icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon

Like Daddy, Like Baby แด๊ดดี้ครับ...

บทที่ 3 แด๊ดดี้ครับ

จำนวนคำ:2303    |    อัปเดตเมื่อ:21/02/2022

บทที่ 3

กานต์พยายามปรับตัวให้เข้ากับบ้านใหม่และพ่อใหม่ให้เร็วที่สุดด้วยไม่ต้องการให้ตัวเองเป็นปัญหาของออสติน แค่อีกฝ่ายเมตตาเขาถึงขนาดนี้ก็นับว่าดีมากพอแล้ว เด็กกำพร้าอย่างเขาไม่ควรทำให้ผู้มีพระคุณต้องหนักใจไม่ว่าจะเรื่องไหนก็ตาม

หลังจากมื้ออาหารเมื่อวาน เด็กหนุ่มขอบคุณเจ้าของบ้าน พูดคุยกันต่ออีกเล็กน้อย ก่อนแยกย้ายกันไปพักผ่อนที่ห้องใครห้องมัน เขาไม่ลืมที่จะตั้งนาฬิกาปลุกเอาไว้ ตั้งใจว่าจะรีบตื่นก่อนออสติน อย่างน้อยจะได้แสดงให้อีกฝ่ายเห็นว่าเขาไม่ใช่คนขี้เกียจนอนตื่นสายจนอีกฝ่ายต้องลุกขึ้นมาทำอาหารให้ พูดก็พูด กานต์ตั้งใจจะเป็นฝ่ายทำอาหารให้นั่นแหละ ในหัวก่อนนอนมีเมนูอาหารฝรั่งแบบง่ายๆ ผุดพรายขึ้นมาอยู่สองสามเมนู

ขนมปังปิ้ง ไข่ดาว เบคอนหรือไส้กรอกทอด กับกาแฟ แค่นี้น่าจะเพียงพอ...

ทว่าพอถึงเวลาจริงๆ เขากลับไม่ตื่นตามเวลาที่คาดหวัง เพราะยังไม่คุ้นชินกับเวลาที่ดินแดนแห่งนี้ซึ่งแทบจะสลับกลางวันกลางคืนกับประเทศไทย รู้สึกตัวตื่นอีกทีก็ตอนที่ตะวันโด่งแล้ว

กานต์รีบกระเด้งลงจากเตียงทันทีที่เห็นว่านาฬิกาบนหน้าจอโทรศัพท์บอกเวลาเกือบเที่ยง เขารีบวิ่งลงไปด้านล่างก่อนเป็นอันดับแรก ในใจคาดหวังว่าออสตินอาจจะยังไม่ตื่น แต่แล้วก็ต้องผิดหวังเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนั่งไขว่ห้างอ่านอะไรบางอย่างในแท็บเล็ตอยู่ที่โซฟาใต้บันได

“ตื่นแล้วเหรอ”

ได้ยินเสียงตึงตัง ออสตินก็ละสายตาจากหน้าจอหันมามอง กานต์พยักหน้ารับ ไม่แน่ใจนักว่าควรจะทำสีหน้าอย่างไรดี วันแรกก็ตื่นสายเสียขนาดนี้ จะโดนดุหรือเปล่านะ

“ล้างหน้าแล้วหรือยัง”

แทนที่จะดุ ออสตินกลับถาม กานต์ซึ่งยังยืนค้างอยู่บนบันไดบ้านส่ายหน้า เท่านั้นก็ถูกไล่

“ไปล้างหน้าแปรงฟันซะ จะได้ลงมากินมื้อเที่ยง อ้อ ไม่สิ มื้อเช้าของเธอสินะ”

เหมือนจะเป็นประโยคหยอกล้อ แต่กลับทำให้คนฟังหน้าม้าน

วันแรกก็ตื่นสายโด่งเสียแล้ว ถึงจะคิดเข้าข้างตัวเองว่าเป็นเพราะเมื่อวานเขาเดินทางมาไกลเลยทำให้ร่างกายเหนื่อยล้ามากกว่าปกติ แต่มันก็ยากที่จะเอ่ยปากแก้ตัวออกไปอย่างนั้น

