คนอุ่นเตียง
ไน่ยไน่ยลอบสังเกตุอาการของนายบ่าวคู่นี้ด้วยหางตา ก็ไม่พบสิ่งผิดปรกติกลับคล้ายจิ้นหยางใส่ใจนายน้อยของตนยิ่งนัก อากัปกิริยาท่าทางผ่อนคลายคล้ายนำคู่ตนออกมาหย่อนใจ นางยิ่งคิดแล้วต้องส่ายหัวไปมาเพื่อให้ความคิดเหล่านี้หายไป
"อิ่มหรือไม่ชุนหวง"
"อืมๆพอแล้วๆท้องข้าจะแตกแล้ว"
"หึหึ
มานี่ยื่นมือออกมาข้าจะล้างให้"จิ้นหยางรอชุนหวงยื่นมือออกนอกผ้า
จากนั้นก็เทน้ำจากกระบอกไม้ไผ่รดลงบนมือด้วยกิริยานุ่มนวล
อีกมือก็จับมือของชุนหวงถูไปมาจนสะอาดอ้านดีแล้ว
จึงหันมารับผ้าที่เสิ่นเล่ยส่งให้มาซับน้ำออกจากมือ
"ถ้าอย่างนั้นพวกเราเดินทางกันต่อเถอะ"จิ้นหยางประคองชุนหวงให้ลุกขึ้น
น่าแปลกสิ่งที่ทำกลับดูไม่ขัดหูขัดตาเลยสักนิด
ทั้งหมดเดินทางกลับด้วยความเชื่องช้า กว่าจะถึงฉางอันก็เป็นยามไฮ่เข้าไปแล้ว
จิ้นหยางส่งคนลงที่หอจันทร์ส่อง เขารอกระทั่งชุนหวงหายเข้าไปด้านในแล้วสายตายังไม่ผละจากประตูปากสั่งเสิ่นเล่ยทันที
"ได้ข่าวอี้จางหรือไม่"
"พะย่ะค่ะตอนนี้ได้กักตัวหลี่เจี๋ยเอาไว้แล้ว"
"อย่าให้บาดเจ็บได้
แล้วเสนาบดีหยุ๋นอี้ทำสำเร็จหรือไม่"
"ตามรับสั่งพะย่ะค่ะ"เสิ่นเล่ยประสานมือรายงาน
"ดี!!กลับเข้าจวน
เจ้าเตรียมตำหนักลี่เถาฮวาให้ดีเถอะ เปลี่ยนคนไว้ใจได้ของเราเข้าไปดูแลที่นั่น
บ่าวหญิงให้ไปขอพระราชทานจากหวงไท่โฮ่ว
กราบทูลท่านด้วยว่าอีกสองวันเปิ่นหวางจะไปเข้าเฝ้า"เขาสั่งการเสร็จก็กระโดขึ้นม้าที่เสิ่นเล่ยดูแลขี่มาตลอดทางแทนเจ้าของ
ม้าโลหิตสีดำสนิทตัวใหญ่ร้องฮี้เบาๆตอบรับ
"เปิ่นหวางจะล่วงหน้าไปก่อนจัดการให้เรียบร้อยด้วย
สั่งคนของเราปิดปากให้สนิท
ถ้าชุนหวงได้เข้าตำหนักแล้วสั่งคนห้ามชายาทุกคนของเปิ่นหวางเข้าไปรบกวนเด็ดขาด"จิ้นหยางดึงเชือกบังคับม้าบ่ายหน้าออกไปนอกเมืองอีกครั้ง
"หรือท่านอ๋องจะมีใจปฏิพัทธ์ต่อคุณชายชุนหวง"เสิ่นเล่ยเดาส่ง
แล้วต้องตบปากตัวเองก่อนจะเร่งมือกลับจวนเพื่อทำตามรับสั่ง
.................................................................
