icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon

Like Daddy, Like Baby แด๊ดดี้ครับ...

บทที่ 2 แด๊ดดี้ครับ

จำนวนคำ:3771    |    อัปเดตเมื่อ:21/02/2022

บทที่ 2

ออสติน สเวน ต่างจากการคาดเดาของกานต์ไปมากโข ตอนแรกนึกว่าพ่อเลี้ยงของเขาจะเป็นตาลุงวัยกลางคน ไม่หัวล้านก็พุงโรตัวใหญ่อะไรแบบนี้มากกว่าเสียอีก ใครจะไปคาดคิดกันล่ะว่าตัวจริงจะเป็นชายหนุ่มหน้าตาดีขนาดนี้

ระหว่างทางที่ออสตินขับรถ เด็กหนุ่มอดไม่ได้ที่จะลอบมองเป็นระยะ ขนาดซีกหน้าด้านข้าง ออสตินยังดูหล่อจนแทบละสายตาไม่ได้ สันกรามเป็นแนวชัดเจนรับกับหนวดเคราที่ได้รับการตัดแต่งมาอย่างดีบ่งบอกชัดเจนว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนเจ้าสำอางขนาดไหน เมื่อไล่สายตาไปตามเสื้อผ้าที่เขาสวมใส่ก็พอจะเดาได้ว่าน่าจะเป็นคนระเบียบจัด ไม่อย่างนั้นคงไม่แต่งตัวเนี้ยบถึงขนาดนี้ ส่วนนาฬิกาสีเงินแวววาวที่เขาสวมเป็นเครื่องประดับ นั่นก็บอกถึงความมีรสนิยม

เรียกได้ว่าทุกอย่างของ ออสติน สเวน เพอร์เฟกต์ไปทุกกระเบียดนิ้ว เคยเห็นพระเอกหนังฝรั่งในมาดนักธุรกิจหล่อเหลาอย่างไร ตัวจริงของพ่อเลี้ยงเขาก็เป็นอย่างนั้นเลย กานต์ไม่แปลกใจถ้าแม่ของเขาจะตกหลุมรักผู้ชายคนนี้ภายในระยะเวลาอันสั้น

แต่...ก็น่าจะบอกเขาสักหน่อยนะว่าแต่งงานใหม่แล้ว ไม่ใช่จดทะเบียนไปโดยที่ไม่มีใครรู้ แล้วก็มาจากโลกนี้ไปก่อนที่จะได้บอกเรื่องสำคัญนี่ให้เขารู้ด้วย

ทว่าจะกล่าวโทษมารดาไปก็ป่วยการ ในตอนนี้เขามาอยู่บนแผ่นดินที่สามีของแม่เกิดแล้วเป็นที่เรียบร้อย อย่างน้อยก็ถือว่าดีอย่างหนึ่งตรงที่ผู้ชายคนนี้ยังคิดเป็นห่วงเขา เป็นห่วงลูกชายของภรรยาทั้งที่ไม่เคยเจอหน้าค่าตากันมาก่อน ไม่อย่างนั้นล่ะก็ กานต์ต้องแย่แน่ๆ

“ถึงแล้ว”

เสียงทุ้มดังขึ้นเมื่อรถขับมาจอดเทียบฟุตพาทที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง กานต์มองออกไปนอกหน้าต่างก็เห็นว่าเป็นบ้านเดี่ยวหลังใหญ่

อันที่จริง...ก็ไม่ได้ใหญ่นักหรอกสำหรับออสติน เขามีบ้านที่หลังใหญ่กว่านี้อีกหลายหลัง หลังที่พากานต์มาอยู่เรียกได้ว่าเป็นหลังเล็กที่สุดแล้ว

“โทษทีนะที่พามาอยู่บ้านหลังเล็ก ฉันเห็นว่ามันใกล้กับโรงเรียนใหม่ของเธอ เลยให้มาอยู่ที่นี่”

