เธอคือลมหายใจของฉัน
ผู้เขียน:ณัฏฐินี แก้วมณีงาม
หมวดหมู่โรแมนติก
เธอคือลมหายใจของฉัน
หลังจากที่จูบหลิงเฉินเสร็จ หย่าเสวียนก็รีบหนีออกไปจากตรงนั้น และวิ่งตรงกลับไปที่ห้องทันที
“หย่าเสวียน!” เสี่ยวเคอกรีดร้องเสียงดังเมื่อเธอปิดประตู “เธอนี่มันสุดยอดไปเลย!” เสี่ยวเคอกล่าวชมออกมา ขณะนี้บรรยากาศภายในห้องเริ่มคึกคักขึ้นมา หลังจากที่หนีออกมาจากตรงนั้นได้ หย่าเสวียนก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
เมื่อประตูห้องห้าศูนย์หนึ่งปิดลง สีหน้าของหลิงเฉินก็ไม่ค่อยดีนัก ขณะที่เขากำลังจะเรียกบอดี้การ์ด ให้มาลากเธอไปทิ้งทะเลนั้น โทรศัพท์สายสำคัญของเขาก็ดังขึ้น
เขารับสายอย่างหงุดหงิด แล้วพูดขึ้นว่า “ได้ ฉันจะไปที่นั่นเดี๋ยวนี้” เขาวางสายก่อนจะเหลือบมองห้องห้าศูนย์หนึ่ง สีหน้าของเขาไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด แต่ตอนนี้เขามีเรื่องด่วนที่จะต้องรีบจัดการ
“ถือว่าวันนี้เธอดวงดีก็แล้วกัน อย่าให้เจอหน้าอีกนะ ถ้าเกิดว่าเจอกันครั้งหน้าแล้วยังมาทำแบบนี้อีกล่ะก็ ฉันไม่ปล่อยเธอไปแน่” หลิงเฉินพึมพำพลางเดินจากไป
ภายในห้องห้าศูนย์หนึ่ง หย่าเสวียนถูแก้มที่ร้อนผ่าวของตัวเอง มันเป็นสิ่งที่บ้าที่สุดที่เธอเคยทำในชีวิตของเธอ หัวใจของเธอเต้นแรง เต็มไปด้วยความสับสน ‘โอ้พระเจ้า! นั่นคือจูบแรกของฉัน และฉันก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นใคร
นี่เป็นการนอกใจสามีรึป่าว?
แต่ไม่เป็นไรหรอก ฉันเซ็นหนังสือข้อตงลงการหย่าไปแล้ว
ต่อให้หลิงเฉินไม่ยอมเซ็นก็ไม่เป็นไร ตามกฎหมาย สามีภรรยาที่แยกกันอยู่มากกว่าสองปีนั้น ก็ถือว่าหย่ากันโดยปริยายอยู่แล้ว
เธอไม่เคยเจอเขาตลอดระยะเวลาสามปีที่แต่งงานกัน เพราะงั้นเธอไม่ถือว่าเป็นภรรยาของหลิงเฉินแล้ว ซึ่งก็หมายความว่าเธอไม่ได้นอกใจเขา
อีกอย่างก็แค่จูบ... หย่าเสวียนลืมทุกคนไปซะสนิท
ทันใดนั้นเสี่ยวเคอก็ตะโกนขึ้นมาว่า “โอ้พระเจ้า!” เพื่อน ๆ ราวสิบกว่าคนต่างพากันตกใจ
“เสี่ยวเคอ เป็นอะไรของเธอหน่ะ? ฉันตกใจแทบแย่แหน่ะ!” หว่านหยิงที่กำลังจะดื่มไวน์ถึงกับกลอกตามองบน และผลักหน้าอกเธอเบา ๆ
เสี่ยวเคอรีบวิ่งกลับไปหาหย่าเสวียนที่กำลังเหม่อ เธอนั่งยอง ๆ อยู่กับพื้นแล้วเขย่าตัวเธอด้วยความตื่นเต้น
