อุ่นไอรักตำหนักเหมยพันปี
จเมื่ออย่างน้อยตนก็เลือกสวมเสื้อผ้ามาถูกสำหรับอากาศแบบนี้ เขาเดินออกจากตำหนักได้สองสามก้าวก็หันม
ลั่วซินเอ่ยนามของคนที่
จะตกผลึกความคิดเขียนออกมาได้ เขาจึงจะใช้เวลาระหว่างนี้หาเบาะแสว่า
ามเฟยผู่เป็นเบาะแสที่ดี ผู
รผ่านศึกซึ่งสังกัดภายใต้กรมกลาโหม ถามหาชื
หวังเสียชีว
ผู้นั้นอาจมีชีวิตยืนยาวอย
ในหน้าที่จ
าฏิหาริย์ประเภทท่านกบดานอยู่ที่ไหนสักแห่งโดยที่เสียความทรงจำ หรือยังหาทางกลับบ้านเกิดไม่ได้ หรือใช
ะมีคนมา
ยู่ที่ใดไหมขอรับ? จะไปเ
็นอะไรก
ทัพ” ลั่วซินวางมือทั้งสองข้างบนโต๊ะ โน้มต
มกรมคลังที่ดูแลเรื่องทะเบียนราษฎร์ บางทีทางฝ่ายโน้นอาจใจดีกว่า แต่ที่นี่เราไม่ทำเรื่องเช่นนั้น อีกอย่าง ค
.
ีธุระอื่
ยังกรมคลัง แต่แน่นอนว่ากับเรื่องแบบนี้ ทางราชการม
พึ่งหน่วยงานราชการไม่ได้ ต้องหาทางอื่น พอกลับถึงถนนหน้า
เหมยมิใช่รึ?” อีกฝ่ายเรียกไว้ “ออกม
ในตำหนัก ทหารยามคนนั้นไล่มาทันและกำลังจะพูดจาสั่งสอนสักหลายประโยคไม่ให้อ
ึ?” เจ้าของตำห
ข้าแค่วิ่งยื
มาในวันนี้แทน เขาไม่กล้าพูดว่าหวังเฟยผู่เสียชีวิตแน่แล้วต่ออ้ายชุนที่มอง
ะเป็นเช่นนั้น เจ
าดื่มถ้วยหนึ่ง รวมทั้งเลื่อนถาดใบชาทอดกรอบมาตรงหน้าให้ทาน หัวใจข
ันรสชาติเหมือนชา สมแล้วที่
าวกับไม่พอใจ
คิดว่าวันนี้รับประ
มายจ
ารเดินมาทั้งวันเริ่มผ่อนคลาย เขาเล่าให้อ้ายชุนฟังว่าวันนี้ไป
จจะต้องใช้เบาะแสมากกว่าช
ิ่งสักพัก สุ
ม่มีชื่อสถานที่เจาะจงหรือรายละเอียดจะเล่าให้ฟัง มี
มองข้ามบางสิ่งไป” ลั่วซินแย้ง คนฟังเอี
ยชุนจัดท่านั่งใหม่ ยืดตัวขึ้น สูดหายใจลึก “อาจ