อุบัติเหตุลิขิตรัก
“ไปทำอะไรมา ทำไมสภาพเละขนาดนี้”
“ไม่อยากพูดถึง พี่ดินไม่รู้อะไร ดาวต้องทนอยู่ในสภาพแบบนี้ตั้งแต่เช้าแล้วเนี่ย ซวยชะมัดยิ่งมาโดนฝนอีก เหนี่ยวตัวไปหมดอยากกลับบ้านไปอาบน้ำแล้ว”
หญิงสาวบ่นด้วยความเหนื่อยใจกับสภาพตัวเองวันนี้ ทั้งวันมีแต่คนทักเธอ เดินไปทางไหนก็มีแต่สายตาคนที่หันมามองจนเธอไม่รู้จะเอาหน้าไปแทรกแผ่นดินไว้ที่ไหนอยู่แล้ว
“ก็ไม่เล่า แล้วพี่จะรู้มั้ยว่าถูกใครรังแกมา”
“ดาวยังไม่อยากเล่าตอนนี้ พี่ดินรีบขับรถพาดาวกลับบ้านเถอะค่ะ”
“อ่าวเด็กคนนี้นิ พี่ก็ขับอยู่เห็นมั้ยว่ารถมันติด ไปได้ทีละนิดเนี่ย”
“เห็นค่ะ แต่มันหงุดหงิดสภาพตัวเองนิ”
“ก็แล้วทำไมไม่โทรบอกพี่ตั้งแต่เช้า จะได้ให้คนเอาชุดมาให้เปลี่ยน”
“ก็ตอนนั้นมันรีบ คิดอะไรไม่ออก มีแต่อารมณ์โมโห มันผ่านมาแล้วช่างมันเถอะค่ะ”
เมื่อไม่อยากคิดถึงให้อารมณ์เสีย เธอจึงไม่พูดต่อทำเอาคนเป็นพี่ชายถึงกับส่ายหัวอย่างไม่เข้าใจเลยทีเดียว
“เรียนก็เรียนจบแล้ว โตแล้วนะเราน่ะทำตัวให้มันเป็นผู้ใหญ่หน่อยสิ”
“พี่ดินจะให้ดาวรีบโตไปไหนคะ ดาวยังอยากเป็นน้องสาวที่น่ารักของพี่ไปนาน ๆ”
พูดไปพลางก็ใช้สองมือสอดกอดรัดรอบแขนของพี่ชายเอาไว้ พร้อมกับเอาศีรษะซบที่ไหล่กว้างอย่างออดอ้อน เหมือนเช่นทุกครั้งที่อยากได้อะไร
“อ้อนแบบนี้ อยากได้อะไรฮึ” เขาถามกลับอย่างรู้ทัน ก่อนเอามือขยี้ศีรษะผู้เป็นน้องสาวจนหัวฟูหยอง ระหว่างที่รถติดไฟแดง
“ทำอาหารอร่อย ๆ ให้ดาวกินหน่อยนะคะ ดาวไม่ได้กินฝีมือพี่ดินนานแล้ว” เธอทำเสียงอ้อนอย่างน่ารักเชียว
“ได้สิน้องรัก แต่ตอนนี้ช่วยเอามือเหนียว ๆ ออกไปให้ห่างจากแขนของพี่ก่อน”
เขาว่าพร้อมทำหน้าอี๋ เมื่อสัมผัสได้ถึงความเหนียวเหนอะหนะที่แขนของเธอ ไม่นานทั้งสองก็ขับมาถึงบ้านเดี่ยวสองชั้นสไตล์โมเดิร์น บรรยากาศโดยรอบปกคลุมไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ที่ถูกตัดตกแต่งให้สวยงามรับกับตัวบ้าน
บรรยากาศดูร่มรื่นมีเงาของร่มไม้ปกคลุมไปทั่วอาณาบริเวณ ทำให้บ้านเย็นสดชื่นจากต้นไม้ใหญ่ที่ปกคลุมอยู่โดยรอบ เมื่อมาถึงทั้งสองก็แยกย้ายกันทำธุระส่วนตัว ก่อนจะมารวมตัวกันอีกครั้งในช่วงมื้อค่ำ
“ดาวเรียนจบแล้ว ขอบคุณพ่อกับพี่ดินมากนะคะที่คอยอยู่ข้าง ๆ กันตลอดในยามที่ดาวท้อแท้”
“ยินดีด้วยนะลูกสาว พ่อต้องขอโทษที่ทำให้หนูเรียนจบช้ากว่าเพื่อน ๆ” ประภาสลูบศีรษะบุตรสาวอย่างอ่อนโยน ด้วยความรู้สึกรักปนรู้สึกผิด ที่ทำให้บุตรทั้งสองต้องมาร่วมลำบากไปกับเขา เพราะความไว้ใจเพื่อนทำให้มีผลกระทบถึงลูก ๆ
