คนอุ่นเตียง
"นายน้อย! "ไน่ยไน่ยทำสีหน้าหนักใจ ยิ่งเห็นเหงื่อผุดออกมาเรื่อยๆ ยิ่งทำให้อดเป็นห่วงคนไม่ได้ หลี่เจี๋ยได้แต่ขบฟันแน่นสีหน้าอึดอัดอยู่คับแน่นในอกจะพูดก็ไม่ได้เพราะนอกฉากคือตนเองเป็นใบ้ จึงจำต้องนิ่งเอาไว้
"เขาเจ็บป่วยหรือไร"จิ้นหยางโบกพัดคราหนึ่งแล้วพับมันวางลงบนโต๊ะ สายตาคมกริบกวาดมองไปรอบๆ ห้องแล้วจึงมาหยุดลงตรงกลุ่มคนที่บ่งบอกถึงความไม่สบายใจบนใบหน้า ยิ่งคนชุดขาวใบหน้าซีดเผือดนั่นทำให้เขายิ่งสนใจ
"เจ้าค่ะคุณชาย นี่คงเป็นเพราะอากาศเปลี่ยน นายน้อยของเราจึงมิใคร่สบาย"ไน่ยไน่ยย่อเข่าเล็กน้อยตอบ สายตาระแวดระวังเป็นอย่างยิ่งไม่กล้าละสายตาไปจากนายน้อยของตนเอง
"เอายานี่ไป มันเป็นยาชั้นเลิศกินเพียงไม่มีเม็ดก็หาย"จิ้นหยางวางขวดหยกสีขาวขนาดเล็กลงบนโต๊ะ เป็นเสิ่นเล่ยหยิบไปยื่นให้กับหลี่เจี๋ยทั้งคู่ไม่คิดจะเอาให้ชุนหวงกิน ด้วยไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมาดีหรือร้ายกันแน่ เพียงได้แต่ยิ้มรับไมตรีเท่านั้น จิ้นหยางเองก็ไม่ฝืนเพราะรู้ดีว่าคนกลุ่มนี้ย่อมต้องมิใช่คนธรรมดาแน่นอน
"ขอบคุณท่านทั้งสาม แต่นายน้อยของเราเพียงพักซักครึ่งวันก็หายแล้ว มิอาจรบกวนเจ้าค่ะ"ไน่ยไน่ยยิ้มเล็กน้อย หากต้องนิ่วหน้าเมื่อเห็นท่าทีโงนเงนยืนไม่มั่นคงของชุนหวง ทันใดนั้นเองคนที่มาถึงตัวก่อนกลับกลายเป็นจิ้นหยาง สองมือโอบประคองร่างสะโอดสะองเอาไว้ได้แทน เขารีบจับชีพจรคงคนที่ยืนซวดเซเพื่อตรวจสอบว่าเกิดจากอะไรกันแน่
"อี้จาง! "น้ำเสียงทรงอำนาจเรียกคนคู่กายอี้จางได้ยินก็ถลามายืนข้างๆ ทันทีที่ได้ยินเสียงเรียก
"คุณชาย..."อี้จางรีบหยิบเอายาใส่ปากชุนหวงทันที ใบหน้างดงามพร่างไปด้วยเหงื่อ หลับตานิ่งอยู่ในอ้อมแขนแข็งแกร่งของจิ้นหยางเขาอุ้มร่างบางขึ้นจ้องสบตากับหลี่เจี๋ยไม่สนใจว่าคนที่ดูแลคนในอ้อมแขนคิดสิ่งใด เขาเอ่ยถามทันที
"ห้องไหน"คนทั้งสองของชุนหวงได้แต่ตกตะลึงในความรวดเร็วของคนผู้นี้ คนที่ได้สติกลายเป็นหลี่เจี๋ย เขาผายมือบ่ายออกไปมีไน่ยไน่ยเป็นผู้เดินนำทางคนร่างสูงกลับไปยังห้องพักทั้งสามที่เข้ามาใหม่ลอบสำรวจภายในห้อง เป็นจิ้นหยางนำร่างที่สลบไสลไปวางไว้บนเตียง ถุงหอมที่วางอยู่ข้างหมอนส่งกลิ่นคล้ายเจ้าตัวยิ่งนัก จิ้นหยางแอบหยิบมาใส่อกเสื้อรวดเร็วจนไม่มีใครจับตาได้ทันยกเว้นคนของเขาสองคนนั่น