“หย่าเสวียน เธอรู้ไหมว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร?” เธอถาม ผู้ชายคนนั้นหน่ะเป็นคนที่ผู้หญิงทั่วโลกต่างใฝ่ฝันเลยนะ เขาทั้งหล่อทั้งรวย และมีอำนาจ เป็นเจ้าของธุรกิจข้ามชาติขนาดใหญ่ ผู้คนต่างเรียกเขาว่าคุณชายหลิงเฉิน
“แล้วเขาเป็นใครล่ะ?” หย่าเสวียนหยิบแชมเปญบนโต๊ะก่อนจะดื่มเพื่อสงบสติอารมณ์ เธอเองก็รู้สึกคุ้น และอยากจะรู้เหมือนกันว่าเขาเป็นใคร
“โฮว่หลิงเฉิน” เสี่ยวเคอตะโกนชื่อเขาออกมาด้วยความตื่นเต้น ก่อนจะมองไปที่เจ้าของวันเกิด เขาก็คือโฮว่หลิงเฉิน คนที่ใคร ๆ ต่างก็เกรงกลัวคนนั้นนั่นเอง
เมื่อหย่าเสวียนได้ยินชื่อนี้ แชมเปญก็พุ่งออกมาจากปากของเธอทันที หย่าเสวียนสำลักออกมา โดยไม่รู้ว่าแชมเปญนั้นพุ่งใส่หน้าเพื่อนของเธอเต็ม ๆ เสี่ยวเคอมองไปที่หย่าเสวียนที่กำลังตกตะลึง
แม้แต่ห้วยหมิงก็ตกตะลึงเมื่อได้ยินชื่อนี้เช่นกัน “หลิงเฉิน? เฮียเหนียน ฉันว่าเธอไม่รอดแล้วแหละ” เขาพูด พ่อของห้วยหมิงเป็นผู้จัดการใหญ่ของบริษัทการเงินแห่งหนึ่งในเมืองเยว่ ชื่อของหลิงเฉินนั้นก็ดังก้องอยู่ในหูราวกับเสียงฟ้าร้อง
และชื่อที่คุ้นหูนั้นทำให้หว่านหยิงกรีดร้องขึ้นมาเช่นกัน “หย่าเสวียน เธอจูบกับหลิงเฉินงั้นเหรอ หย่าเสวียน ให้ฉันจูบเธอที เพราะมันเหมือนเป็นการจูบเขาทางอ้อม” เธอหยอกเพื่อนของเธอ
หย่าเสวียนหยิบทิชชู่ขึ้นมาเช็ดแชมเปญบนใบหน้าที่ไม่ค่อยจะดีนักของเสี่ยวเคอ เธอตกใจจนลืมขอโทษเธอไปเลย
เมื่อหว่านหยิงกระโจนเข้าใส่ หย่าเสวียนก็ขว้างทิชชู่ในมือลงและลุกขึ้นยืน
จู่ ๆ เธอก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ “เสี่ยวเคอ เมื่อกี้เธอเรียกชื่อฉันรึป่าว” เธอถาม เธอตกใจขึ้นมา ‘บ้าเอ๊ย! จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาจำชื่อของฉันได้?
เสี่ยวเคอหยิบทิชชู่เปียกมาเช็ดหน้าของเธอ ก่อนจะตอบอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ใช่ แต่เธอก็ไม่ควรจะตื่นเต้นขนาดนี้ไหมหล่ะ? แม้ว่ามันจะน่าตื่นเต้นมากที่ได้จูบกับหลิงเฉิน แต่เธอก็ไม่ควรจะพ่นแชมเปญใส่หน้าฉันแบบนี้นะ” เธอบ่นให้หย่าเสวียน’ เธอบ้าไปแล้วหรือไง
โอ้พระเจ้า! แย่แล้ว! แย่แล้ว! ฉันต้องแย่แน่ ๆ !’ หย่าเสวียนตบแขนของเสี่ยวเคอเบาๆเพื่อปลอบเธอก่อนจะพูดว่า “พวกเธอสนุกกันต่อนะ ฉันขอตัวก่อน”
ทันทีที่พูดจบเธอก็เดินออกไป ทุกคนต่างก็มองเธออย่างงง ๆ นี่เธอกำลังจะไปตามหลิงเฉินรึไงกัน?