"ทำยังไงดี
ข้าจะทำยังไงดี"มู่เหรินเดินกลับไปมา
คนที่เข้าจวนมาเมื่อวานหายตัวไปอย่างลึกลับ
หากเรื่องนี้ล่วงรู้ถึงหูท่านอ๋องหัวต้องหลุดจากบ่าอย่างมิต้องสงสัย
"อย่าทรงคิดมากเพคะอาจไม่มีเรื่องร้ายแรงก็ได้"บ่าวรับใช้ของนางปลอบใจ
"เช่นนั้นก็ดีข้ากลัวจะมีปัญหาภายหลังต่างหาก"มู่เหรินกุมมือเย็นเฉียบเอาไว้แน่น
"อย่าทรงกังวลเลยเพคะ"
"ใช่ข้าคงคิดมากไปเอง"ไม่นานนักเสียงผู้คนก็ดังลอดเข้ามาถึงตำหนักฝูฮัว
"เกิดอะไรขึ้นเจ้าไปดู"มู่เหรินถูกสั่งให้กักตัวในตำหนัก
แม้กระทั่งสวนดอกไม้ของจวนก็มิอาจออกไปชื่นชม
จึงไม่รู้ความเป็นไปด้านนอกว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นบ้าง
"เพคะ"หลังจากหายไปไม่นาน
คำตอบที่ได้กลับมาทำให้มู่เหรินถึงกับเม้มปากเต็มไปด้วยโทสะ
"นางเป็นใครทำไมถึงไม่มีข่าว"
"หามิได้เพคะกลับเป็นผู้ชาย"
"นี่เจ้าหมายความว่าอะไร"
"คือ หม่อมฉันสอบถามเสิ่นเล่ยแล้วเพคะ
เขาแจ้งเพียงแค่ว่ามีรับสั่งให้ปรับปรุงตำหนักลี่เถาฮวา
ตอนนี้กำลังทำความสะอาดและลงดอกไม้ในสวนข้างตำหนักเพคะ ผู้คนมากมายต่างมาลงมือทำ"
"ตำหนักของกุยเฟยงั้นหรือ เป็นไปไม่ได้!!
ยามพระนางเสด็จจากวังหลวงก็จะมาพักที่นี่ หลังจากพระมารดาสวรรคตไปแล้ว
ท่านอ๋องก็ปิดตำหนักเอาไว้ห้ามมิให้ผู้ใดเข้าไปแล้วเหตุใด..."มู่เหรินตื่นตระหนก
"เพคะ...หม่อมฉันยังถามอีกว่าเป็นผู้ใดเข้ามาพำนัก
เสิ่นเล่ยบอกเพียงแค่ว่าจะมีคุณชายท่านหนึ่งเข้ามาเพคะ"
"น่าแปลก"มู่เหรินทรุดตัวลงนั่งเก้าอี้อย่างคนใช้ความคิด
"หรือจะเป็นพระสหาย
แต่หากเป็นเช่นนั้นทำไมไม่เปิดตำหนักลิ่วให้พักล่ะนี่เป็นลี่เถาฮวา"
"........."นางเองก็ไม่สามารถให้คำตอบได้มากไปกว่านี้เช่นกัน
..............................................................
