icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon

มนต์ไอยคุปต์

บทที่ 4 เงาที่เริ่มปรากฏ

จำนวนคำ:2708    |    อัปเดตเมื่อ:22/02/2022

“Let go her hand and give back the change.”

เสียงคุ้นหูดังมาจากร้านขายเครื่องประดับข้างหน้า และชนะชนก็จำได้แม่นยำว่า...

“เสียงมินตรา!” เขาหันไปบอกจตุรงค์ ก่อนที่ทั้งสองหนุ่มจะรีบเดินเร็วตรงไปยังร้านอันเป็นต้นตอของเสียง ซึ่งจากน้ำเสียงขุ่นๆ กับคำพูดที่บอกให้ปล่อยมือเกสรีและทอนเงินค่าสินค้า ก็พอจะทำให้ทั้งคู่คาดเดาสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้

“ตามหาตั้งนาน มาอยู่ที่นี่กันนี่เอง”

เสียงพูดของชนะชนเรียกสองสาวให้หันมามองด้วยความดีใจ ตรงข้ามกับชายหนุ่มชาวอียิปต์เจ้าของร้านซึ่งถึงกับชะงัก จากที่ยอมปล่อยมือเกสรีเพราะเสียงอันทรงพลังของมินตรา แต่ยังแกล้งทำเป็นยักท่าไม่ยอมทอนเงิน ก็กลับรีบหยิบเงินทอนให้ตามราคาที่ตกลงกันไว้ ซ้ำยังแถมกำไลข้อมือให้อีกชิ้นหนึ่งด้วย นัยว่าเป็นค่าทำขวัญและค่าเสียหายของสองสาว สร้างความประหลาดใจให้ทั้งคู่เป็นอย่างมาก

“สุดยอดเลยนะคะหัวหน้าเนี่ย แค่ตานั่นเห็นหน้าขรึมๆ ของหัวหน้าก็รีบทอนเงินให้ แล้วยังแถมกำไลมาให้อีก รู้อย่างนี้ให้หัวหน้าไปยืนมองหน้าคนขายตั้งแต่แรกก็ดีหรอก” เกสรีตื่นเต้นกับเรื่องประหลาดเรื่องนี้ยิ่งกว่าร้านรวงรอบข้างไปเสียแล้ว

“นั่นมันแค่ผลพลอยได้ สิ่งสำคัญที่สุดของการที่เราเดินเกาะกลุ่มกันก็คือความปลอดภัยต่างหาก ต่อไปก็อย่าทำแบบนี้อีก รู้แล้วใช่ไหมว่าปัญหาที่ตามมามันเป็นยังไง” ชนะชนดุสาวหมวยรุ่นน้องโดยที่จตุรงค์ไม่กล้าขัด

“ขอโทษค่ะ...” เกสรีหน้าจ๋อย ไม่กล้าดึงมินตราไปไหนต่อไหนอีก นอกจากปล่อยให้สองหนุ่มเดินขนาบข้างตัวเองและเพื่อนไว้ เพื่อป้องกันการพลัดหลงเป็นครั้งที่ 2

ทั้งหมดใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง ในการเดินเที่ยวภายในตลาดข่านเอล คาลิลีแห่งนี้ และแม้จะผ่านไปกว่า 6 ศตวรรษ แต่อาคารร้านรวงต่างๆ ก็ยังคงศิลปะแบบเก่าไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม ตึกสีอิฐกับสถาปัตยกรรมและการแกะสลักอันประณีตวิจิตรอย่างยากที่จะหาได้ในปัจจุบัน รวมทั้งสินค้าที่วางเรียงรายซึ่งให้กลิ่นไอประวัติศาสตร์ยุคเก่า ทั้งพีระมิดจำลอง สฟิงซ์ย่อส่วน รูปปั้นมัมมี่ ตะเกียงอาละดิน และโคมรูปร่างแปลกๆ นอกจากนี้ยังมีอาหาร ขนม ผลไม้ เครื่องแต่งกายแบบพื้นเมือง เครื่องประดับ น้ำหอม และสินค้าร่วมสมัยอื่นๆ ภายใต้พื้นที่ที่ประกอบด้วยตรอกซอกซอยน้อยใหญ่ยิ่งกว่าเขาวงกตแห่งนี้

