บนสุด
0
เติมเงิน
ประวัติการอ่าน
ออกจากระบบ
ดาวน์โหลดแอป
ลิลเอง
หนังสือของ ลิลเอง(21)
ปรารถนาเมียในเงา
โรแมนติก
3.0
“เธอแน่ใจหรือดาวว่าเธอท้องกับฉันไม่ใช่คนอื่น” ‘ดาว’ คือชื่อที่เขารู้จัก และเขาก็ไม่เคยพยายามจะถามหล่อนซอกแซก ไปกว่ายอมรับในชื่อที่หล่อนบอกเขา “แน่ใจค่ะ ดิฉัน...ดาวไม่มีใครอื่นนอกจากคุณ” เขาหัวเราะเสียงกระด้างอย่างไม่นึกขัน พูดเสียงบาดลึกหัวใจคนฟัง “ตลกไปหน่อยมั้งสาวน้อย มีอย่างหรือที่ผู้หญิงอาชีพอย่างเธอจะมีแค่ฉันคนเดียว จู่ๆ หล่อนก็เงยหน้าขึ้น มองสบตาเขาด้วยแววตาเอ่อไปด้วยหยาดน้ำใสๆ ที่เจ้าตัวคงพยายามจะไม่ให้ไหลรินออกมาสร้างความขายหน้ามากกว่าที่เป็นอยู่ “คุณเข้าใจผิดนะคะ” หล่อนตอบเสียงดังขึ้นคล้ายลืมตัว ก่อนรีบลดเสียงลงเท่าเดิม “ดาว... ดิฉัน ไม่ได้มีอาชีพอย่างที่คุณคิด” “ยิ่งแย่ไปใหญ่” อภิศรส่ายหน้า พยายามจะพูดกับสาวน้อยตรงหน้าเขาอย่างใจเย็น แต่น้ำเสียงยังออกกังวานหยันเยาะ “นี่แน่ะดาว เธอคงไม่ลืมใช่มั้ยว่าที่ฉันได้ตัวเธอไปนอนด้วยในคืนนั้น ก็เพราะเธอเป็น... เธอขายความสาวของเธอให้กับฉันมีคุณวิมลฉวีเป็นตัวกลางในการซื้อขายระหว่างเรา เธอคงไม่ลืมเธอได้เงินจากฉันขณะที่ฉันได้ความสุขจากเธอด้วยธุรกิจประเภทอย่างว่า” “ค่ะ” หล่อนรับ ปากสั่น แก้มซีดซับสีเรื่อ “ดิฉันมะ...ไม่เคยลืม เพราะนั่นเป็นครั้งแรกที่ดิฉันต้องบากหน้ายอมทนอายเพราะไม่มีทางเลือกดีไปกว่านั้นด้วยความจำเป็นบีบบังคับ” เขามองดวงตาสีน้ำตาลกลมโตนั้นแล้ว ก็คิดว่าหล่อนพูดจริง เกี่ยวกับเหตุผลที่ต้องมาทำอาชีพที่ผู้หญิงดีๆ คงไม่คิดเฉียดกรายไปใกล้ถ้ามีทางเลือกอื่น “สามหมื่น” เขาบอกจำนวนเงินที่ต้องแลกกับความสุขที่ได้จากหล่อน “ไม่ถึงหรอกค่ะ คุณวิมลฉวีหักค่านายหน้าไปเจ็ดพันบาท” นัยน์ตาเข้มคมวาบขึ้นแล้วก่อนแสงเมื่อเกิดความเวทนาสายน้อยเบื้องหน้าจับใจ แต่แค่เวทนาจะเพียงหรือไม่ที่เขาจะต้องแต่งงานรับหล่อนเป็นเมียตามกฎหมาย
สัมผัสรักลวงใจ
โรแมนติก
5.0