เพื่อน ๆ ของเธอก็คิดแบบเดียวกัน เธอจะทำอะไรน่ะ เธอบ้าไปแล้วรึไง! พวกเขาได้ยินว่าผู้หญิงหลายคนอยากจะมีอะไรกับเขา ทว่าพวกเธอต่างก็โดนเอามาปล่อยไว้ที่ถนนในสภาพเปลือย เพราะงั้นเขาอาจจะทำอย่างนั้นกับเพื่อนของพวกเราก็ได้ พวกเขาทั้งหมดจึงพยายามจะห้ามหย่าเสวียนไม่ให้ไปหาหลิงเฉิน
เพื่อนของเธอหลายคนวิ่งออกจากบาร์ไป เพื่อที่จะไปห้ามหย่าเสวียนไว้
ทว่ามันกลับสายไปเสียแล้ว เธอไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว
ทันทีที่หย่าเสวียนออกมาจากบาร์ เธอเรียกแท็กซี่กลับไปที่วิลล่า
‘ฉันหวังว่าหลิงเฉินจะจำฉันไม่ได้และจะไม่กลับมาที่วิลล่าคืนนี้นะ ไม่งั้น เขาอาจจะคิดว่าฉันเสียใจที่ขอหย่า และจูบเขาเพื่อเรียกร้องความสนใจจากเขา’
หย่าเสวียนนั่งพิงพนักพิงเบาะ หัวใจของเธอก็เต้นแรงขึ้น
หลังจากที่พวกเขาจดทะเบียนสมรสกันเมื่อสามปีที่แล้วนั้น หลิงเฉินมอบหมายให้อี้จูนดูแลอาหารการกิน เสื้อผ้า และทุกอย่างที่เธอต้องการ
แต่เธอนั้นไม่เคยเจอเขาเลยแม้แต่ครั้งเดียว
เหตุผลหลักก็คืองานเขายุ่ง และมักจะใช้ชีวิตอยู่ที่ต่างประเทศ
ถึงแม้ว่าเขาจะกลับมาที่เมืองเยว่ แต่เขาก็ไปอยู่ที่วิลล่าอีกหลังหนึ่ง พวกเขามีฐานะที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว เพื่อนของพวกเขาก็ไม่เหมือนกัน ถึงแม้ว่าจะใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองเดียวกัน ก็ไม่แปลกที่จะไม่เคยเจอกันมาตลอดสามปี
ส่วนทะเบียนสมรส พ่อของเธอเป็นคนเก็บไว้กับตัว แต่ก่อนที่เขาจะเสียชีวิต เขาได้มอบมันให้กับหลิงเฉินด้วยความที่กลัวว่าหย่าเสวียนจะหย่ากับสามีของเธอ
ดังนั้น จนถึงตอนนี้เธอก็ไม่รู้ว่าสามีของเธอหน้าตาเป็นอย่างไร
เมื่อลุกขึ้นนั่ง เธอก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้และตบหน้าผากตัวเอง ‘โอ้ย ไม่ใช่สิ ฉันจำได้ว่าเคยเห็นเขาครั้งหนึ่ง’ เธอคิด เธอไปที่บริษัทของเขาเพื่อหวังว่าจะได้เจอหน้าเขาสักครั้ง แต่ทุกครั้ง จะมีก็แต่ผู้ช่วยของหลิงเฉินที่มาต้อนรับเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าสามีของเธอเลยสักครั้ง ครั้งสุดท้ายที่เธอไปที่บริษัท หย่าเสวียนไม่บอกว่าตัวเองเป็นใคร ยามจึงกันไม่ให้เธอเข้าไปข้างใน และตอนนั้นเอง หลิงเฉินที่เพิ่งจะกลับมาจากการไปดูงานที่ประเทศสหรัฐอเมริกาก็เข้ามาที่บริษัทพอดี เธอมองเห็นเขาไกล ๆ ในขณะที่เขากำลังลงจากรถ
แค่ครั้งนั้นครั้งเดียว และมันก็เห็นแค่คร่าว ๆ เท่านั้น ลักษณะของเขาเป็นอย่างไรบ้าง เธอเองก็จำไม่ได้แล้ว เพราะนั่นมันก็นานมากแล้ว แม้ว่าเธอจะรู้จักชื่อของเขาก็ไม่มีประโยชน์ เพราะเธอไม่เคยเห็นภาพเขาในอินเตอร์เน็ตเลย เขาค่อนข้างเก็บตัว ไม่เคยให้สัมภาษณ์ที่ไหนและไม่เคยให้สื่อไหนถ่ายภาพเขาไปโพสต์ในโซเชียลต่าง ๆ เลย