"นายน้อยของพวกเจ้าร่างกายอ่อนแอต้องการหมอหรือไม่"จิ้นหยางหันมาถามคนสองคน ที่พยายามจะเข้ามาดูอาการแต่ดูเหมือนคนตัวโตกว่ายืนขวางบังเอาไว้ไม่ให้มองได้ถนัดตาทั้งที่เป็นคนของชุนหวงเองแท้ๆ จิ้นหยางลอบสำรวจใบหน้าที่ต้องตาจับใจตนเองอีกครั้ง
"ไม่เป็นไรเจ้าค่ะพวกเรามีหมอที่มารักษาประจำอยู่แล้ว"ไน่ยไน่ยรีบตอบ
"แต่ดูเหมือนหมอของพวกเจ้าจะไร้ฝีมือ ข้าพอรู้จักหมอเทวะผู้หนึ่งให้เขามาดูเถอะ"จิ้นหยางย่อมรู้ดีว่าสองคนบ่ายเบี่ยง แต่คนที่นอนนิ่งบนเตียงน่าสนใจยิ่งนักจนเขาไม่อาจจะละเลยไปได้ อี้จางกับเสิ่นเล่ยถึงกับลอบสบตากันกับความเอาใจใส่คนที่นอนอยู่ทั้งที่พึ่งพบกันได้ไม่นาน
"ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ"ไน่ยไน่ยยืนกรานแต่ไม่เป็นผล คนยังยืนยันจะให้ตามหมอมาอยู่ดี
"เสิ่นเล่ยตามหมอ"คนรับคำแล้วเดินหายไปอย่างรวดเร็ว เสียงเอะอะหน้าห้องเป็นฉีเฮ่อกับฉีเหนียงแทน
"ผู้ใด"จิ้นหยางหันไปหา อี้จางจึงเดินไปเปิดประตู โดยไม่ต้องเอ่ยปาก
"มีธุระอันใด"อี้จางถามเสียงเรียบ
"คนของเราเป็นอะไร พวกท่านทำอะไรเขากันแน่"ฉีเหนียงชะโงกหน้าสอดสายตาเข้าไปด้านใน
"ไม่เป็นอะไรแค่อ่อนเพลีย"อี้จางปฏิเสธ
"แต่ท่านทำให้เขามีอาการเช่นนี้"ฉีเฮ่อสำทับ
"เหลวไหลคุณชายของข้าแค่ช่วยเหลือผู้ที่อ่อนแอกว่าเท่านั้นพวกเจ้าคิดจะโยนเผือกร้อนให้รึ"สองคนอึกอัก ครั้งแรกพวกมันคิดจะเรียกร้องเอาค่าเสียหายแต่พอเจอคนจริงกลับพูดไม่ออกได้แต่กรอกตา
"ออกไป ไสหัวพวกเจ้าออกไป!! "อี้จางตวาดอีกครา คนในห้องมองไปจุดเดียวกัน ต่างกับจิ้นหยางที่ไล่สำรวจใบหน้างดงามและเรือนร่างบอบบางอีกครั้ง ถึงแม้จะมิเท่ากับอิสตรีแต่ก็ดูบอบบางกว่าหุ่นกำยำอย่างพวกเขา ถุงหอมที่อยู่ในอกเสื้อกรุ่นกำจายกลิ่นอ่อนๆ มาเป็นระยะทำให้เคลิ้มไปไม่น้อย
"รอหมอก่อน"จิ้นหยางพึ่งเปิดปาก คนทุกผู้ต่างเงียบเพียงสองเค่อ หมอถึงได้กระหืดกระหอบเข้ามาด้วยท่าทีร้อนรน
"ถวาย..อ๊ะ"หมอคล้ายถูกสะกดให้หยุดพูดพอได้สติก็รีบประสานมือคารวะ
"เรียนคุณชาย"
"ตรวจคน"จิ้นหยางขยับให้หมอเดินงกเงิ่นเข้ามาจับชีพจร
"คนผู้นี้ถูกพิษ"
"หนทางรักษาล่ะ"
