หนังสือของ มาชาวีร์
คลื่นรักอสูร
(คลื่นรักอสูร) ...เพราะเธอขึ้นเรือผิดลำ คลื่นร้ายจึงซัดแทบกระเจิง... “เธอมันก็แค่ผู้หญิงขายตัว จะมาทำเล่นตัวเรื่องมากไม่ได้รู้ไหม ต่อให้เป็นสินค้าด้อยคุณภาพยังไงก็เถอะ ก็ต้องหัดรู้จักตามใจแขกบ้าง แต่นี่อะไรหาเรื่องใส่ตัวแท้ ๆ คนสอนไม่บอกหรือยังไงว่าไอ้ละครเล่นตัวนี่มันน่ารำคาญไม่ได้ดึงดูดลูกค้าเลย” บารเมษฐ์ต่อว่าพร้อมกวาดสายตามองเหยียดหยามตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ก่อนคลายมือออกจากปลายคางอย่างช้า ๆ “ฉันไม่ได้มาขายตัวสักหน่อย” คนได้รับอิสรภาพรีบบอกเขา “หืม” เขาทำหน้าไม่เชื่อ “ฉันแค่ขึ้นเรือผิดลำ ฉันไม่ได้มาขายตัวจริง ๆ คุณอย่าทำอะไรฉันเลยนะคะคุณบารเมษฐ์” วินาทีนี้เธอกลัวเขามากกว่าใครบนเรือลำนี้เสียอีก เลยเลือกที่จะบอกความจริงกับเขาไป “ขึ้นเรือผิดลำ?” คนพูดหรี่ตาลงอย่างสงสัย “ใช่ค่ะ ฉันขึ้นเรือผิดลำจริง ๆ” “แบบนี้นี่เอง มิน่าล่ะสองคนในห้องเครื่องนั่นถึงได้ลุกลี้ลุกลนนัก” บารเมษฐ์นึกไปถึงท่าทางของอนุชิตกับธาวิน ซึ่งดูเหมือนมีเรื่องเป็นกังวลอยู่ตลอดเวลา “คุณรู้แบบนี้แล้วก็ปล่อยฉันไปเถอะคุณบารเมษฐ์ อย่าทำอะไรฉันเลยนะคะ” นีนนาราขอความเห็นใจจากเขา แต่สายตาที่เขามองกลับมานั้นมันว่างเปล่าชอบกล “รู้อะไรไหมนีนเรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของฉันเลย เธอเป็นคนอยู่ผิดที่ผิดทางเอง เพราะงั้นเธอก็ต้องรับสภาพที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้เองเหมือนกัน” “ห้ะ คุณ นี่คุณ คุณทำไมเป็นคนไม่มีเหตุผลแบบนี้” หญิงสาวต่อว่าเขา ก่อนจะหน้าซีดหน้าเซียวลง เพราะเสียงหัวเราะเบา ๆ ในลำคอของเขาบ่งชัดว่าคืนนี้เธอไม่รอดแน่ “ปล่อยฉันนะ! ปล่อย!” นีนนาราดิ้นหนีเขาก็จับกดลงที่เดิม “งานก็คืองานนะคนสวย มาขายตัวก็คือมาขายตัว อย่าทำเสียเรื่องสินีน” บารเมษฐ์ย่อมเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งอยู่แล้ว เขาอยากรู้ว่าผู้หญิงคนนี้จะมาไม้ไหนอีกแน่ “ก็บอกว่าไม่ใช่ยังไงล่ะ ว้าย!”
