สามีสุดที่ร้าย ภรรยาสุดที่รัก
จงจิ่งเฮ่ามองหลินซินเหยียนด้วยสายตาเย็นเยียบ ก่อนจะลุกขึ้นเสียเลย แล้วค่อย ๆ เดินเข้ามาหาเธอทีละก้าว
“ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง ดูเหมือนคุณหลินจะรู้อะไรมาไม่น้อยเลยนะครับ ผมประเมินคุณต่ำเกินไปจริง ๆ อยากเป็นคุณนายตระกูลใหญ่โตถึงขนาดนั้นเลยเหรอ? จงจิ่งเฮ่ากล่าวอย่างเย็นชา “บอกมา คุณต้องการเท่าไรถึงจะยอมถอนหมั้น?”
หลินซินเหยียนจ้องเขาด้วยสายตาเดือดโทสะ เธอเอ่ย “ฉันหมั้นหมายกับคุณจงตั้งแต่ฉันอายุสองขวบ หรือตอนนั้นตัวฉันก็รู้จักคำว่าทรัพย์สมบัติแล้ว และรู้จักว่าการเป็นคุณนายตระกูลใหญ่โตมันดียังไงแล้วอย่างนั้นเหรอคะ? หรือว่าฉันบังคับให้แม่คุณกับแม่ฉันกำหนดการหมั้นหมายขึ้นมาอย่างนั้นเหรอคะ?”
จงจิ่งเฮ่าหัวเราะเย็น ๆ ผู้หญิงคนนี้ช่างรู้จักพูดจาเสียจริง
“ตอนฉัน 2 ขวบ คุณจงอายุ 10 ขวบ ฉันไม่คิดสนใจผู้ชายที่แก่กว่าฉันถึง 8 ปีหรอกค่ะ” เวลาหลินซินเหยียนเลือดขึ้นหน้าขึ้นมา ใครก็เอาเธอไม่อยู่
สีหน้าของจงจิ่งเฮ่าไม่น่ามองขึ้นทุกที
ผู้หญิงคนนี้แค่รู้จักพูดจาที่ไหนกัน เรียกว่าปากคอเราะร้ายเลยต่างหาก!
ปากร้ายนัก!
เขาแก่งั้นเหรอ?
ขณะนั้นคล้ายกับมีกลิ่นดินปืนคลุ้งอยู่ในอากาศ
หลินซินเหยียนสังเกตได้ว่าสีหน้าเขาไม่น่ามองเอามาก ๆ เธอเม้มริมฝีปาก เธอแต่งงานเข้าไปในตระกูลจงก็เพราะหลินกั๋วอันรับปากว่าจะคืนทรัพย์สมบัติให้กับแม่ของเธอ ไม่ได้แต่งเข้าไปเป็นศัตรูกับผู้ชายคนนี้สักหน่อย
“คุณจงคะ ฉันรู้ว่าคุณไม่อยากแต่งงานกับฉัน” หลินซินเหยียนผ่อนน้ำเสียง พร้อมกับปรับท่าทีให้อ่อนลง
เธอพูดจบก็ตั้งใจเว้นววรคเพื่อดูสีหน้าเขา สีหน้าเขาเปลี่ยนแปลงไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทว่าเธอก็ยังจับสังเกตได้
“คุณจงคะ เรามาทำข้อตกลงกันดีกว่า” หลินซินเหยียนเอ่ยขึ้น แววตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความแน่วแน่
“เฮอะ” จงจิ่งเฮ่าแค่นหัวเราะเสียงเย็น “แล้วคุณหลินมีอะไรมาต่อรองกับผมล่ะ
หลินซินเหยียนใคร่ครวญอยู่เพียงเสี้ยววินาที จากนั้นก็เอ่ยออกไปเบา ๆ “หลังจากแต่งงานได้หนึ่งเดือน ฉันจะหย่าให้คุณ”
จงจิ่งเฮ่าขมวดคิ้วมุ่น “นี่เป็นข้อต่อรองของคุณเหรอ”
“การแต่งงานครั้งนี้เป็นเรื่องที่แม่คุณกับแม่ฉันตกลงกัน เราไม่อาจผิดสัญญาได้ แต่หลังจากที่เราแต่งงานกันแล้วก็ได้พบว่าเราเข้ากันไม่ได้ จะหย่ากันก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ ถึงตอนนั้นคุณก็ไม่ต้องอยู่กับผู้หญิงที่คุณไม่ได้รักไปทั้งชีวิตแล้ว”
หลินซินเหยียนพูดถึงตรงนี้ก็หรี่ตาลง “ฉันคิดว่าคุณจงเองคงมีคนที่ตัวเองรักอยู่แล้ว ถึงได้ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ตระกูลหลินผิดสัญญาไม่ใช่เหรอคะ?”
