เธอคือลมหายใจของฉัน
ผู้เขียน:ณัฏฐินี แก้วมณีงาม
หมวดหมู่โรแมนติก
เธอคือลมหายใจของฉัน
“หย่าเสวียน! หย่าเสวียน!” หว่านหยิง สาวผมยาวที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เธอเรียกเธอให้ตื่น แต่หย่าเสวียนก็ยังไม่ยอมตื่น หว่านหยิงเลยดึงชายเสื้อเสื้อเธอเบา ๆ ยิ่งเธอไม่ได้ยิน เสียงเรียกและการดึงก็ยิ่งดังและแรงขึ้น ในที่สุดเธอก็ตื่นขึ้นมาจนได้
หย่าเสวียนที่ครึ่งหลับครึ่งตื่นมองไปทางหว่านหยิงอย่างงง ๆ “หว่านหยิง…เธอปลุกฉันทำไม…”
หว่านหยิงแอบชี้ไปทางศาสตราจารย์ที่ยืนอยู่หน้าห้อง เมื่อหย่าเสวียนมองไปตามที่หว่านหยิงชี้ ก็เห็นศาสตราจารย์หมิงจื้อกำลังมองมาทางเธอด้วยความโกรธ
หย่าเสวียนที่กำลังมึนงนในตอนแรก เมื่อได้เห็นสีหน้าไม่พอใจของของศาสตราจารย์หมิงจื้อ ทำให้เธอรู้สึกราวกับกำลังโดนน้ำเย็นสาดมาที่หน้าจัง ๆ ‘เอ่อ!’ เธอส่ายหัวไปมา แล้วรีบลุกขึ้นนั่งตัวตรง
ศาสตราจารย์หมิงจื้อถือเป็นอาจารย์ที่โหดที่สุดคนหนึ่งของมหาวิทยาลัยนี้ ใครก็ตามที่โดนเขาจับได้ว่าแอบหลับในห้องเรียน จะต้องสอบตกวิชานี้ทันที
หย่าเสวียนหยิบหนังสือออกมาจากกระเป๋า แล้วเปิดหนังสือออก เมื่อสถานการณ์กลับสู่ปกติ ศาสตราจารย์หมิงจื้อก็กลับมาสอนต่อ
นักเรียนคนอื่น ๆ ที่รู้สึกกลัวต่างก็รีบหลบสายตาในทันที บ้างก็กลับไปดูหนังสือ บ้างก็มองหน้าศาสตราจารย์หมิงจื้อ
ไม่มีใครกล้าหัวเราะเยาะเธอ ทุกคนในห้องต่างรู้ดีว่าประวัติของหย่าเสวียนเป็นยังไง
หย่าเสวียนเป็นนักเลงที่ชอบหาเรื่องคนอื่น ๆ ดื่มเหล้า โดดเรียน ปีนกำแพงหนี เรื่องอะไรแย่ ๆ เธอทำมาหมดแล้ว
มหาวิทยาลัยเมืองเยว่นั้นมีการดูแลนักศึกษาอย่างเข้มงวด และมีการระบุไว้ในคู่มือนักศึกษาว่า ไม่อนุญาตให้นักศึกษาย้อมผม ทาเล็บ หรือสวมเครื่องประดับใด ๆ
แต่หย่าเสวียนตอนนี้นั้น เธอไว้ผมยาว ย้อมด้วยสีม่วงอ่อน มัดแกละไว้ข้างหลังและทาเล็บสีแดงสด อาจารย์คนอื่น ๆ ในมหาวิทยาลัยเกรงกลัวเธอ จนไม่มีใครกล้าที่จะตักเตือน
ที่หย่าเสวียนไม่โดนไล่ออกจากมหาวิทยาลัยนั้น ก็เพราะว่าครอบครัวของเธอนั้นมีอำนาจ
