icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon

มนต์ไอยคุปต์

บทที่ 3 ดินแดนทะเลทราย (จบตอน)

จำนวนคำ:2620    |    อัปเดตเมื่อ:22/02/2022

“รถของท่านเอกอัครราชทูตเกิดเสียกะทันหันน่ะครับ แล้วก็คิดว่าท่านที่เดินทางมามีแค่ 4 ท่านก็เลย... แหะๆ” เจ้าของสำเนียงสุพรรณบุรีกับความสูง 150 ซ.ม. ในชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงขายาว คนรถประจำสถานทูตไทย ณ กรุงไคโร ยิ้มเจื่อนๆ ให้นักโบราณคดีทั้ง 6 ซึ่งต่างยืนตะลึงตัวแข็งค้างไปกับหน้าตารถยนต์ที่พวกเขาจะต้องนั่งอัดกันไปจนถึงสถานทูต

...มันเป็นรถรุ่นสมัยคุณยายยังสาว สภาพเข้าขั้นบุโรทั่ง สีแดงที่เคยส่องประกายสดใสหลงเหลือเพียงความหม่นหมองและซีดเซียว ไล่เป็นเฉดสีแดง เหลือง ส้มทั่วทั้งคัน ซ้ำยังแถมขี้สนิทไว้ตามจุดต่างๆ ทั้งเล็กและใหญ่ จนน่ากลัวว่าจะแยกส่วนก่อนถึงที่หมาย

“เอ่อ... มินตรากับเกสรีนั่งเบียดๆ กันที่เบาะหน้าแล้วกันนะจ๊ะ” เจ๊แหม่มจัดการแบ่งสันปันส่วนที่นั่ง ระหว่างที่คนอื่นๆ ยืนพูดไม่ออก “แล้วก็ข้างหลัง... จตุรงค์เข้าไปคนแรกนะ เพราะตัวเล็กกว่าใครนี่ เอ้า! เร็วๆ เข้า อย่าให้น้องเขาคอยนาน”

“เอ่อ...ครับ” จตุรงค์รับคำตะกุกตะกัก และจำต้องทำตามคำสั่งเจ๊แหม่มอย่างเสียไม่ได้ แม้จะรู้ดีว่าตนต้องตกอยู่ในสภาพแบนเป็นกล้วยปิ้งหลังจากนี้ก็ตาม

“เชิญ ผอ.วิบูลย์เข้าไปนั่งต่อเลยค่ะ” เจ๊แหม่มเจ้ากี้เจ้าการจัดคิวต่อ ขณะที่ป๋าวิบูลย์ผู้อำนวยการสำนักโบราณคดีจำต้องปฏิบัติตามโดยเคร่งครัดและเร่งด่วน “คนต่อไปชนะชนนะจ๊ะ เดี๋ยวพี่จะนั่งติดกับประตูเอง”

“เอ่อ... ครับๆ” ชนะชนซึ่งกำลังจัดกระเป๋าเดินทางทั้งหมดใส่ท้ายรถ แทนคนรถที่หมดความสามารถจะอัดสัมภาระเหล่านั้นลงไปได้ รับคำพร้อมกับปิดกระโปรงท้ายรถจนสะเทือนไปทั้งคัน

“เบาๆ หน่อยก็ได้ครับคุณเพื่อน เดี๋ยวชิ้นส่วนก็หลุดออกมาหมดตั้งแต่ยังไม่ได้ไปหรอกครับ” จตุรงค์ร้องเตือนแทนคนอื่นๆ ที่พากันนั่งอกสั่นขวัญแขวน

“ขอโทษครับ” ชนะชนยิ้มเจื่อนๆ ให้ทั้งจตุรงค์และป๋าวิบูลย์ ระหว่างเข้าไปนั่งที่เบาะหลังเป็นคนที่ 3

“จตุรงค์เขยิบไปอีกหน่อยสิจ๊ะ พี่ขึ้นได้ขาเดียวเองนะเนี่ย” เจ๊แหม่มซึ่งเข้าไปนั่งปิดท้ายร้องบอกจตุรงค์

“ครับๆ ดะ... ดะ... ได้ครับ” เจ้าของชื่อรีบทำตัวลีบเขยิบไปจนชิดประตู ถึงอย่างนั้นก็ยังเหลือที่ว่างไม่พอดีกับสรีระของเจ๊แหม่ม

“อีกนิดจะาจตุรงค์ ยังปิดประตูไม่ได้เลย”

“คะ... คะ... คร้าบ”

