อุบัติเหตุลิขิตรัก
“ขอโทษที่มาช้านะทุกคน ข้างนอกรถติดมากเลย สั่งอะไรกันรึยัง” เจ้าของงานที่มาช้ากว่าแขกเอ่ยถามด้วยสีหน้าสำนึกผิด
“ไม่ต้องห่วงหรอกจ้า มาถึงก็สั่งกันเลย ฮ่าา” นุ่นเพื่อนในกลุ่มอีกคนเอ่ยขึ้น
“ยินดีด้วยนะบัณฑิตใหม่จบสักที” เชอร์รี่เพื่อนสาวประเภทสองอีกคนสมทบขึ้น
“ขอบใจนะ”
“มา ๆ ไหน ๆ ก็ครบองค์แล้ว สั่งอะไรมาดื่มฉลองให้ยัยดาวกัน” แพรไหมที่พูดไปแต่ตาก็ยังชะเง้อมองหาใครอีกคน ทั้งที่ก็เห็นว่าเพื่อนของตนเดินมาเพียงคนเดียว
“ไม่ต้องมองหาหรอก ยังไม่รู้ว่าพี่ดินจะมาได้มั้ย มีงานสำคัญที่ต้องเคลียร์ก่อน” นิศราทักขึ้นอย่างรู้ทัน
“บอกทำไม ไม่ได้รอใครสักหน่อยแค่มองไปเรื่อย” แพรไหมแก้ตัว ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้เมื่อถูกเพื่อนจับได้
“ก็แค่บอกเฉย ๆ เผื่อจะมีคนรอเจอ” นิศราแสร้งแหย่
“นี่ชะนีทั้งสาม ผู้เยอะแยะหาใหม่เอา ใครไม่มาก็ช่างเขา เรามาถ่ายรูปหมู่กัน มายืนตรงนี้มุมนี้สวย”
เชอร์รี่ที่นั่งอยู่หัวโต๊ะกวักมือเรียกเพื่อนมาถ่ายรูป ถ่ายไปได้หลายมุม เชอร์รี่ก็จัดแจงดึงเพื่อน ๆ ไปถ่ายอีกมุมที่หันเข้าไปภายในร้าน
“ทำไมไม่ถ่ายมุมนั้น จะได้เห็นวิวตึกข้างนอกด้วยฮะยัยเชอร์รี่เน่า นี่แทบไม่เห็นหน้าพวกเราเลยเห็นแต่หน้าผู้ชายโต๊ะหลัง”
นิศราบ่นเพื่อนเมื่อเห็นว่ามุมที่เรียกมาถ่ายไม่เห็นจะสวยตรงไหน
“ยัยดาวก็ถ่ายมุมนี้ก่อนสิ วิวสวยอยู่นะแกไม่เห็นรึไง โน่นโต๊ะข้างหลังสเปกฉันเลย”
เชอร์รี่พูดด้วยน้ำเสียงกระดี๊กระด๊า หวังให้มีคนเห็นด้วยเมื่อหลอกให้เพื่อนมาแสร้งถ่ายรูป แต่ที่จริงแล้วจะถ่ายหนุ่มหล่อโต๊ะด้านหลังต่างหาก ทำเอาเพื่อนสาวพากันส่ายหน้า ในความจัดจ้านไวไฟของเพื่อน ที่ชอบใช้เรด้าร์โฟกัสหาผู้ชายหล่อ ยามได้มาดื่มด้วยกัน
“นี่เชอร์รี่ แกนี่มันจริง ๆ เลยนะ เฮ้ยยยนี่มัน!!”
