สามีสุดที่ร้าย ภรรยาสุดที่รัก
หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว หลินซินเหยียนก็เดินออกมา แต่ก็ยังไม่วายหันไปมองห้องลองเสื้อทางด้านซ้าย แต่ประตูกลับปิดสนิทไปแล้ว
“เข้ากับคุณมาก ๆ เลยค่ะ“ พนักงานในร้านเอ่ยด้วยสายตาชื่นชม
หลินกั๋วอันเห็นว่าเหมาะสมจึงเตินไปจ่ายเงิน เมื่อนั้นเขาถึงได้เห็นว่าเดรสชุดนี้ตัวละสามหมื่นกว่า แต่เมื่อคิดว่าเดี๋ยวก็ต้องไปพบคนตระกูลจง เขาจึงกัดฟันยอมจ่าย แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไปเถอะ”
หลินซินเหยียนก้มหน้าเดินตามหลังเขาไปขึ้นรถ
เมื่อรถยนต์เคลื่อนตัวเข้าไปในคฤหาสน์แล้วค่อย ๆ จอดสนิท
ทันทีที่เห็นคฤหาสน์ที่ทันสมัยและโออ่าตรงหน้า หลินซินเหยียนก็กระตุกยิ้มที่มุมปาก
ในขณะที่เธอกับแม่ใช้ชีวิตอย่างลำบากเหมือนตายทั้งเป็น เพราะอาการป่วยของน้องชาย พ่อของเธอกับเมียน้อยกลับใช้ชีวิตกันอย่างมีความสุขที่นี่
“มัวยืนงงอะไรอยู่ตรงนั้น?” หลินกั๋วอันหันกลับมาถามอย่างไม่พอใจ
พอหลินซินเหยียนได้สติก็รีบเดินตามเข้าไป
คนใช้ในบ้านบอกว่าคนจากตระกูลจงยังมาไม่ถึง หลินกั๋วอันจึงให้เธอนั่งรอที่ห้องรับแขก
เปียโนยี่ห้อเซดล์ซันหลังนั้นยังคงตั้งอยู่ข้างหน้าต่างเหมือนเดิม แม่ของเธอซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดตอนเธออายุ 5 ขวบ
ตอนที่เธอยังเด็กเธอชอบมันมาก แต่หลังจากถูกส่งไปอยู่ที่อื่นแล้ว เธอก็ไม่ได้แตะมันอีกเลย
หลินซินเหยียนใช้นิ้วชี้กดลงบนเปียโน เธอออกแรงเพียงเล็กน้อย เสียงไพเราะก็พลันดังกังวานขึ้น
ความรู้สึกที่แสนคุ้นเคยทำให้หัวใจของหลินซินเหยียนสั่นไหวเล็กน้อย
“ใครใช้ให้แกมาแตะต้องของของฉัน !” น้ำเสียงเพราะพริ้งแฝงไปด้วยความเดือดดาลดังขึ้นมาจากด้านหลังเธอ
หลินซินเหยียนหันไปมองด้วยสายตาที่เย็นชา
นี่คงจะเป็นคนที่เธอเรียกว่าน้องสาวสินะ ใบหน้านั้นคล้ายกับเสิ่นซิ่วฉิงผู้เป็นมารดา หน้าตาดูดีไม่เลว
เพียงแต่ท่าทางถลึงตาแยกเขี้ยวตอนนี้ออกจะดูดุร้ายไปหน่อย
“ของของเธออย่างนั้นเหรอ?” นัยน์ตาหลินซินเหยียนฉายแววเย็นเยียบ
พวกเธอทำลายชีวิตแต่งงานของแม่ และยังเสวยสุขอยู่บนทรัพย์สัมบัติของแม่ฉัน ตอนนี้กระทั่งเปียโนหลังนี้ก็ยังกลายเป็นของหล่อนไปแล้วงั้นเหรอ?