“พักเหนื่อยสักหน่อยก็แล้วกันนะ” ชนะชนบอกสองสาว ก่อนจะเดินนำเข้าไปในร้านขายเครื่องดื่มมีชื่ออายุกว่า 100 ปี มีจตุรงค์ซึ่งเดินหอบถุงพะรุงพะรังตามเข้าไปเป็นคนสุดท้าย ด้วยท่าทางหน้ามืดตาลายคล้ายจะเป็นลม อันเป็นผลจากการอาสาถือของให้สองสาว

“ชามะนาวที่นึงครับ” จตุรงค์สั่งเครื่องดื่มของตัวเองเป็นภาษาอาหรับ หวังอวดเกสรีซึ่งก็ดูจะได้ผล

“ว้าว! รองหัวหน้าจตุรงค์ก็พูดภาษาอาหรับได้หรือคะเนี่ย” สาวหมวยทำท่าตื่นเต้น ตาเป็นประกาย ไม่เหลือแววสลดให้เห็น ซึ่งก็อาจจะเพราะผ้าผูกเอวสีหวาน กับน้ำหอมขวดสวยที่ชนะชนและจตุรงค์ซื้อให้สองสาวเป็นของขวัญรับน้องใหม่ก็เป็นได้

“เรียนมาด้วยกันกับหัวหน้าชนะชนนี่แหละจ้ะ แต่ได้แค่ 3 ภาษา ไม่อัจฉริยะเหมือนเขาหรอก” จตุรงค์มิวายยกยอปอปั้นเพื่อน

“อวดอ้างสรรพคุณกันมาก เดี๋ยวจะให้เข็นรถเข็นกระเป๋าคนเดียว” ชนะชนขู่ซ้ำ พร้อมกับปั้นหน้าขรึมๆ ให้ดูเข้ากัน

“โธ่! ต่อไปจะไม่พูดแล้วคร้าบ” จอมกะล่อนหน้าเสีย รีบละล่ำละลักสัญญิงสัญญา จนสองสาวพากันขบขัน เช่นเดียวกับชนะชนที่แอบยิ้มขำเพื่อนสนิทอยู่ในใจ ภายนอกเขาอาจดูเป็นคนเคร่งขรึม แต่ความจริงแล้วเขาก็มีมุมสนุกในแบบของเขา

“ยืนตัวตรง ยิ้มหวานๆ ตามองกล้องด้วยครับคุณจตุรงค์”

หลังออกจากร้านเครื่องดื่ม ชนะชนก็ชวนทุกคนมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกตรงหน้ามัสยิดภายในตลาดก่อนกลับ และเจ้ากี้เจ้าการจับคู่ให้จตุรงค์ได้ถ่ายรูปคู่กับเกสรี บันทึกภาพเด็ดด้วยโทรศัพท์มือถือของจอมกะล่อน โดยที่อีกฝ่ายยังคงหอบถุงพะรุงพะรังแสดงความเป็นลูกผู้ชาย แม้ในขณะที่เปลี่ยนมาเป็นคนถ่ายรูปคู่ให้กับชนะชนและมินตราด้วยโทรศัพท์มือถือของชนะชน ก็ยังอุตส่าห์หิ้วถุงทั้งหมดด้วยมือเพียงข้างเดียว จนชนะชนนึกเวทนา

“ส่งมาเร็ว ฉันจะช่วยถือ”

“ไม่ต้องๆ เดี๋ยวรูปออกมาไม่หล่อ... เตรียมตัว สาม สอง หนึ่ง” จตุรงค์ฉีกยิ้มสู้ จนสองคนในโฟกัสกล้องเกือบฉีกยิ้มในท่าเดียวกันไปด้วย

“อย่าทำเป็นเท่คนเดียวเลยน่า ส่งถุงมาครึ่งนึง ฉันจะช่วยถือ” ชนะชนเดินตามแย่งถุงจากจตุรงค์ ขณะที่สองสาวซึ่งเดินอยู่ข้างหน้าผลัดกันกระเซ้าเย้าแหย่กันเอง ระหว่างเดินกลับไปยังจุดที่นัดกับคนรถสมชายไว้

“แหมๆ ๆ ได้ถ่ายรูปคู่กับเขาด้วย ทีนี้เชื่อฉันหรือยังล่ะว่าเขาน่ะแอบชอบเธอ ถึงได้หาเรื่องชวนพวกเราไปถ่ายรูป” เกสรีเป็นฝ่ายฟื้นฝอยหาตะเข็บขึ้นมาก่อน