นิศราบ่นไปด้วยมือก็ซูมไปดูหน้าหนุ่มโต๊ะด้านหลังจากรูปที่พึ่งถ่ายไปด้วย ว่าจะหล่อสักเท่าไหร่กันเชียว เมื่อเห็นชัดเท่านั้นแหละ เธอและแพรไหมก็ร้องอุทานขึ้นพร้อมกันแต่ด้วยคนละความรู้สึก
“ดาว แกรู้จักคนโต๊ะนั้นด้วยเหรอ” แพรไหมรีบถามเพื่อนทันที
“ไม่รู้จัก แต่ไอ้คนกลางนั่นคือไอ้ขยะเปียกคนเมื่อวานที่ฉันเล่าให้แกฟังไง”
พูดไปด้วยนิศราก็หันไปชี้ทางโต๊ะข้างหลัง ที่มีชายหนุ่มหน้าตาดีนั่งอยู่กลางโต๊ะ วันนี้เขามาในเสื้อเชิ้ตสีดำดูภูมิฐาน ที่ถูกปลดกระดุมให้เห็นแผงอกแน่นเล็กน้อย แขนเสื้อทั้งสองข้างถูกถกขึ้นมาถึงข้อศอก
เพียงแวบเดียวที่เห็นหญิงสาวก็จำเขาได้ทันที แค่เห็นหน้าของเขาอารมณ์โกรธที่หายไปแล้วของเธอ ก็เริ่มก่อตัวขึ้นมาอีกครั้ง ผู้ชายที่ทำให้เธอต้องทนอยู่กับคาบเหนียว ๆทั้งวัน ก่อนหันไปถามเพื่อนด้วยน้ำเสียงคาดคั้น
“แล้วแกล่ะ ตกใจทำไม ยัยแพร!”
“เฮ้อ! ก็นั่นนะเจ้านายของฉันเอง ดุมากด้วย ไม่คิดว่าเลิกงานแล้วจะต้องมาเจอกันอีก”
แพรไหมถอนหายใจก่อนตอบด้วยน้ำเสียงหมดสนุก เมื่อเห็นหน้าเจ้านายหนุ่มในเวลานี้ พยายามไม่หันไปมองกลัวคนเป็นเจ้านายจะเห็นเข้า
“โอ๊ยย ฉันล่ะสงสารแกยัยแพร มีเจ้านายเป็นคนแบบนี้ ลาออกเลยมั้ย ไม่ต้องทนทำงานต่อหรอกคนเก่งอย่างแก หางานไม่ยากหรอกเชื่อฉันสิ” นิศรายุเพื่อนให้ลาออกจากงานซะเลยเพราะตัวเองไม่ชอบขี้หน้าเจ้านายเพื่อน
“จะบ้าเหรอยัยดาว ให้มันน้อย ๆ หน่อย ดูท่าทางเขาแล้วออกจะเป็นสุภาพบุรุษ ทั้งดูดี หล่อ เท่ และแก่ดูกล้ามแน่นขนาดนั้น ผิดนิด ผิดหน่อยก็ให้อภัยเขาไปเถอะ ชีวิตจะได้มีความสุข”
นุ่นที่นั่งฟังอยู่นานแล้ว เอ่ยขึ้นอย่างเพ้อ ๆ ในขณะที่ตาก็ยังจ้องมองไปยังหนุ่มหล่อโต๊ะนั้นอย่างไม่วางตา
“จริงด้วย หล่อ หล่อมาก ฉันอยากได้ บริษัทแกเขารับพนักงานเพิ่มมั้ยอะแพรฉันอยากไปสมัคร”
เชอร์รี่เอ่ยสมทบด้วยอีกคน ดูเหมือนเพื่อน ๆของเธอจะไม่มีใครสนใจสิ่งที่เขาทำกับเธอเลยแม้แต่น้อย เอาแต่สนใจความหล่อของเขา คำพูดของนุ่นทำให้เชอร์รี่ที่จ้องชายหนุ่มปานจะกลืนกินอยู่นั้น พยักหน้ารับอย่างเห็นด้วยในทันที
