icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon

ผีผายามังกร

บทที่ 9 ฉานฉูรับราชโองการ (3)

จำนวนคำ:4517    |    อัปเดตเมื่อ:12/01/2022

บนโต๊ะไม้หินอ่อนเต็มไปด้วยถ้วยโอสถ ขวดยานัตถุ์มากมายล้วนงดงามตระกานตา เหวินหยางซื่อวางมาดองค์ชายผู้มีจิตใจกว้างขวาง เอ่ยปากว่าจะให้นางเลือกขวดที่ถูกใจกลับไปหากว่าเทียวมาเยี่ยมเยียนมารดาของตนบ่อย ๆ

ฉานฉูไม่อาจรับปากได้นัก นางถูกหิ้วตัวไปมาราวกับคางคกเลี้ยงของบุคคลมากหน้าหลายตาภายในวังหลวง

โดยเฉพาะกับองค์ฮ่องเต้เหวินเฟิงเฮย อยู่ข้างกายโอรสสวรรค์เยี่ยงนี้นางคล้ายเป็นดั่งคางคกทองคำเสียแล้วกระมัง...

ชายร่างสูงใหญ่ท่าทีทะมัดทะแมง ซุกซ่อนใบหน้าของตนด้วยหน้ากากครึ่งท่อน สืบเท้าก้าวเข้ามาใกล้โต๊ะหินอ่อนใต้ต้นเหมยบานสะพรั่ง ประสานมือทำความเคารพองค์ชายน้อยก่อนจะเคารพเจ้าแม่ฉานฉูผู้นั้น เสียงทุ้มกล่าวเยียบเย็นว่าฮ่องเต้มีรับสั่งเรียกหาเจ้าแม่ฉานฉู

ฉานฉูเหลือบมองผู้เป็นสามีของตนด้วยสายตายากจะคาดเดาอารมณ์ เช่นเดียวกันที่เจ้าของอาภรณ์สีม่วงอ่อนยกแขนกอดอกจดจ้องเสี้ยวหน้าของหญิงอัปลักษณ์ผู้นั้นด้วยสายตาเคลือบแคลงใจ

มารดาของเขางดงามยิ่งกว่า เหตุใดเสด็จพ่อจึงไม่เหลียวแล...

หญิงอัปลักษณ์ผู้นี้มีดีอะไร? ทักษะในการปรุงยางั้นหรือ? ความฉลาดเลิศล้ำงั้นหรือ?

ยามที่ฉานฉูจะกล่าวอำลา องค์ชายเหวินหยางซื่อคว้าจับชายแขนเสื้อของนางเอาไว้ แรงดึงรั้งเพียงน้อยนิด ปรารถนาให้หันมา แต่มิกล้าโผงผางเอ่ยรั้งไว้ทำให้ฉานฉูรู้สึกเอ็นดูจับใจ

นางย่อกายลงมาประสานสายตากับใบหน้าจิ้มลิ้ม เกลี่ยผมทัดใบหูขององค์ชายอย่างลืมตัวคล้ายว่าใบหน้านี้จะพาลให้คิดถึงบุตรชายของนาง

เหวินหยางซื่อตัดพ้อ แววตาประสานกับหญิงอัปลักษณ์ที่ตนเคยรังเกียจยิ่งในคราแรกที่พบ

“เหตุใดเจ้าจึงถูกเรียกหาบ่อยนัก... เหตุใดข้าและท่านแม่จึงไม่เป็นที่ต้องการของเสด็จพ่ออีกแล้ว...”

“องค์ชายน้อย... พระองค์รูปงามตั้งแต่เยาว์วัยอีกทั้งยังมากความสามารถเก่งกาจด้านแพทย์”

ดวงตากลมจ้องมองนาง

คล้ายว่ากำลังเดาใจในคำพูดของหญิงฝีปากกล้าผู้นี้ หมายหมั่นจะให้ข้าแสดงความสามารถเพื่อที่จะได้กลายเป็นที่โปรดปรานเช่นนั้นหรือ ให้เป็นที่โปรดปรานมากกว่าว่าที่โอรสสวรรค์ที่ยังอยู่ในครรภ์ของฮองเฮาเช่นนั้นหรือ

“แต่บุตรชายของหม่อมฉันเก่งกว่า”

เจ้าแม่ฉานฉูพูดยกหางบุตรของตนให้องค์ชายน้อยเบนเข็มทิศมาทางนี้แทน ท่าทีกระแหนะกระแหนนั้นวอนให้องค์ชายน้อยเหวินหยางซื่อระแคะระคายใจยิ่งนัก

