Deva Or Devil เทวามาร
เป็นเรื่องจริงอย่างนั้นหรือ ?" หนึ่งในชายฉกรรจ์บนโต๊ะอาหารถอนห
ในความดูแลของท่านคามาร์ก็ถูกขโมยหายไป" ชายที่นั่งข้าง
่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเอ่ยลากเสียงย
กาฬอยู่ด้วย อย่าว่าแต่เป็นไปได้ยากเลย ข้าว่าไม่มีทางเป็นไปได้เสียมากกว่า จะมีผู้ใดกล้าบุกเข้าเขตแดนศักดิ์สิทธิ์ การคุ้มกั
ยู่จริง ๆ หรือ ?" ชายคนแรกที่กล่าวเปิดเรื่องหันไปหาแนว
ด้เห็นเป็นบุญตาสักครั้ง" ว่าเสร็จก็ตักข้า
ดในกลุ่มเอ่ยปากบ้าง เขาใช้ตะเกียบคีบเศษผักที่เหลืออยู่บนจานตรงหน้าส่งมันเข้าปาก เคี้ยวชิมรสช้า ๆ โดยไม่ได้สนใจสายตาใ
ยเร่ง วางช้อนในมือลง จดจ่อใบหน้าขอ
ละคนที่กำลังจ้องเขา แล้
มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ข้ามั่นใจนัก" กล่าวเสร็จเขาค่อย ๆ โน
ากาฬกลับมามีพลังอำน
ีหน้าตกใจในทันที บางคนลอบกลืนน้ำลาย บางคนมือไม้อ่อนจ
นี้ต่างรู้กันดีว่าลุงของเขาทำงานเป็นทหารประจำหน่วยอยู่ที่หมู่บ
กำลังเป็นที่จับตามองของประชาชนชาวไซโดเวีย ไม่มีใครรู้แน่ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นที่แดนสรวงโสม แต่หากเลือกได้พวกเขายอมให้ศิลากาฬถูกข
์ตาเล็กลงโน้มหน้าเข้ามาใกล้คนในวงสนทนามากขึ้นกว่าเดิม แล้วกระซิบถามว่า "บุตรเทพแ
นโต๊ะอาหารต่างต้องสะดุ้งตกใจเมื่อมีหน
สั่งการศิลากาฬให้หวนคืนสู่พลังได้ นอกจากมัน...
่งค่อนวัน ชาวบ้านทั่วทั้งแคว้นต่างหวั่นวิตกเกี่ยวกับข่าวลือของศิลากาฬหรือหินแห่งความตายที่เก็บรักษาไว้ ณ แดนสรวงโสม ถู
ังอำนาจศิลากาฬให้หวนคืนอย่างที่ไม่เกรงกลัวผู้ใด แม้แต่ผู้เฝ้ารักษาที่สืบสา
มยเอาศิลากาฬก่อนจะใช้มันทำลายทวิรมนตราแล้วหายเข้ากลีบเมฆเพื่อรอวันฟื้นคืนพลังเ
ูกกล่าวหาว่าเป็น ‘หัวขโมย’ ครั้นจะตามหาตัวหัวขโมยเพื่อสอบถามความจริงให้กร
่อหน่ายกับคำกล่าวอ้างและเรื่องราวอันไ
ิ้งไว้ตามทางเดินเพื่อรอให้ผู้ใดพบเห็นแล้วหยิบฉวยติดมือกลับบ้าน เพราะนอกจากมันจะถูกเก็บรักษาไว้ในห้องลับ มันยังถ
ริงผ่านสองหู แต่เป็นเพราะเขาเองก็เป็นหนึ่งใน ‘ผู้หลงผิด’ ที่คิดขโมยศิลากาฬมาแล้วครั้ง
ับการศึกษาและเตรียมพร้อมขึ้นเป็นประมุขแห่งหัวเมืองใหญ่ซีซาน เช่นเดียวกับเด็กคนอื่น ๆ อีกเกือบหกสิบคนท
็กที่อายุน้อยที่สุดในรุ่น แต่เขากลับถูกมองว่าทำตัว ‘เด
ย่างที่ถูกกล่าวหา เขาจึงหาทางเอาชนะผู้นำรุ่นอย่างคิเฮย์ คาน
ละยังต้องบำเพ็ญประโยชน์เพื่อส่วนรวมร่วมกับผู้นำรุ่นด้วยการออกล่าปีศาจ กำจัดหมู่มาร ก่อน
รงนี้ ก็พาลให้ซ
นนี้เจ้าตัวจะปั้นสีหน้ายังไง เมื่อรู้ว่าศิลากาฬที่พยายามเฝ้ารักษาดั