สุดท้าย... นอกจากจตุรงค์จะต้องนั่งตัวลีบแล้ว ยังต้องเกาะเบาะหนังทะลุๆ ของคนขับ และจับประตูรถซึ่งมีแววว่าจะหลุดหายไประหว่าทางไว้สุดแรงเกิด ตลอดระยะเวลาการเดินทางกว่า 1 ชั่วโมง อันเนื่องมาจากการรักษาความเร็วระดับช้ากว่าเต่าคลานของคนรถ

“ถึงแล้วล่ะครับสถานทูต ส่วนบ้านพักจะอยู่ด้านหลังครับผม” คนรถพูดขึ้นอีกครั้งหลังจากเลี้ยวรถเข้ามาภายในอาณาบริเวณสถานทูตไทย ซึ่งเป็นตึก 2 ชั้นขนาดไม่ใหญ่โตนัก ภายนอกทาสีขาวดูสะอาดตา และตามวงกบรวมทั้งบานประตูหน้าต่างมีการตกแต่งด้วยลายไทย บ่งบอกให้รู้ถึงสัญชาติของสถานทูตแห่งนี้

“ดูยังใหม่อยู่เลยนะ สร้างใหม่เหรอ ตอนมาครั้งก่อนจำได้ว่าไม่ใช่ตึกแบบนี้นี่” เจ๊แหม่มถามคนรถพลางกวาดตามองไปรอบๆ

“ขออภัยจริงๆ ครับ ผมเองก็พึ่งมาอยู่ได้แค่ 2 ปี ตอนมามันก็เป็นแบบนี้แล้วล่ะครับ”

“ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกจะไม่ได้อยู่แถวนี้ด้วย สถานทูตไทยหลังเก่าน่ะ” ป๋าวิบูลย์ ผอ.สำนักโบราณคดีพูดขึ้นบ้าง

“ใช่ไหมล่ะคะ ดิฉันก็จำได้คับคล้ายคับคลาว่าไม่ใช่” เจ๊แหม่มยังคงหันซ้ายหันขวาสำรวจสถานที่ กระทั่งรถค่อยๆ คลานมาจอดสนิทตรงหน้าบ้านพักเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงไคโร ประเทศอียิปต์

“กำลังรออยู่เลยล่ะค่ะ เชิญค่ะๆ มากันเหนื่อยๆ เชิญพักผ่อนกันก่อนนะคะ” คุณหญิงอัญชัน ภรรยาเอกอัครราชทูตในชุดผ้าไหมสีคราม ยืนยิ้มต้อนรับอยู่หน้าบ้าน 2 ชั้นหลังกะทัดรัด และแม้จะเป็นทรงกึ่งตะวันตก แต่ลายฉลุของเชิงชายไม้รอบตัวบ้าน รวมทั้งบานประตูหน้าต่างก็ยังเป็นลวดลายแบบไทยๆ

“ขอบคุณมากครับ” ป๋าวิบูลย์ ผอ.สำนักโบราณคดียิ้มขอบคุณ ก่อนจะเดินนำเข้าไปเป็นคนแรก ขณะที่เจ๊แหม่มยังคงยืนมองสำรวจไปรอบๆ บริเวณซึ่งมีต้นไม้ดอกไม้ปลูกอยู่ร่มรื่น

“สร้างใหม่ทั้งหมดเลยสินะคะเนี่ย ดูสวยกว่าเดิมเยอะเลย”

“ค่ะ พอดีว่าที่ดินตรงสถานทูตเก่า ทางการเขาจะเอาไปสร้างพิพิธภัณฑ์น่ะค่ะ” คุณหญิงอัญชันตอบคำถามเจ๊แหม่ม แล้วหันไปพูดกับคนรถ “สมชาย เดี๋ยวยกของคุณๆ เขาลงจากรถแล้ว ช่วยขับรถออกไปรับคุณประสิทธิ์ด้วยนะจ๊ะ แล้วก็เรียนท่านว่าคณะนักโบราณคดีจากไทยมาถึงแล้ว”

“เดี๋ยวหนูยกเข้าไปเองค่ะ คุณๆ เชิญพักผ่อนในบ้านดีกว่าค่ะ” แม่บ้านวัย 20 เจ้าของผมม้าในชุดเสื้อยืดสีสดกับผ้าซิ่นสีเข้ม รีบวิ่งออกมาช่วยคนรถสมชายยกกระเป๋า แต่แล้วก็ต้องทำหน้างงกับจำนวนแขกซึ่งไม่ตรงกับที่ตัวเองรู้มา “เอ๋? คุณๆ มีกัน 6 คนหรือคะเนี่ย?”