“หม่อมฉันมีบุตรชายเพียงคนเดียว คล้ายว่าจะเติบใหญ่กว่าองค์ชายราว ๆ สามปี หากเทียบกับเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันแล้ว เขาฉลาดเฉลียวยิ่งนัก อีกสามปีไม่นานนี้เขาจึงจะได้สอบเป็นแพทย์ฝึกหัดในวัยสิบสี่”

เหวินหยางซื่อเลิกคิ้วสูง ใบหน้าเยาว์วัยนั้นสลายความเศร้าสร้อยทิ้งไปกลับกลายเป็นแฝงไปด้วยความอยากชิงดีชิงเด่นแทน

“หากสามปีต่อมาบุตรชายของเจ้าอายุสิบสี่ปีจะได้สอบเข้าเป็นแพทย์ฝึกหัด ข้าที่ข้าอายุเพียงสิบเอ็ดขวบปีเพื่อสอบเข้าเรียนที่นั่นด้วยเช่นกัน แล้วเจ้าจะได้ประจักษ์ว่าข้าเก่งกาจกว่าบุตรชายของเจ้า ยามนั้นเจ้าต้องสอนวิธีรักษาด้วยมือเปล่าให้กับข้า!”

บุตรชายของเจ้าแม่ฉานฉูผู้นั้นราวกับคนขี้โรคก็ไม่ปาน

ครั้นละสายตาจากคนผู้นั้น เด็กชายวัยสิบเอ็ดขวบปีบรรจงเขียนชื่อของสมุนไพรพลางบรรยายคุณสมบัติของมัน ฉับพลันยกวางฟู่กันด้วยท่าทีสงบเสงี่ยม

ภายหลังจากผ่านพ้นวันแห่งการสอบเข้าเป็นแพทย์ พวกเขาได้ปฏิญาณตนก่อนจะรับตราประทับบัว

ดวงตากลมมองฝ่ามือที่แบออกของตน

ที่ฝ่ามือของคนที่นี่ล้วนมีตราประทับบัว มันบ่งบอกถึงความเป็นแพทย์

บัวตูมคือแพทย์ฝึกหัด

แต่สำหรับเหวินหยางซื่อแล้วไซร้ เขาได้รับตราประทับบัวบานที่ฝ่ามือ มันคือสัญลักษณ์ของแพทย์หลวง ด้วยวัยเพียงสิบเอ็ดขวบปี

องค์ชายเหวินหยางซื่อเหลือบมองไปข้างหน้าอีกครา เพ่งพินิจไปที่ชายร่างผอมสวมผ้าปิดปากที่นั่งห่างจากตนออกไปสองแถวได้ ท่ามกลางวิชาศึกษาพืชสมุนไพรเด็กหนุ่มผู้นั้นกำลังขะมักเขม้น ท่าทีคล้ายกับพวกยาจกต้องขวนขวายเล่าเรียนสะสมความรู้ให้มาก

ดวงตากลมหรี่ลง พ่นลมหายใจเหนื่อยหน่าย

แม้จะยินดีที่ได้เย้ยหยันหญิงอัปลักษณ์ผู้นั้น แต่นางหาได้มีอคติใด ๆ กล่าวชื่นชมยกย่องซ้ำยังยอมสอนวิธีรักษาด้วยมือเปล่านั้นอย่างไม่ขัดขืน

ความลำพองใจว่าตนเล่าเรียนมาดีกว่าบรรดาแพทย์ฝึกหัดทั้งหลายทำให้พระองค์เกียจคร้านในการเรียน ยามเมื่อเข้าศึกษา ณ สำนักแพทย์จึงวางตนสูงส่งโอ้อวด ด้วยกายเล็กจ้อยของเด็กชายเพียงสิบเอ็ดขวบปี กลับอาจหาญไล่หวดไม้ เตะบั้นท้ายแพทย์ฝึกหัดราวกับพวกเขาคือคนรับใช้ชั้นต่ำศักดิ์

ท้ายที่สุด ยามเมื่ออยู่เพียงลำพังกลับถูกกลั่นแกล้งสารพัดจากบรรดาหมาหมู่ทั้งลูกขุนมูลนายไปจวบจนลูกพ่อค้าปลายแถว

ช่างเหยียดหยามเกียรติเขายิ่งนัก!

ด้วยความตัวเล็กกว่าใครจึงถูกหิ้วหลังคอได้ง่าย

พวกมันต่างสลับกันดึงหลังคอเสื้อขององค์ชายน้อย หมุนเวียนเปลี่ยนมือกันไปมา ซ้ำยังผลักล้มถลาเข้าไปยังห้องส้วม สอดไม้ขัดกลอนประตูให้ได้ยินเสียงทุบดังปังปึงจากภายใน

เหวินหยางซื่ออดกลั้นที่จะไม่ร้องขอให้พวกมันหยุดกลั่นแกล้งตนให้เสื่อมเกียรติ กระนั้นมือที่ทุบประตูก็เบาลงเมื่อเสียงตวาดลั่นนั้นดัง

“วางตัวสูงส่งนัก หารู้ไม่ว่าตั้งแต่เมื่อสามปีก่อนที่องค์รัชทายาทน้อยถือกำเนิดออกมา เจ้ามันก็แค่เบี้ยที่รอวันถูกหลอกใช้!”