“ไปสิ ฉันจะไปเตรียมอาหารให้”

แล้วความฟุ้งซ่านของกานต์ก็สิ้นสุดลงเมื่อออสตินตัดบทขึ้นมา สุดท้ายแล้วก็เป็นพ่อเลี้ยงของเขาที่เป็นคนทำอาหารให้ กานต์ละอายใจอยู่ไม่น้อยที่ต้องรบกวนเขาถึงขนาดนี้ แต่ก็ไม่ได้โต้แย้งอะไร รีบวิ่งขึ้นไปข้างบนแล้วจัดการธุระของตัวเองให้เรียบร้อยในเวลาอันสั้น

ไม่นานนักก็กลับลงมาข้างล่างด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่ ออสตินเตรียมอาหารเสร็จแล้ว มื้อกลางวันของพวกเขาเป็นอาหารง่ายๆ อย่างแซนด์วิชและสลัดผัก กานต์ไม่ค่อยชอบกินอาหารฝรั่งพวกนี้หรอก เขาชอบกินอาหารไทยมากกว่า แต่ก็ไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะเลือกมากได้ ออสตินทำให้กินก็ดีแล้ว อีกอย่าง อะไรไม่สำคัญเท่ากับว่าบรรยากาศที่โต๊ะอาหารในตอนนี้มันเงียบเสียเหลือเกิน ออสตินไม่ใช่คนพูดมาก เขาจะพูดก็ต่อเมื่อจำเป็นเท่านั้น กานต์เองก็เช่นกัน ประกอบกับที่เขาไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองสักเท่าไรเลยทำให้การชวนใครคุยสักคนเป็นเรื่องยากพอสมควร แต่สำหรับพ่อเลี้ยงของเขา...เพื่อความสนิทสนมและไม่ให้บรรยากาศเงียบจนเกินไป คงต้องชวนคุยสินะ

“คุณสเวนไม่ไปทำงานเหรอครับ”

ในที่สุดก็รวบรวมความกล้าโพล่งออกมา ออสตินที่กำลังรินกาแฟดำใส่ถ้วยชะงัก เหลือบตามามองทันที

“คุณสเวน?”

แทนที่จะตอบ กลับพูดชื่อของตัวเองแทน กานต์เลยรีบเปลี่ยนคำพูดทันควัน

“แด๊ดดี้...เอ่อ...ไม่ไปทำงานเหรอครับ”

นึกขึ้นมาได้ว่าจริงๆ แล้วต้องเรียกผู้ชายตรงหน้าว่าแด๊ดดี้ ซึ่งก็ใช่ ที่ออสตินทวนชื่อของตัวเองก็เพราะต้องการให้เด็กหนุ่มเปลี่ยนสรรพนามแทนตัวนั่นแหละ

“ถามเหมือนไม่อยากให้ฉันอยู่บ้าน”

“เปล่าครับ พอดีผมเห็นว่าวันนี้เป็นวันจันทร์”

ออสตินหัวเราะเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำหน้าเสีย

“ฉันจะเข้าบริษัทก็ต่อเมื่อมีประชุมหรือมีเอกสารสำคัญต้องจัดการเท่านั้น ซึ่งวันนี้ไม่มีอะไรสำคัญ อีกอย่าง ฉันควรจะอยู่บ้านเพราะต้องดูแลเธอ”

ได้ยินเหตุผลแล้ว คนฟังก็เกรงใจขึ้นมาทันที

“ขอโทษที่รบกวนนะครับ”

ออสตินเลิกคิ้วสูง “อย่าพูดอย่างนั้น ฉันรับปากเธอแล้วว่าจะดูแลก็ต้องดูแลให้ดีที่สุด ฉันเป็นผู้ปกครองเธอนี่”

เรื่องนั้นกานต์รู้สึกขอบคุณเป็นอย่างมาก แต่การที่ออสตินแสดงออกชัดเจนว่าอยู่ในสถานะไหน มันทำให้กานต์ประหม่าขึ้นมาน้อยๆ