“เอ๊ะ! จริงหรือคะ คุณประสิทธิ์บอกดิฉันว่ามากัน 4 คนนี่คะ” คุณหญิงอัญชันพลอยตกใจไปด้วย

“ค่ะ แจ้งเพิ่มเติมมาตอนหลังว่า จะพาเจ้าหน้าที่ใหม่มาดูงานอีก 2 คน แต่สงสัยคนรับโทรศัพท์จะลืมบอก รู้สึกคนที่พิมพ์จดหมายราชการของกรมศิลปากร ก็จะบ้าจี้พิมพ์ว่า 4 คนด้วยค่ะ เลยเกือบผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองไม่ได้ นี่ก็โดนเขายึดบัตรประชาชนอยู่” เจ๊แหม่ม ในฐานะผอ.สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ ผู้บังคับบัญชาโดยตรงของสองสาวร่ายยาว ทำเอาคุณหญิงอัญชันหน้าซีด

“เดี๋ยวจะบอกคุณประสิทธิ์ให้รีบไปเคลียร์นะคะ ขออภัยจริงๆ ค่ะ แล้วก็... ต้องขอโทษเรื่องรถด้วยค่ะที่ทำให้ต้องนั่งเบียดกันมา” คุณหญิงอัญชันกล่าวขอโทษเจ๊แหม่ม พลางชำเลืองมองรถยนต์สำรองประจำสถานทูตที่คนรถค่อยๆ ขับออกไป และครุ่นคิดอยู่ในใจว่ามันคงถึงกาลอวสานเร็วๆ นี้

“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่เป็นไรเลย ไม่ต้องซีเรียสหรอกค่ะ” เจ๊แหม่มยิ้มแย้ม หัวเราะเสียงดังเหมือนมีลำโพง 8 ตัวอยู่ข้างๆ ตรงข้ามกับสองสาว มินตรา เกสรี และสองหนุ่ม ชนะชน จตุรงค์ที่ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ กับสภาพอันน่าสมเพชของตัวเองซึ่งพึ่งจะผ่านพ้นมา

และเนื่องจากห้องพักสำหรับแขกมีเพียงแค่ 3 ห้อง ชนะชนกับจตุรงค์จึงต้องเสียสละออกมาจัดของนอนที่ห้องโถงกัน 2 คน

“ที่นอน... ปิกนิก... มาแล้วค่ะ แต่ถ้าคุณๆ อยากจะ... นอนบนโซฟา คุณผู้หญิงก็... บอกว่า... ตามสบายเลยนะคะ” ประนอมแม่บ้านคนเดิมขนที่นอนปิกนิกใหม่เอี่ยม 2 ชุดมาให้สองหนุ่ม พร้อมด้วยหมอนหนุน หมอนข้าง และผ้าห่มอีกอย่างละ 2 ชุด พะรุงพะรังและตุปัดตุเป๋ จนทั้งชนะชนและจตุรงค์ต้องมาช่วยยก ก่อนที่แม่บ้านประนอมจะเทกระจาดของทั้งหมดเพราะหกล้มหน้าทิ่มพื้น

“นายนอนโซฟาไหมล่ะ ฉันนอนที่นอนปิกนิกเอง นอนเสมอกับหัวหน้าแล้วตะขิดตะขวงใจยังไงไม่รู้” จตุรงค์พูดขึ้นหลังจากที่แม่บ้านคล้อยหลังไปแล้ว

“ถ้าพูดอะไรแบบนี้อีกครั้งเดียว ขากลับเชิญนายเข็นรถเข็นกระเป๋าคนเดียวเลย” ชนะชนย้ำประโยคเดิมที่เคยพูด นั่นเองที่ทำให้จตุรงค์หน้าซีดเป็นไก่ต้มรอบที่ 3

“ก็ได้ๆ ฉันเลิกพูดก็ได้ เอาฉันไปต้มยำทำแกง ยังดีซะกว่าให้ฉันเข็นรถเข็นกระเป๋าคนเดียวอีก”

“เอ๋? ทำไมล่ะคะ?”