เสียงหัวเราะดังระงม องค์ชายน้อยทรุดกายลงนั่งมือยกขึ้นมาป้องปิดใบหูของตน ส่ายใบหน้าจิ้มลิ้มนั้นไปมา ขบคิดถึงความจริงในประโยคทิ่มแทงใจดำนั้น

ใช่แล้ว นานวันเข้าเจ้าเด็กนั่นต้องเติบใหญ่มากขึ้น ร่างกายสมบูรณ์พูดจาเจ๊าะแจ๊ะแสนจะเป็นที่โปรดปราน ต่างจากเขา! ต่างจากเขายิ่งนัก!

องค์ชายน้อยผู้นั้นสืบเชื้อสายของฮองเฮา ว่าที่องค์รัชทายาทเตรียมถูกประเคนให้ถูกตั่งเตียงนอนโดยมิต้องขวนขวายหรือพยายามลงมือลงแรงอะไร!

เสียงหัวเราะเยาะเย้ยทำให้เด็กน้อยหน้ามืด หอบหายใจแรง แทบจะอดกลั้นอาการคลื่นเหียนวิงเวียนจากกลิ่นเหม็นคลุ้งในส้วมไม่ไหว

ทว่าเสียงหนึ่งกล่าวขึ้นมาแทรกผ่านเสียงหัวเราะชวนคลื่นเหียนทำให้เหวินหยางซื่อผงะพลัน

“อย่างไรเสียเหวินหยางซื่อผู้นี้เป็นถึงลูกของพระสนมที่เป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้ เช่นนั้นแล้วสามัญชนอย่างพวกเจ้ายังจะแกล้งได้ลงคอหรือ ข้าเกรงว่า...” ภายนอกนั้น เจ้าหนุ่มกายผอมบางราวกับคนขี้โรคยกมือขึ้นมาทำท่าปาดคอตนเองต่อหน้าฝูงหมาหมู่เหล่านั้นหวังจะให้มันเกรงกลัว

ฉับพลันประตูส้วมถูกเปิดพลัน ร่างสูงผอมถูกถีบถลาเข้ามาพร้อมเสียงปิดประตูดังปัง

เด็กหนุ่มผู้สวมผ้าปิดปากล้มก้นจ้ำเบ้ากับฐานส้วม อาภรณ์แพทย์ฝึกหัดสีน้ำเงินครามเปรอะเปื้อน เขาทำเพียงถอนหายใจออกมาแล้วกลอกตา

เหวินหยางซื่อหันมองเจ้าของรูปลักษณ์ขี้โรคนั้นด้วยแววตาสับสน

หลายวันตลอดการเข้าเรียนในสำนักแพทย์ พวกเขาไม่เคยพูดจาอะไรกันมาก่อนเลย เหตุไฉนจึงสอดมือเข้ามาช่วยกัน?

ยามตะวันลับฟ้า อาจารย์วิชาฝังเข็มไถ่ถามถึงสองแพทย์ฝึกหัดผู้หายหน้าหายตาไปไม่มาเล่าเรียน จึงสั่งความให้ศิษย์ผู้ชำนาญวิชาที่มาร่วมฝึกสอนแพทย์ฝึกหัดนั้นไปตามหา

ไม่นานนักห้องส้วมอันซึ่งถูกป่าวประกาศว่าปฏิกูลอุดตันใช้การไม่ได้ถูกเปิดมาพบเจอทั้งสองแพทย์น้อย แพทย์อาวุโสจึงสั่งให้นำตัวเจ้าแพทย์ฝึกหัดตัวเหม็นโฉ่ที่หายตัวไปไม่ได้มาเข้าเรียนออกมาพลัน

ถามหาตัวคนผิด มีหรือว่าจะเสนอตัวออกมายอมรับ

จนแล้วจนรอดพวกเขาทั้งคู่ก็ไม่ได้รับความเป็นธรรม ได้แค่เพียงถูกไล่ให้ไปอาบน้ำอาบท่าชำระล้างกลิ่นเหม็นเน่าคลุ้งเสีย

ระเบียงทางเดินเรือนนอนของเหล่าแพทย์ฝึกหัด มีเพียงพวกทั้งสอง ยามนี้เหล่าแพทย์เข้าห้องเพื่อศึกษาเล่าเรียน บ้างก็ออกไปรักษาผู้คนตามหน้าที่

