ขอโอกาสอีกครั้ง
เวินหมั้นรีบกลับบ้านไปอย่างรวดเร็ว แล้วเธอก็เห็นน้าหร่วนกำลังนั่งเหม่อลอยอยู่บนโซฟา
ดวงตาของน้าหร่วนแดงก่ำ ราวกับว่าผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก
เวินหมั้นมองไปรอบ ๆ อดไม่ได้ที่จะถามออกมาว่า “น้าหร่วน เกิดอะไรขึ้นเหรอ แล้วพ่อล่ะ?”
น้าหร่วนเป็นภรรยาคนที่สองของพ่อเธอ
เมื่อน้าหร่วนได้ยินคำถามของเวินหมั้น เธอก็อดไม่ได้ที่จะด่าทอออกมาด้วยความทุกข์ใจ
“กู้ฉางชิง ไอ้คนเนรคุณนั่นมันช่างโหดร้ายจริง ๆ !”
“ไม่กี่ปีมานี้ตอนที่กู้ซื่อ กรุ๊ปตกต่ำขั้นสุด เธอก็ไม่เคยทิ้งเขาไปไหนเลย เมื่อเรื่องผ่านไปได้ด้วยดี เขาก็สลัดเธอทิ้งไป แถมยังจับพ่อของเธอเข้าคุกอีกด้วย ตอนนี้พ่อของเธออยู่ในสถานกักกันแล้ว”
......
เวินหมั้นตกตะลึงไปชั่วขณะก่อนที่จะพูดขึ้นมา “น้าหร่วน ไม่ต้องห่วงนะ ฉัน..... ฉันจะถามกู้ฉางชิงเอง”
เธอคิดว่า แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถเป็นสามีภรรยากันได้ แต่ยังไงเขาก็คงจะเห็นแก่ความผูกพันธ์กันที่เคยมีอยู่บ้างนั้น และไม่มีทางทำได้ถึงขั้นหรอก
เธอกดโทรศัพท์โทรออกไป ซึ่งเขารับสายเธออย่างรวดเร็วมาก
เวินหมั้นยอมอ่อนข้อ “กู้ฉางชิง เราก็เลิกกันไปแล้ว ฉันขอร้องล่ะ คุณอย่าไปพาลพ่อของฉันเลยได้ไหม”
กู้ฉางชิงหัวเราะเยาะเย้ยขึ้นมา
เขาพูดว่า “สำหรับยอดเงินที่เสียไป ยังไงก็ต้องมีใครสักคนรับผิดชอบ”
เวินหมั้นยังคงอยากจะขอร้องเขาอยู่
แต่กู้ฉางชิงกลับเปลี่ยนหัวข้อทันที “ยังมีอีกทางออกหนึ่ง แต่มันก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะเต็มใจรึเปล่าด้วย! เวินหมั้น หากคุณยอมอยู่กับผมห้าปี ผมจะยอมปล่อยอาเวินไป”
เวินหมั้นตกตะลึงไปเลย
เธอไม่คิดว่ากู้ฉางชิงจะไร้ยางอายได้มากขนาดนี้ เขาต้องการคนสนับสนุนอนาคตของเขา แล้วเขาก็ยังต้องการที่จะครอบครองร่างกายของเธอด้วยอย่างนั้นเหรอ!
เวินหมั้นโกรธมากจนตัวสั่นไปหมด “กู้ฉางชิง คุณทำให้ฉันรู้สึกขยะแขยงมากเลย!”
กู้ฉางชิงหัวเราะออกมาอย่างไม่แยแสอะไร “ผมเป็นคนแบบไหนกัน คุณก็รู้มาตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ?”
เวินหมั้นกัดฟันพูดว่า “ฉันจะไม่ยอมเป็นเมียน้อยของคุณเด็ดขาด! กู้ฉางชิง คุณฝันไปเถอะ!”
กู้ฉางชิงทำเสียงเหอะออกมาเบา ๆ ก่อนจะพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นก็เตรียมตัวจ้างทนายความให้อาเวินได้เลยนะครับ! เวินหมั้น แล้วคุณจะมาหาว่าผมไม่เตือนคุณไม่ได้นะ เงินก้อนใหญ่ขนาดนี้ อย่างน้อย ๆ ก็ต้องถูกตัดสินโทษสิบปีนั่นแหละ”
เวินหมั้นหัวเราะเยาะขึ้นมาก่อนจะพูดว่า “ฉันจะจ้างทนายความที่ดีที่สุดมาเลย!”
“คุณหมายถึงโฮ่วซ่าวถิงงั้นเหรอ?” กู้ฉางชิงพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มอย่างใจเย็น “เวินหมั้น คุณลืมไปหรือเปล่าว่าเขาคือพี่เขยในอนาคตของผมเลยนะ แล้วเขาจะช่วยคุณฟ้องร้องได้ยังไงล่ะ?”
เวินหมั้นรู้สึกหนาวสะท้านตั้งแต่หัวจรดเท้าเลย!
กู้ฉางชิงพูดทิ้งท้ายเอาไว้เบา ๆ ว่า “เวินหมั้น แล้วผมจะรอการอ้อนวอนจากคุณนะ!”
.......
พอเวินหมั้นวางสายไป น้าหร่วนก็ด่าทอขึ้นมาเสียงดังลั่น
“ไอ้สารเลยคนนี้!”