ลมหายใจของตาย
"ทำเป็นพูดดียกโน่นนี่มาอ้างที่แท้ก็ไม่มีปัญญาพาแฟนมาด้วย เป็นไงล่ะเลยมานั่งอิจฉาจ้องดาเสียตาแทบจะหลุดออกมาจากเบ้าอย่างนี้งั้นสิ" พิธานพูดจบก็ดึงหญิงสาวด้านข้างเข้ามาหอมแก้มอวดเพื่อนรักให้กระอักหัวใจเล่น "อีโธ่ ทำมาเป็นอวดใครมันจะโชคดีมีของดีของตายอย่างแกล่ะ เรียกเมื่อไหร่ก็มาปฏิเสธสักครั้งก็ไม่เคย" "พอๆ เลิกพูดมาดื่มได้แล้วไอ้อั๋น" ศรันย์ราชไม่ได้คิดก่อนพูด และพิธานก็ไม่ได้ตำหนิในคำพูดของเพื่อน คนที่ต้องกระอักและหนาวเหน็บไปทั้งหัวใจกลับเป็นหญิงสาวเพียงคนเดียวที่นั่งอยู่ตรงนี้ ของตาย คำนี้ไม่เคยคิดถึงมาก่อน และการที่ผู้ชายสองคนนี้เอ่ยมันออกมาเหมือนเป็นเรื่องปกติ นั่นย่อมหมายความว่าในสายตาของพิธาน เธอเป็นแค่ ของตาย
เมียร้อนจำยอมรัก
"หัวใจ ความรัก และภักดี เขาจะเลือกอย่างไหน" “ไอ้เพชรแกเอาไป นี่เมียแก!” หญิงสาวที่อยู่ในชุดนอนมีร่องรอยฉีกขาด ถูกผลักเข้าไปในกระท่อมเก่าซอมซ่อของพัชระหรือทุกคนเรียกกันว่า เพชร ซึ่งเป็นเพียงช่างคนหนึ่งในไร่ชาของที่นี่ “คุณจันทร์นี่มันอะไรกันครับ” เจ้าของหนวดเคราครอบหน้าหันไปมองคนบนพื้นแล้วหันมาถามนางจันทร์นิล ด้านหลังก็มีลูกน้องของเจ้านายอีกสองคน “นังอ้อนมันร่านไง มันมาอ่อยผัวลูกสาวฉัน ไอ้เพชรฉันยกนังอ้อนให้แกจัดการ” นางจันทร์นิลชี้นิ้วใส่ลูกเมียน้อยของสามีอย่างจงเกลียดจงชัง “จัดการยังไงครับคุณจันทร์” พัชระได้ยินว่าคนที่ตนแอบรักถูกทำร้าย แววตาของเขาก็ประกายแข็งกร้าวขึ้นด้วยความโกรธ “ก็จัดการมันให้เป็นเมียแกซะ เดี๋ยวนี้เลย!” (เมียร้อนจำยอมรัก)
จอมโจรไฟมาร
หื่น โหด เหี้ยม นั่นแหละเขา ไฟมาร!!! "เป็นเมียข้าไม่น่ากลัวสักนิด เมียข้าเจ้าชื่ออะไร" ไฟมารถามขณะที่สายตากวาดมองทั่วร่างงามของนางราวกับจะประมาณว่า ถ้าเลยลงไปส่วนอื่นมันจะงามล้ำปานใด "ตอบ! " เขาตะคอกเมื่อนางไม่ยอมปริปากบอกออกมา "กอพเยีย" นางรีบร้อนตอบด้วยความกลัว "กอ-พะ-เยีย ใครมันช่างตั้งชื่อให้เรียกยากเพียงนี้" ไม่พูดเปล่ามือสากก็เคลื่อนไปดึงมือของนางออกจากอกงามอย่างช้าๆ "มะ...ไม่ อย่า...