ชายหนุ่มว่าพลางทอดสายตามองไปทางบ้านหลังนั้นด้วย ทำเอากานต์รีบหันมาส่ายศีรษะให้กับเขา

“ไม่เล็กเลยครับ ใหญ่มาก ใหญ่กว่าบ้านยายของผมเยอะเลย”

เขาว่าไปตามความจริง มองจากสายตาแล้ว สนามหญ้าหน้าบ้านน่าจะกว้างกว่าตัวบ้านของยายเขาด้วยซ้ำ แล้วราคาก็น่าจะแพงหูฉี่ด้วย นี่มันหมู่บ้านจัดสรรในละแวกแมนฮัตตันที่ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งธุรกิจเลยนี่นา ขนาดแมนชั่นยังแพง แล้วประสาอะไรกับบ้านเป็นหลังๆ กันล่ะ

“งั้นเหรอ” ออสตินครางรับเสียงแผ่ว “ถ้างั้นก็ไปเอากระเป๋าเถอะ ฉันจะได้พาเธอไปดูข้างในบ้าน”

พูดจบ กานต์ก็ไม่รอช้า ลงจากรถไปคว้ากระเป๋าออกจากท้ายรถ ลากเข้าบ้านตามหลังออสตินไป

ภายนอกบ้านก็ว่าใหญ่แล้ว พอเปิดประตูเข้าไป ภายในกลับใหญ่กว่า มิหนำซ้ำยังตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์เข้าเซตกันเป็นอย่างดี ทำเอากานต์ที่อยู่บ้านปูนชั้นเดียวในต่างจังหวัดมาโดยตลอดถึงกับอ้าปากค้าง มองนั่น สำรวจนี่ด้วยความสนใจ

“ห้องของเธออยู่ชั้นบน” ออสตินทำลายความเงียบ “ห้องฉันก็อยู่ข้างๆ เธอ ที่ชั้นบนมีห้องน้ำอยู่อีกห้อง” เขาเสริมขึ้นมาอีก

พอกานต์หันไปมอง ออสตินก็ชี้นิ้วไปทางห้องหนึ่งที่อยู่หลังบ้าน

“ห้องที่ถัดจากห้องนั่งเล่นเป็นห้องครัว ตรงนั้นห้องน้ำ ถ้าจะซักผ้าก็ห้องนี้ ปกติแล้วแม่เธอจะเป็นคนทำความสะอาดที่นี่ แต่พอแม่เธอประสบอุบัติเหตุ ฉันก็เลยไม่ได้มาอยู่พักใหญ่ อาจจะมีฝุ่นสักหน่อย แต่ฉันให้แม่บ้านมาทำความสะอาดให้เมื่อเช้าแล้ว”

กานต์พยักหน้า

บ้านหลังนี้...แม่ก็เคยอยู่เหรอ?

“ห้องที่เธอนอนคือห้องของแม่เธอ”

ออสตินพูดราวกับรู้ว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าคิดอะไร แต่ไม่ทันที่จะได้พูดอะไร ออสตินก็สรุปรวบรัด

“เอากระเป๋าขึ้นไปเก็บแล้วอาบน้ำพักผ่อนให้เรียบร้อย มื้อเย็นค่อยลงมาร่วมโต๊ะกับฉัน วันนี้ฉันจะเลี้ยงต้อนรับเธอ สักหกโมงเย็นค่อยลงมา”

“ครับ” กานต์ว่าเสียงแผ่ว ในใจรู้สึกประหลาดอยู่ไม่น้อยที่พ่อเลี้ยงมาเลี้ยงต้อนรับเขาในวันที่แม่ไม่อยู่

ถ้าเขาได้เจอกับออสตินในวันที่แม่มีชีวิตอยู่ มันน่าจะดีกว่านี้...

แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ก้าวขึ้นไปยังชั้นบน ทำตามที่ออสตินบอก ภายในห้องนั้นที่ออสตินบอกว่าเป็นห้องเดิมของแม่เขา ตอนนี้มันไม่มีข้าวของเครื่องใช้ของมารดาเขาอยู่แล้ว ห้องถูกจัดเก็บทำความสะอาดใหม่ทั้งหมด ที่หลงเหลืออยู่ก็จะมีแค่รูปถ่ายต่างหน้าที่มารดาเขาพกติดตัวมาด้วย

มันเป็นรูปของเธอในวัยสาวที่อุ้มลูกชายวัยกระเตาะไว้ในอ้อมแขน กานต์เดินไปหยิบกรอบรูปที่วางอยู่บนชั้นขึ้นมาดู พลันความคิดถึงก็แผ่กำจาย ก่อนที่จะวางรูปนั้นลงที่เดิมเมื่อตระหนักขึ้นมาได้ว่าผู้ชายที่อยู่ข้างล่างสั่งให้เขาทำอะไร

เพราะเดินทางอย่างยาวนานทำให้เด็กหนุ่มเหนื่อยอ่อนเกินกว่าจะลุกขึ้นไปจัดข้าวของ เขาทำได้แค่เตรียมเสื้อผ้าไปอาบน้ำแล้วก็กลับมาทิ้งตัวลงนอนที่เตียง ก่อนจะผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว รู้สึกตัวตื่นอีกทีก็เลยเวลามื้อเย็นแล้ว

กานต์กระเด้งตัวผึง ตกใจอยู่ไม่น้อยที่มาตื่นเอาในเวลานี้ เขาพอจะรู้อยู่บ้างว่าคนอเมริกันค่อนข้างจริงจังกับเรื่องเวลา การที่เขาผิดนัดเป็นเรื่องที่เสียมารยาทเป็นอย่างมาก และมันก็เสียมารยาทสุดๆ ไปเลยสำหรับผู้มีพระคุณอย่างออสติน

เด็กหนุ่มหุนหันออกจากห้อง รีบลงไปที่ชั้นล่างอย่างรวดเร็ว ก่อนจะต้องชะงักขาเมื่อเห็นว่าออสตินนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟา สายตาจับจ้องอยู่ยังหน้าจอโน้ตบุ๊กที่วางบนตัก

“ตื่นแล้วเหรอ”

อีกฝ่ายรับรู้ถึงการมาของกานต์ ก่อนจะเบนหน้าหันไปถาม ตอนนี้เขาไม่ได้ใส่สูทแล้ว แต่ก็ยังอยู่ในชุดเดิม เพียงแต่ไม่ได้สวมเนกไทและสูท มีเพียงเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ปลดกระดุมสองสามเม็ดกับกางเกงสแล็กส์ที่สวมอยู่เท่านั้น

ดูอย่างไรก็มีเสน่ห์...

แต่ไม่ใช่เวลาที่กานต์จะมาชื่นชม

“ขอโทษครับ พอดีผมผล็อยหลับไป”

อันดับแรกเลยต้องขอโทษ จิตใต้สำนึกของกานต์บอกว่าอย่างนั้น

“ฉันรู้แล้ว เห็นอยู่” ออสตินว่า “ฉันขึ้นไปเรียกเธอที่ห้องมา แต่เห็นเธอหลับอยู่ก็เลยปล่อยให้นอน”

กานต์ได้ยินแล้วก็นิ่ง ขณะที่อีกฝ่ายยิ้มขึ้นมาบางๆ

“เตียงนอนสบายดีไหม”

ไม่รู้จะตอบยังไงก็เลยได้แต่พยักหน้า “สบายครับ”

“ฉันเพิ่งไปซื้อมาเปลี่ยนให้เธอเมื่อวานนี้เอง ฟูกเก่ามันมีกลิ่นอับ” ออสตินว่าสบายๆ ยกโน้ตบุ๊กจากตักไปวางบนโต๊ะกระจกข้างหน้าแล้วลุกขึ้นยืน “หิวหรือยัง ฉันจะได้ไปเตรียมอาหาร”