“มันฝันอยู่รึไงฮะ! ต่อให้ครอบครัวของเราต้องพังทลาย ยังไงเราก็จะไม่มีทางส่งเธอไปให้มันปู้ยี่ปู้ยำเด็ดขาด”
น้าหร่วนพูดพลางร้องห่มร้องไห้ออกมา “ทนายความโฮ่วเป็นพี่เขยของไอ้เจ้าเล่ห์นั่น แล้วเราจะจ้างเขามาได้ยังไงล่ะ? เวินหมั้น เธอลองคิดหาวิธีสิ”
เวินหมั้นก้มหน้าลง
หลังจากผ่านไปสักพัก เธอก็พูดขึ้นมาด้วยเสียงที่แผ่วเบาว่า “ฉันกับทนายความโฮ่วท่านนี้ โชคชะตาเคยนำมาให้ได้มาพบกันแล้วครั้งหนึ่ง ฉันจะลองดูก็แล้วกันนะ”
น้าหร่วนเป็นผู้หญิงที่ประสาทสัมผัสในการรับรู้ดีมาก
เธอได้กลิ่นไวน์บนตัวของเวินหมั้น บวกกับเห็นเสื้อคลุมของผู้ชายที่คลุมอยู่บนตัวของเวินหมั้น เธอจึงพอจะเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
แต่น้าหร่วนไม่ได้พูดอะไรออกมา
*
การที่เวินหมั้นจะเจอโฮ่วซ่าวถิงได้ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย
ในล็อบบี้ของสำนักงานกฎหมาย ‘เจี๋ยอิง’ ผู้หญิงที่แผนกต้อนรับดูสุภาพและมีความเว้นระยะได้อย่างดีเยี่ยม “ต้องขออภัยด้วยค่ะคุณผู้หญิง หากไม่ได้มีการนัดหมายมาก่อน ดิฉันจะไม่สามารถปล่อยให้คุณเข้าไปนะคะ”
เวินหมั้นรู้สึกเสียใจมากที่ไม่ได้รับนามบัตรเขามาเมื่อคืนนั้น
เธอถามว่า “แล้วถ้าฉันจะทำเรื่องนัดตอนนี้ ฉันจะไปพบทนายความโฮ่วได้เมื่อไหร่เหรอคะ?”
พนักงานที่แผนกต้อนรับทำการตรวจสอบอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็พูดขึ้นมาว่า “เร็วที่สุดก็ต้องการครึ่งเดือนค่ะ”
เวินหมั้นอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวลขึ้นมาเล็กน้อย
ทันใดนั้นประตูลิฟต์ตรงมุมล็อบบี้ก็เปิดออก แล้วชายหญิงคู่หนึ่งก็เดินออกมาจากด้านใน
ผู้ชายคนนั้นก็คือโฮ่วซ่าวถิงนั่นเอง
เขาสวมชุดสูทแบบคลาสสิกสีดำและสีขาว แต่งตัวเรียบร้อย รูปลักษณ์ดูหรูหราสง่างามอย่างมาก
ส่วนผู้หญิงคนนั้นก็มีรูปร่างที่ร้อนแรง อายุน่าจะประมาณสามสิบต้น ๆ ได้
เมื่อโฮ่วซ่าวถิงออกมาจากลิฟต์ก็เห็นเวินหมั้นในทันที แต่แล้วเขากลับทำเหมือนไม่รู้จักเธออย่างไรอย่างนั้น เขาเดินไปส่งลูกค้าที่ประตูใหญ่ทันที
เขาวางตัวอย่างเหมาะสม จับมือกับผู้หญิงคนนั้นอย่างระมัดระวังและกล่าวคำอำลา
เสียงของผู้หญิงคนนั้นอ่อนหวานและมีเสน่ห์อย่างมาก “ครั้งนี้ต้องขอบคุณทนายความโฮ่วมากเลยนะคะ ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่สามารถหย่าและแบ่งทรัพย์สินได้อย่างราบรื่นขนาดนี้เลยค่ะ! คุณไม่รู้หรอกว่า หลังจากที่เขามีรักใหม่แล้วเขาตระหนี่กับฉันแค่ไหน......”
โฮ่วซ่าวถิงเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย “มันเป็นสิ่งที่ผมควรจะทำอยู่แล้วแหละนะครับ”
ผู้หญิงคนนั้นยังคังบุกอย่างต่อเนื่อง “ทนายความโฮ่ว คืนนี้เราไปดื่มด้วยกันสักหน่อยดีไหมคะ?”
สายตาของเวินหมั้นจับจ้องไปที่ผู้หญิงคนนั้น เขารู้สึกว่าด้วยรูปร่างของเธอแล้ว หากเป็นผู้ชายธรรมดาทั่วไป คงไม่มีทางที่จะปฏิเสธเขาได้อย่างแน่นอน
แต่โฮ่วซ่าวถิงไม่ใช่ผู้ชายธรรมดาน่ะสิ
เขายกมือขึ้นเพื่อดูเวลา แล้วก็ปฏิเสธไปอย่างสุภาพว่า “ช่างน่าเสียดายจริง ๆ เลยนะครับ พอดีคืนนี้ผมมีนัดแล้วน่ะสิ”
ผู้หญิงคนนั้นรู้ว่าอะไรเป็นอะไร แล้วเธอก็รับรู้ได้ว่าทนายความโฮ่วไม่ได้สนใจเธอ
เธอจึงกล่าวลาไปอย่างอ่อนหวาน แล้วก็ขึ้นรถและออกไปทันที
หลังจากที่โฮ่วซ่าวถิงส่งลูกค้าไปแล้ว เขาก็ตั้งใจมาหยุดอยู่ที่แผนกต้อนรับ
เขามองไปที่เวินหมั้นและพูดขึ้นมาว่า “เปลี่ยนใจแล้วเหรอ?”