แต่เธอจำได้ว่า มีครั้งหนึ่งที่รูปภาพของหลิงเฉินถูกเผยแพร่ ได้ข่าวว่าในรูปนั้นเขาจับมือนักแสดงหญิงคนหนึ่ง แต่ไม่ทันที่หย่าเสวียนจะได้เห็นภาพนั้น มันก็ถูกลบไปเสียแล้ว
หลังจากนั้นก็คือวันนี้แหละ
แถมเธอยังจูบเขาในบาร์อีกด้วย! ถ้าเขาเซ็นใบหย่าแล้ว เขาก็จะเป็นแค่อดีตสามีของเธอเท่านั้น
เธอได้ยินมาว่า ถึงหลิงเฉินจะมีผู้หญิงอยู่ไม่ขาดสาย แต่เขาเกลียดผู้หญิงที่เริ่มเข้าหาเข้าก่อน
และนั่นเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่หย่าเสวียนต้องกระวนกระวายใจ ‘โอ้พระเจ้า! ฉันซวยแล้วล่ะ ฉันหวังว่าเขาจะจำฉันไม่ได้’ เธอได้แต่ภาวนาออกมา
เมื่อเธอกลับมาถึงวิลล่า เธอถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อสังเกตเห็นว่าไฟไม่ได้เปิดอยู่
“บางที เขาอาจไม่ได้ยินที่เสี่ยวเคอเรียกชื่อฉัน และอาจจะจำฉันไม่ได้ด้วยซ้ำไป ขอบคุณพระเจ้า!” เธอพึมพำ
เธอตบไปที่หน้าของตัวเองเบาๆ ที่ตอนนี้มันกำลังแดงระเรื่อก่อนจะทิ้งตัวลงบนโซฟาในห้องนั่งเล่นและนึกถึงเหตุหการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดในคืนนี้ “ถ้าเขาจำฉันได้ เขาจะต้องเกลียดฉันแน่ ๆ แต่มันอาจจะดีก็ได้นะ เค้าจะได้ตกลงเซ็นใบหย่าอย่างไม่ลังเล” เธอพึมพำ
หย่าเสวียนเป็นนักศึกษาชั้นปีที่สาม เซคยี่สิบสอง คณะบริหารธุรกิจของมหาวิทยาลัยเมืองเยว่
ในเซคของเธอนั้นมีนักศึกษาราว ๆ ห้าสิบกว่าคน มีนักศึกษาที่สอบเข้ามากว่าสี่สิบคน ส่วนที่เหลืออีกสิบกว่าคนล้วนแล้วแต่ใช้เส้นสายเข้ามาทั้งสิ้น
เพราะมหาวิทยาลัยเมืองเยว่นั้น จะติดอันดับท็อป สามอันดับแรกในทุก ๆ ปี แม้แต่หลิงเฉินเองก็จบการศึกษาจากที่นี่เช่นกัน ดังนั้นก็เลยมีคนจำนวนมากที่อยากจะเข้ามาเรียนที่นี่ หย่าเสวียนเองก็เป็นหนึ่งในบรรดาคนที่ใช้เส้นสายเข้ามา
ขณะนั้นเอง ศาสตราจารย์หมิงจื้อที่กำลังยืนอยู่หน้าชั้นเรียน เขาดันแว่นขึ้น ขณะที่กำลังจ้องมองนักเรียนส่วนใหญ่ที่กำลังนอนหลับอย่างสบายใจ
และจู่ ๆ ก็มีเสียงดังปัง! ศาสตราจารย์โยนหนังสือลงบนโต๊ะของเขา เสียงดังกล่าวทำให้นักเรียนหลายคนกลับมารู้สึกตัว และรีบลุกขึ้นมานั่ง
แต่เด็กผู้หญิงในชุดลำลองสีขาว ที่นั่งอยู่ด้านในแถวสุดท้าย ยังคงฟุบหลับอยู่บนโต๊ะอย่างมีความสุข
หมิงจื้อมองไปรอบ ๆ ก่อนจะตะโกนออกมาว่า“หย่าเสวียน!” ถึงแม้ว่าผมของเขาจะขาวโพลน ทว่าเสียงของเขายังดีอยู่ มันทำให้นักเรียนทุกคนรู้สึกกลัว และเงียบมากกว่าเดิม
จะมีก็แต่หย่าเสวียนที่ยังคงหลับฝันหวานอยู่ สายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปที่เธอ แต่เธอก็ยังไม่รู้สึกตัว