เจ้าของอาภรณ์สีม่วงอ่อนแต่งกายโดดเด่นกว่าผู้ใดยังคงมีความเคลือบแคลงใจบนใบหน้า เหวินหยางซื่อฟังเสียงเดินอย่างข่มใจเพียงชั่วครู่ก็อดกลั้นไม่ไหวเปล่งวาจาเอ่ยถาม

ทว่าองค์ชายน้อยแข็งกระด้างนักเรื่องถ้อยคำพูดคำจา เขายังถือตัวว่าตนอยู่เหนือผู้อื่นเสมอ

“เจ้าช่วยข้าเอาไว้เพราะเหตุใด หวังให้ข้าหนุนหลังเจ้าขึ้นเป็นใหญ่ในภายหลังอย่างนั้นรึ?”

ร่างสูงโปร่งเดินนำหน้าไม่หันกลับไปสนทนาแม้ครึ่งคำ เขาทำเพียงส่ายหน้าไปมา ในหัวครุ่นคิดอย่างผู้ใหญ่ที่ผ่านโลกมาแล้วหนหนึ่ง

ตัวเล็กเท่าลูกแมวถูกแกล้งทุกวัน

ข้าเกรงว่าท่านจะเฉาตายต่างหากเล่าองค์ชาย...

“คนที่นี่รังเกียจข้านัก อิจฉาในความสามารถของข้า”

มันเป็นเพราะท่านถูกตามใจจนเสียคนต่างหาก

พวกเขาถึงได้ชิงชังในกริยาของท่าน...

“เหมือนมารดาของเจ้าไม่มีผิด”

แน่นอน ท่านแม่ของข้าเก่งกล้าสามารถ นางเป็นสตรีที่แข็งแกร่ง...

“ยื่นมือช่วยคนไปทั่ว ไม่เจียมตัว ยั่วยวนเสด็จพ่อ”

ไม่เจียมตัว? ยั่วยวนเสด็จพ่อ?

คิ้วเรียวเหนือดวงตากระตุกพลัน ลมตีย้อนกลับเข้าหน้าเมื่อพ่นลมหายใจกระทบผ้าปิดปาก

ยามนั้นเท้าคู่นั้นของขงเฉว่หยุดชะงัก จวบจนกระทั่งองค์ชายน้อยสำรอกวาจาหยาบกระด้างนั้นออกมาอีกหนเขาจึงหันไปประจันหน้า

“รูปกายอัปลักษณ์น่ารังเกียจผู้คนมองเห็นก็ต่างดูแคลนราวกับตัวเสนียด—”

เพี๊ยะ!

มือเรียวของแพทย์ฝึกหัดหนุ่มทาบเข้าปิดปากองค์ชายน้อยก่อนจะฟาดมือตบเข้าที่หลังมือของตน ดวงตาแววฉายพิโรธชั่วครู่ กระนั้นแผ่วหายไปเป็นแววตาเรียบเฉยดังเดิม

เขายังมีสติยั้งมือได้ทัน ไม่พลาดพลั้งเสี่ยงตบปากของชนชั้นสูงเพื่อรนหาที่ตาย

เด็กหนุ่มถอนหายใจอย่างโล่งอก ผ้าปิดปากไหวตามแรงลม ขงเฉว่ลดฝ่ามือที่กอบกุมริมฝีปากน้อยนั้นลงมา ก่อนจะกล่าวทิ้งท้ายก่อนหมุนตัวเดินจาก

“อย่าได้ดูถูกนางต่อหน้าข้าอีก”

เหวินหยางซื่อนิ่งค้างไปชั่วขณะ สัมผัสจากฝ่ามือที่ยกมากันนั้นยังคงค้างคา แรงตบเข้าอย่างจังทำให้รับรู้ได้ถึงความโทสะ หลังฝ่ามือของแพทย์ฝึกหัดผู้นั้นแดงเถือก สะบัดฝ่ามือหลายหนคลายบรรเทาความเจ็บระบม ดวงตากลมมองตามแผ่นหลังของร่างสูงโปร่งเดินลิ่วห่างไกลออกไป

ฝ่ามือประทับบัวบานยกขึ้นมาขยุ้มอกเสื้อของตน ขบเม้มริมฝีปากเข้าหากัน คิ้วขมวดแน่นคิดทบทวนหาเหตุผลว่าเหตุใดตนจึงใจไหวสั่นสะท้านได้เพียงนี้ ไม่เคยมีผู้ใดกล้าตบตีตนมาก่อน แม้กระทั่งเงื้อมื้อขึ้นยังมิเคยพบเจอ

เจ้าแพทย์ฝึกหัดผู้นั้น... ช่างถูกใจตนเป็นยิ่งนัก!