"เกรงว่าได้รับยาเข้าไปแล้วพะ..ขอรับ ตอนนี้ร่างกายยังอ่อนเพลียมิมีอันใดร้ายแรง"หมอถึงกับเหงื่อกาฬไหลย้อยเมื่อสบตาคมของคนตรงหน้าสายตาพรั่นพรึงไม่น้อยยามตอบคำถาม
"ดีพาสองคนไปเอาเทียบยา"จิ้นหยางเอ่ยปาก มิไยไน่ยไน่ยกับหลี่เจี๋ยไม่ยินยอม หากแต่ขัดขืนสายตาทรงอำนาจนี้ไม่ได้
"ไปเถอะนายน้อยของพวกเจ้าจะปลอดภัยเมื่ออยู่กับคุณชายของเราข้ารับรอง"เสิ่นเล่ยกับอี้จางยืนยัน กึ่งบังคับกึ่งปลอบใจให้สองคนตามออกไป จิ้นหยางปล่อยคนออกไปจนหมดก็ทรุดลงนั่งข้างเตียงอีกครั้ง
"หึหึแปลกคน ไยเจ้างดงามยิ่งกว่าสตรีแต่กลับมิอ่อนหวานเฉกเช่น"จิ้นหยางใช้นิ้วไล่ตามโครงหน้า น้อยคนนักที่จะจุดความสนใจให้แก่เขา สายตาไล่ลงมายังแขนเรียวขาวผ่องที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อสีขาวถึงมือบางที่วางอยู่ข้างกาย
"ข้าว่าเจ้าน่าจะได้ไปเป็นนกน้อยในกรงทองของข้าดีกว่า"จิ้นหยางยกยิ้มมุมปากทันใดนั้นเขาผุดลุกขึ้นยืน
"องค์รักษ์เสื้อเงาลงมา"ยามเขาออกมาด้านนอกหรือแม้กระทั่งในจวนก็ตาม นอกจากจะมีผู้ติดตามคนสนิทแล้วองค์รักษ์เสื้อเงายังเป็นองค์รักษ์เงาที่ตามอารักษ์ขาไม่ห่างกาย เพียงแค่ไม่ปรากฏตัวให้ผู้ใดเห็นเท่านั้นเอง พวกเขาเร้นกายมาจากที่ใดสายตาคนธรรมดาย่อมมองไม่ทันยกเว้นจิ้นหยางที่มองเห็นคนพลิ้วกายมาคุกเข่าตรงหน้า
"จัดการเรื่องนี้ให้ข้าด้วย"หนึ่งในนั้นคุกเข่าก้มหัวลง
"พะย่ะค่ะ"จากนั้นก็หายไปจากสายตาอย่างรวดเร็ว เขาหันกลับมามองร่างที่นอนหลับนิ่งบนเตียงอีกครั้ง ก้มลงฟังเสียงหายใจที่เริ่มกลับมาปรกติอีกครั้ง ยังไม่ทันจะเงยหน้าขึ้น เปลือกตาสีไข่ขนตางอนยาวกระพริบปริบๆ แล้วลืมตาขึ้นมา ดวงตาใสวาววามเบิกกว้างพยายามจะถอยหลังหนี
"กลัวอะไรกันข้ามิใช่คนทำร้ายเจ้าเสียหน่อย"จิ้นหยางเอ่ยปากเสียงเรียบ
"มะ..ไม่ใช่เช่นนั้นเพียงแต่ว่า.."ชุนหวงเหลียวมองรอบห้องคนของเขากลับไม่อยู่ให้เห็น ชุนหวงนิ่วหน้าเอ่ยถามด้วยความสงสัย
"ไน่ยไน่ยกับหลี่เจี๋ยล่ะ"
"เขาออกไปเอาเทียบยายามนี้เจ้ารู้สึกเช่นไร"จิ้นหยางถามกลับ
"สบายดีขอรับเอ่อ..ข้าอยากลุกแล้ว"ชุนหวงใช้ศอกสองข้างเท้ากับที่นอนยันตัวเองลุกขึ้น จิ้นหยางนั่งลงข้างกายใช้สองแขนประคองแขนเรียวพยุงตัวให้ลุกขึ้นอิงอกกว้างของเขาแทน ชุนหวงนึกอึดอัดกับความสนิทสนมที่เขาไม่คุ้นเคยนี้