กานต์พยักหน้า ไม่หิวก็ต้องหิวแล้วล่ะ นี่จะสองทุ่มอยู่แล้ว

“งั้นไปนั่งรอในครัว ฉันก็หิวแล้ว”

เด็กหนุ่มเดินไปตามคำสั่ง ขณะที่ออสตินเองก็เข้าไปในครัวเช่นกัน แต่เขาไม่ได้ตรงไปนั่งที่เก้าอี้ เดินไปคว้าผ้ากันเปื้อนสีดำมาสวม ถลกแขนเสื้อขึ้นสูง จากนั้นก็เดินไปเปิดตู้เย็น คว้าเอาวัตถุดิบสำหรับประกอบอาหารออกมา จากนั้นก็สาละวนกับการทำอาหารโดยปล่อยให้ลูกเลี้ยงได้แต่นั่งมอง

ผู้ชายคนนี้นอกจากจะมีเสน่ห์มากๆ แล้ว ยังจะใจดีอีก แล้วที่เป็นเจ้าของบริษัทหลักทรัพย์ นั่นก็คงเพราะเก่งน่าดู

เป็นผู้ชายที่เพียบพร้อมไปทุกด้าน แถมอันตรายต่อใจคนมองจริงๆ...

กานต์อดคิดอย่างนั้นไม่ได้เลย ขนาดเขาเพิ่งเจอกับออสตินแท้ๆ ยังชื่นชมเขาไม่หยุด แต่ในความชื่นชมนั้นก็เต็มไปด้วยความประหม่า ทั้งประหม่าเพราะไม่คุ้นชิน ประหม่าเพราะเป็นชาวต่างชาติ ประหม่าเพราะเขาเพียบพร้อมเกินไป ที่สำคัญ...เขาดูมีอำนาจบางอย่างแฝงอยู่ภายใน ซึ่งมันทำให้กานต์ทั้งเกรงใจ ทั้งหวาดเกรงเขามากเลยทีเดียว

“กินเนื้อวัวได้ใช่ไหม”

จู่ๆ ออสตินก็ร้องถามขึ้นมา กานต์สะดุ้งเล็กน้อย ก่อนรีบตอบรับไป

“ได้ครับ”

“ค่อยยังชั่ว ฉันทำจนเสร็จแล้วเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าแม่เธอเคยบอกว่าคนไทยบางคนไม่กินเนื้อวัว”

“ผมกินได้ครับ ไม่ต้องห่วง”

ได้ยินอย่างนั้น ออสตินก็พยักหน้า พลันยกจานอาหารที่เพิ่งเตรียมเสร็จมาเสิร์ฟลงบนโต๊ะ

มื้อเย็นสำหรับงานเลี้ยงต้อนรับลูกเลี้ยงของเขานั้นเป็นอาหารแบบง่ายๆ...สเต๊กเนื้อ ออสตินคิดว่ามันง่ายในการปรุงและทำมากที่สุดสำหรับเขาแล้ว

“ถ้าไม่ถูกปากหรือจืดเกินไปก็เอาซอสพริกราดแล้วกัน ฉันไปซื้อมาจากไชน่าทาวน์ เผื่อว่าเธอจะยังไม่คุ้นชินกับอาหารตะวันตก”

พูดพลางเอาขวดซอสพริกเมดอินไทยแลนด์วางลงตรงหน้า เด็กหนุ่มมองแล้วก็อมยิ้มขึ้นมา

“ผมชอบกินซอสยี่ห้อนี้นะครับ”

“แม่เธอก็ชอบ”

เขาตอบรับ ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม ก่อนจะคว้าเอาส้อมและมีดมาถือในมือ ปล่อยให้เด็กหนุ่มมองเขาพลางเม้มริมฝีปาก

