จางม่านอวี้ นางสนมล่มเมือง
รา ห่างไปตรงหน้าราวห้าสิบเชี้ยะเป็นประตูบานใหญ่ซึ่งนางคิดว่า คงเป็นประตูวัง จางม่านอวี้มองประตูบานนั้นนิ่ง หากนางก้าวผ่านขอบปร
แปลกทั้งสถานที่และคน อย่างหลังนางถึงกับหนักใจ นางรู้มาว่า คนในวังหลวงแบ่งพรรคแบ่งฝ่าย ต่างแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น แต่ละคนเสมื
เชิญขอรับ ฮ
างม่านอวี้เวลานี้ นางรู้สึกร้อนเท้า แต่ละก้าวที่จางม่านอวี้ก้าวเดินเสมือนเดินบนกองไฟอย่างไงอย่างนั้น คว
ไว้รองรับคำสั่งรองลงมาจากตำหนักใหญ่ พระสนมหลายคนต่างแก่งแย่งชิงดีมาอยู่ตำหนักนี้ แล้วการที่นางมายืนอยู่ตร
้ นางก้าวเดินเข้าไปในตำหนักโดยมีหลินหลินที่ติดตามมารับใช้ด้วยก้าวเท้าเดิน
วมกับนางกำนัลที่ยืนอยู่หน้าตำหนัก แต่ก็ชะเง้อมองประ
นความงามอันเพริศพริ้งสมคำล่ำลือ ดูมีสง่าราศี มีอำนาจบารมีฉายอยู่รอ
ที่ควรใช้คำว่า พอดูได้ เพราะนั่นหมายถึงนางจะไม่มีศัตรูหัวใจเพิ่มขึ้น หน้าตาแบบนี้ฮ่องเต้ไม่เป็น
หมว่า หน้าที่ของเจ
เป็นสนม บิดาได้บอกเรื่องที่นางต้องทำให้รู้ และรอรับคำสั่งจ
มมา
ามาทำงานนี้เพคะ” ฮองเ
จได้ด้วย ซึ่งพ่อของเจ้าเป็นคนของข้า ข้าถึงได้เลือกเจ้าไง พ่อ
ัยชนะมาสู่แคว้นจ้านแทบนับครั้งไม่ถ้วน หลังจากลาออกจากการเป็นแม่ทัพ ฮ่องเต้ได้มอบตำแหน่งเจ้าเมืองหลานหยูให้จางเฟยปกครองดูแล การที่จางเฟยได้รับตำแหน่งนี้ ไม
ฉันจะทำให้เ
องเฮาพูดเช่นนี้หมายความว่า มีเพีย
เป็นตำหนักชั้นในอยู่ใกล้กับตำหนักของพระสน
่โปรดปรานของฮ่องเต้หรือไม่ อยู่ๆ ได้เข้าไปอยู่ในเขตชั้นในมันจะมองได้ว่าข้ามขั้น แล้วหากพระสนมมู่รู้ว่า หม่อมฉ
ู่ งานจะเดินได้ยังไง ตอนนี้พระสนมมู่ขยายอำนาจม
รอบด้าน คิดอ่านไม่เหมือนคนอื่น แยบยลเต็มไปด้วยกลไก แต่บางครั้งความ
อยู่ในตำหนักใกล้เคียง ทั้งที่ในส่วนนั้นล้วนแล้วแต่เป็นตำหนักของพระสนมที่ฮ่องเต้มักไปมาหาสู่บ่อยเสมอ มันจึงดูแปลกตาและน