“เธอ... เธอคือหลินซินเหยียน!” หลินหวี่หานนึกขึ้นได้
หลินหวี่หานยังจำตอนที่คุณพ่อส่งพวกเธอแม่ลูกไปอยู่เมืองนอกได้ดี ตอนนั้นหลินซินเหยียนคุกเข่าวิงวอนอย่างน่าเวทนา
“คุณพ่อรับเธอกลับมาแล้ว เธอคงดีใจมากสินะ?” หลินหวี่หานกอดอกมองเธอด้วยสายตาดูแคลน “อย่าเพิ่งได้ใจไปล่ะ คุณพ่อก็แค่จะจับเธอแต่งงานกับตระกูลจงก็เท่านั้นแหละ ได้ยินว่าผู้ชายคนนั้น...”
หลินหวี่หานว่าแล้วก็ป้องปากหัวเราะเยาะเย้ย
แต่งงานกับคนพิการ ชีวิตก็พังไปทั้งชีวิตแล้วไม่ใช่หรือไง?
หลินซินเหยียนขมวดคิ้วมุ่น
“คนจากตระกูลจงมาแล้วค่ะ” ทันใดนั้นเอง คนใช้ก็เข้ามารายงาน
หลินกั๋วอันรีบร้อนออกไปต้อนรับ
หลินซินเหยียนยืนนิ่งอยู่ที่เดิม และในตอนนั้นเองเธอก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งถูกเข็นเข้ามา
หลินซินเหยียนพลันอึ้งไป
นี่มันไม่ใช่ผู้ชายที่เธอเห็นในห้องลองเสื้อหรอกเหรอ
เขาคือคุณชายใหญ่แห่งตระกูลจงจริง ๆ ด้วย!
แต่ตอนนั้นเธอเห็นเขายืนได้ชัด ๆ แถมยังโอบกอดผู้หญิงคนนั้นด้วย
นี่มันเรื่องอะไรกัน?
“ซินเหยียนมานี่เร็ว นี่คือคุณจงแห่งตระกูลจง”
หลินกั๋วอันดึงเธอไปอยู่ตรงหน้าจงจิ่งเฮ่า ก่อนจะค้อมตัวลงยิ้มอย่างประจบเอาใจ “คุณจงครับ นี่เหยียนเหยียน ลูกสาวผมเองครับ”
สายตาของจงจิ่งเฮ่าจ้องมองไปที่ร่างหลินซินเหยียนแล้วขมวดคิ้วแน่น
ก่อนที่แม่เขาจะตายก็เอาแต่พร่ำบอกเรื่องการแต่งงานนี้ เขาจึงไม่อาจปฏิเสธได้ ดังนั้นหลังจากเกิดอุบัติเหตุ เขาจึงจงใจปล่อยข่าวลือออกไป เพื่อหวังให้ตระกูลหลินเปลี่ยนใจ
เมื่อเห็นจงจิ่งเฮ่าเอาแต่เงียบ สีหน้าเครียดขรึมลงทุกที หลินกั๋วอันก็นึกว่าเขาไม่พอใจ จึงรีบกล่าวอธิบาย “เหยียนเหยียนเพิ่งจะอายุ 18 เอาไว้โตขึ้นกว่านี้อีกหน่อยจะต้องสวยมากแน่ ๆ ”
จงจิ่งเฮ่ายิ้มลึกซึ้ง “ผมไปทำงานที่ต่างประเทศ ไม่ทันระวังก็เลยได้รับบาดเจ็บ ขาคงเดินเหินไม่ได้แล้ว การใช้ชีวิตฉันสามีภรรยาก็คง...”
“ฉันไม่ถือค่ะ” หลินซินเหยียนตอบขึ้นทันที
ขอแค่แต่งงานเข้าตระกูลจงได้ก็จะสามารถเอาสินเดิมของแม่กลับคืนมาได้แล้ว ตอนนี้ต่อให้ต้องแต่งงานวันแรกแล้วหย่าในวันที่สอง เธอก็ตอบตกลงทั้งนั้น
หลินซินเหยียนใช้โอกาสนั้น และมองแผนการของจงจิ่งเฮ่าออกว่าเขาต้องการอะไร
คงเป็นเพราะผู้หญิงคนนั้น เขาถึงได้นั่งรถเข็นมาที่บ้านตระกูลหลิน และคิดจะทำให้ตระกูลหลินเป็นฝ่ายเปลี่ยนใจจากการแต่งงานครั้งนี้ไปเสียเอง
แต่เขาคงคิดไม่ถึงว่าหลินกั๋วอันจะสละลูกสาวที่เป็นลูกชังมาให้ทำตามข้อตกลง
จงจิ่งเฮ่าหรี่ตามองเธออย่างสงสัย
หลินซินเหยียนถูกจ้องมองจนเสียวสันหลัง เธอรู้สึกขมขื่นอยู่ในใจ ทำไมฉันจะต้องเต็มใจอยากแต่งงานเข้าตระกูลจงด้วยล่ะ?