“เธอเองก็ได้ถ่ายรูปคู่กับเพื่อนเขาเหมือนกันนั่นแหละ ฉันว่าเป็นแผนให้เพื่อนเขาได้ถ่ายรูปคู่กับเธอมากกว่า เล่นแสดงออกว่าชอบเธอออกหน้าออกตาซะขนาดนั้น” มินตราแซวกลับบ้าง

“พูดอะไรของเธอน่ะมิน ฉันแซวเธออยู่นะยะ” สาวหมวยผลักแขนเพื่อนกลบเกลื่อนอาการเขิน จนมินตราเซลงไปที่ถนน เป็นเวลาเดียวกับที่รถยนต์สีดำคันหนึ่งแล่นมา

...หากคำนวณจากระยะทางแล้ว หญิงสาวยังพอมีเวลาเหลือที่จะหลบรถได้ทัน แต่การณ์กลับไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อจู่ๆ ความเร็วของรถกลับเพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน ราวกับผู้ที่นั่งอยู่เบื้องหลังพวงมาลัย จงใจเหยียบคันเร่งจนสุดแรง

บรืนนนน...

ตอนที่ 3

“มินนนน!!”

เกสรีร้องเรียกเพื่อนสุดเสียงด้วยความตกใจ ขณะที่มินตราได้แต่ยืนตกตะลึง ทำอะไรไม่ถูก กระทั่งใครคนหนึ่งดึงแขนเธอกลับขึ้นมาบนฟุตบาท แรงเสียจนทั้งคู่ล้มลงไปด้วยกัน ถึงอย่างนั้นก็รอดพ้นจากการถูกรถชนได้อย่างหวุดหวิด

“ชิ!”

หญิงสาวสวมแว่นดำผู้นั่งอยู่เบื้องหลังพวงมาลัย เหลือบตามองกระจกมองหลังอย่างไม่สบอารมณ์ และยังคงเหยียบคันเร่งเพิ่มความเร็วอย่างต่อเนื่อง เปล่าเลย ! ไม่ใช่เพื่อการหลบหนีเพราะกลัวความผิด แต่เพื่อระบายอารมณ์ที่คั่งแค้นมาแสนนาน โดยเฉพาะกับการที่สิ่งที่ตั้งใจไว้ไม่บรรลุเป้าหมาย

“มิน! หัวหน้า!”

“ชนม์! น้องมิน! เป็นยังไงบ้าง บาดเจ็บหรือเปล่า!?”

ทั้งเกสรีและจตุรงค์รีบเข้ามาดูอาการของคนทั้งคู่ ฝ่ายมินตราดูจะไม่เป็นอะไรมาก เพราะล้มลงไปบนตัวของชนะชน แต่สำหรับชนะชนซึ่งตั้งใจใช้ตัวเองเป็นเบาะรองให้เธออยู่แล้วนั้น ไม่ใช่เพียงแขนเสื้อขาดอย่างเดียวแน่ !

“ตายแล้ว! ข้อศอกหัวหน้า เลือดออกเยอะเลยนะคะ” เกสรีปิดปากอุทาน ระหว่างที่เข้าไปช่วยพยุงมินตราและบังเอิญสังเกตเห็นบาดแผลของเขาเข้า

“หัวหน้าคะ ดิฉันขอโทษจริงๆ นะคะ ขอโทษค่ะ ขอโทษจริงๆ ค่ะ” มินตราไหว้ขอโทษชนะชนอยู่หลายครั้ง นัยน์ตาโศกเอ่อท้นไปด้วยหยาดน้ำตา จนชายหนุ่มชะงัก

“ฉันต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายขอโทษ” เกสรีบอกมินตรา แล้วหันกลับมาไหว้ขอโทษชนะชนอีกคน “ขอโทษนะคะหัวหน้า เกดไม่น่าบ้าจี้แกล้งผลักมินแรงขนาดนั้นเลย ขอโทษนะคะ ขอโทษจริงๆ ค่ะ”

“ไม่เป็นไรๆ ไม่ต้องคิดมากกันหรอกนะ มินตราปลอดภัยก็ดีแล้ว ผมไม่ได้เป็นอะไรมากสักหน่อย แผลแค่นี้เอง” ชนะชนบอกสองสาว ขณะที่ยันตัวลุกขึ้นยืนโดยมีจตุรงค์เข้ามาช่วยปัดฝุ่นออกจากเสื้อผ้าให้ “พอได้แล้วรงค์ แล้วดูทำเข้า บอกให้ส่งของมาจะช่วยถือ” ชายหนุ่มเอ็ดเพื่อน เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงหอบหิ้วถุงพะรุงพะรังด้วยมือเพียงข้างเดียว