"ขอบคุณท่านมาก...หากว่าไม่รบกวนขอข้าลุกจากเตียงได้หรือไม่"
"ย่อมได้ๆ "จิ้นหยางสีหน้าเรียบแต่นัยน์ตากลับพราวระยับน้อยนักที่จะได้เห็น
"ขอบคุณท่านมาก"ชุนหวงยิ้มน้อยๆ พยายามเบี่ยงแขนออกจากมือหนา แต่เหมือนไร้กำลังได้แต่ปล่อยให้คนจัดการประคองตัวเองลุกขึ้นด้วยความลำบากเพราะไร้เรี่ยวแรง
"เรียกข้าว่าจิ้นหยาง"เขาเอ่ยบอกชื่อแซ่ตัวเอง
"ข้าชุนหวงขอรับ"
"ไพเราะไม่น้อย"ชุนหวงถึงกับทำหน้าไม่ถูกวาจาเช่นนี้ กล่าวกับสตรีมิใช่เรื่องแปลกแต่เอ่ยให้บุรุษเช่นเดียวกันฟังมันคล้ายพิกล
"ขอบคุณท่านมากที่ช่วยเหลือ"
"เจ้าเก่งดนตรีหรือ"จิ้นหยางไม่ตอบรับหรือปฏิเสธกลับถามอีกประโยค
"ข้าน้อยมิบังอาจรับคำชมเพียงแค่พอเล่นได้เท่านั้น"
"ถ่อมตนเกินไปแล้ว หากเจ้าหายดีข้าจะเชิญเจ้าไปบรรเลงให้ฟังที่บ้านข้าดีหรือไม่"
"กล่าวเกินไปแล้วคุณชายข้าไม่อาจรับคำ"
"ทำไม? ข้าไม่คู่ควรจะฟังเจ้าบรรเลงอย่างนั้นรึ"จิ้นหยางขมวดคิ้วเข้มด้วยความไม่พอใจ
"หามิได้เพียงแต่ข้านั้นหาได้มีอิสระเพียงพอที่จะทำตามใจผู้ใดได้"ชุนหวงนึกเกรงกริ่งสีหน้าที่คล้ายดุดันแต่ไม่ดุดัน แถมน้ำเสียงยังบังคับเอาแต่ใจให้ผู้คนยินยอมคล้อยตามโดยมิอาจขัดขืน
"เป็นหากเช่นนี้เรื่องนั้นเจ้ามิต้องกังวลไป ข้าจัดการให้ได้"ยังมิทันจะกล่าวต่อทั้งสี่ก็เดินกลับเข้ามาพร้อมกับเทียบยาในมือ จิ้นหยางเมื่อเห็นคนเข้ามาเขาจึงถอยห่างออกไป
"เอาล่ะข้าคงต้องกลับก่อนรักษาตัวให้ดีแล้วเจอกันใหม่ ลาก่อน"จิ้นหยางก้มหัวลงเล็กน้อยต่างกับอีกสองคนที่ประสานมือขอลา ทั้งสามจากไปแล้วพร้อมกับก้อนเงินอีกสามตำลึงทองที่วางไว้บนโต๊ะ
"ประหลาด"ชุนหวงเอ่ยปากคนแรก
"ไม่น่าไว้ใจอย่างยิ่ง"หลี่เจี๋ยชักสีหน้า
"เพราะความโลภของสองเฒ่าฉี ทำให้นายน้อยต้องออกมาต้อนรับคนไร้มารยาทแบบนี้"ไน่ยไน่ยบ่นอยู่ข้างกาย
"แล้วพวกเจ้าไปเอายามาด้วยทำไมล่ะ"ชุนหวงถามกลับ
"เป็นท่านกล้าขัดรึ คนอะไรน่ากลัวยิ่งนักเพียงแค่เอ่ยปาก"ไน่ยไน่ยชักสีหน้าหวาดกลัว
"ข้าไม่เคยเห็นพวกเขามาก่อนอาจจะเป็นคนต่างเมือง"หลี่เจี๋ยนิ่วหน้า
"จะใครก็ช่างอย่าสนใจนับจากนี้พวกเรามิต้อนรับผู้ใด แจ้งแก่สองเฒ่าฉีนั่นเสีย"ชุนหวงบอกเสียงเรียบ
"เจ้าค่ะนายน้อย"ไน่ยไน่ยเดินออกไปตามคำสั่งต่างกับหลี่เจี๋ยที่ยังมีสีหน้าครุ่นคิด
"มีเรื่องอันใดหลี่เจี๋ย"