เขา...พ่อเลี้ยงผู้แสนลึกลับ รูปลักษณ์หน้าตาไม่เคยปรากฏบนสื่อต่างๆ ทั้งที่กิตติศัพท์ทั้งทางบวกและลบเป็นที่เลื่องลือในแวดวงธุรกิจทั้งสีขาวและสีเทา เธอ...คือผู้ได้รับมอบหมายให้กระชากหน้ากาก และเผยแพร่ตัวตนของบุคคลลึกลับที่ผู้คนเรียกขาน 'พ่อเลี้ยง' โดยไม่มีโอกาสรู้เลยว่า เป้าหมายที่เธอกำลังพุ่งเขาหาจะนำพาย้อนคืนอดีตในวัยเยาว์ <> สองเมตรครึ่ง... สองเมตร เมตรครึ่ง...หนึ่ง สอง....สาม! สิ้นเสียงนับคำนวณระยะในใจ นักข่าวสาวหัวเห็ด ก็กระโดดออกจากมุมที่หลบอยู่ พุ่งปราดเข้าหาร่างสูงๆ ของคนเดินกลาง มือถือเทปยื่นนำไปก่อน ตามด้วยคำแนะนำตัวและคำถามติดๆ กัน “พ่อเลี้ยงคะ... ดิฉัน มนิลา นักข่าวจากหนังสือพิมพ์ ‘ไทยรายสัปดาห์’ มีคำถามจะถามค่ะเกี่ยวกับโครงการนำเที่ยวทางเรือสำราญ ล่องแม่น้ำโขงที่พ่อเลี้ยง...โอ๊ย!” เสียงร้องดังเกิดจากการที่จู่ๆ เทปสัมภาษณ์ถูกกระชากไปจากมือนั่นเอง ไม่ใช่โดยคนที่หล่อนตั้งใจจะสัมภาษณ์ แต่จากองครักษ์หนึ่งในสี่ของเขา พอหันขวับ ก็เจอเข้ากับสีหน้ากระด้างของนายยักษ์ ที่เคยปะทะกันมาแล้วหนึ่งในสองเต็มตา ที่ยังไม่รู้ว่าระหว่างนายคนนี้ กับอีกคนที่คุมเชิงอยู่ คนไหนชื่อกร และคนไหนชื่อตรี “เชิญพ่อเลี้ยงขึ้นรถเถอะครับ ผมจะคุมคุณนักข่าวไว้ก่อน จะได้ไม่ตามตอแยพ่อเลี้ยงให้รำคาญ” พร้อมกับที่บอกเจ้านาย มือแข็งๆ ก็จับไหล่ทั้งสองข้างของหล่อนไว้มั่น “ปล่อย...เธอเถอะ ตรี” เสียงห้าวมีกังวานทุ้มนุ่มพูดขึ้น อ้อ! นายยักษ์ที่จับไหล่หล่อนไว้ ชื่อตรี ตรีทำท่าลังเล หน้านิ่วคิ้วขมวดไปทีเดียวกับคำสั่งเรียบๆ ของเจ้านายหนุ่ม แต่ยังไม่ยอมละมือจากไหล่โปร่งบาง กระทั่งเสียงห้าวเริ่มจะฟังห้วน สำทับขึ้นอีก “บอกให้ปล่อย... คุณนักข่าวยังไงล่ะ ตรี ไม่ได้ยินหรือ?” เมื่อนายจะเอาอย่างนี้ ตรีก็ยอมละมือจากไหล่เล็กๆ อย่างอดไม่ได้ โดยนิสัยที่ชอบวางท่ายียวนกวนประสาทคน จึงแกล้งกระดิกนิ้วปัดฝุ่นที่มองไม่เห็นตรงหัวไหล่ทั้งสองข้าง ที่ถูกมือแข็งๆ จับมั่นเมื่อสักครู่ เกือบจะคิดว่าหูฝาด เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะหึๆ จากคนตัวสูง เจ้าของดวงตาคมจัดๆ ที่ทำเอาหล่อนเกิดอาการประหลาด เมื่อเผลอสบเข้าอย่างจังครั้งแรก ทั้งนี้เพราะไม่คิดว่าในสถานการณ์เยี่ยงนี้ เขาจะยังมีอารมณ์ขัน แต่เสียงหัวเราะทุ้มๆ ก็ฟังว่าเจ้าตัวเกิดอารมณ์ขันขึ้นมาจริงๆ ก่อนจะตามมาด้วยเสียงถามที่ฟัง...