“แล้วก็รับปากแม่เธอแล้วด้วยว่าจะดูแลเธอเป็นอย่างดี จะปล่อยให้เธออยู่บ้านคนเดียวตั้งแต่วันแรกที่มาถึงนิวยอร์กได้ยังไงกัน”

อันที่จริงแล้วการที่เขาอยู่บ้านเพื่อดูแลเด็กในอาณัติน่าจะเป็นเพราะเหตุผลนี้มากกว่า บ่งบอกชัดเจนเลยว่าเขาเป็นคนรักษาสัญญาอยู่ไม่น้อย

“ขอบคุณครับ”

กานต์ซาบซึ้งในบุญคุณนี้ แต่ออสตินไม่สนหรอกว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าจะคิดอย่างไรกับเขา เอาแต่พูดสิ่งที่อยากจะพูดออกไป

“อยากถามอะไรฉันอีกไหม”

คนฟังเลิกคิ้วสูง...จริงๆ แล้วก็มีอยู่เหมือนกัน กานต์อยากรู้ว่าออสตินอายุเท่าไร เพราะเขายังดูหนุ่มเกินกว่าที่จะเป็นพ่อเลี้ยงของเด็กอายุสิบเจ็ด แต่ถามออกไปตอนนี้คงจะไม่เหมาะสักเท่าไรจึงได้แต่ส่ายหน้า

“ถ้าเธอไม่ถาม งั้นฉันจะถามแล้วกัน”

กลายเป็นว่าเปิดโอกาสให้ออสตินได้ซักไซ้เสียอย่างนั้น กานต์นั่งเหยียดหลังตรงขึ้นมาราวกับเตรียมพร้อมต่อการถูกซัก ก่อนที่น้ำเสียงทุ้มของผู้เป็นเจ้าของบ้านจะดังขึ้น

“เธอคิดบ้างแล้วหรือยังว่าหลังจบไฮสกูลแล้ววางแผนยังไงต่อ”

จู่ๆ บทสนทนาก็กลายเป็นเรื่องนี้ กานต์ซึ่งไม่ทันจะได้เตรียมรับมือกับคำถามนี้นิ่งงันไปครู่

“แด๊ดดี้หมายถึง...”

“จะทำงานหรือเรียนต่อ หรือจะกลับไทย”

ออสตินขยายความให้ กานต์เลยเข้าใจขึ้นมาได้ ก่อนจะส่ายหน้าช้าๆ ทำเอาออสตินเลิกคิ้วสูงขึ้นมาข้างหนึ่ง

“ไม่ได้คิดเลยเหรอ”

เด็กหนุ่มยังคงส่ายหน้าอีก

“ทั้งๆ ที่รู้ว่าฉันจะเป็นผู้ปกครองเธอแค่ปีเดียว เธอก็ยังไม่ได้วางแผนชีวิตตัวเองหลังจากนั้นเอาไว้?”

“ครับ”

กานต์ยอมรับอย่างจำนน ก็ก่อนหน้านั้นจนถึงตอนนี้ เขาเอาแต่คิดว่าจะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่อย่างไรกับผู้ชายแปลกหน้าที่เพิ่งจะรู้จักกันไม่นานอย่างเดียวนี่นา ใครจะไปคิดกันล่ะว่าจะต้องคิดเรื่องนั้นเร็วขนาดนี้

ออสตินยกถ้วยกาแฟขึ้นจิบเล็กน้อย หลังจากวางมันลงบนโต๊ะ สายตาก็มองจ้องไปยังอีกฝ่ายเขม็ง

“ควรคิดได้แล้วนะ”

“แต่ผมเพิ่งจะมาอยู่ที่นี่ได้แค่วันเดียว”

ถ้านับวันนี้ด้วยก็เป็นวันที่สอง กานต์พยายามจะบอกเหตุผลเป็นนัยว่ามันไวเกินไปที่จะคิดเรื่องนั้น เขายังไม่รู้เลยว่าสังคมที่นี่เป็นอย่างไร เขาจะอยากเรียนต่อหรือทำงาน หรือจะกลับไทยก็ยังไม่รู้สักนิดเพราะเวลาที่ต้องเลือกมันยังมาไม่ถึง ออสตินไม่ใช่ว่าไม่รู้ เขารู้ แต่ว่ามันก็ควรต้องวางแผนไว้แต่เนิ่นๆ ไม่ใช่เหรอ