“ก็บอกแล้วว่าไม่เป็นไร ไม่หนักหนาอะไรหรอก”

“เอ่อ... เดี๋ยวพวกเราถือเองดีกว่าค่ะ ที่จริงของเกือบทั้งหมดก็ไม่ใช่ของของหัวหน้ากับรองหัวหน้าเลยด้วยซ้ำ” มินตรารีบรับถุงใส่ของคืนมาจากจตุรงค์ โดยมีเกสรีช่วยอีกแรง ด้วยเพราะข้าวของส่วนใหญ่ก็มาจากการช้อปกระจายของสาวหมวยแทบทั้งสิ้น

“Excuse me.” เสียงกล่าวขอโทษเพื่อเกริ่นนำเข้าสู่ประโยคคำถาม เรียกพวกชนะชนให้หันไปมองเจ้าของชุดฟอร์มสีกรมท่า กับปืนกระบอกใหญ่สมฐานะ ‘ตำรวจอียิปต์’

“หูไวตาไวจริงแฮะ” จตุรงค์พึมพำเบาๆ ด้วยภาษาไทย พร้อมกับทำท่าไม่รู้ไม่ชี้ประกอบ เพราะเกรงว่าหากอีกฝ่ายได้ยินเข้า อาจจะใช้มัจจุราชสีดำในมือเป็นตัวช่วย บังคับให้เขาแปลมันออกมาเป็นภาษาอังกฤษให้ฟังก็ได้

“เดี๋ยวฉันจัดการเอง” ชนชะนบอกเพื่อน และมองเลยไปยังสองสาวที่ยืนตระหนกคล้ายจะสื่อคำพูดนั้นถึงพวกเธอด้วย ก่อนที่เขาจะหันกลับไปหาผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ชาวอียิปต์

แน่นอนว่าอีกฝ่ายชี้แจงว่าได้รับแจ้งเรื่องอุบัติเหตุในละแวกนี้ และเดาว่าพวกชนะชนน่าจะเป็นเจ้าทุกข์ของคดี ในขณะที่ชนะชนอธิบายว่าเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด พวกเขาไม่ได้เป็นอะไรมาก และไม่คิดติดใจเอาความ ชายหนุ่มย้ำเช่นนี้อยู่หลายครั้ง จนกระทั่งอีกฝ่ายยอมกลับไป ท่ามกลางความโล่งใจของทุกคน เพราะการมีคดีความระหว่างดูงานที่ต่างประเทศอาจกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้ ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าแต่ละคนจะไม่ติดใจสงสัยเอาเสียเลย เกี่ยวกับการเร่งความเร็วรถของคนขับราวกับจงใจจะขับชนมินตรา

“ล้างแผลหน่อยดีกว่านะครับ แล้วค่อยกลับไปทำแผลที่บ้านพักทีหลัง” สมชายหยิบขวดน้ำดื่มในรถส่งให้ชนะชน หลังจากที่ทั้งหมดมาถึงจุดนัดพบ และเกสรีเป็นคนเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง

“แย่จริงๆ เลย ขับรถภาษาอะไรกัน อย่าให้เจอเชียวนะ” สาวหมวยยังไม่หายโมโห

“ช่างเถอะน่าเกด เขาคงไม่ได้ตั้งใจหรอกมั้ง เพราะฉันเองก็ไม่เคยมาอียิปต์ แล้วก็ไม่เคยมีเรื่องกับคนอียิปต์ด้วย” มินตราบอกเพื่อน แล้วเดินมาหาชนะชนซึ่งกำลังเปิดขวดน้ำ เตรียมจะล้างแผลอยู่ “หัวหน้าคะ ดิฉันล้างแผลให้นะคะ”

“อย่างนั้นก็ได้ ขอบใจมากนะ” ชนะชนยิ้มให้มินตรา แล้วส่งขวดน้ำในมือให้เธอ ส่วนมินตราเมื่อรับขวดน้ำมาแล้วก็ล้วงผ้าเช็ดหน้าของตัวเองในกระเป๋าเสื้อออกมารินน้ำใส่จนชุ่ม และค่อยๆ ใช้มันทำความสะอาดแผลให้ชนะชนอย่างเบามือ ทำเอาจตุรงค์ เกสรี และคนรถสมชายมองกันตาค้าง