เสียงตั้งคำถามที่ดังแทรกขึ้น ทำเอาสองหนุ่มหันไปมองสองสาวที่เดินเข้ามา

“เอ่อ... ก็ลองดูสัมภาระขากลับขอเจ๊ เอ้ย! ผอ.วิไลวรรณดูสิจ๊ะ แล้วก็จะรู้” จตุรงค์ตอบคำถามเกสรี และเกือบหลุดปากเรียก ผอ.สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ด้วยฉายาที่ตัวเองตั้ง ทำเอาชนะชนส่ายหน้าเอือมระอา

“ช้อปปิ้งสินะคะ ดีจัง! แสดงว่า ผอ.รู้แหล่งช้อปดีๆ แน่เลย” เกสรีทำท่าตื่นเต้น เพราะเธอก็เป็นนักช้อปปิ้งตัวยงเหมือนกัน

“พี่ก็รู้แหล่งช้อปดีๆ นะ วันนี้ยังพอมีเวลาเหลือ พวกน้องๆ อยากไปไหมล่ะ เดี๋ยวพี่กับชนม์จะเป็นไกด์ให้เอง” จตุรงค์รีบเสนอตัวหวังทำคะแนนกับเกสรี รวมทั้งช่วยให้เพื่อนได้ใกล้ชิดมินตราด้วย

“พูดเองเออเองนะนั่นน่ะ” ชนะชนม์แกล้งตีหน้าขรึมให้จตุรงค์เสียวสันหลังเล่น ก็หมอนั่นอยากบอกเองนี่ว่าเขาเหมาะกับบุคลิกขรึมๆ มากกว่า

“โธ่! อยู่ดีๆ ก็เล่นตัวขึ้นมาเชียวนะคุณเพื่อน อย่าบอกนะว่าจะไม่ซื้อของไปฝากคุณพระญาติทั้งหลาย อย่างน้อยก็พี่นิดล่ะ” จตุรงค์ชักแม่น้ำทั้ง 5 จากเมืองไทยมาหว่านล้อม โดยมีเกสรีซึ่งปรารถนาจะช้อปปิ้งสุดใจขาดดิ้นช่วยหว่านล้อมด้วยอีกคน

“ไปเถอะค่ะหัวหน้า ไปหลายๆ คนสนุกดีออก ใช่ไหมมิน มินก็จะไปด้วยใช่ไหมล่ะ” สาวหมวยหันไปขอเสียงสนับสนุนจากเพื่อนสาวคนสนิท

“เอ่อ... จ้ะ ถ้าเกดไป ฉันก็ไป” มินตรายิ้มเจื่อนๆ ตอบ และแม้จะเป็นเพียงรอยยิ้มฝืดๆ ฝืนๆ แต่ก็ทำให้ชนะชนชะงักไปกับอีกอิริยาบถของเธอที่เขาไม่เคยเห็น

ไม่สิ! รู้สึกเหมือนเคยเห็นมาก่อนมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นยามที่เธอยิ้ม หัวเราะ ร้องไห้ หรืออิริยาบถอื่นที่ต่างออกไป แต่เมื่อไหร่และที่ไหนกันล่ะ ชนะชนถามตัวเองด้วยความรู้สึกสับสน ว้าวุ่น สมองไม่ยอมรับรู้เรื่องอื่นใดนอกเหนือจากนี้ ปฏิกิริยาตอบสนองหลังจากนั้นจึงเป็นเพียงระบบสั่งการอัตโนมัติของร่างกาย รวมทั้งการที่ชนะชนพยักหน้าตอบรับคำชวนครั้งที่ 2 ของจตุรงค์ จนดูเหมือนว่าเขายอมไปเป็นไกด์ให้สองสาว เพราะอยากอยู่ใกล้ชิดมินตรามากกว่า

...ปฏิบัติการจับผิดรุ่นพี่หนุ่มหัวหน้ากลุ่มวิชาการโบราณคดีของเกสรี กำลังจะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้งแล้ว!

สถานที่อันเป็นเป้าหมายของทั้ง 4 คนในครั้งนี้คือ ตลาดข่านเอล คาลิลี ซึ่งเป็นตลาดชื่อดังอายุกว่า 600 ปี ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสถานทูตไทยมากนัก ถึงอย่างนั้นก็ยังนับว่าเป็นโชคดีที่รถยนต์ประจำสถานทูตซ่อมเสร็จแล้ว คุณประสิทธิ์จึงให้คนรถสมชายขับรถสภาพกลางเก่ากลางใหม่คันนี้ไปคอยรับ – ส่งคนทั้งหมดแทน

“โห ขายของเยอะแยะเลย คล้ายๆ ตลาดจตุจักรบ้านเราเลยนะคะเนี่ย” เกสรีออกอาการตื่นเต้นหนักกว่าเดิม ทันทีที่มาถึงและได้เห็นสถานที่จริงซึ่งไม่เกินไปกว่าที่จตุรงค์คุยโวมาตลอดทางเลย