ร่างน้อยสูงเพียงอกของตนเท่านั้น เจ้าของผมยาวเหยียดตรงสีดำถักผมเปียรอบศีรษะเล็กแลให้น่าเอ็นดูยิ่ง เหวินหยางซื่อผู้นั้นขยับกายเดินตามแพทย์ฝึกหัดนามขงเฉว่ทุกฝีก้าว คล้ายว่าเด็กหนุ่มขี้โรคผู้นี้มีก้อนแป้งสีม่วงอ่อนวิ่งตามติด

ยามตื่น ยามกิน ยามนอน

ยังดีที่ยามปลดทุกข์ไม่ได้ตามเข้ามาอยู่ชิดใกล้

ขงเฉว่รู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นหาง เมื่อไปพลั้งเหยียบหางหัวหน้าหมาหมู่จำต้องเกาะหลังผู้ใหญ่ให้คอยขับไล่สุนัขไปให้พ้นทาง

องค์ชายน้อยเย่อหยิ่งไม่รู้วิธีอ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่นัก ทว่าการตามติดเจ้าแพทย์ฝึกหัดขี้โรคทำให้ตนได้ผลพลอยได้ตามติดมาด้วย

ยามนี้ขงเฉว่ประจบประแจงศิษย์พี่ผู้หนึ่งให้ตนได้ขลุกตัวอยู่ภายในห้องสมุนไพร สุนัขบ้าเหล่านั้นจะได้ไม่มากล้ำกราย จึงไม่แปลกที่เจ้าก้อนแป้งสีม่วงอ่อนจะตามติดมาอยู่ภายในห้องนี้ด้วย

“ครั้งนั้นเจ้าช่วยข้าไว้ เจ้าปรารถนาสิ่งใดเป็นการตอบแทน?” เสียงฉะฉานน่าฟังเอ่ยถาม คาดเดาไม่ได้ว่าเป็นคำถามลองใจหรือเบื่อหน่ายจึงขุดคุ้ยการกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ เมื่อไม่กี่วันก่อนมารื้อฟื้น

เมื่อไถ่ถามไปไม่ได้คำตอบ แต่มือเรียวนั้นยังคงบรรจงโขลกบดยาให้เป็นผงละเอียด

“เงินทองเช่นนั้นหรือ?” องค์ชายน้อยยกศอกขึ้นค้ำกับโต๊ะยื่นหน้าวางบนฝ่ามือเท้าคางมองใบหน้าที่ถูกผ้าปิดปากคลุมใบหน้าครึ่งล่าง

ขงเฉว่ไม่ตอบ ใบหน้านิ่งสงบ

“อำนาจลาภยศ?”

เขาขยับกายเพียงเพื่อเอื้อมหยิบเก๋ากี้สีแดงสดมาโปรยลงโกร่งบดยา

“รึต้องการสตรี?”

คิ้วเรียวขมวดพลัน เสียงแหบแห้งผ่านช่วงวัยแตกหนุ่มมาหมาด ๆ กล่าวออกมา

“สตรีรึ... ท่านยังเด็กเกินกว่าจะคิดเรื่องนี้ฝ่าบาท”

“ข้าเติบใหญ่แล้ว” เหวินหยางซื่อกล่าวเพียงครึ่งคำ เก็บซ่อนถ้อยคำต่อมาว่า ‘มารดาเจ้าก็เคยคิดพิสูจน์ด้วยมือเปล่า’ เอาไว้

ดวงตากลมหรี่มองคล้ายช่างใจ เหวินหยางซื่อขยับกายนั่งหลังตรง สบตากับแพทย์ฝึกหัดผู้นั้นแน่นิ่ง

“หากเจ้ายอมตอบข้ามา ข้าจะให้เจ้าได้สมปรารถนาอย่างแน่นอน”

ร่างสูงผงะพลัน ดวงตาคู่นั้นที่อยู่เหนือขอบผ้าปิดปากสีขาวโปร่งจดจ้องเข้ามายังนัยน์ตาสีน้ำผึ้ง คล้ายว่าแพทย์ฝึกหัดผู้นี้กำลังยกยิ้มอยู่ภายใต้ผ้าผืนบาง ถุงใต้ตาดันขึ้นส่งเสริมให้ขอบรอบตาเป็นทรงรี

“ข้าปรารถนาเพียงแค่ได้พบท่านแม่ของข้า”

องค์ชายน้อยเจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้มผงะพลัน

...ช่างเป็นความปรารถนาที่ธรรมดาดาษดื่น

ทว่าเกินอาจเอื้อม...