“เธอมาอยู่ที่นี่ได้แค่วันเดียวก็จริง แต่เธอก็รู้ตั้งแต่ก่อนมาแล้วว่าเธอจะอยู่ที่นี่แค่ปีเดียว ดังนั้นก็ควรที่จะมีแผนรองรับอนาคตตัวเองคร่าวๆ เพราะพอเธออายุครบสิบแปด ความเป็นผู้ปกครองของฉันก็จะสิ้นสุดลง”

กานต์สบตาอีกฝ่าย ตอนนี้เรื่องที่เขารู้เกี่ยวกับออสตินอีกอย่างก็คือผู้ชายคนนี้นอกจากจะเป็นคนที่เพียบพร้อมไปทุกอย่างแล้ว ยังเป็นคนตรงไปตรงมาอีกด้วย ตรงเสียจนสร้างความกดดันให้กับเด็กหนุ่มอย่างไม่ทันตั้งตัว ก่อนที่กานต์จะออกปากถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ

“หมายความว่าพอครบหนึ่งปีตามกำหนดแล้ว ผมควรจะกลับไทยเหรอครับ”

“ฉันไม่ใช่คนตัดสินใจ คนตัดสินใจคือเธอต่างหากว่าหลังจากบรรลุนิติภาวะแล้วจะเลือกทางเดินชีวิตแบบไหน แล้วที่ฉันถามก็ไม่ได้หมายความว่าจะให้เธอกลับไทย ทุกเรื่องหลังจากที่เธออายุครบสิบแปด เธอจะต้องตัดสินใจเอง ฉันถึงได้ถามไงว่าเธอวางแผนไว้ยังไง จะเรียนต่อ ทำงาน หรือกลับไทย”

“แสดงว่าผมไม่ต้องกลับไทยก็ได้ใช่ไหม”

“บอกแล้วไงว่าคนตัดสินใจคือเธอ”

ถึงออสตินจะไม่ได้ดุ น้ำเสียงและสีหน้าราบเรียบ กานต์ไม่กล้าจะถามต่อเมื่อถูกเขาจ้องนิ่งๆ และการที่นิ่งเงียบไปก็ทำให้ออสตินเป็นฝ่ายพูดขึ้นมา

“ที่ฉันพูดเรื่องนี้ขึ้นมาก็เพื่อจะย้ำเธอว่าเป้าหมายของฉันที่รับเธอมาอยู่ด้วยก็คือส่งเสียเธอเรียนให้จบไฮสกูล หลังจากนั้นเธอจะเรียนต่อ ฉันก็ยินดีสนับสนุน ถ้าอยากจะทำงาน ก็ไม่ว่ากัน อยากจะทำงานในบริษัทฉัน ฉันก็จะจัดคนมาดูแลให้ แต่ถ้าอยากจะไปจากที่นี่ มันก็สิทธิ์ของเธอ เพราะข้อตกลงของเรามันสิ้นสุดลงเมื่อเธออายุครบสิบแปดเท่านั้น” เขาว่ายาว พอเด็กหนุ่มสบตาก็เสริม “แต่ภายในหนึ่งปีที่ฉันเป็นผู้ปกครอง เธอจะต้องเชื่อฟังฉัน เข้าใจใช่ไหม ถึงจะเป็นพ่อเลี้ยงแต่ก็ให้คิดซะว่าฉันเป็นครอบครัวคนเดียวของเธอ”