ถ้า จะใช้คำว่าอบอุ่น และเป็นกันเอ๊ง-กันเอง คงจะไม่เกินไป “อยากสัมภาษณ์ผมนักหรือ มนิลา” ความที่มัวแต่ตื่นเต้น เพราะไม่คิดว่าจะได้รับคำถามที่ก่อให้เกิดความหวังมากขึ้นว่า งานที่รับมอบหมายจะเรียบร้อย ทำให้ไม่ทันได้จับกระแสเสียงที่ค่อนข้างจะอ่อนโยนในยามปล่อยชื่อหล่อนพ้นริมฝีปากงามได้รูปที่ดูแข็งแรง “ค่ะ ดิฉันต้องการสัมภาษณ์คุณจริงๆ ค่ะ พ่อเลี้ยง และหวังว่าคุณจะไม่ปฏิเสธถ้าหากคุณแน่ใจว่าธุรกิจนำเที่ยว โครงการล่าสุดของคุณไม่มีอะไรแอบแฝง” บอกออกไปแล้วก็รออยู่ว่าจะมีคำตอบมากลับอย่างไร “ตกลงว่าอยากสัมภาษณ์ผม และต้องสัมภาษณ์ให้ได้” “ค่ะ และถ้าเป็นไปได้ ดิฉันก็อยากให้คุณ เอ้อ...พ่อเลี้ยง นัดวันเวลาและสถานที่มาเลยจะดีมาก คุณ...พ่อเลี้ยงยอมให้ดิฉันได้สัมภาษณ์เร็วเท่าไหร่ ดิฉันก็จะไปพ้นหูพ้นตาพ่อเลี้ยงเร็วเท่านั้น” “ก็ไม่แน่ บางทีผมอาจจะอยากเห็นใบหน้าคุณอีกนานๆ ก็ได้” “เอ๊ะ! ตกลงคุณจะเอายังไงแน่? จะยอมให้ดิฉันสัมภาษณ์ดีๆ หรือว่าต้องคอยตามสะกดรอยไปเรื่อยๆ ก็ว่ามา พูดจาวกวนอยู่ได้” บรรดาองครักษ์พิทักษ์นายที่ล้วนแต่ร่างใหญ่โต เกือบลืมตัวเผลอทำคอย่น เพราะแน่ใจว่า โดนวาจาลักษณะนี้เข้า พ่อเลี้ยงของพวกเขา ปรี๊ดแน่ เลยอ้าปากค้างไปตามๆ กัน เมื่อนายของพวกเขายังกลั้วหัวเราะน้อยๆ คล้ายๆ จะเอ็นดูคนตัวเล็กที่ขึ้นเสียงอย่างฉุนเฉียว “ใจร้อนจริง แล้วพูดจาท่าทางอย่างนี้ ไม่กลัวหรือว่าจากที่คิดอนุญาตให้สัมภาษณ์ได้ ผมอาจเปลี่ยนใจ” “หมาย...หมายความว่า คะ... คุณ เอ่อ... พ่อเลี้ยงยอมให้ดิฉันสัมภาษณ์?” “ครับ” “พูดแล้วไม่กลับคำนะ?” “ผมพูดคำไหนคำนั้น” “เมื่อไหร่ ที่ไหนคะ? อ้อ ถ้าจะกรุณา ดิฉันต้องขอถ่ายรูปประกอบคำสัมภาษณ์ด้วยนะคะ” “อย่างนี้เขาเรียกได้คืบจะเอาศอก” เสียงว่าขันๆ มาก่อนตอบคำถาม “พรุ่งนี้ สัก...สิบโมงครึ่ง คงไม่เช้าเกินไป รอที่ล็อบบี้โรงแรมที่คุณพัก ผมจะให้คนของผมเอารถไปรับ” “คุณ...พ่อเลี้ยงรู้ด้วยว่าฉันพักที่ไหน?” “ผมยังรู้อีกหลายอย่างที่... คุณอาจคิดไม่ถึง เป็นอันตกลงนะครับ พรุ่งนี้เจอกัน อ้อ คุณเรียกผมตามสบายเถอะ ไม่จำเป็นต้องเรียกพ่อเลี้ยงตามคนอื่นๆ ก็ได้ จะว่าไป ผมยังมีอีกหลายชื่อให้คุณเรียก ถ้าคุณสนใจวันหลังผมจะบอก” “บอกตอนนี้ไม่ได้หรือคะ ฉันจะยังไม่เปิดเทปบันทึกเสียงคุณก็ได้” “พรุ่งนี้ครับ” “สถานที่สัมภาษณ์ละคะ พอจะบอกได้มั้ยว่าที่ไหน” “คุณอยากรู้เรื่องเรือสำราญของผมไม่ใช่หรือ ผมก็จะพาคุณไปที่นั่นแหละ นั่งสัมภาษณ์กันบนเรือเลยให้ได้บรรยากาศ” ส้มหล่นทั้งเข่งขนาดนี้ ปฏิเสธก็โง่แล้ว!