วังหลังหาใช่สถานที่ซึ่งใครจะใคร่เข้าออกตามใจได้

สวนบุปผาแห่งองค์กษัตริย์

มีเพียงพระองค์เท่านั้นที่มีสิทธิเชยชม

สำนักแพทย์กำหนดวันหยุด ให้เหล่าแพทย์ฝึกหัดลากลับบ้านไปร่วมฉลองตามงานเทศกาลต่าง ๆ แม้แต่เหวินหยางซื่อเองก็มีคนในวังมารับกลับไปร่วมงานรื่นเริงสังสรรค์ เขาก็ต้องอยู่เฝ้าห้องเก็บสมุนไพรและคัดตำราเล่มหนาอย่างเดียวดาย

องครักษ์เหวินในนาน ๆ ครั้งจะเจียดเวลาอันมีค่ามาเยี่ยมบุตรชายของตนตรงกับวันงานเทศกาลพอดิบพอดี

ครั้งหนึ่งที่องค์รักเหวินเห็นขงเฉว่นั่งร้องไห้เพียงลำพัง เขาก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาในหัวใจ ตนช่างเป็นพ่อที่ไม่ได้เรื่อง และฉานฉูนางเองก็ไม่สามารถอยู่ดูแลลูกของพวกเขาได้อย่างใกล้ชิดอีกต่อไป

สุดท้ายเขาจำต้องทำเรื่องที่ไม่ควรทำ...

การแตะต้องสตรีของฝ่าบาทล้วนมีโทษหนัก ถึงขึ้นถูกประหารชีวิตได้

เช่นนั้นแล้วองค์รักเหวินจึงแอบเข้าตำหนักสนมในยามวิกาล โปรยยาสลบใส่เหล่าข้ารับใช้ จากนั้นใช้ผ้าห่มห่อตัวของนางแล้วพามายังสำนักแพทย์

ฉานฉูกังวลเพียงโทษตาย แต่นางหาได้แหกปากโวยวายลั่นเสียงดัง กระซิบลอบถามสามีว่า “เจ้าคิดจะทำอะไร” มาตลอดทางแต่มิได้รับคำตอบ

จนกระทั่งนางถูกปล่อยให้เป็นอิสระที่สวนไผ่หลังสำนักแพทย์ ที่หลังกอไผ่นั้นมีร่างของเด็กหนุ่มค่อย ๆ ปรากฏตัวออกมา

ขงเฉว่ยิ้มใต้ผ้าปิดปากผืนบาง เช่นเดียวกันกับนาง

สองแม่ลูกกอดกันกลมครู่หนึ่งด้วยความถวิลหา ก่อนที่ขงเฉว่จะผละออกแล้วคำนับนางหนึ่งครั้ง แล้วหันไปคำนับองครักษ์เหวินหนึ่งครั้ง

“ขอบคุณท่านพ่อขอรับ”

หนุ่มน้อยพูดออกมาพลางคลี่ยิ้มกว้างใต้ผ้าปิดปากกระนั้นยังสามารถรับรู้ได้ถึงความบริสุทธิ์ที่น่าทะนุถนอมราวกับหยกล้ำค่ายิ่ง

องค์รักเหวินนั้นนิ่งไปชั่วขณะก่อนจะพยักหน้ารับแล้วต้องสะดุ้งอีกครั้งเมื่อถูกลูกชายพุ่งเข้ามากอด เขาจึงยกมือขึ้นลูบหัวอีกฝ่ายก่อนจะสบตากับฉานฉูด้วยความรู้สึกที่หลากหลายอยู่เต็มอก

ครั้นเมื่อพานางกลับส่งถึงตำหนัก องครักษ์เหวินทำความเคารพนางก่อนตั้งท่าจะหมุนตัวเดินจากไป ยามนั้นนางกลับสวมกอดเขาแน่นจากข้างหลัง ร้องไห้และพูดถึงขงเฉว่ว่านางรู้สึกผิดต่อลูกเพียงไหนที่ทิ้งให้ลูกอยู่ตามลำพัง

องครักษ์เหวินเมื่อถูกภรรยารักตัดพ้อเช่นนั้นเขาก็ลืมหน้าที่และความถูกผิดไปทันที หันไปประคองร่างบางและพานางไปนั่งที่ตั่งเตียงเพื่อปลอบ

ยามเมื่อได้นั่งเคียงกัน นางพอจะรู้สึกดีใจขึ้นมาได้เปราะหนึ่ง

ฉานฉูรับฟังเสียงของผู้เป็นสามีด้วยรอยยิ้ม

เสียงทุ้มนั้น ไม่ผิดเพี้ยนจากวันที่ได้สารภาพความในใจกับนางเลยแม้แต่น้อย

“สมัยเด็ก ๆ ข้ากับฮ่องเต้นั้นไปล่าสัตว์เผชิญความยากลำบากเคียงบ่าเคียงไหล่กันบ่อยครั้งจึงได้เติบโตมาเป็นคนที่มีความสามารถ นับว่าเป็นการเผชิญโชคร่วมกัน เฉว่เกอนั้นก็คงกำลังเผชิญโชคของตนอยู่ เจ้าอย่าได้กังวลไป”