"กรอกน้ำมันลงไปอีก"จิ้นหยางนั่งบนเก้าอี้ตัวใหญ่
มองทหารจับชายผู้หนึ่งมัดแน่น
อีกคนง้างปากเพื่อกรอกน้ำมันละหุ่งลงไปจนสำลักกระอักกระไอ
ใบหน้าบอบช้ำจากการทรมานให้เปิดปาก
"บอกเปิ่นหวางได้หรือยัง"น้ำเสียงเยือกเย็นถามคนที่คุกเข่าบอบช้ำทั้งร่างกาย
"ข้าผิดไปแล้ว ขอทรงอภัยให้ข้าด้วย
ผิดไปแล้ว...ผิดไปแล้ว"คนผู้นี้ไม่ตอบได้แต่พึมพำซ้ำๆประโยคเดิม
"ทรมานอีก"ยิ่งทรมานกลับยิ่งไม่ได้คำตอบ
จิ้นหยางจึงลุกขึ้นมายืนนิ่งตรงหน้า
"เปิ่นหวางไม่คิดจะฆ่าเจ้า บอกมาเถอะ ความผิดนี่ข้ามิได้ใส่ใจ
แต่ยามที่เจ้ายังรักษาความลับอันนี้ไว้
มันไม่ได้เกิดผลดีกับตัวเจ้าเองเลยแม้แต่น้อย"จิ้นหยางพูดเสียงเบา
คนก้มหน้าคุกเข่ารีบเงยหน้าขึ้นมาทันที
"จริงหรือพะย่ะค่ะ"
"คำพูดเปิ่นหวางดั่งทองพันชั่งย่อมมีค่า"
"ถ้าอย่างนั้น กระหม่อมขออภัยกับสิ่งที่ทำลงไปพะย่ะค่ะ"
"ดี!!บอกมาเถอะ"จิ้นหยางรับคำนิ่งฟังคำสารภาพแล้วต้องกำมือแน่น
"ขอบใจเจ้ามาก
เจ้าจะถูกกักตัวอยู่ในค่ายทหารของเปิ่นหวาง อย่าคิดจะหลบหนีถึงเวลานั้นมา
ข้าจะให้เจ้าเป็นผู้เปิดเผยได้หรือไม่"
"ขอบพระทัยฝ่าบาทขอบพระทัยพะย่ะค่ะ"
"ทหารนำตัวไป"จิ้นหยางผุดลุกขึ้นเมื่อเสร็จสิ้นการสอบสวน
เขารีบเร่งกลับตำหนักเพราะใจยังพะวงถึงคนที่ถูกบีบบังคับให้เข้ามาในจวนของเขา
"เสิ่นเล่ย"
"พะย่ะค่ะ"
"เรียบร้อยดีหรือไม่"
"เป็นดั่งพระประสงค์พะย่ะค่ะ"
"ดี!!ขอดูผู้คนที่มาอยู่ลี่เถาฮวา"จิ้นหยางปราดเข้าไปในด้านในตำหนัก
เป็นเสิ่นเล่ยรีบน้ำน้ำชามารินถวาย ตำหนักนี้เดิมเป็นของพระมารดาซิ่งจูหยวนกุ้ยเฟย
ที่สวรรคตไปนานแล้ว ยามมาเยี่ยมเยือนตัวเขาก็มักจะพักอยู่ที่นี่
จนถึงเวลาที่ต้องกลับตำหนัก บริเวณโดยรอบมีต้นท้อส่งกลิ่นอบอวลไปทั่วบริเวณ
ดอกสีชมพูสดใสทั้งสีเข้มสีอ่อนกระจายไปทั่ว
สวนดอกไม้ยังมีซุ้มไม้งดงามสีเสาพาดพันด้วยกุหลาบเถาสีขาว ส่งกลิ่นหอมกระจาย
เขาสั่งให้คนนำฉินมาวางทิ้งไว้บรรยากาศงดงามราวสรรค์ชั้นเซียน
"เปิ่นหวางหวังว่าพวกเจ้าคงจะจงรักภักดีต่อนายใหม่ของเจ้า
คนผู้ใดก็ห้ามรบกวนยามคุณชายชุนหวงเข้ามาพำนักที่นี่เป็นอันขาดคนในห้ามนำเรื่องออกไปสู่ภายนอก
หากจับได้โทษตายก็มิอาจละเว้น"
"เพคะ/พะย่ะค่ะ"บ่าวรับใช้สาวสิบนาง
บ่าวชายทำหน้าที่เวรยามอีกสิบ ถือว่ามากโขจิ้นหยางสำรวจจนทั่วว่าเรียบร้อยทุกอย่าง
จึงกลับเข้าตำหนักตนเอง
"เขาจะมาถึงยามไหน"จิ้นหยางหยิบม้วนไม้ไผ่มาถือไว้ในมือ
ข่าวการทหารจากชายแดนเงียบจนน่ากังวล