ทำข้าเลย" น้ำเสียงสั่นเครือร้องขอน้ำตาก็ปิ่มจะย้อยหยดออกจากเบ้า "ข้าบอกแล้วไง ว่าเป็นเมียข้าไม่น่ากลัวสักนิด" ไฟมารยิ้ม หาได้ใส่ใจต่อคำขอของนางไม่ เคลื่อนตัวเข้าหาอีกคนอย่างช้าๆ "ไม่! " ด้วยความกลัวกอพเยียถึงกับกรีดร้องออกมาดั่งคนเสียสติ ยกมือทุบตีหน้าอกของจอมโจรเป็นพัลวัน "ยอมดีๆ ไม่ชอบนะกอพเยีย" ไฟมารคำรามด้วยความโมโหในอาการคล้ายคนจิตกระเจิงของนาง กดนิ้วลงบนต้นแขนนุ่มสุดแรงเกิด "โอ๊ย ไอ้คนชั่ว! ไอ้ถ่อย! " นางลืมกระทั่งความกลัว ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยได้ถูกกระทำต่ำช้าถึงเพียงนี้ น้ำตาพังทลายออกมาระลอกแล้วระลอกเล่าด้วยความเจ็บ (จอมโจรไฟมาร)
อ้อมสิเน่หาจอมบาป
“ฉันดูแลเธอดีขนาดนี้ แต่เธอมันเลี้ยงไม่เชื่องบีจี!” ถุงใส่ยาบำรุงครรภ์ลอยละลิ่วผ่านหน้าของหญิงสาวที่กำลังนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่บนโซฟาไปกองอยู่บนพื้นห้อง “บอกมาไอ้ผู้ชายคนนั้นมันเป็นใคร” แอลถึงกับสติขาดสะบั้นกับเรื่องที่ได้รับรู้มา รับไม่ได้ที่มินจันทร์ตั้งท้องได้สี่สัปดาห์ นั่นหมายความว่าก่อนที่จะมาอยู่กับเขาหญิงสาวต้องเคยมีความสัมพันธ์กับชายอื่นมาก่อน แอลไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงได้รู้สึกโกรธมากมายขนาดนี้ “ฉันไม่รู้” คนใจเสียส่ายหน้าไปมาทั้งน้ำตา เธอจะไปรู้ได้อย่างไรว่าไอ้ผู้ชายในค่ำคืนนั้นเป็นใครในเมื่อไม่ได้เห็นหน้าค่าตากันแบบชัดเจน “ร่านขนาดนี้ยังกล้ามาทำตัวไร้เดียงสาใสซื่อกับฉันอีกนะบีจี ทั้งที่ข้างในเน่าเฟะไปถึงไหนต่อไหนแล้ว” (อ้อมสิเน่หาจอมบาป)
รักระทวย
บุหรี่ เหล้า น้ำหอม เอรินแพ้หมด แต่เจ้านายคนใหม่ของหญิงสาวมีครบทุกสิ่งที่เอ่ยมา คนหนึ่งถูกทิ้งมาอีกคนชีวิตน่าเบื่อหน่าย เมื่อทั้งคู่มาพบเจอกันในวันเวลาที่เหมาะสม ความปรารถนาก่อตัวขึ้น เกิดเป็นเกลียวสวาทที่ตัดกันไม่ขาดอีกต่อไป “ริน” เสียงเรียกเนิบ ๆ ทำให้เอรินหยุดดิ้นรน เงยหน้าขึ้นมาก็เจอสายตาหยาดเยิ้มจากเขา สายตาที่เธอไม่เคยเห็นจากที่ไหนมาก่อน หัวใจเริ่มเต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนลมหายใจจะติดขัดจากประโยคถัดมาของเขา “มาลองกันสักครั้งดูไหม” เอรินไม่เคยผ่านประสบการณ์ด้านความรัก แต่ด้วยอายุอานามหญิงสาว กลับมีความต้องการตามธรรมชาติของร่างกาย ทว่ายังไม่เคยเจอผู้ชายคนไหนที่ถูกใจมาก่อน ต่างกับคริสเขาดูดีทุกอย่าง เพียบพร้อมไปหมด แต่เธอห้ามใจเอาไว้ไม่ให้หลงใหลได้ปลื้มเขา เพราะคิดว่าเขามีคนรักอยู่แล้ว ทว่าวันนี้เขากลับมายื่นข้อเสนอแบบนี้กับเธอ หญิงสาวคิดไม่ตกทำตัวเริ่มไม่ถูกแล้วเหมือนกัน เผลอยกมือขึ้นถูหลังหูแบบลืมตัว “ว่าไง” คริสขยับเข้ามานั่งชิดกับเอริน เขาดันปลายคางของหญิงสาวเข้ามาหา “ลองจูบดูก่อนก็ได้ ถ้าไม่โอเคก็ปฏิเสธผมจะหยุดทันทีดีไหม” เขาแนะทางออกให้เอริน “แบบนั้นรินก็ใจง่ายสิคะ” ใจหนึ่งของเอรินอยากลองอีกใจก็ขลาดกลัว “ผมก็ใจง่ายมีอะไรกับผู้หญิงง่าย ๆ หมดแหละ” รอยยิ้มเท่ ๆ จากเขาทำผู้หญิงละลายมาหลายคน แต่กับเอรินทำไมถึงได้ดูตื่นตะลึงไปหมดแบบนี้ หญิงสาวเม้มริมฝีปากเข้าออกเป็นจังหวะ จะพูดก็ไม่พูดอึกอักจนน่าหงุดหงิด “ผมไม่ใช่สเปกว่างั้น” “ไม่ใช่ค่ะ” เธอชอบเขาจะตายไป หล่อคมเข้มสูงยาวเข่าดีมีใครบ้างไม่ชอบ “งั้นทำไมไม่ลองดูล่ะ เราโต ๆ กันแล้ว เรื่องแบบนี้มันก็ปกติจะตายไป” คริสเปลี่ยนเสียงให้นุ่มทุ้มหูขึ้น ทำให้เอรินหน้าเห่อร้อน ยกนิ้วทัดเส้นผมตรงใบหูทั้งที่ไม่ได้มีลมพัดมาสักแอะเดียว เริ่มร้อน ๆ หนาว ๆ กับสายตาที่เปลี่ยนไปของเจ้านาย “จูบ” คริสเอ่ยขึ้นพร้อมกับเลื่อนฝ่ามือไปจับท้ายทอยของเอริน เขาดึงแว่นตาออกวางไว้บนโต๊ะ (รักระทวย)
ดวงใจแค้นแสนรัก
“น้องเอยกลับบ้านได้แล้วครับ” เสียงเรียกของคนด้านข้างทำให้คนที่นอนเหม่อหันหน้ามามองเขาอย่างงุนงง “คะพี่กันต์ ว่าอะไรนะคะเมื่อกี้นี้” พรธีราเอียงหน้าถามเขาเหมือนคิดว่าตัวเองฟังผิดไป “ค้างห้องพี่ไม่ได้นะครับ” นวินตอกย้ำในสิ่งที่เธอได้ยินก่อนหน้านี้ “เหรอคะ” หญิงสาวไม่คิดจะนอนค้างห้องของเขาอยู่แล้ว แค่แปลกใจทำไมเขาพูดเหมือนไล่หลังเสร็จสมอารมณ์หมายแบบนี้ “พี่ไม่เคยให้ผู้หญิงคนไหนค้างที่ห้องนี้ ไม่เว้นแม้แต่น้องเอยนะครับ” พรธีราเหมือนถูกเขาตบหน้าฉาดใหญ่ หญิงสาวดึงผ้าห่มขึ้นปิดเนินอกเอาไว้ มองเขาเหมือนคนแปลกหน้า สีหน้าและแววตาของเขาแตกต่างจากเดิม ราวกับหน้ามือหลังมือไม่มีผิ “ทำไมมองพี่แบบนั้นล่ะครับ” รอยยิ้มของคนพูดดูเจ้าเล่ห์จนอีกคนนึกใจเสีย หัวใจเต้นแรงเม็ดเหงื่อผุดขึ้นตรงขมับ แล้วเอ่ยเสียงสั่น ๆ ออกมา “เอยนึกว่าเราเป็นแฟนกันเสียอีก” “หืม พี่เคยบอกแบบนั้นเหรอครับ” (ดวงใจแค้นแสนรัก)
คืนยั่วรัก
เธอแค่อยากเมาให้ลืมเขา ไม่ใช่เมาแล้วไปเข้าห้องคนอื่นแบบนี้ ความซวยจึงบังเกิด ความฉิบหายก็ตามมา ทว่าเรื่องบางอย่างก็อยู่เหนือความคาดหมายเหมือนกัน “คุณจะต้องเสียใจนะคุณแพร ถ้าคุณยังไม่หยุดลูบผมอยู่แบบนี้” เขาเตือนคนที่ลูบมือสะเปะสะปะไปทั่วร่างกายของเขา แต่อีกฝ่ายกลับยิ้มยั่วใส่ ตาเยิ้ม ๆ แบบนี้บอกว่าเมาได้ที่แล้วแน่ ๆ เขาพยายามหักห้ามใจตัวเองเอาไว้ แต่แล้วแม่เจ้าประคุณกลับบนสะโพก ลงบนน้องชายเขาอย่างตั้งใจ “นี่คุณ ยะอย่า” ธีรเมทห้ามไม่ทัน เขาเผลอดันสะโพกเข้าใส่ตามความต้องการของร่างกาย ฝ่ามือนุ่ม ๆ ของหญิงสาวก็ไต่ไปตามซอกคอของเขา กระตุกผ้าคาดเอวเขาทิ้งเอาดื้อ ๆ “อกแน่น ๆ แบบนี้นี่เอง” พูดแล้วก็ลูบไล้มัดกล้ามเนื้อของเขาไปมา ซบหน้าตรงอกหนาของเขาอีก แค่นั้นยังไม่พอเล่นจูบใต้ราวนมอีกด้วย ธีรเมทสุดจะกลั้นใจได้อีกต่อไป ขนอ่อนเขาลุกชันไปหมดทั้งตัวแล้ว “ไม่ทนแล้วโว้ย” ธีรเมทพลิกตัวแม่จอมยั่วลงไปนอนอยู่ข้างล่างแทน ดึงชุดคลุมของตัวเองออกโยนทิ้งข้างเตียงไป “อ๋า” คนด้านล่างกัดปากนิด ๆ ส่งสายตาชื่นชมปนยิ้มยั่วมาหน่อย ๆ เขาแทบจะเป็นฝ่ายต้องอายเสียเอง รีบดึงชุดเดรสสีแดงสดออกจากตัวของอีกคนบ้าง (คืนยั่วรัก)
ละอองราคี
เพราะการสูญเสียบุตรชายคนโตจากโรคร้าย ที่ติดมากับผู้หญิงมากหน้าหลายตา ผู้เป็นมารดาจึงต้องการปกป้องทายาทคนสุดท้ายของบ้านทยารัย ให้พ้นจากภัยมืดที่แฝงเร้นอยู่ในหมู่ผีเสื้อราตรี ไหมฟ้า ประดับดาว...หลานสาวแม่บ้านจึงเป็นเป้าหมายเดียวที่นางต้องการ และด้วยบุญคุณท่วมหัวทำให้สองป้าหลานไม่อาจขัดความประสงค์ของผู้เป็นนายได้ ไหมฟ้าจำต้องกลายเป็นดาวประดับเตียงให้กับเขา...นคินทร์ ทยารัย "จะหวงอะไรกันนักหนา พี่เห็นไปจนถึงมดลูกแล้วมั้ง" เขาดุเสียงดัง ซ้ำยังเปรียบเปรยชนิดที่คนฟังรับแทบไม่ได้ "พูดจาน่าเกลียดจัง" คำต่อว่าของไหมฟ้าทำให้นคินทร์ฉุนโกรธขึ้นมา ยกมือขึ้นบีบปลายคางของหญิงสาว บังคับให้มองสบสายตาดุกร้าวของตน "ไหมฟ้า...เธอเป็นใครแล้วพี่เป็นใคร กล้าดียังไงมาขึ้นเสียงใส่พี่ ก็แค่...เมียเก็บ จำเอาไว้" (ละอองราคี)
รักซ้ำรอย
“ก่อนทำเรื่องนี้พี่ขอถามน้องภาสักข้อได้ไหม” ธาวิศพูดแล้วก้าวเท้าเข้าไปหาคนบนเตียง “ได้ค่ะ” นิภาก้มหน้ายามตอบ ธาวิศทิ้งสะโพกลงนั่งด้านข้าง พร้อมกับดันปลายคางของหญิงสาวให้ขึ้นมองหน้าเขา “น้องภาเต็มใจใช่ไหม” แววตาของคนถูกถามสั่นระริกไปมา ปากจิ้มลิ้มก็ขยับขึ้นลงเหมือนคนคิดไม่ออกว่าควรตอบอย่างไร “น้องภาพี่ถามว่าเต็มใจใช่ไหม หรือว่าถูกคุณยายบังคับ” คราวนี้ธาวิศเน้นน้ำหนักเสียงมากขึ้นกว่าเดิม “ภาเต็มใจค่ะ” หญิงสาวตอบเขาแล้ว แต่เป็นคำตอบที่เต็มไปด้วยความไม่มั่นใจในตัวเอง “ไม่ได้ถูกบังคับแน่นะ” “ค่ะ ภาไม่ได้ถูกบังคับ ภาเต็มใจค่ะพี่ภูมิ” ธาวิศกัดฟันกรอดในคำตอบที่เขาไม่ปรารถนาจะได้ยิน ออกแรงผลักหน้าอกนิภาจนล้มลงไปนอนอยู่บนเตียง ปลดกระดุมเสื้อนอนของตนเองออกทีละเม็ด