ฉานฉูนิ่งงัน เรื่องเล่านี้นางเคยได้ฟังมาหลายหนแล้ว แต่ราวกับว่าเป็นเรื่องฝังใจสามีของนางยิ่งนัก

“ท่านเคยเล่าเรื่องนี้ให้ข้าฟังแล้วหนหนึ่ง เรื่องที่ท่านออกไปล่าสัตว์กับฝ่าบาทในฤดูหนาว”

“เพราะข้าเกือบตายในครั้งนั้น ข้าจึงจำมันได้ไม่มีวันลืมเลือน”

“สัตว์ป่านั้นดุร้ายมากหรือ” นางถามไถ่ด้วยถ้อยคำเดิม แม้ว่าจะรู้คำตอบดีอยู่แล้ว ดวงตาของนางมองมือหนาที่กอบกุมมือของนางเอาไว้พลางเอนซบไหล่กว้างอย่างต้องการได้อิงแอบแนบชิดผู้เป็นที่รัก

องครักษ์เหวินส่ายหน้าไปมาเบา ๆ เสียงทุ้มเอ่ย

“เป็นคนต่างหากที่ดุร้าย” เขาถอนหายใจออกมา แม้ว่าเขาจะเคยเล่าให้นางฟังแต่ก็เป็นเพียงผิวเผินนัก หากแต่ครั้งนี้ได้ชี้แจงออกมาเสียทีว่า “ครั้งนั้นฮ่องเต้กับข้าสลับชุดกัน ทำให้ข้าถูกโจรชั่วนั้นจับตัวไปและถูกทำร้ายแทนพระองค์ ถึงอย่างไรข้าก็ย่อมตายแทนพระองค์ได้เสมอ”

นางวางมือลงบนอกซีกซ้ายสัมผัสหัวใจของชายผู้เป็นที่รัก มันเต้นในจังหวะไม่ช้าไม่เร็ว หากโป้ปดนางอาจจะจับสังเกตได้ ...สิ่งที่เขาพูดมาคือความจริง

“ลูกของเรามีภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ ท่านเองก็มีภาระหน้าที่สำคัญนัก... แต่ว่าท่านได้โปรดอย่าสนใจเพียงหน้าที่มากกว่าสนใจหัวใจที่กำลังเรียกร้องของตนเอง บางครั้งท่านต้องเลือก”

เมื่อพูดถึงหน้าที่และหัวใจเขาก็เริ่มทำการช่างน้ำหนักของมัน

ใบหน้าเสี้ยวล่างนั้นยังแสดงออกถึงความเคร่งเครียดจนทำให้ฉานฉูถึงกลับน้ำตาตกใน เขาได้เลือกแล้วว่าสิ่งใดที่สำคัญกว่า...

ชายคนรักของนางผละออกห่าง คุกเข่าลงกับพื้นแล้วกล่าวด้วยท่าทีหมางเมิน

“ขออภัยที่ล่วงเกินพ่ะย่ะค่ะ พระสนม”

นางพลันน้ำตาเอ่อคลอ หากแต่แข็งใจกล่าวออกไปพลางผินมองไปทางอื่น “หากเจ้าเลือกหน้าที่ของเจ้า ข้าก็จะเลือกหน้าที่ของข้า”