เล่ห์รักร่ายริษยา
โรแมนติก
3.0
หัวใจที่เคยแกร่งกร้าวของเขามีอาการไหววาบ แรงจนเขารู้สึก ชายหนุ่มบอกตัวเอง....ต่อให้เขาสูญเสียความทรงจำ ลืมสิ้นทุกสิ่งอย่าง แต่จะไม่มีวันลืมดวงตาดำใหญ่ งามยิ่งกว่าดาวบนฟ้าคู่นั้น ....คนธรรพ์ เทวาธร <> หน้าคมสันของเขาชวนมอง แก้มคางที่ปรากฏเงาเขียวจางๆ ใต้ผิวท่าจะสากมือนุ่มของหล่อน เครื่องหน้าทุกชิ้นของเขา เริ่มเจนตาและเจนใจหล่อน ไม่ว่าจะเป็นจมูกโด่งขึ้นสัน ดวงตาคมลึกในวงล้อมแผงขนตาดกหนาเป็นตับ ปากได้รูปบางตึงมุมปากหยักขึ้นหุบสนิทแต่ก็พร้อมที่ยิ้มทุกเมื่อด้วยรอยยิ้มเก๋บาดใจ ในสายตาของอคิราภ์เห็นว่าผู้ชายคนนี้ทั้งสง่า ภาคภูมิย่างหาตัวจับยาก ไม่ว่าขณะอยู่ในชุดทำงานประจำวัน คือกางเกงยีนส์เป็นหลัก กับเชิ้ตแขนยาวที่มีทั้งแบบลายสลับสีและที่เป็นสีพื้น สอดชายกางเกงไว้ในบู้ทยาวถึงใต้เข่า หรือแต่งสูททั้งเต็มยศและลำลอง เขาไม่ใช่ผู้ชายสำรวย ไม่ถึงกับหล่อเฟี้ยวอย่างดาราพระเอกหน้าสวยบางคน แต่ก็คมสันชวนมอง ออกลักษณะชายชาตรีขนานแท้ เขาเป็นผู้ชายรูปร่างดีมากคนหนึ่ง ไม่ว่าจะอยู่ในเครื่องแต่งกายอย่างไหนก็มองเห็นไหล่กว้าง อก แขน ล่ำสัน ลำขายาวตรง แข็งแรง สะโพกเพรียวแกร่งไปหมดตลอดสัดส่วน ยิ่งไปกว่านั้น เขายังมีมาด มีบุคลิก น่าเกรงขาม ออกลักษณะชวนศรัทธา ก่อให้เกิดความอบอุ่นแก่ผู้ใกล้ชิด เขาไม่ดูน่ากลัวสำหรับมิตร แต่เชื่อได้เลยว่ากับศัตรูที่หมายเข่นฆ่าให้อาสัญ เขาจะร้ายกาจได้น่ากลัวชวนขนหัวลุกทีเดียว ....อคิราภ์ <> “คุณว่าเอ๋ยต่างๆ ที่ท้อแท้และยอมรับความสิ้นหวังง่ายๆ ตัวคุณเองละคะ ไม่ทันไรก็จะ...ยอมแพ้ ไม่ยอมตั้งความหวังอะไรเสียแล้ว” “อคิราภ์...” เสียงคนธรรพ์ฟังคล้ายสำลัก “พูดอะไรออกมารู้ตัวหรือเปล่า?” “รู้สิคะ ดิฉันไม่ได้กำลังเพ้อเพราะพิษไข้นี่นาจะได้ไม่รู้ตัว” “แต่ก็ยังพูด...” “ที่พูด เพราะอยากบอกคุณว่า... บอกว่า...” “ว่าอะไร?” “บอกว่า... คุณไม่ควรสิ้นหวังแต่เริ่มต้น คุณเป็นคนดี มีน้ำใจ ใครจะอยากเห็นคุณดีๆ อย่างคุณผิดหวังคะ” “ถ้าเธอจะพยายามตอบแทนบุญคุณฉัน...” เสียงห้าวกลับห้วนขึ้นอีก หน้าก็ขึงตึง “ก็ขอบอกว่าฉันไม่ต้องการ!” “แล้วถ้าไม่ใช่เป็นการตอบแทนบุญคุณ แต่เป็น... เป็นการทำตามที่หัวใจตัวเองเรียกร้องเหมือนกันละคะ คุณจะว่ายังไง” หน้าคมสันที่เมินจากหน้าหล่อนหยกๆ หันขวับมา “เธอเด็กเท่านี้จะไปรู้อะไรเรื่องหัวใจ? จะรู้ได้ยังไงว่าหัวใจตัวเองเรียกร้องอะไร อย่ามาพูด...” “ทำไมจะไม่รู้!” คนถูกกล่าวหาว่ายังเด็กเกินกว่าจะเรื่องเกี่ยวกับหัวใจเถียงคอขึ้นเอ็น “คุณคิดว่าคุณเป็นคนเดียวหรือไง ที่เที่ยวปล่อยใจรักคนอื่นทั้งที่เห็นว่าไม่สมควร ยังไม่ถึงเวลา และทั้งๆ ที่มองเห็นความแตกต่างจนไม่กล้าแม้แต่จะคิด ว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกยังไงกับตนบ้าง” หน้าเชิดๆ สะบัดไปยังทิศทางที่ไม่มีร่างสูง “เอาล่ะค่ะ ถ้าคุณคิดอย่างนั้นจริงๆ เชื่อเอาจริงๆ ว่าคนอายุขนาดดิฉันไม่น่าจะรู้ใจตัวเอง ไม่รู้ว่าตัวเองมีใจผูกพันอยู่กับใคร ดิฉันก็ไม่พูดอะไรอีกแล้ว และจะไม่ขอรับความช่วยเหลือใดๆ อีกต่อไป แม้แต่ทุนการศึกษาจากผู้ใจบุญที่ไม่ประสงค์จะออกนามที่ช่วยให้ดิฉันได้เรียนต่ออย่างสบายๆ นั่นด้วย ดิฉันจะกลับไปบอกแม่อธิการว่าดิฉันไม่ขอรับ” “เกเรใหญ่แล้ว!” เสียงพูดมาฟังกลั้วหัวเราะ “แล้วใครบอกเรื่องทุนการศึกษา ฉันจำได้ว่าไม่เคยพูดเรื่องนี้กับเธอเลยนะ” “ถึงคุณไม่บอก ดิฉันก็รู้ คนที่บอกก็ไม่ใช่แม่อธิการด้วยละ” “งั้นก็ต้องยายวิ ไม่ไหว ไม่รู้จักรักษาความลับซะมั่งเลย น่าถูกงดค่าขนมพิเศษนักเชียว” “ใครว่าวิบอก คุณคันธรสต่างหากที่บอก” เห็นว่าเพื่อนกำลังถูกเข้าใจผิด ทำให้โพล่งออกไป คนธรรพ์นิ่งไปพักใหญ่จึงพูดขึ้น “เพราะอย่างนี้เองหรือ ถึงไม่อยากเห็นฉันผิดหวัง ความสำนึกในบุญคุณ?” “ถ้าคุณยังเข้าใจอย่างนั้น ก็ไม่ขอพูดด้วยแล้ว!” ว่าแล้วก็หันหลังให้ แต่ไม่ทันก้าวได้สักกี่ก้าว ร่างโปร่งบางก็ปลิวกลับ ก่อนถูกมัดแน่นด้วยสองแขนที่ทั้งแข็งแรงและทรงพลัง
กลลวงอสูรซ่อนใจ
โรแมนติก
5.0