ทุกครั้งที่กานต์พูดอะไรก็ตาม ออสตินมักจะเสริมขึ้นมาว่าแม่เขาอย่างนั้น แม่เขาอย่างนี้ ดูท่าแล้วอีกฝ่ายก็คงจะคิดถึงภรรยาตัวเองเหมือนกัน

“กินกันเถอะครับ”

กานต์ตัดบท ไม่ค่อยอยากพูดถึงมารดาตัวเองสักเท่าไร เพราะเขาค่อนข้างจะรู้สึกแปลกๆ ที่มีผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่พ่อให้ความสนใจแม่ของเขาแบบนี้ แม้ว่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่มีผู้ชายมาติดพันมารดา เพราะแม่เขาก็ไม่ใช่ผู้หญิงขี้ริ้วขี้เหร่อะไร ต่อให้อายุย่างเข้าวัยสี่สิบกว่าแล้วก็ยังดูเหมือนอยู่ในวัยสามสิบ รูปร่างยังสมส่วน ถึงจะไม่ได้หุ่นดีเหมือนสมัยสาวๆ แต่ก็เรียกได้ว่าเป็นผู้หญิงที่ดูดีคนหนึ่งเลยทีเดียว

ทว่าก็ไม่ได้ดูดีหรือเหมาะสมกับออสตินหรอก ผู้ชายอย่างออสตินดูดีมากเกินไปจนกานต์นึกไม่ออกเหมือนกันว่าผู้หญิงที่สวยสมกับความหล่อของเขาจะต้องเป็นแบบไหน บางทีอาจจะต้องเป็นนางฟ้าหรือเทพธิดา เพราะออสตินดูหล่อเหลาราวกับเทพบุตรปูนปั้นตามประติมากรรมกรีกโรมันอย่างไรอย่างนั้น

“กินสิ มองอะไรอยู่”

มัวแต่มองจ้องหน้าอีกฝ่ายจนคนถูกมองเอ่ยปาก กานต์ได้สติ พยักหน้ารับเร็วๆ

“ครับคุณสเวน”

พอได้ยินสรรพนามเรียกแทนตัวเอง ออสตินก็เหลือบมอง

“ยังจะเรียกฉันว่าคุณสเวนอยู่อีกเหรอ”

เป็นกานต์บ้างแล้วที่ชะงัก มองหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจบ้าง

“ไม่ต้องเรียกว่าคุณสเวนหรอก” ออสตินว่า ขณะที่เริ่มลงมือหั่นสเต๊กเนื้อในจาน

“ถ้าไม่ให้ผมเรียกว่าคุณสเวน แล้วจะให้เรียกคุณว่าอะไรล่ะครับ”

“เธอคิดว่าควรจะเรียกฉันว่าอะไรดี”

“ออสติน”

นึกถึงชื่อของเขาได้ขึ้นมาก็เลยพูดออกไป เท่านั้นคนถูกเรียกก็ชะงัก เหลือบขึ้นมามองเล็กน้อย

“ฉันไม่ชอบ”

“ไม่ชอบ?”

“ใช่ ไม่อยากให้เรียกชื่อ”

“งั้นก็กลับไปเรียกคุณสเวนเหมือนเดิมดีไหมครับ”

“ก็บอกแล้วไงว่าไม่ต้องเรียกว่าคุณสเวน ซึ่งมันหมายความว่าฉันไม่ต้องการให้เธอเรียกว่าคุณสเวน เข้าใจหรือเปล่า มันฟังดูไม่สนิทสนมกัน ฉันต้องการที่จะสนิทสนมกับเธอ ถึงได้ให้เปลี่ยนวิธีการเรียก”

น้ำเสียงราบเรียบไม่ได้บ่งบอกว่าโกรธหรือไม่พอใจเลย แต่ไม่รู้ทำไม กานต์กลับรู้สึกหวาดเกรงในสายตาที่อีกฝ่ายจับจ้องมา จึงได้แต่เงียบไปจนกระทั่งออสตินเอ่ยขึ้นมาอีก