เปิดรับโบนัส

เปิด
1 บทที่ 1 แด๊ดดี้ครับ2 บทที่ 2 แด๊ดดี้ครับ3 บทที่ 3 แด๊ดดี้ครับ4 บทที่ 4 แด๊ดดี้ครับ5 บทที่ 5 แด๊ดดี้ครับ6 บทที่ 6 แด๊ดดี้ครับ7 บทที่ 7 แด๊ดดี้ครับ8 บทที่ 8 แด๊ดดี้ครับ9 บทที่ 9 แด๊ดดี้ครับ10 บทที่ 10 แด๊ดดี้ครับ11 บทที่ 11 แด๊ดดี้ครับ12 บทที่ 12 แด๊ดดี้ครับ13 บทที่ 13 แด๊ดดี้ครับ14 บทที่ 14 แด๊ดดี้ครับ15 บทที่ 15 แด๊ดดี้ครับ16 บทที่ 16 แด๊ดดี้ครับ17 บทที่ 17 แด๊ดดี้ครับ18 บทที่ 18 แด๊ดดี้ครับ19 บทที่ 19 แด๊ดดี้ครับ20 บทที่ 20 ไม่พอใจ21 บทที่ 21 แด๊ดดี้คร้าบ22 บทที่ 22 ไม่สามารถควบคุม23 บทที่ 23 ไม่ควร...24 บทที่ 24 กอดฉัน25 บทที่ 25 ผิดพลาดครั้งใหญ่26 บทที่ 26 คิดมากไป27 บทที่ 27 ไม่ควรที่จะเปิด28 บทที่ 28 สัญญา29 บทที่ 29 ไม่มีอะไร30 บทที่ 30 Goodnight31 บทที่ 31 ความลับ32 บทที่ 32 น่าตื่นเต้น33 บทที่ 33 มากไปหน่อย34 บทที่ 34 ไม่ควรเลย...35 บทที่ 35 อยากลอง36 บทที่ 36 แสนจะซื่อตรง37 บทที่ 37 ขึ้นห้องก็ดี38 บทที่ 38 สอนภาคปฏิบัติ39 บทที่ 39 กลายเป็นเด็กดื้อ40 บทที่ 40 พ่อเลี้ยง41 บทที่ 41 เชื่องช้า42 บทที่ 42 มันยาก...43 บทที่ 43 บอกว่าไม่ได้44 บทที่ 44 เด็กมันยั่ว45 บทที่ 45 ลมหายใจ46 บทที่ 46 อย่าเสียใจทีหลัง47 บทที่ 47 หมายความว่า... 48 บทที่ 48 ก็ไม่ต้องทน49 บทที่ 49 จะต้องเสียใจ50 บทที่ 50 แด๊ดดี้จะอึดอัด51 บทที่ 51 อยากให้ถึงเวลาเลิกเรียน52 บทที่ 52 อยากเจอ53 บทที่ 53 เป็นเรื่องจริง54 บทที่ 54 บุตรบุญธรรม55 บทที่ 55 แด๊ดดี้เป็นอะไร...56 บทที่ 56 มันจะไม่มีวันนั้น57 บทที่ 57 ใคร่ครวญ58 บทที่ 58 ตาลุงเจ้าเล่ห์59 บทที่ 59 โลกใบนี้เป็นของพวกเขา60 บทที่ 60 เคยเจอมาแล้ว61 บทที่ 61 แต่งงาน 62 บทที่ 62 ครอบครัวเดียวกัน63 บทที่ 63 จดทะเบียน64 บทที่ 64 รักฉันให้มากเท่าที่เธอจะทำได้65 บทที่ 65 ความต้องการของตัวเอง66 บทที่ 66 คู่ชีวิต67 บทที่ 67 เป็น – ของ – ฉัน!68 บทที่ 68 ยิ้มเจ้าเล่ห์ 69 บทที่ 69 เล่นอะไรซุกซน70 บทที่ 70 โกหกเก่ง71 บทที่ 71 มันไม่คุ้มค่าที่จะเสี่ยง72 บทที่ 72 ต่างคนต่างรู้ดี73 บทที่ 73 พ่อเลี้ยง74 บทที่ 74 หมากเกมนี้75 บทที่ 75 พูดความจริง76 บทที่ 76 หยุดทำเรื่องบ้าๆ77 บทที่ 77 พรากผู้เยาว์78 บทที่ 78 เอาจริง79 บทที่ 79 ทุกค่ำคืน80 บทที่ 80 ถวิลหา...นิรันดร์81 บทที่ 81 Call me husband in Thai82 บทที่ 82 Will you marry daddy