“หย่าเสวียน” อาจารย์หมิงจื้อมองมาที่เธอด้วยสายตาเยือกเย็น“อธิบายให้ฉันฟังซิ ว่าการเงินหมายถึงอะไร” ศาสตราจารย์หมิงจื้อรู้ประวัติของ หย่าเสวียนเป็นอย่างดี เพราะว่าเขาสนิทกับผู้ช่วยจ้ง ผู้ช่วยของหลิงเฉิน แม้แต่หลิงเฉินเองก็เป็นลูกศิษย์ของเขาเช่นกัน ด้วยจรรยาบรรณทางวิชาชีพ หมิงจื้อจึงไม่ยอมปล่อยผ่าน เขาจะยอมให้หย่าเสวียนทำตามอำเภอใจตัวเองต่อไปแบบนี้ไม่ได้
หย่าเสวียนค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน ในขณะที่ลุกขึ้นยืนนั้นเธอก็ยื่นมือไปเตะเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างหน้าเธอ เพื่อนที่นั่งอยู่ข้างหน้าเธอนั่นก็ไม่ใช่ใครอื่น เขาคือเจ๋อหนัน เป็นหัวหน้าห้อง และนักเรียนดีเด่นของชั้น
ด้วยสัญญาณของเขา เจ๋อหนันรู้ในทันทีว่า หย่าเสวียนต้องการอะไร เขารีบพลิกหนังสือไปยังหน้าที่มีคำตอบอย่างรวดเร็ว และเอนตัวไปทางซ้ายเพื่อให้เธอเห็น
เธอเห็นคำตอบในหนังสือเรียนอย่างชัดเจน หย่าเสวียนยิ้มออกมาอย่างพอใจ รอยยิ้มนี้เอง ที่ทำให้หนุ่มๆ หลายคนต่างพากันแอบชอบเธอ
ใบหน้ารูปไข่สีขาวนวล ดวงตากลมโต สดใส จมูกโด่งได้รูป และริมฝีปากสีชมพูที่แสนจะเย้ายวนนั่น
แม้ว่าเธอจะไม่แต่งหน้า แต่เธอก็ยังไร้ที่ติ รูปร่างของเธอนั้นไม่ผอมและไม่อ้วน เรียกได้ว่ากำลังพอดี และเป็นที่โปรดปรานของผู้ชายหลาย ๆ คน
ถ้าผลการเรียนของเธอไม่แย่ ตำแหน่งดาวมหาวิทยาลัยนั้นไม่มีใครเหมาะไปกว่าเธออีกแล้ว
หย่าเสวียนขยิบตาพลางเริ่มอ่านคำตอบในหนังสือของเจ๋อหนัน “การเงินเป็นคำกว้าง ๆ ที่อธิบายถึงกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธนาคารและมีความน่าเชื่อถือ รวมไปถึง...”
ในฐานะอาจารย์ ศาสตราจารย์มิงจื้อจ้องหย่าเสวียนที่กำลังอ่านคำตอบในหนังสืออย่างเขม็ง “พอได้แล้ว!” เสียงของศาสตราจารย์หมิงจื้อดังก้องไปทั่วทั้งห้อง
นักเรียนทั้งชั้นต่างพากันตกใจ หย่าเสวียนจ้องไปที่ศาสตราจารย์อย่างไม่เกรงกลัว ก่อนจะหัวเราะออกมาแล้วถามว่า “อาจารย์คะ หนูตอบอะไรผิดเหรอคะ?”
