็นสัน ทว่าเจ้าตัวไม่ได้ใส่ใจเช็ดมันออก ริมฝีปากหยักสวยขยับแย้ม เมื่อเห็นอาการหอบเหนื่อยของคู่ซ้อมที่เริ่มผ่อนแรงลง รู้ดีว่าตอนนี้หมดเวลาเล่นแล้วถึงเวลาเผด็จศึก!
ปึก พลั่ก ตุ๊บ!!!
ร่างล่ำสันถูกจู่โจมอย่างฉับไว คนเป็นขยับเพียงครั้งเดียวก็สามารถจัดการ บิดล็อก ใช้สันมือฟันฉับบนต้นคอหนา เหวี่ยงร่างกำยำลองกองกับพื้นเสียงดังตุ๊บ จับล็อกกดตรึงคู่ต่อสู้ลงแนบกับพื้นหมดสภาพทันที สายตาหลายคู่มองการต่อสู้ที่จบลงด้วยแววตาชื่นชม
“การเคลื่อนไหวทุกรูปแบบของไอคิโดเป็นวงกลม แม้แต่การเคลื่อนไหวที่ดูเหมือนเป็นแนวตรง ก็มีการเคลื่อนที่เป็นลักษณะเกลียวซ่อนอยู่” เสียงทุ้มเอ่ยออกมา สายตากราดมองลูกศิษย์ทุกคน
“เทคนิคของไอคิโดถูกออกแบบมาให้มีการเคลื่อนไหว โดยการเลื่อนไหลไปตามธรรมชาติของร่างกาย การบิดข้อ จะบิดไปตามลักษณะการเคลื่อนที่ตามธรรมชาติของข้อนั้น”
ผู้เป็นอาจารย์แสดงท่าทางการต่อสู้แบบช้าๆ ให้ลูกศิษย์ดูอีกครั้ง โดยการจับบิดล็อก และจับกดตรึงกับพื้น
“การบิดด้วยลักษณะแบบนี้ จะบังคับทำให้ผู้โจมตีล้มลงโดยไม่เป็นอันตรายต่อข้อมือหรือข้อต่อต่างๆ การตรึงคู่ต่อสู้ไว้กับพื้นแบบไอคิโดก็ใช้วิธีแบบเดียวกัน และสามารถใช้ได้กับทุกคนไม่ว่าจะมีรูปร่างเล็กหรือใหญ่ โดยใช้แรงเพียงเล็กน้อยหรือแทบไม่ต้องใช้เลย”
“เซนเซย์เจิ้งครับ ปล่อยผมก่อนได้ไหมครับ ไหล่จะหลุดแล้ว”
เสียงพิโอดพิครวญดังออกมาจากร่างของคู่ซ้อม ที่ถูกจับกดอยู่นาน
“เจ็บก็ไม่บอกนะวิรัตน์ ขอโทษที”
หลี่เจิ้ง หรือ จักรพรรดิ ลีวงศ์กุล อาจารย์หนุ่มลูกครึ่งไทยฮ่องกง ปล่อยมือจากร่างของลูกศิษย์เอก พร้อมกับดึงอีกฝ่ายให้ลุกขึ้น แล้วหันไปบอกกับลูกศิษย์คนอื่นว่า
“จับคู่ซ้อมกันครึ่งชั่วโมง ผลัดกันเป็นฝ่ายรุกคนละสิบห้านาที อาจารย์จะดูพวกเธอ”
เขาขยับไปนั่งบนเบาะตรงด้านหน้า มองดูลูกศิษย์ฝึกซ้อมอย่างตั้งใจ
กว่าห้าปีแล้วที่หลี่เจิ้งเปิดโรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้แห่งนี้ขึ้นมา ช่วงเช้าเขาจะไปสอนหนังสือที่มหาวิทยาลัย ช่วงเย็นถึงจะมาดูแลโรงเรียน ในวัยสามสิบหกเขาแต่งงานแล้วและมีลูกชายหนึ่งคนอายุสิบขวบ มีภรรยาแสนสวยคอยดูแล ครอบครัวแสนอบอุ่นพรั่งพร้อมสมบูรณ์ ชีวิตของหลี่เจิ้งสุขสงบจนน่าอิจฉา หากทุกสิ่งกำลังจะเปลี่ยนแปลงไป เมื่อชายคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น
“เซนเซย์ครับ มีคนต้องการพบเซนเซย์ครับ”
วิรัตน์เข้ามารายงานผู้เป็นอาจารย์ ที่ห้องทำงาน หลังจากหมดคาบเรียนแล้ว
“เชิญเขาเข้ามาสิ เอาน้ำมาเสิร์ฟด้วยนะ”
หลี่เจิ้งเงยหน้าจากกองเอกสาร พยักหน้ารับ
ครู่หนึ่งวิรัตน์ก็พาชายคนหนึ่งรูปร่างสูงใหญ่เข้ามา หลี่เจิ้งลุกขึ้นต้อนรับผายมือเชื้อเชิญให้นั่ง
“เชิญนั่งครับ”
“ขอบคุณครับคุณเจิ้ง”
ชายคนนั้นตอบรับเป็นภาษาจีน สร้างความกังขาให้หลี่เจิ้งมาก
“คุณมีธุระอะไรกับผมหรือครับ”
หลี่เจิ้งจำต้องสนทนาเป็นภาษาจีนตอบโต้ไป เขาถูกมารดาเคี่ยวเข็ญให้เรียนภาษาจีนตั้งแต่จำความได้ จึงพูดและสื่อสารภาษานี้ได้อย่างคล่องแคล่วไม่แพ้เจ้าของภาษา
“คุณคงสงสัยว่าผมเป็นใคร”