หลังจากเข้าสู่โหมดครอบครัวแสนสุข ดร.ทรงพิชิต ธันยธร กับภรรยาสุดที่รักก็มีทายาทที่เป็นดั่งสายเลือดรักด้วยกันสองคน “กลลวงอสูรซ่อน” เป็นเรื่องของลูกสาวคนโตของพระ-นางในเรื่อง “อุบัติรักใต้เงาอสูร” (มีทั้งอีบุ๊กและหนังสือเสียงให้โหลด ท่านใดยังไม่เคยผ่านตาก็ลองเข้าไปโหลดฟังหรืออ่านตัวอย่างได้ฟรีในMebค่ะ) สำหรับเรื่องราวของพชรดนัย หรือ เพชร น้องชายนางเอกเรื่องนี้ จะเป็นเรื่องยาว ออกแนวทะเลทราย ถ้าชีวิตราบรื่นก็คงได้อ่านกันภายในปีนี้ ตอนนี้อ่านเรื่องราวของหนูจุ๋ม ลูกสาวสุดที่รักของพ่อทรงแม่พจีไปก่อนนะคะ ด้วยรักและขอบคุณ ^^__^^ พันแสงจันทร์ <>สปอย<> “ปากจุ๋มดูน่าจูบจัง” “อะ...อะไรนะคะ?” “อยู่ใกล้กันแค่นี้ยังไม่ได้ยินอีก พี่ไม่ได้พูดเป็นกระซิบซะหน่อย” “ได้ยินค่ะ แต่ไม่แน่ใจว่าตัวเองได้ยินถูกต้อง” “ถ้าจุ๋มได้ยินพี่ชมปากจุ๋มน่าจูบ ก็ถือว่าเป็นการได้ยินที่ถูกต้องแล้วล่ะ อะไร? ไม่เคยมีใครบอกเลยเหรอว่าปากจุ๋ม...” “พอแล้วค่ะ ไม่ต้องย้ำอีกก็ได้” หล่อนค้อนเขาตรงๆ ตามด้วยเสียงเสียงบ่นอุบ “จริงๆ เลยนะ คุณนี่ ทำไมถึงชอบพูดให้จุ๋มตีหน้าไม่ถูกเรื่อยเลย แล้วสุภาพบุรุษน่ะเขาไม่พูดหรือแสดงอะไรให้ผู้หญิงขัดเขินหรอกนะคะ” “พี่ยังไม่เคยพูดสักทีว่าตัวเองเป็นสุภาพบุรุษ แล้วถ้าการเป็นสุภาพบุรุษจะทำให้ชมผู้หญิงสักคนตามความรู้สึกไม่ได้ พี่ก็ไม่อยากเป็นหรอก” “ไม่อยากเป็นสุภาพบุรุษ แล้วอยากเป็นคนเถื่อนอย่างนั้นหรือคะ อันที่จริงมาดคุณก็ให้อยู่นะ ถ้าจะแสดงตัวเป็นมนุษย์ยุคหินอาศัยอยู่ตามถ้ำ นุ่งหนังสัตว์แทนเสื้อผ้าอย่างคนศิวิไลซ์แล้ว” “เป็นได้ก็ดีสิ ชอบผู้หญิงคนไหนก็เอากระบองตีหัวลากเข้าถ้ำไปเลยไม่มีความผิด” “แหม! คิดอยู่เรื่องเดียวเองหรือคะ” “ใครบอก พี่คิดหลายเรื่องเลยละ แต่พูดไปจุ๋มก็จะยิ่งว่าพี่ไม่เป็นสุภาพบุรุษนะสิ”
อุบัติรักใต้เงาอสูร
โรแมนติก
5.0
**ฝากคู่พี่ทรงกับหนูพจีด้วยนะคะ ท่านใดชอบแนวรักโรแมนติกผจญภัยน่าจะชอบเรืองนี้ อารัมภบท หลังการการหายตัวไปของบิดา ชีวิตอบอุ่น เต็มไปด้วยความสงบสุขของพจีจำเรียงไม่เพียงแต่จะเปลี่ยนไป แต่ยังเป็นจุดเริ่มนำพาเธอสู่วังวนที่เต็มไปด้วยภยันตราย แล้วใครล่ะ จะเข้ามาช่วย? เขา...