“โหย... คุณพ่อคะ ยังไม่เลิกคิดมากอีก ถ้าต้องเลือกอีกครั้งดาวก็จะเลือกครอบครัวเราอยู่ดี ถึงจะไม่ได้เรียนอีกเลยดาวก็ยอมค่ะ”
นิศราโผเข้าสวมกอดบิดาแสดงความรักและห่วงใย เธอไม่เคยโทษบิดาเลยสักครั้งที่ต้องมาเจอกับเหตุการณ์เช่นนี้
“พอทั้งสองคนเลยครับ วันนี้วันดีงดดราม่าแล้วมาทานข้าวกันดีกว่าครับ” นคินทร์แทรกก่อนที่บิดาของตนจะดึงดราม่าจนทำให้เสียบรรยากาศ
“โห พี่ดินทำเองทั้งหมดเลยหรือคะ”
“ใช่นะสิฉลองเรียนจบน้องสาวทั้งที ไหน ๆก็ได้โอกาสทำแล้ว ไม่ได้โชว์ฝีมือตั้งนานจะทำน้อยได้ยังไง”
พูดพลางก็เอามือขยี้ศีรษะน้องสาวไปพลางอย่างเอ็นดูปนมันเขี้ยว
“ขอบคุณนะคะ” เธอโผเข้ากอดผู้เป็นพี่ชายด้วยความรู้สึกขอบคุณ
“ทานกันเลยดีกว่า” ประภาสเอ่ยชวนลูกทั้งสอง ภายในโต๊ะอาหารมีเสียงพูดคุยกันไปเรื่อยเปื่อย ตามประสาครอบครัวอบอุ่นที่มีเรื่องอะไรก็จะมาเล่าแชร์ให้กันฟัง
“อืมดาว พี่จะให้เราเข้าไปเสนองานกับบริษัท ธีรวัฒน์ พร็อพเพอร์ตี้ เป็นโปรเจกต์ออกแบบภายในโครงการบ้านเดี่ยวที่สมุทรสาครนะ”
“ที่ดาวออกแบบหรือคะ ..”
“ใช่ พี่ว่า Concept ของโครงการ ตรงกับแบบที่ดาวออกแบบไว้เลย ปรับปรุงเพิ่มเติมตามความต้องการของลูกค้าเข้าไปนิดหน่อยก็ใช้ได้เลยล่ะ”
“จริงเหรอคะดีใจจัง พี่ดินไม่ต้องเป็นห่วงนะ ดาวจะไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน รอรับงานใหญ่ได้เลย” หญิงสาวบอกอย่างมั่นใจ
“ทำให้เต็มที่ก็พอ ผลออกมาเป็นยังไงก็ไม่เป็นไร ถือว่าเป็นประสบการณ์”
“ทราบแล้วค่ะ ดาวจะทำให้เต็มที่”
“พรุ่งนี้คุณพ่อมีนัดตรวจหัวใจนะครับ ผมจะให้กิตติพาไปพรุ่งนี้ผมติดประชุม” นคินทร์หันไปบอกบิดาที่นั่งทานข้าวอยู่ฝั่งหัวโต๊ะ
“ดาวพาคุณพ่อไปเองค่ะ” หญิงสาวเสนอ
“ไม่ได้! เราน่ะต้องเข้าประชุมด้วย เกี่ยวกับโปรเจกต์ที่ต้องไปเสนองานลูกค้านี่แหละ” นคินทร์ขัดพร้อมอธิบายเหตุผล
“ไม่ต้องห่วงพ่อหรอก พ่อไปกับเจ้าติได้ ไปทำงานกันเถอะ”
ประภาสรู้ว่าบุตรทั้งสองเป็นห่วง ทั้งงานที่บริษัทและเป็นห่วงทั้งสุขภาพของตนเอง เขารู้ดีว่าตลอดสองปีที่ผ่านมาบุตรทั้งสองของเขาต้องเหนื่อยมากเพียงใดที่ต้องมาแบกรับภาระหนี้สินปัญหาของบริษัทที่เกิดจากการบริหารผิดพลาดของตน เขาไว้ใจเพื่อนสนิทมากเกินไป ทำให้เกิดการทุจริตยักยอกเงินครั้งใหญ่ จนทำให้บริษัทประสบปัญหาด้านการเงิน