“ลองคิดดูว่าอยากเรียกฉันว่าอะไร”

กานต์ไม่มีคำตอบให้หรอก เขาไม่รู้ว่าในวัฒนธรรมฝรั่ง ถ้าไม่เรียกด้วยชื่อหรือนามสกุล ควรจะเรียกพ่อเลี้ยงว่าอะไร ถ้าเป็นคนไทยก็คงจะเรียกน้า อา ลุง หรืออะไรก็ตามแต่ที่เป็นศัพท์ในเครือญาติไปแล้ว แต่นี่...เป็นฝรั่ง

คิดเสียจนหัวแทบแตก นั่งเงียบไปพักใหญ่เลยทีเดียว จนกระทั่งออสตินหั่นสเต๊กในจานตรงหน้าเสร็จถึงได้เหลือบขึ้นมามองอีกครั้ง

“ว่าไง คิดออกหรือยัง”

กานต์เม้มริมฝีปาก ไม่ตอบรับ ไม่ปฏิเสธ ท่าทางประหม่านั่นทำให้ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอขึ้นมาหน่อยๆ

“เรียกว่าพ่อดีไหม”

คนถูกถามถึงกับมองหน้า

“พ่อ?”

“ถ้ารู้สึกว่ามันมากเกินไปก็ไม่ต้องเรียกก็ได้”

มากไปจริงๆ แหละ จะให้มาเรียกผู้ชายที่เพิ่งรู้จักกันไม่นาน มิหนำซ้ำยังไม่คุ้นเคยกันเท่าไรว่าพ่อ มันก็ฟังดูแปลกๆ อยู่

ก็ไม่ได้ผูกพัน ไม่ใช่พ่อลูกแท้ๆ นี่นา...

“ลำบากใจสินะ”

กานต์ไม่ปฏิเสธ ผงกศีรษะเล็กน้อยให้อีกฝ่ายได้พูดต่อ

“งั้นเรียกแด๊ดดี้ก็แล้วกัน ง่ายดี ฟังดูสนิทสนมกันด้วย เธอคงไม่ตะขิดตะขวงใจอะไรใช่ไหม”

ถึงจะมีความหมายว่าพ่อเหมือนกัน แต่คำภาษาอังกฤษก็ทำให้กานต์พอที่จะผ่อนคลายความตึงเครียดลงมาได้

“ครับ”

ตอบรับไปเรียบร้อยแล้วด้วย ออสตินเลยได้ทีออกคำสั่ง

“ไหนลองเรียกฉันหน่อยสิ”

“เรียกคุณ?”

“เรียกว่าแด๊ดดี้ไง”

ถึงตอนนี้ กานต์ก็กลับมาอึกอักอีกครั้ง แต่พอถูกสายตาคมของออสตินจับจ้อง เขาก็เหมือนต้องมนตร์สะกด ปากเผยออ้าเปล่งเสียงออกไป

“ดะ...แด๊ดดี้”

เสียงเบาจนแทบจะกลายเป็นกระซิบ แต่ออสตินกลับได้ยินเต็มสองหู แล้วเขาก็พอใจมากเสียด้วย จนต้องเอ่ยปากชม

“เด็กดี”

มุมปากยกขึ้น รอยยิ้มเต็มไปด้วยเสน่ห์ผุดพราย กานต์เหลือบมองแล้วก็ต้องรีบหลุบสายตาหนี คราวนี้ไม่ใช่แค่เพราะประหม่าอย่างเดียว เขาเขินอายขึ้นมาหน่อยๆ ด้วย รู้สึกได้เลยว่าตอนนี้หน้าของเขาเห่อร้อนไปหมด

กับแค่คำว่า ‘เด็กดี’ มันทำให้เขาเป็นไปได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอ?