"ข้าอดสงสัยคนผู้นี้มิได้ขอรับ"
"อย่าได้ใส่ใจอาจจะเป็นคหบดีต่างแดน ต้องการอวดฐานะและอำนาจก็ได้"ชุนหวงเลื่อนตัวเองลงมาจากเตียงให้หลี่เจี๋ยประคองไปนั่งที่โต๊ะ
"ขอรับๆ มิใส่ใจก็มิใส่ใจท่านอาการเป็นอย่างไรบ้างขอรับ"
"ดีขึ้นมากยาที่เขาให้คงดีจริง"ชุนหวงยกยิ้มหลี่เจี๋ยหยิบขวดหยกขึ้นมาพินิจพิจารณาอีกครั้งให้ถ้วนถี่
"ขวดหยกนี้ฝีมือวิจิตรบรรจงมากลายแกะสลักงดงามราวกับมิใช่ช่างทั่วไป"
"ข้าว่าเจ้าระแวงมากเกินไปแล้วหลี่เจี๋ย ผู้มั่งคั่งย่อมสะสมของมีฝีมือถ้ามิใช่สำนักมู่ชิงเจ้าจะกลัวไปไย"
"เป็นเช่นนั้น"หลี่เจี๋ยพึมพำในใจกลับร้อนรุ่มบอกไม่ถูก
"วางใจเถอะพวกเราคงไม่ข้องเกี่ยวกับคนผู้นั้นอีก"ชุนหวงหัวเราะความปกป้องของหลี่เจี๋ย รอจนไน่ยไน่ยกลับเข้ามาพร้อมข้าวปลาอาหารเรื่องวันนี้จึงไม่ได้ใส่ใจจำอีกเลย
..........................................................................................
"ได้เรื่องหรือไม่"จิ้นหยางหลังจากกลับจากด้านนอกจวน ก็ตรงเข้าห้องหนังสือทันทีเพื่อรอข่าวที่ตนให้ออกสืบหา และเฝ้ารอด้วยใจจดจ่อ
"ได้เรื่องพะย่ะค่ะ"องค์รักษ์เงากล่าวรายงานทั้งหมดให้จิ้นหยางฟัง
"น่าสนใจจริงๆ น่าสนใจจริงๆ "จิ้นหยางเดินกลับไปมาฟังรายงานอี้จางและเสิ่นเล่ยกอดอกฟังนิ่งโดยไม่ออกความคิดเห็น
"เรื่องราวในยุทธภพล้วนยุ่งเหยิง หวางเย่โปรดปล่อยวางเถอะพะย่ะค่ะ"อี้จางกล่าวขึ้น
"อย่าสอดเรื่องนี้"จิ้นหยางเอ่ยเตือนอี้จางรีบประสานมือทันทีเมื่อถูกเตือน
"ข้าน้อยล่วงเกินแล้ว"
"คนผู้นี้น่าสนใจเปิ่นหวางจะให้เขามาอยู่ในจวน"
"แต่ว่า..."อี้จางกำลังจะกล่าวหากเสียงเคาะประตูดังขึ้นองค์รักษ์เงาจึงเร้นกายหายตัวรวดเร็ว ทั้งหมดปรับสีหน้าเรียบเฉยคล้ายมิได้สนทนาเรื่องสำคัญ
"ผู้ใด"เสิ่นเล่ยเอ่ยถาม
"หม่อมฉันเพคะ"มู่เหรินเอ่ยตอบด้านนอก
"เข้ามา"เป็นจิ้นหยางที่เอ่ยอนุญาต
"ฝ่าบาท"มู่เหรินย่อกาย
"เจ้ามีอะไรหวางเฟย"จิ้นหยางทำสีหน้าเย็นชืด ปรายตามองมู่เหรินเดินเข้ามาช้าๆ ตามด้วยนางกำนัลที่ถือถาดเข้ามาอีกสองคน ด้วยสายตาเฉยเมย
"หม่อมฉันมิทราบว่าหวางเย่ได้รับอะไรรองท้องบ้างหรือไม่ จึงได้นำเอาอาหารว่างมาให้เพคะ"
"ขอบใจเจ้ามากหวางเฟย เจ้าวางไว้เถอะ ข้อราชการของเปิ่นหวางมีมากมายเจ้าออกไปก่อนเถิด"จิ้นหยางเอ่ยเสียงเรียบทั้งหมดจึงได้แต่จำยอมย่อคำนับแล้วจากไป