สีหน้าของจงจิ่งเฮ่าพลันขรึมลง ก่อนจะเอ่ยเสียงขุ่น “นี่ไม่ใช่เรื่องที่คุณที่ต้องมายุ่ง”
เขามองใบหน้าที่แสร้งทำสงบนิ่งของเธอ “แล้วคุณจะได้อะไรกับการแต่งงานเดือนนึงนี่?”
จงจิ่งเฮ่าคงไม่เชื่อว่าเธอจะทำเพื่อเขาหรอก
หัวใจเธอบีบรัดขึ้นมา จะบอกว่าเพื่อทรัพย์สมบัติของแม่ก็คงไม่ได้
เธอหันกลับไปมองเขา “แม่ฉันให้ความสำคัญกับการแต่งงานครั้้งนี้มาก แม่สุขภาพไม่ดี ฉันไม่อยากทำให้แม่ผิดหวัง”
“งั้นเหรอ?” น้ำเสียงของจงจิ่งเฮ่าแฝงไปด้วยความระแวงชอบกล ราวกับอ่านความคิดเธอออก
ขณะที่เธอยังไม่ทันตั้งตัวนั้นเอง เสียงโทรศัพท์เขาก็ดังขึ้น ทำเอาหลินซินเหยียนราวกับถูกหนามแทงเข้ากลางหลัง
จงจิ่งเฮ่าเหลือบไปมองเธอ แล้วหยิบโทรศัพท์ออกมา เมื่อเห็นชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอแล้วสีหน้าเขาก็พลันอ่อนลง เขาหันไปรับโทรศัพท์ จากนั้นก็หันกลับมาคล้ายกับนึกอะไรขึ้นมาได้ “ในเมื่อแค่เดือนเดียว เราก็ไม่จำเป็นต้องมีงานแต่งงานหรอก”
หลินซินเหยียนพยักหน้า “ได้”
สามวันต่อมา กวนจิ้นมารับหลินซินเหยียน
ไม่มีพิธีแต่งงาน ไม่มีงานเลี้ยง
ทว่าหลินซินเหยียนก็มิได้ขุ่นเคืองใจแต่อย่างใด เพราะรู้ดีว่านี่เป็นการตกลงเพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน
รถยนต์จอดลงหน้าคฤหาสน์
คฤหาสน์ใหญ่โตโอ่อ่าที่สร้างจากหินกินพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล
“เข้าไปได้แล้ว” กวนจิ้นผายมือเชิญ
เขาไม่ได้ทำตัวดีกับเธอนัก และไม่มีท่าทางประจบประแจงเธอด้วย เขาน่าจะรู้ว่าเธอไม่ใช่นายหญิงตัวจริงของที่นี่ ถึงได้ปฏิบัติกับเธอแบบนั้น
ถึงแม้บ้านจะใหญ่โต แต่กลับมีคนไม่มากนัก มีแค่คนใช้หนึ่งคน กวนจิ้นก็ไม่ได้แนะนำอะไรเธอมากนัก เขาแค่พาเธอเข้ามาแล้วก็จากไป
หลินซินเหยียนรู้สึกไม่ชินเล็กน้อย
“ดิฉันมีหน้าที่ดูแลคุณจง คุณเรียกฉันว่าป้าหวีก็ได้ หากต้องการอะไรก็บอกฉันได้นะคะ” ป้าหวีพาเธอไปที่ห้อง
ระยะเวลาเดือนเดียวไม่ได้ยาวนานอะไร หลินซินเหยียนจึงนำข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวมาเอง ถึงแม้ว่าอาจจะไม่ได้รบกวนเธอ แต่ก็ยังต้องตอบรับออกไปว่า “ค่ะ”
ป้าหวีเปิดประตูห้องแล้วหันมามองเธอ จากนั้นขยับริมฝีปาก ก่อนจะถอนหายใจ “วันนี้เป็นวันเกิดของคุณไป๋ คืนนี้คุณจงอาจจะไม่กลับมานะคะ”