เลือกผู้ชายมาแต่งงานได้อันตรายมากเลยแม่...

พลันก็ต้องรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติก่อนที่จะถูกออสตินจับได้ว่าเป็นอะไร

“กินต่อเถอะ”

ถูกสั่งอีกครั้ง กานต์ก็พยักหน้า คว้ามีดกับส้อมบนโต๊ะขึ้นมาถือในมือ เตรียมตัวจะหั่นสเต๊กบ้าง แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อจู่ๆ คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเขาเอื้อมมือมายกจานสเต๊กตรงหน้าของเขาไป ก่อนที่จะยกอีกจานซึ่งอยู่ตรงหน้าของตัวเองมาวางแทน

“จานนี้มันของคุณ...”

กานต์เอ่ย แล้วก็ต้องปิดปากฉับไปทันทีเมื่อถูกดวงตาสีฟ้าจ้องเขม็ง พลันว่าออกมาใหม่

“จานนี้มันของแด๊ดดี้”

คราวนี้ออสตินยิ้มออกมาน้อยๆ

“ฉันหั่นให้ จะได้กินง่าย” เขาว่า “เธอคงไม่ถนัดใช้มีด ใช้ส้อมจิ้มกินเลยง่ายกว่า เอ้า นี่ผ้า เอาวางรองบนตักซะ จะได้ไม่หกเปื้อน”

กานต์นิ่งงันไปเลย ไม่อยากจะเชื่อว่าอีกฝ่ายจะดูแลเขาประหนึ่งว่าเขาเป็นเด็กเล็กๆ ความจริงแล้วมันก็ดีอยู่หรอก แต่มันจะดีกว่าถ้าออสตินเป็นคุณลุงอ้วนฉุท่าทางใจดีเหมือนซานตาคลอส ไม่ใช่ผู้ชายที่หล่อเหลามีเสน่ห์ขนาดนี้

เป็นผู้ชายที่อันตรายต่อสายตาและหัวใจมากจริงๆ นะแม่...

ร้องบอกมารดาที่อยู่บนสวรรค์ในใจไปอีกระลอก เดาได้เลยว่าป่านนี้เธอคงจะหัวเราะขบขันในความประหม่าของเจ้าลูกชายคนนี้เป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว

เรียกแด๊ดดี้เพื่อความสนิทสนมเหรอ?

สนิทสนมอะไรล่ะ จะทำให้เกร็งมากขึ้นกว่าเดิมอีกน่ะสิ มันทั้งทะแม่งๆ ทั้งก่อให้เกิดบรรยากาศประหลาดๆ แต่พอกานต์ชำเลืองมองผู้ชายตรงหน้าที่นั่งหั่นสเต๊กแล้วส่งชิ้นเนื้อหอมกรุ่นเข้าปากอีกครั้ง พลันก็ลอบระบายลมหายใจออกมา

แต่ถ้าแด๊ดดี้ของเขาเป็นผู้ชายคนนี้ เขาก็ไม่มีปัญหาอะไรนะ นิสัยดี ใจดี อัธยาศัยดี มิหนำซ้ำ...ยังเจริญหูเจริญตาดีอีกด้วย

เปิดรับโบนัส

เปิด
1 บทที่ 1 แด๊ดดี้ครับ2 บทที่ 2 แด๊ดดี้ครับ3 บทที่ 3 แด๊ดดี้ครับ4 บทที่ 4 แด๊ดดี้ครับ5 บทที่ 5 แด๊ดดี้ครับ6 บทที่ 6 แด๊ดดี้ครับ7 บทที่ 7 แด๊ดดี้ครับ8 บทที่ 8 แด๊ดดี้ครับ9 บทที่ 9 แด๊ดดี้ครับ10 บทที่ 10 แด๊ดดี้ครับ11 บทที่ 11 แด๊ดดี้ครับ12 บทที่ 12 แด๊ดดี้ครับ13 บทที่ 13 แด๊ดดี้ครับ14 บทที่ 14 แด๊ดดี้ครับ15 บทที่ 15 แด๊ดดี้ครับ16 บทที่ 16 แด๊ดดี้ครับ17 บทที่ 17 แด๊ดดี้ครับ18 บทที่ 18 แด๊ดดี้ครับ19 บทที่ 19 แด๊ดดี้ครับ20 บทที่ 20 ไม่พอใจ21 บทที่ 21 แด๊ดดี้คร้าบ22 บทที่ 22 ไม่สามารถควบคุม23 บทที่ 23 ไม่ควร...24 บทที่ 24 กอดฉัน25 บทที่ 25 ผิดพลาดครั้งใหญ่26 บทที่ 26 คิดมากไป27 บทที่ 27 ไม่ควรที่จะเปิด28 บทที่ 28 สัญญา29 บทที่ 29 ไม่มีอะไร30 บทที่ 30 Goodnight31 บทที่ 31 ความลับ32 บทที่ 32 น่าตื่นเต้น33 บทที่ 33 มากไปหน่อย34 บทที่ 34 ไม่ควรเลย...35 บทที่ 35 อยากลอง36 บทที่ 36 แสนจะซื่อตรง37 บทที่ 37 ขึ้นห้องก็ดี38 บทที่ 38 สอนภาคปฏิบัติ39 บทที่ 39 กลายเป็นเด็กดื้อ40 บทที่ 40 พ่อเลี้ยง41 บทที่ 41 เชื่องช้า42 บทที่ 42 มันยาก...43 บทที่ 43 บอกว่าไม่ได้44 บทที่ 44 เด็กมันยั่ว45 บทที่ 45 ลมหายใจ46 บทที่ 46 อย่าเสียใจทีหลัง47 บทที่ 47 หมายความว่า... 48 บทที่ 48 ก็ไม่ต้องทน49 บทที่ 49 จะต้องเสียใจ50 บทที่ 50 แด๊ดดี้จะอึดอัด51 บทที่ 51 อยากให้ถึงเวลาเลิกเรียน52 บทที่ 52 อยากเจอ53 บทที่ 53 เป็นเรื่องจริง54 บทที่ 54 บุตรบุญธรรม55 บทที่ 55 แด๊ดดี้เป็นอะไร...56 บทที่ 56 มันจะไม่มีวันนั้น57 บทที่ 57 ใคร่ครวญ58 บทที่ 58 ตาลุงเจ้าเล่ห์59 บทที่ 59 โลกใบนี้เป็นของพวกเขา60 บทที่ 60 เคยเจอมาแล้ว61 บทที่ 61 แต่งงาน 62 บทที่ 62 ครอบครัวเดียวกัน63 บทที่ 63 จดทะเบียน64 บทที่ 64 รักฉันให้มากเท่าที่เธอจะทำได้65 บทที่ 65 ความต้องการของตัวเอง66 บทที่ 66 คู่ชีวิต67 บทที่ 67 เป็น – ของ – ฉัน!68 บทที่ 68 ยิ้มเจ้าเล่ห์ 69 บทที่ 69 เล่นอะไรซุกซน70 บทที่ 70 โกหกเก่ง71 บทที่ 71 มันไม่คุ้มค่าที่จะเสี่ยง72 บทที่ 72 ต่างคนต่างรู้ดี73 บทที่ 73 พ่อเลี้ยง74 บทที่ 74 หมากเกมนี้75 บทที่ 75 พูดความจริง76 บทที่ 76 หยุดทำเรื่องบ้าๆ77 บทที่ 77 พรากผู้เยาว์78 บทที่ 78 เอาจริง79 บทที่ 79 ทุกค่ำคืน80 บทที่ 80 ถวิลหา...นิรันดร์81 บทที่ 81 Call me husband in Thai82 บทที่ 82 Will you marry daddy