"จิ้นหยางอ๋อง! ท่านทำราวกับข้ามิได้เป็นชายาของท่านกระนั้น"หลังจากออกมาจากห้องอักษรได้ นางก็เดินกลับไปยังตำหนักฝูฮัวของตัวเองด้วยกิริยากระแทกกระทั้น
"หวางเฟย/หวางเฟย"สองสาวรับใช้ใกล้ชิดท้วงด้วยความเป็นห่วง หูตาที่นี่นับว่ามากราวกับสัปปะรดจึงเกรงว่านายตนจะได้รับการลงโทษหามีใครได้ยินเข้า
"เกรงกลัวอันใดกันร้อยวันพันปีท่านอ๋องไม่เคยเสด็จมาที่นี่"มู่เหรินกำมือแน่นจนเล็บยาวสีสดจิกเข้ากลางฝ่ามือ
"ใจเย็นเถอะเพคะ หม่อนฉันมีของบางสิ่งที่จะช่วยท่านได้"หนึ่งในนางกำนัลที่รับใช้เหลียวซ้ายขวาราวกับมองหาคนสอดรู้เมื่อไม่เห็นผู้ใดจึงเปิดปาก
"อันใด"คำบอกเล่าเรียกความสนใจของมู่เหรินทันทีนางยื่นขวดสีทองขนาดเล็กส่งให้
"ยาย้อมใจเพคะ"
"แต่นี่มัน..."
"พรุ่งนี้ก็ถึงวันครบรอบพิธีพระราชทานสมรส หม่อมฉันคิดว่า อย่างน้อยท่านอ๋องก็ทรงไว้หน้ามารับฉลองน้ำจันพระราชทานเพคะ"มู่เหรินยิ้มกว้าง
"จริงของเจ้า...ขอบใจเจ้ามากหากสำเร็จข้าจะตกรางวัลให้อย่างงาม"
"หม่อมฉันมิได้หวังค่าตอบแทนขอเพียงพระชายามีความสุขก็เพียงพอแล้วเพคะ"
.............................................................
"อี้จางเจ้านำจดหมายของเปิ่นหวางไปให้กับสองเฒ่าฉีนั่น แต่อย่าให้ชุนหวงรู้เรื่องราว"จิ้นหยางวางจดหมายในซองสีน้ำตาลส่งให้อี้จางไปดำเนินการ โดยที่ไม่อาจรับรู้เนื้อหาด้านใน หากก็ใช่ว่าจะเดาเนื้อหามิได้ ตนจึงได้แต่ทำตามคำสั่งครั้นเมื่อไปถึงคนทั้งคู่ได้อ่านก็ทำสีหน้าหนักใจยิ่งนัก
"มีสิ่งใด..เจ้าไม่อาจทำตามพระประสงค์หรืออย่างไร"อี้จางกอดอกยืดตัวตรง
"หามิได้เจ้าค่ะนายท่าน แต่ว่าข้าจนใจจริงๆ "ฉีเฮ่อใบหน้าหม่นหมองราวกับญาติผู้ใหญ่ตายจาก
"เมื่อเป็นพระประสงค์ขององค์ชายเจ้าก็ต้องทำให้สำเร็จมิเช่นนั้นหัวจะหลุดจากบ่า"
"ได้โปรดเถอะเจ้าค่ะ/ขอรับ"สิงห์เฒ่าได้แต่คุกเข่าก้มหน้าลงกับพื้นร่ำไห้ จะให้พวกมันทำเช่นไรชุนหวงมิใช่ของที่จะยกให้ผู้ใดได้ง่ายๆ ด้วยตนเองมีพันธะสัญญาผูกพันกับคนที่ผ่านมาสิบเจ็ดปี และไหนจะยังผู้เป็นถึงองค์ชายบีบบังคับ
"เจ้าต้องหาหนทางให้ได้"อี้จางไม่สนใจคำอ้อนวอน ส่งข่าวได้ก็จากมาทันทีทิ้งปัญหาขนาดใหญ่เอาไว้เบื้องหลังแทน