“ถ้าแสบหรือเจ็บก็บอกนะคะ” มินตราบอกเขา โดยที่ยังคงง่วนอยู่กับการทำความสะอาดแผล จึงไม่เห็นรอยยิ้มกับแววตาอ่อนโยนของชนะชนที่จ้องมองมา ตรงข้ามกับเกสรีซึ่งจ้องจับผิดอยู่ และได้เห็นทุกอิริยาบถของชายหนุ่ม ถึงอย่างนั้นสาวหมวยก็ไม่ได้คิดจะต่อต้านหรือขัดขวาง

เธอได้เห็นกับตาตัวเองแล้วว่าเขาสามารถดูแลและปกป้องเพื่อนรักของเธอได้ แน่นอนว่าผู้ชายแบบนี้หาไม่ได้ง่ายๆ และเธอก็ยินดีมากที่จะช่วยให้เขาได้ลงเอยกับมินตรา ถึงขั้นแต่งงานมีลูกเต็มบ้านมีหลานเต็มเมือง

...ความคิดของเกสรีเปลี่ยนไปในทางตรงกันข้ามจากเดิมแล้วในขณะนี้ ทั้งที่เธอเองก็รู้ดีว่ามินตราไม่ได้คิดอะไรกับชนะชนเลยแม้แต่นิดเดียว และที่ช่วยทำความสะอาดแผลให้เขาก็เพราะความรู้สึกผิดที่ติดอยู่ในใจเท่านั้น

เปิดรับโบนัส

เปิด
1 บทที่ 1 หญิงสาวในความฝัน2 บทที่ 2 ดินแดนทะเลทราย3 บทที่ 3 ดินแดนทะเลทราย (จบตอน)4 บทที่ 4 เงาที่เริ่มปรากฏ5 บทที่ 5 วันแรกที่อียิปต์6 บทที่ 6 อดีตชาติ7 บทที่ 7 อดีตชาติ (จบตอน)8 บทที่ 8 จารึก9 บทที่ 9 ห้วงคำนึง10 บทที่ 10 ห้วงคำนึง (จบตอน)11 บทที่ 11 ความทรงจำที่หวนคืน12 บทที่ 12 พีระมิดแห่งกิซาห์13 บทที่ 13 พีระมิดแห่งกิซาห์ (จบตอน)14 บทที่ 14 สำนึกแห่งฟาโรห์15 บทที่ 15 ความอาฆาตของสองพี่น้อง16 บทที่ 16 ความอาฆาตของสองพี่น้อง (จบตอน)17 บทที่ 17 ภาพลวงตาของความจริงใจ18 บทที่ 18 วันสุดท้ายของการเดินทาง19 บทที่ 19 วันสุดท้ายของการเดินทาง (จบตอน)20 บทที่ 20 อีกคนจากอดีตชาติ21 บทที่ 21 อีกคนจากอดีตชาติ (จบตอน)22 บทที่ 22 พันธนาการแห่งอดีต23 บทที่ 23 วันพักผ่อนของทั้งคู่24 บทที่ 24 เรื่องเข้าใจผิด25 บทที่ 25 เรื่องเข้าใจผิด (จบตอน)26 บทที่ 26 ความอาฆาตจากอดีตชาติ27 บทที่ 27 ความอาฆาตจากอดีตชาติ (จบตอน)28 บทที่ 28 ทางเลือก29 บทที่ 29 การมาของสองพี่น้อง30 บทที่ 30 การมาของสองพี่น้อง (จบตอน)31 บทที่ 31 แผนการ32 บทที่ 32 ความพยายามของเพื่อน33 บทที่ 33 แผนการของเซรี34 บทที่ 34 การร่วมมือกันของสองพี่น้อง35 บทที่ 35 การร่วมมือกันของสองพี่น้อง (จบตอน)36 บทที่ 36 เสียงร่ำไห้ในสายหมอก37 บทที่ 37 สองสาวอียิปต์ในป่าเขาใหญ่38 บทที่ 38 สองสาวอียิปต์ในป่าเขาใหญ่ (จบตอน)39 บทที่ 39 ภาพอดีต40 บทที่ 40 คำสารภาพ41 บทที่ 41 คำสารภาพ (จบตอน)42 บทที่ 42 การตัดสินใจ43 บทที่ 43 การตัดสินใจ (จบตอน)44 บทที่ 44 งานแต่งงานของทั้งสอง45 บทที่ 45 ความตายที่เฝ้าติดตาม46 บทที่ 46 ความตายที่เฝ้าติดตาม (จบตอน)47 บทที่ 47 คำพิพากษาสุดท้ายของความอาฆาต48 บทที่ 48 บทส่งท้าย