ศาสตราจารย์หมิงจื้อโกรธจนหน้าออกสี เขาเอามือไขว้หลัง และเดินวนไปมาที่หน้าชั้นเรียน เพื่อเป็นการสงบสติอารมณ์
เมื่อเห็นศาสตราจารย์หมิงจื้อเริ่มโกรธ หย่าเสวียนก็อดไม่ได้ที่จะขอโทษในสิ่งที่เธอทำ “อาจารย์คะ อาจารย์อย่าโกรธหนูเลยนะคะ” เดี๋ยวเลิกเรียนแล้วหนูจะไปท่องให้ขึ้นใจเลยค่ะ!” หย่าเสวียนก้มหัวลง หมิงจื้อนั้นเป็นอาจารย์ของหลิงเฉิน เธอเองก็ไม่อยากจะมีเรื่องกับเขา
เมื่อหมิงจื้อได้ยินคำพูดนี้ของหย่าเสวียน เขาก็หายโกรธลงไปเยอะ ในสายตาของหมิงจื้อนั้น หย่าเสวียนเป็นผู้หญิงที่ฉลาด ถ้าเธอตั้งใจเรียน เธอก็อาจจะได้เป็นนักเรียนดีเด่น แต่ในฐานะอาจารย์ หมิงจื้อยอมไม่ได้ ที่หย่าเสวียนทำอวดดีใส่เขา ‘เธอไม่ชอบเรียนใช่ไหม? ได้! เธอสอบตกหลายครั้ง? ได้!’ หมิงจื้อจ้องหย่าเสวียนเขม็ง ‘แต่ว่าวิชาการเงินนี่เธอจะสอบตกไม่ได้!’ เขาพูดกับตัวเอง
“ถ้าเธอกล้านอนหลับในชั้นเรียนของฉันอีก ห้วยหมิง หว่านหยิง และเสี่ยวเคอ สามคนนี้จะต้องไปยืนใต้เสาธงข้างล่าง!” ศาสตราจารย์หมิงจื้อกล่าว “เข้าใจไหม? !” ทั้งสามคนที่โดนเอ่ยชื่อ ถึงกับโอดครวญกับคำพูดของศาสตราจารย์
‘หย่าเสวียนนอนหลับ แล้วทำไมคนที่ต้องไปยืนอับอายขายขี้หน้าที่ใต้เสาธงต้องเป็นพวกเขาสามคนด้วยหล่ะ...’ พวกเขาทั้งหมดคิดเหมือนกัน
ที่ศาสตราจารย์หมิงจื้อพูดแบบนี้ก็เพราะว่า พวกนี้เป็นเพื่อนของเธอ และเธอเองก็เป็นคนที่ให้ความสำคัญกับเพื่อนมาก เธอก็จะไม่ทำร้ายคนอื่นเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง และนั่นก็เป็นหนึ่งในข้อดีของเธอ
หย่าเสวียนจ้องเขม็งไปที่ศาสตราจารย์หมิงจื้อด้วยความโกรธ จะทำใครก็ได้แต่จะมาทำเพื่อนของเธอไม่ได้ ’
หย่าเสวียนเงยหน้าขึ้นแล้วตอบด้วยความมั่นใจ “เข้าใจแล้วค่ะ ศาสตราจารย์ คุณจะไม่เห็นฉันนอนหลับในห้องเรียนอีก” หย่าเสวียนนั่งลงที่เก้าอี้ หยิบปากกาขึ้นมาและเริ่มวาดภาพ ทว่าใจของเธอไม่รู้ลอยไปไหน ศาสตราจารย์หมิงจื้อรู้สึกพอใจ เนื่องจากคิดว่าเธอกำลังจดบันทึก แต่ในความเป็นจริง เธอแค่วาดภาพเท่านั้น
เมื่อเสียงกริ่งดังขึ้น
เสียงจ้อกแจ้กจอแจของเหล่านักศึกดังขึ้น ศาสตราจารย์หมิงจื้อไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาเก็บข้าวของ และออกจากห้องเรียนไป
ทันทีที่ศาสตราจารย์หมิงจื้อออกไปจากห้องเรียน เพื่อน ๆ ต่างก็พากันเข้ามาหาหย่าเสวียน ที่กำลังใจลอย และเริ่มบ่นอาจารย์ของพวกเขา
“นี่ เฮียเหนียน ศาตราจารย์หมิงจื้อจะมาไม้ไหนเนี่ย? ” ห้วยหมิงถาม ห้วยหมิงที่สวมเสื้อแจ็กเก็ตสีส้ม แสดงสีหน้าไม่พอใจ ‘ศาสตราจารย์นี่ก็ยังไงนะ จัดการกับหย่าเสวียนไม่ได้ก็เลยมาลงที่พวกเขาแทนงั้นเหรอ? อาจารย์นี่ก็แปลก’ เขาคิดในใจ