แต่ถ้าไม่ตอบตกลงเธอจะกลับประเทศได้ยังไงกัน แล้วจะเอาทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของแม่เธอคืนมาได้ยังไง?
หลินซินเหยียนระบายยิ้ม “เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องที่ถูกกำหนดเอาไว้ตั้งแต่เรายังเด็ก ตอนนี้ไม่ว่าคุณจะเป็นยังไง ฉันก็ยังควรจะต้องแต่งงานกับคุณ”
จงจิ่งเฮ่าลุ่มลึกขึ้นกว่าเดิม ผู้หญิงคนนี้ฝีปากไม่เลว
หลินกั๋วอันฟังไม่ออกถึงความผิดปกติอันใด จึงถามหยั่งเชิงออกไป “เรื่องการแต่งงาน”
จงจิ่งเฮ่ามองหน้าหลินซินเหยียนด้วยแววตาล้ำลึก “ทำตามข้อตกลงครับ”
หลินซินเหยียนหลับตาลง เธอจัดการกับความคิดและอารมณ์ของตัวเองอยู่ จึงไม่กล้ามองเขา เห็นได้ชัดว่าเขาเองก็ไม่พอใจกับการแต่งงานครั้งนี้
“ถ้าต่อไปเหยียนเหยียนของเราทำอะไรไม่ดี ก็ต้องรบกวนคุณจงช่วยชี้แนะด้วยนะครับ” หลินกั๋วอันยิ้มกว้าง
ใช้ลูกสาวที่ไม่เอาไหนคนหนึ่งไปแต่งงานเกี่ยวดองกับตระกูลจง ย่อมเป็นเรื่องดีอยู่แล้ว
เขาโน้มตัวลงไปเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มอีกครั้ง “ผมให้คนเตรียมอาหารเย็นไว้เรียบร้อยแล้ว คุณจงอยู่ทานอาหารเย็นด้วยกันก่อนค่อยกลับนะครับ”
“ไม่ต้องหรอกครับ ผมยังมีธุระอีก” จงจิ่งเฮ่าปฏิเสธ
กวนจิ้นเข็นเขาออกไปด้านนอก ทว่าขณะที่เขากำลังจะผ่านเลยหลินซินเหยียนไปนั้น จงจิ่งเฮ่าก็ยกมือขึ้น รถเข็นก็พลันหยุดลง
เขาเหลือบตาขึ้นมอง “คุณหลินพอจะมีเวลาว่างหรือเปล่าครับ?”
แม้จะเป็นคำถาม แต่น้ำเสียงของเขากลับชวนให้คนรู้สึกว่าไม่อาจปฏิเสธได้
หลินซินเหยียนพยักหน้า ดูท่าเขาคงมีเรื่องอยากจะพูดกับเธอ
เธอเองก็มีเรื่องจะพูดกับเขาเหมือนกัน
หลินกั๋วอันเตือนหลินซินเหยียนด้วยสายตา “ทำอะไรให้รู้จักมีขอบเขตด้วย”
หลินซินเหยียนทำเหมือนไม่ได้ยิน ก่อนจะรีบตามเขาไป
จงจิ่งเฮ่าหันรถเข็นกลับมา ดวงตาคู่นั้นหรี่ลง “จะแต่งงานกับผมโดยที่ไม่สนว่าผมจะพิกลพิการอย่างนั้นหรอ? คุณหลินนี่ช่างไม่เรื่องมากดีจริง ๆ ชอบผมตรงไหนเหรอ? เงินทอง อยากเป็นคุณนายตระกูลใหญ่โตขนาดนั้นเลยเหรอ?
หลินซินเหยียนถูกจ้องมองจนรู้สึกชาวาบไปทั้งตัวเธอฝืนทำนิ่งก่อนจะถามขึ้น “คุณเองก็กำลังเสแสร้งอยู่ไม่ใช่หรือไง?”