“นี่พวกแกให้มันน้อย ๆ หน่อย หน้าตาดีไม่ใช่ว่าจะเป็นคนดีนะ ถ้าแกเห็นสิ่งที่เขาทำกับฉันเมื่อวาน พวกแกจะไม่ชื่นชมเขาแบบนี้” นิศราเริ่มเสียงดังขึ้นอย่างไม่ค่อยพอใจ
“จะถือโทษ โกรธแค้นกันไปทำไม มันบาปนะแก” เชอร์รี่บอก
“นี่ยัยเชอร์รี่เน่า แกยังเป็นเพื่อนฉันอยู่มั้ยเนี่ย เข้าข้างคนอื่นอยู่ได้” นิศราขึ้นเสียงอีกครั้ง ครั้งนี้ดังกว่าเดิม
“เบาหน่อยแก เสียงดังไปแล้วนะ ถ้าเขามาได้ยินคนที่ซวยน่ะเป็นฉันนะ ฉันยังต้องทำงานกับเขาอยู่”
แพรไหมปรามเพื่อนที่เสียงดัง เกรงว่าคนที่ถูกพูดถึงจะมาได้ยินเข้า
“แกก็อีกคนแพรเข้าข้างเขา เพราะเขาเป็นเจ้านายหรือไง คนไม่ดีแบบนั้นจะไปทนทำงานด้วยทำไม” นิศราต่อว่าอย่างหัวเสียเมื่อเพื่อนรัก ไม่มีใครอยู่ข้างเธอเลยสักคน
“ดาวที่ฉันว่าเขาดุอะ เขาดุเรื่องงานนะเพราะเขาเป็นคนจริงจังเวลาทำงาน แต่เป็นคนที่ทำงานเก่งมาก กับพนักงานพอเลิกงานแล้วก็ไม่มีอะไรหรอก เพียงแค่วันนี้ฉันไม่อยากเจอเขาตอนนี้ แล้วฉัันก็ต้องอยู่ข้างแกอยู่แล้ว เพียงแค่ไม่อยากให้มีเรื่องกันวันนี้เรามาฉลองกันนะ”
แพรไหมอธิบายทั้งรู้สึกเกรงใจโต๊ะข้าง ๆ ที่พวกเธอเสียงดัง ที่สำคัญกลัวว่าเสียงที่พูดคุยกันอยู่นี้ จะดังไปถึงโต๊ะที่เจ้านายของเธอนั่งอยู่ พูดจบก็ยกแก้วมาการิต้าขึ้นดื่มจนหมดแก้ว เป็นการย้อมใจ ก่อนจะหันไปเปลี่ยนเรื่องคุยในกลุ่ม เพื่อไม่ให้บรรยากาศเสียไปมากกว่านี้
แต่ไม่ทันแล้วในขณะที่สาว ๆ กำลังพูดถึงชายหนุ่มอยู่นั้นด้วยเสียงที่ดัง ทำให้คนถูกนินทาได้ยินแล้ว ถึงจะได้ยินไม่ครบทุกประโยค แต่ก็พอจะรู้ตัวว่าพวกเธอกำลังพูดถึงเขาอยู่ และยัยนักศึกษาหญิงคนที่สาดกาแฟใส่เขาเมื่อวาน ส่งสายตาโกรธแค้นมาให้เขาขนาดนั้น เขาจำได้ขึ้นใจเลยทีเดียว
วันนี้เธอมาในชุดเดรสสีขาวเข้ารูปแขนยาวหนึ่งข้าง อีกข้างเปิดโชว์หัวไหล่กลมมน กระโปรงเข้ารูปยาวเหนือเข่าเล็กน้อย โชว์ให้เห็นสัดส่วนโค้งเว้าได้รูปอย่างชัดเจน ทำให้หญิงสาวดูเซ็กซี่เล็ก ๆ แต่ไม่ถึงกับโป๊จนเกินไป
และวันนี้เธอดูน่ารักเป็นสาวมากกว่าวันแรกที่เจอกัน ถึงจะรู้ว่าถูกนินทา เขาก็ไม่ได้เดินไปทักท้วงอะไร เพียงชายหางตามองไปยังกลุ่มพวกเธอเพียงเท่านั้น