้าไร้สภาวะอารมณ์ที่เหมือนแท่นหินสลักชื่อบรรพบุรุษหน้าหลุ
ขวักไขว่ไปมากลางท้องถนนของเขตหัวเมืองใหญ่แห่งซีซาน ที่ซึ่งไม่น่าเป็นไปได้ว่าจะพบเจอคนผู้นี้ที่นี่ ไม่รู้แน่ว่ามีเหตุอันใด แต่ภ
ตนาการจะมาปรากฏตัวขึ้นที่นี่ เพื่อความแน่ใจเขาจึงค่อย ๆ หั
ซาเรย์ถึงกับสะดุ้งตกใจ หันใบหน้ากลับมาเมื่อมั่นใจแล้วว่าชายผู้นั้นค
อย่างใช้ความคิด ก่อนกระตุกยิ้มมุม
อไม่ เพราะถึงแม้ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและคิเฮย์จะเป็นไปได้ไม่ดีนักระ
เปื้อนฝุ่นของตนให้ดูดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อทำ
นเองเรียบร้อยแล้ว ก่อนเห็นแผ่นหลังกว้าง
ยรองคา
ังไม่ทันได้หันกลับไปตามเสียงเรียก ก็พบเข้ากับใ
ทที่ควรทำ เขาเพียงแค่หยุดเดิน ปรายหางตามองไปยังบุรุษที่เดินขึ้นมาขวางหน้า
เรียก หากแต่เป็นเสียงอันเคยคุ้นที่ไม่คาดคิดว่
ี่ไม่ควรจะยุ่งยากเพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัว ฉะนั้นตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมาเขาจ
‘หนักกว่านี้ก็เจอมาแล้ว’ ดังนั้นเขาจึงยังคงวิ่งตามร
ืบเท้าเดินขึ้นมาเทียบไหล่ชายหนุ่ม
ไม่บอกข้าก่อนล่ะ ข้
้างความหงุดหงิดใจหรือรู้สึกไร้ตัวตนสำหรับคนอย่างซาเรย์ เขายังคงพูดนั้น ถา
ไง หนักกว่านี้จากคิเฮย์
เดินแล้วหันหน้าหลุบนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนลง มองไปยังชายหนุ่มผมดำร่างเล็กเพี
ระโยคคำถามไปเสียสิ้น ก่อนจะค่อย ๆ
ักษรบนป้ายเบา ๆ ก่อนจะมุ่นหัวค
ตัวอีกทีคิเฮย์ก็เดินเลยผ่านเขา ข้ามซุ้มประตูเข
หนึ่งในผู้นำสี่ตระกูลใหญ่ของแคว้นไซโดเวีย เขาปกครองเมืองรองทั้งหมด 21 เมือง จัดการงานด้านการศ
จำ เขามุ่งหน้าไปยังตึกไม้หลังใหญ่สองชั้นที่ตั้งตระหง่านท่ามกลางตำหนักน้อยใหญ่หลายหลัง แต่เมื่อมาถึงตีนบ
้กันนั้นยังมีสระบัวขนาดย่อมที่เป็นแหล่งกำเนิดของบัวหลายสายพันธุ์ให้ได้ชม ซึ่งในยามเที่ยงเช่นนี
ุมสีครีมเข้มเดินเลยผ่านทางมา จึงต่างพากันลุกขึ้นยืนทำคว
ศิษย์เหล่านั้นได้พอประมาณ เขาจึงหยุดเดิน หลับตาสูดกลิ่นอายของธรรมชาติเข
นจำต้องทำให้เขาลืมตาขึ้น กวาดนัยน์ตาสีน้ำตา
ังต้นไม้ใหญ่ เมื่อเห็นสายตาคู่สีดำนิลกำลังแลซ้า
่ง แต่เมื่อไม่เห็นสิ่งที่ตนกำลังตามหาจึงได้แต่พ่นลมพองแก้มระบาย
แต่อีกใจก็ยังคงรู้สึกระแวง เมื่อนี่ไม่ใช่วิสัยของคนอย่างซาเรย์ โทจิน แต่ใครจะรู้ เจ้าตัวอาจโตเ
ห้เต็มปอดเป็นรอบที่สอง เมื่อเริ่มรู้สึกดีขึ้นจึงก้าวออกจากหลังต้นไม้ใหญ่เพ
ยังตำหนักของประมุขโทจินได้เพียงแค่เสี้ยวนาที ซึ่งนั่นเป็นเรื่องปกติที่เขามักทำ เมื่อต้องมาทำงานหรือประจำการที่นี่ แต่