"ยามซื่อพรุ่งนี้พะย่ะค่ะ"เสิ่นเล่ยรายงาน
"อืม
ดูแลด้วยอย่าพึ่งเอ่ยชื่อของเปิ่นหวางเสียล่ะ"
"พะย่ะค่ะ"จิ้นหยางวางม้วนไม้ไผ่หยิบฎีกาขึ้นมาอ่านแทน
เวลาล่วงไปยามไหนเขาก็ไม่รู้ อีกครั้งหนึ่งเป็นอี้จางเร่งร้อนเข้ามาถวายคำนับ
"ว่ามา"จิ้นหยางเงยหน้าขึ้นดูคนเร่งร้อน
"ดูเหมือนพรรคลี่ไป๋กำลังพยายามหาทางขัดขวางพะย่ะค่ะ"
"เตรียมม้า"จิ้นหยางนั้นมีพระอาจารย์เป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของยุทธภพ
และยังเป็นผู้มีชื่อเสียงราอบด้านอีกด้วย
เนื่องด้วยตนเองเป็นเชื้อพระวงค์จึงมิอาจท่องไปทั่วเฉกเช่นเหล่าผู้กล้า
แต่ฝีมือหามีผู้ใดอาจเทียบได้ เขาเร่งฝีเท้าเพื่อจะเข้าไปขอความช่วยเหลือ
"อาจารย์"จิ้นหยางประสานมือคารวะเมื่อพบ
"หือ...จิ้นหยาง พระองค์รีบร้อนเรื่องอันใด
นี่ดึกมากแล้วเจ้ายังควบม้ามาหาข้าได้"ผู้เฒ่าหนวดขาวแต่งกายเรียบง่ายในผ้าสีพื้นวางแก้วน้ำชาลง
เมื่อเห็นใบหน้าศิษย์เอกของตน
"ศิษย์ขออภัยที่รบกวน
แต่ศิษย์ต้องการความช่วยเหลือ"
"ว่ามาเถิด"จิ้นหยางเอ่ยถึงความต้องการทันที
"อืม...ลี่ไป๋อย่างนั้นหรือ"
"ขอรับ"
"ได้!! เพียงเจ้าเอ่ยปากข้าก็จัดการให้ได้
ว่าแต่คุณชายชุนหวงทำไมถึงต้องเข้าจวนของเจ้าด้วยล่ะ"พระอาจารย์คับข้องใจ
"เป็นสหายขอรับ"
"หึหึ
สหายที่สนิทมากใช่หรือไม่เจ้าถึงออกตัวเช่นนี้"
"โปรดช่วยเหลือศิษย์ด้วยเถอะขอรับ"จิ้นหยางไม่ตอบคำถามได้แต่ก้มหัวลงประสานมือ
"ย่อมได้..ย่อมได้เด็กๆเข้ามา"เขาสั่งให้คนออกเทียบเชิญหัวหน้าตงให้มาพบทันที
ใช้เวลาเพียงสองเค่อหัวหน้าตงในชุดสีดำเสื้อคลุมสีดำสนิทก็ปรากฏตัวขึ้น
เขาเหลือบตามองจิ้นหยางและคำนับผู้เป็นหนึ่งในยุทธภพ
"ขอบใจที่มาข้ามีเรื่องจะรบกวนเจ้า"
"เชิญท่านผู้อาวุโส"
"ท่านผู้นี้เป็นศิษย์เอกของข้า
และยังเป็นสหายสนิทกับคุณชายของเจ้า..ชุนหวง"หัวหน้าตงชะงักเสียอาการไปชั่วครู่
"....โปรดกล่าว"
"ข้าเพียงอยากจะให้คุณชายของเจ้าเข้าตำหนักขององค์ชายห้า"
"จุดประสงค์มิชัดแจ้งข้าน้อยขออภัยที่มิอาจทำตาม"
"เห!!...ใจเย็นก่อนเถิดหัวหน้าตง
เขาทั้งคู่เป็นสหายสนิทกัน
ตอนนี้พวกท่านกำลังหาที่หลบภัยให้แก่คุณชายชุนหวงใช่หรือไม่
ที่ใดเล่าจะปลอดภัยกว่าตำหนักอ๋องได้อีก
ลองคิดดูเถิด"พอถึงตอนนี้หัวหน้าตงเหมือนกลืนก้อนแป้งเข้าคอทั้งฝืดทั้งเฝื่อน
"เป็นเช่นนั้น"
"ปล่อยให้เขาทั้งคู่อยู่ด้วยกันเถอะ"สิ้นคำหัวหน้าตงจำต้องรับปาก
"แต่เรื่องนี้...."