...หน้าที่ของพระสนมผู้รับใช้ฝ่าบาท อยู่และตายเพื่อชายคนนั้น

เปิดรับโบนัส

เปิด
1 บทที่ 1 ลิขสิทธิ์ และคำเตือน2 บทที่ 2 ตัดเข้าโฆษณา3 บทที่ 3 ไร้ยางอาย (1)4 บทที่ 4 ไร้ยางอาย (2)5 บทที่ 5 ไร้ยางอาย (3)6 บทที่ 6 ไร้ยางอาย (4)7 บทที่ 7 ฉานฉูรับราชโองการ (1)8 บทที่ 8 ฉานฉูรับราชโองการ (2)9 บทที่ 9 ฉานฉูรับราชโองการ (3)10 บทที่ 10 ฉานฉูรับราชโองการ (4)11 บทที่ 11 ฉานฉูรับราชโองการ (5)12 บทที่ 12 ฉานฉูรับราชโองการ (6)13 บทที่ 13 ฉานฉูรับราชโองการ (7)14 บทที่ 14 กาลกิณี (1)15 บทที่ 15 กาลกิณี (2)16 บทที่ 16 กาลกิณี (3)17 บทที่ 17 นางไม่พูด (1)18 บทที่ 18 นางไม่พูด (2)19 บทที่ 19 นางไม่พูด (3)20 บทที่ 20 นางไม่พูด (4)21 บทที่ 21 นางไม่พูด (5)22 บทที่ 22 นางไม่พูด (6)23 บทที่ 23 นางไม่พูด (7)24 บทที่ 24 สังเวยแพทย์ (1)25 บทที่ 25 สังเวยแพทย์ (2)26 บทที่ 26 สังเวยแพทย์ (3)27 บทที่ 27 สังเวยแพทย์ (4)28 บทที่ 28 สังเวยแพทย์ (5)29 บทที่ 29 เครื่องสังเวย (1)30 บทที่ 30 เครื่องสังเวย (2)31 บทที่ 31 เครื่องสังเวย (3)32 บทที่ 32 เครื่องสังเวย (4)33 บทที่ 33 ตัวล่อ (1)34 บทที่ 34 ตัวล่อ (2)35 บทที่ 35 ตัวล่อ (3)36 บทที่ 36 เปิดหูเปิดตา (1)37 บทที่ 37 เปิดหูเปิดตา (2)38 บทที่ 38 นักเล่านิทานพเนจร (1)39 บทที่ 39 นักเล่านิทานพเนจร (2)40 บทที่ 40 นักเล่านิทานพเนจร (3)41 บทที่ 41 เหม็นเน่า (1)42 บทที่ 42 เหม็นเน่า (2)43 บทที่ 43 เหม็นเน่า (3)44 บทที่ 44 เจ้าหุบเขาเสวี่ยและเซิน (1)45 บทที่ 45 เจ้าหุบเขาเสวี่ยและเซิน (2)46 บทที่ 46 เจ้าหุบเขาเสวี่ยและเซิน (3)47 บทที่ 47 เจ้าหุบเขาเสวี่ยและเซิน (4)48 บทที่ 48 เจ้าหุบเขาเสวี่ยและเซิน (5)49 บทที่ 49 มนต์ดำ (1)50 บทที่ 50 มนต์ดำ (2)51 บทที่ 51 มนต์ดำ (3)52 บทที่ 52 ปราบมังกร (1)53 บทที่ 53 ปราบมังกร (2)54 บทที่ 54 ปราบมังกร (3)55 บทที่ 55 ปราบมังกร (4)56 บทที่ 56 ปราบมังกร (5)57 บทที่ 57 ขี่มังกร (1)58 บทที่ 58 ขี่มังกร (2)59 บทที่ 59 ขี่มังกร (3)60 บทที่ 60 ขี่มังกร (4)61 บทที่ 61 ขี่มังกร (5)62 บทที่ 62 คนโปรด (1)63 บทที่ 63 คนโปรด (2)64 บทที่ 64 คนโปรด (3)65 บทที่ 65 ตะลุมบอน (1)66 บทที่ 66 ตะลุมบอน (2)67 บทที่ 67 ตะลุมบอน (3)68 บทที่ 68 ไม่ต้อง (1)69 บทที่ 69 ไม่ต้อง (2)70 บทที่ 70 ไม่ต้อง (3)71 บทที่ 71 โง่เง่า (1)72 บทที่ 72 โง่เง่า (2)73 บทที่ 73 โง่เง่า (3)74 บทที่ 74 โง่เง่า (4)75 บทที่ 75 โง่เง่า (5)76 บทที่ 76 อย่าหนีข้าไป (1)77 บทที่ 77 อย่าหนีข้าไป (2)78 บทที่ 78 ก็ไม่เลว (1)79 บทที่ 79 ก็ไม่เลว (2)80 บทที่ 80 ก็ไม่เลว (3)81 บทที่ 81 ก็ไม่เลว (4)82 บทที่ 82 ก็ไม่เลว (5)83 บทที่ 83 ก็ไม่เลว (6)84 บทที่ 84 สอด (1)85 บทที่ 85 สอด (2)86 บทที่ 86 สอด (3)87 บทที่ 87 ซื่อซื่อ (1)88 บทที่ 88 ซื่อซื่อ (2)89 บทที่ 89 ซื่อซื่อ (3)90 บทที่ 90 ซื่อซื่อ (5)91 บทที่ 91 ชายแก่ (1)92 บทที่ 92 ชายแก่ (2)93 บทที่ 93 ชายแก่ (3)94 บทที่ 94 ชายแก่ (4)95 บทที่ 95 จุก (1)96 บทที่ 96 จุก (2)97 บทที่ 97 จุก (3)98 บทที่ 98 เหี่ยว (1)99 บทที่ 99 เหี่ยว (2)100 บทที่ 100 เหี่ยว (3)