โดยที่สายตาก็ยังจดจ้องอยู่กับคนตรงหน้า “ระหว่างเรามันจะไม่มีความผูกพันอะไรกันทั้งนั้น เราทำเรื่องนี้ก็เพื่อคุณยาย เสร็จจากนี้ไปพี่ก็จะกลับกรุงเทพฯ ไปใช้ชีวิตกับคนรักของพี่ตามเดิม ภายังรับได้อยู่ใช่ไหม” ชายหนุ่มพูดจบก็ทิ้งเสื้อนอนลงบนพื้น คนบนเตียงก็ยังเม้มริมฝีปากตัวเองเอาไว้แน่น คำตอบไม่มาสักทีเขาเลยต้องเลิกคิ้วขึงตาใส่ “ค่ะภารับได้” คำพูดที่เปล่งออกมาช่างเบาหวิว คงไม่ต่างไปจากอารมณ์ของคนพูด “รับได้ก็ดี อย่ามาเรียกร้องอะไรทีหลังก็แล้วกัน ไม่งั้นพี่เอาตายแน่” ธาวิศทาบร่างตัวเองลงบนลำตัวของนิภา มองจุดหมายแรกที่จะเริ่มต้นทำรัก ประทับจูบลงบนริมฝีปากนุ่มนิ่มของหญิงสาว สัมผัสแรกของทั้งคู่ช่างตราตรึงในความรู้สึก จากที่จะจูบเพียงแผ่วเบากลายเป็นแทรกลึกดูดดื่มขึ้นตามอารมณ์ (รักซ้ำรอย)
เมียเก็บจำเป็น
“หวาน เอ่อ” “เรียกราคามาได้เลย” คำพูดประโยคนี้ของเขา ทำให้ชลธารตาโตขึ้น ธีร์เห็นแล้วว่าจุดอ่อนของหญิงสาวคืออะไร “หวานอยากได้เงินก้อนโตค่ะ” นั่นปะไร ผิดจากที่คิดเสียเมื่อไหร่ “ก้อนโตเลยเหรอ” เขาย้อนถามพร้อมกับถอนหายใจเฮือกหนึ่งออกมา เหมือนเป็นเรื่องยากเกินไป ธีร์เหยียดหลังเต็มพนักพิง แล้วยกแขนขึ้นกอดอกเอาไว้ “แล้วไอ้ก้อนโตที่ว่ามันสักเท่าไหร่กันหวาน” “หวานต้องการใช้เงินสักสามแสนค่ะ” “หืม มากไปนะผมว่า” พอเป็นเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ทำไมชลธารถึงได้พูดคล่องปากแบบนี้นัก ถ้าไม่สัมผัสด้วยตัวเองว่าเพิ่งทำอาชีพนี้ครั้งแรก เขาคิดว่าหญิงสาวนั้นเจนจัดเรื่องนี้แน่นอน ชลธารก้มหน้าถอนหายใจเล็กน้อย หญิงสาวคิดว่าเขาคงไม่ยอมจ่ายแน่นอน แต่ถ้าไม่ราคานี้เธอก็คงยอมรับไม่ได้เหมือนกัน “ตกลง” คนถอดใจไปแล้วถึงกับเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างตกใจ เธอหูฝาดไปหรือเปล่า “ผมบอกว่าตกลงไง มีอะไรเหรอ” “ตกลงคือสามแสนนะคะ” “ก็ใช่ไง” “หวานขอรับเป็นเงินสดก่อนได้ไหมคะ” เมื่อโอกาสมาถึงเธอก็อยากจะคว้าเอาไว้ เห็นเขาหัวเราะหยันเธอเล็กน้อย แต่ก็พอเข้าใจได้ไม่ยาก ตอนนี้เธอคงเหมือนคนหิวโหยเงินในสายตาของเขา “หวานถ้ามากแบบนั้น คุณต้องมาเป็นเมียเก็บผมเลยนะ ไม่เอาแบบรายครั้ง” ธีร์พูดเชิงรำคาญ ในความมักมากของหญิงสาว “เมียเก็บ” ชลธารทวนคำพูดเขาเบา ๆ มันจะต่างกันตรงไหน มันก็ขายตัวเหมือนกันนั่นแหละ ดวงหน้าสวยหวานเงยขึ้นมองเขา (เมียเก็บจำเป็น)