"ทุกอย่างจะเป็นความลับ"
"ขอบคุณอาจารย์ขอรับที่ช่วยเหลือ
ขอบคุณหัวหน้าตงที่ไว้ใจเปิ่นหวาง"จิ้นหยางค้อมหัวลงเล็กน้อยเพื่อเป็นการให้เกียรติ
จากนั้นก็เร่งรีบกลับเข้าจวนทันที
"อี้จางอย่าพึ่งปล่อยตัวหลี่เจี๋ย
รอให้ชุนหวงเข้าจวนก่อนสักสามวัน"
"พะย่ะค่ะ"อี้จางกับเสิ่นเล่ยไม่อาจล่วงรู้ความในของท่านอ๋อง
แต่สิ่งที่ปรากฏเด่นชัดคือบัดนี้นามของชุนหวงสำคัญอย่างยิ่งต่อจวนอ๋องแห่งนี้
"ทางลี่ไป๋ยินยอมให้ชุนหวงมาพักที่นี่จับตาดูหวางเฟยให้ดี
จุดประสงค์ของนางน่ากลัวยิ่งนัก กันตัวพยานให้ดีอย่าให้เกิดเรื่องขึ้น"
"พะย่ะค่ะ"เสิ่นเล่ยรับคำสั่ง
จิ้นหยางหลับตานิ่งดูเหมือนทุกอย่างจะเป็นไปตามหมากที่เขาวางเอาไว้แล้ว
ตัวเขาจึงผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่รู้เนิ่นนานแค่ไหนเสียงอี้จางขานเรียกเบาๆ
"หวางเย่...หวางเย่พะย่ะค่ะ"
"มีเรื่องใด"จิ้นหยางถามกลับแต่ไม่ลืมตาขึ้นมอง
"หวางเฟยทรงขอเข้าพบ"
"มิใช่ว่าเปิ่นหวางกักบริเวณนางอยู่หรอกหรือ"สิ้นคำก็มีบ่าวรับใช้หญิงมาคุกเข่าลงตรงหน้า
"หวางเย่เพคะ....หวางเย่ได้โปรดเถอะเพคะ
หวางเฟยมิใคร่สบาย"
"ตามหมอ"
"แต่ว่า..."จิ้นหยางลืมตาขึ้นมานั่งตัวตรง
"หรือเปิ่นหวางต้องสั่งตัดหัวเจ้าก่อน ถึงจะตามหมอได้"น้ำเสียงเย็นเยือกกล่าวสั้นๆบ่าวรับใช้ถึงกับหมอบลงร่ำไห้ตัวสั่น
"ขอประทานอภัยเพคะหม่อนฉันผิดไปแล้ว"
"ออกไป!!"สิ้นคำนางก็รับคลานถอยหลังออกไปโดยเร็ว
"ส่งคนไปดู"จิ้นหยางสะบัดแขนเสื้อหมุนตัวออกจากห้องหนังสือ
เพื่อกลับเข้าห้องนอนของตัวเองด้วยท่าทีหงุดหงิด
ทิ้งให้อี้จางกับเสิ่นเล่ยถอนหายใจยาว
ดูเหมือนเรื่องของเรือนหลังน่าจะร้ายแรงกว่าที่คิดเสียแล้ว