และด้วยความสูงสองร้อยสิบเซนติเมตร ห้วยเหมิงนั้นถือเป็นคนที่สูงที่สุดในห้อง เขาเป็นหนึ่งในเพื่อนสนิทที่สุดของหย่าเสวียนและเขาก็เป็นคนที่รักความยุติธรรมมาก
“หย่าเสวียน เธออย่านอนหลับในห้องอีกนะ ฉันขอร้องล่ะ…” หว่านหยิงที่ไว้ผมลอนยาว ทำเสียงออดอ้อนพลางเกาะแขนหย่าเสวียนที่กำลังนั่งใจลอยไว้แน่น
เสี่ยวเคอที่นั่งหน้าบูดอยู่ข้าง ๆ เธอก็พูดขึ้นว่า “หย่าเสวียน ในฐานะมิสรูมสามสามศูนย์หนึ่ง เธอห้ามทำให้ฉันเสียหน้าเด็ดขาด เข้าใจไหม?” เสี่ยวเคอ ผู้ซึ่งประกาศตัวเองว่าเป็นสาวสวยที่สุดในหอพักกล่าว
หย่าเสวียนที่กำลังคิดเรื่องหย่าและเรื่องที่จูบกับหลิงเฉิน สองเรื่องนี้มันก็ยุ่งพออยู่แล้ว และเสียงเอะอะรอบ ๆ ตัวเธอนั้นก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกรำคาญ เธอเก็บหนังสือที่อยู่บนโต๊ะแล้วมองไปรอบ ๆ ห้อง
หน้าของเธอนั้นเหมือนกับจะบอกว่า เธอไม่อยากจะพูดถึงเรื่องนี้
เมื่อเสี่ยวเคอเห็นท่าทางที่ไม่ค่อยสบอารมณ์ของหย่าเสวียนแล้วก็รีบหยุดทุกคนไว้ “ทุกคน ๆ วันนี้ไชนิ่ง อินเตอร์เนชั่นแนล พลาซ่าจัดโปรโมชั่นลดราคาวันที่สิบเอ็ดเดือนสิบเอ็ด ใครจะไปมั่ง?”
หย่าเสวียนยืนขึ้นบนเก้าอี้และโอบคอเสี่ยวเคอไว้พลางยิ้มและพูดว่า “ฉันไป!” ‘นั่นก็เพราะเธออยากได้ลิปสติกแท่งใหม่นั่นเอง...’
เสี่ยวเคอรู้ว่าหย่าเสวียนกำลังตื่นเต้นกับอะไร
หย่าเสวียนนี่ก็เป็นคนแปลก ๆ เธอชอบแต่งตัวสบาย ๆ และทุกวันเธอก็ไม่เคยแต่งหน้า อย่างมากก็เพียงแค่โปะรองพื้นเท่านั้น ทว่า งานอดิเรกของเธอนั้นคือการสะสมลิปสติก
ณ ไชนิ่ง อินเตอร์เนชั่นแนล พลาซ่า
ไชนิ่ง อินเตอร์เนชั่นแนล พลาซ่านั้นเป็นห้างที่หย่าเสวียนชอบมากที่สุด ที่นี่ไม่เหมือนกับห้างทั่ว ๆ ไป และค่อนข้างจะพิเศษ
ไชนิ่ง อินเตอร์เนชั่นแนล พลาซ่า ประกอบด้วยอาคารเจ็ดหลัง ซึ่งตั้งชื่อตามดาวที่ประกอบขึ้นเป็นกลุ่มดาวกระบวยใหญ่
ชื่อของอาคารต่าง ๆ ได้แก่ เทียนชู เทียนเสวียน เทียนจี้ เทียนฉวน ยู่เหิง ไคหยาง และเหยากวง
ที่บอกว่าพิเศษนั่นก็คือ จะมีไฟอยู่ด้านบนสุดของทุกตึก และเมื่อตกกลางคืน ไฟจะสว่างขึ้น และถ้ามองจากมุมสูง ก็จะเห็นไฟรวมตัวเป็นกลุ่มดาวกระบวยใหญ่ เป็นอะไรที่น่าทึ่งมาก ๆ
ทางศูนย์การค้าได้เชิญนักออกแบบแสง ที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศ ให้มาช่วยออกแบบให้ เมื่อฟ้าเริ่มมืด แสงไฟก็จะสว่างขึ้น เวลาที่เดินช็อปปิ้งอยู่นั้น ก็เหมือนกับกำลังเดินอยู่ในทะเลของหมู่ดาวอย่างไรอย่างนั้น ไม่น่าแปลกใจเลยที่หลายคนจะตกหลุมรักกับห้างที่มีแนวคิดแปลกใหม่เช่นนี้ นอกจากนี้แล้ว ที่นี่ยังเป็นจุดนัดพบที่มีชื่อเสียงซึ่งจะเห็นได้ว่า มีหนุ่มสาวมากมายนัดเดทกันที่นี่