“เดินเกาะกลุ่มกันไว้ดีๆ ล่ะ ทางเดินค่อนข้างจะเป็นเขาวงกต เดี๋ยวจะหลงได้” ชนะชนบอกสองสาว แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้ตั้งใจฟังเท่าใดนัก โดยเฉพาะเกสรีที่มัวแต่ตื่นตาตื่นใจกับข้าวของสินค้าแปลกๆ มากมาย และลากมินตราไปทางนั้นทีทางโน้นที ปล่อยให้สองหนุ่มเดินเร็วตามไปร้านนู้นทีร้านนี้ทีจนหัวหมุน เป็นเหตุให้ทั้งสองฝ่ายพลัดหลงกันในที่สุด

“หายไปไหนแล้วล่ะ เฮ้อ! ยุ่งล่ะสิทีนี้” จตุรงค์เกาหัวแกรกๆ ระหว่างที่พยายามกวาดตามองหาสองสาว

“ก็บอกแล้วว่าให้เดินเกาะกลุ่มกัน จะได้ไม่หลง ท่าทางคงไม่ได้ฟังที่ฉันพูดเลย” ชนะชนส่ายหน้าแล้วสาวเท้าเดินนำออกไป พลางหันซ้ายหันขวามองหาสองสาวไปเสียทุกร้าน และตอนนั้นเอง...

เปิดรับโบนัส

เปิด
1 บทที่ 1 หญิงสาวในความฝัน2 บทที่ 2 ดินแดนทะเลทราย3 บทที่ 3 ดินแดนทะเลทราย (จบตอน)4 บทที่ 4 เงาที่เริ่มปรากฏ5 บทที่ 5 วันแรกที่อียิปต์6 บทที่ 6 อดีตชาติ7 บทที่ 7 อดีตชาติ (จบตอน)8 บทที่ 8 จารึก9 บทที่ 9 ห้วงคำนึง10 บทที่ 10 ห้วงคำนึง (จบตอน)11 บทที่ 11 ความทรงจำที่หวนคืน12 บทที่ 12 พีระมิดแห่งกิซาห์13 บทที่ 13 พีระมิดแห่งกิซาห์ (จบตอน)14 บทที่ 14 สำนึกแห่งฟาโรห์15 บทที่ 15 ความอาฆาตของสองพี่น้อง16 บทที่ 16 ความอาฆาตของสองพี่น้อง (จบตอน)17 บทที่ 17 ภาพลวงตาของความจริงใจ18 บทที่ 18 วันสุดท้ายของการเดินทาง19 บทที่ 19 วันสุดท้ายของการเดินทาง (จบตอน)20 บทที่ 20 อีกคนจากอดีตชาติ21 บทที่ 21 อีกคนจากอดีตชาติ (จบตอน)22 บทที่ 22 พันธนาการแห่งอดีต23 บทที่ 23 วันพักผ่อนของทั้งคู่24 บทที่ 24 เรื่องเข้าใจผิด25 บทที่ 25 เรื่องเข้าใจผิด (จบตอน)26 บทที่ 26 ความอาฆาตจากอดีตชาติ27 บทที่ 27 ความอาฆาตจากอดีตชาติ (จบตอน)28 บทที่ 28 ทางเลือก29 บทที่ 29 การมาของสองพี่น้อง30 บทที่ 30 การมาของสองพี่น้อง (จบตอน)31 บทที่ 31 แผนการ32 บทที่ 32 ความพยายามของเพื่อน33 บทที่ 33 แผนการของเซรี34 บทที่ 34 การร่วมมือกันของสองพี่น้อง35 บทที่ 35 การร่วมมือกันของสองพี่น้อง (จบตอน)36 บทที่ 36 เสียงร่ำไห้ในสายหมอก37 บทที่ 37 สองสาวอียิปต์ในป่าเขาใหญ่38 บทที่ 38 สองสาวอียิปต์ในป่าเขาใหญ่ (จบตอน)39 บทที่ 39 ภาพอดีต40 บทที่ 40 คำสารภาพ41 บทที่ 41 คำสารภาพ (จบตอน)42 บทที่ 42 การตัดสินใจ43 บทที่ 43 การตัดสินใจ (จบตอน)44 บทที่ 44 งานแต่งงานของทั้งสอง45 บทที่ 45 ความตายที่เฝ้าติดตาม46 บทที่ 46 ความตายที่เฝ้าติดตาม (จบตอน)47 บทที่ 47 คำพิพากษาสุดท้ายของความอาฆาต48 บทที่ 48 บทส่งท้าย