จากภายใน เขาจึงก้าวเท้าผ่านบานประตูเดินเลยเข้าไปหยุดยืนหน้าโต๊ะไม้ ก่อนโค้งคำนับผู้
ดการกระทำที่อยู่ตรงหน้า เหลือบนัยน์ตาภายใต้กรอบแว่นขึ้
ี่ซาเรย์ถามถึงก่อนหน้านี้คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากคน
ยู่แล้วเป็นประจำ ในฐานะอาจารย์พิเศษของที่นี่ ต่างจากซาเรย์ผู้เป็นบุตรชายเพียง
่เห็นตัวลูกชายโผล่เข้ามาที่นี่ในรอบหลายปีที่ผ่านมา
ใช่ว่าเขาจะไม่รู้วีรกรรมของบุตรชายเพียงคนเดียวของตนที่มักสร้าง
มองตอบกลับมาด้วยแววกังวลเล็กน้อย แต่เพียงชั่วครู่ความกังวลนั้นก็ถูกแทนที
็นแววความกังวลภายในดวงตาคู่สีน้ำตาลอ่อนนั้น หากจะให้คาดเดาอารมณ์ของบ
รู้ว่าจะตามหาอะไรก่อนกัน" คำกล่าวนั้นเจือไปด้วยน้ำเสียงแห่
ระเอาไว้หลายอย่างภายใต้ความรับผิดชอบของตระกูลและแคว้น น
่อยก็ดีนะ" โอจุนรู้ดีว่าบุตรชายตนเป็นค
ือลง ถอดแว่นตาทรงกลมวางทับไว้ ผุดลุกขึ้นเดินอ้อมโต๊ะทำงานมายังด้านหน้าที่มีโต๊ะอีกตัว
ห่งความอบอุ่นอีกครั้ง "ข้าเองก็ได้ยินข่าวลือเช่นกัน แต่คงไม
ี่อยู่ตรงข้ามโอจุนด้วยท่าทีสำรวม หลังจากนั่งลงแล้วจึงห
่ยกกาน้ำชาขึ้นรินให้ตนเองอีกพร
อย่างไม่เร่งรีบนักก่อนเอ่ย "หากเป็
์ผู้มากความรู้ก็ตามที เพราะการตามหาเทวามารตั้งแต่วันแรกของคำทำนายจวบจน
ถ้วยชาตนออกห่าง แล้วล้วงมือหยิบบางส
ตรงตามสัญชาตญาณของความกลัวที่กำลังก่อตัวขึ้นภายในจิตใจเขา นัยน์ตาสีชาจ้องมองมันราวกับ
้หลุดออกจากปากเขา ด้วยเพราะโอจ
วของศิลากาฬที่ถูกขโมยไปหาใช่เรื่องจริงดั่งคำเล่าลือไม่ เรื่องนี้เขาพอจะรู้อยู่แล
มกลัวหวนคืน อาสภกลั
นิ่งสงบ เย็นยะเยือก แต่ทว่าแข็งกร้าว พูด
มันจับตัวเป็นกลุ่มก้อนสีดำขนาดเล็กเท่ากับผลมะนาวผลหนึ่ง หากแต่ว่ายังค
คู่ มันส่องแสงวาววับหมุนวนสลับสับเปลี่ยนเคลื่อนย้ายตำแหน่งรอยแหว
งหวนคืนสู่อำ
งเข้าหาเส้นขอบของวงล้อม กระจุกรวมตัวกันยังด้านใดด้านหน
ี่มาพร้อมกับความกังวลอย่างไม่อาจปิดบังได้ เขาถอนหายใจเพียงสั้น ๆ
รับกับตนเองอย่างเสียไม่ได้ ว่าในตอนนี้เรื่องที่เกิดขึ้นดูจะรุนแรงกว่าที่เขาคาดการณ์
ีดำเก็บเข้าไว้ภายในอกเสื้อดังเดิม แล้วจึงหยิบถ้วยชาของตนขึ้นจิบ พลางเอ่ยถามเรื่องราวอีกนิดหน่อยจาก
ความหวัง เขาไม่ได้จ้องมองผู้เป็นบิดาหรือบุรุษอีกคนที่นั่งอยู่ภายในห้องนั้น แต
แดงหม่นที่กำลังปรากฏชัดขึ้นค่อย ๆ เลือนลางลงทีละน้อยจนแทบไม่เห็นเค้าลางของตัวอักขระ สร้างความไม่พอใจให้กั
ยบเรื่อย ยืนกอดอกพิงลำต้นแกร่งของต้นไม้ให
วเจอ
นอยู่ที่แดนสรวงโสม คนอย่างคิเฮย์ คานวาเรส ถ้านึกว่าจะหนีซาเ
ตามไปทุกที่ ไม่ว่าจะขึ้นสวรรค์หรือลงแดนปรโลก