หรือ? ผู้ชายที่เพิ่งรู้จักทว่าเธอกลับรู้สึกคุ้นเคยอย่างรวดเร็ว แม้จะยังวางใจเขาได้ไม่สนิท เพราะรู้สึกว่าเขายังปิดบังตัวตนที่แท้จริง และที่น่าคลางแคลง ดูเหมือนภัยต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับเธอจะมาพร้อมกับเขา <>สปอย<> พจีจำเรียงมีความสุขที่ได้เต้นรำกับคนที่หล่อนรัก และดูเหมือนว่าเขาเองก็มีความรู้สึกระดับเดียวกับหล่อน แม้จะยังไม่พูดออกมาตรงๆ ทรงพิชิตกอดหล่อนแน่นขึ้น เมื่อเป็นเพลงวอลซ์ หล่อนเองเลื่อนมือที่แตะต้นแขนเขา เป็นสอดโอบรอบเอวเขาตอบ แต่แล้วก็นิ่วหน้า เมื่อมือสะดุดสะดุดเข้ากับอะไรแข็งๆ ซ่อนอยู่ใต้เสื้อนอกบริเวณสีข้างเขา หล่อนเงยมองเขาขวับ เมื่อบอกตัวเองว่า สิงที่มือของหล่อนบังเอิญไปสัมผัสเข้านั้นคือ...ปืน! ศีรษะหล่อนกระแทกปลายคางเขาดังกึก ทำเอาทรงพิชิตผงะเล็กน้อย “มีอะไร?” เขาถาม เมื่อมองตาหล่อน คงเห็นหล่อนเผยอปากแต่ไม่มีเสียง “คุณพกปืน?” หล่อนตอบเป็นกระซิบ มองเขาอย่างไม่ไว้ใจ พจีจำเรียงมาคิดย้อนหลังดูแล้ว ก็เห็นว่าทรงพิชิตอาจจะทำตัวเปิดเผย หล่อนถามอะไรเขาก็ตอบอย่างไม่ลังเล แต่สิ่งที่เขาบอกแก่หล่อนนั้น อยู่ในอดีตของเขาทั้งสิ้น ไม่ว่าเรื่องครอบครัว พ่อ แม่ พี่น้อง และงานที่เขาทำ และดูเหมือนว่าเขาจะเลี่ยง ไม่พูดถึงงานปัจจุบันของเขา เขาบอกว่าเขาได้พัก เลยคิดจะมาพักผ่อนเงียบๆ สบายๆ คนตั้งใจมาพักผ่อนเฉยๆ ทำไมจึงมีคนคอยสะกดรอยตาม? หล่อนเคยพยายามจะถามเขา เขาก็พูดปัดๆ ไป แล้วทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แต่กลับพกปืนติดตัว ซึ่งออกจะขัดกันอยู่กับการแสดงออกของเขาที่ดูจะไม่กังวลอะไรเลย “อย่ามองผมอย่างนั้น” เขาพูด ปากเม้มเข้าหากันก่อนคลาย “คุณโกหกฉัน?” หล่อนไม่ได้ตั้งใจจะกล่าวหาเขาเลย แต่ดูเหมือนคำพูดฟังกล่าวหาของหล่อนจะทำให้เขาสะเทือนไม่น้อย เพราะคลายแขนที่โอบรัดรอบตัวหล่อนออกทันที สีหน้าสุขสงบ เปลี่ยนเป็นขรึมเครียด “เรากันกลับกันเถอะ อยู่ไปก็ไม่สนุก” เขาบอกด้วยสุ้มเสียงฟังว่ากำลังพยามระงับอารมณ์ แต่จะเป็นอารมณ์ชนิดใดก็บอกไม่ถูก ที่แน่ๆ เห็นจะไม่ใช่อารมณ์รักอารมณ์ใคร่ “แหม! ใจตรงกันเลยค่ะ” หล่อนต่อตาเขาไม่หลบอย่างท้าทาย เขาขบฟัน จนเห็นรอยนูนของสันขากรรไกรที่ข้างแก้ม เมื่อกลับออกมาจากคลับกันนั้น พจีจำเรียงไม่มีอารมณ์ใส่ใจกับสิ่งใด เดินนำหน้าชายหนุ่มกระทั่งถึงห้องพัก หล่อนเดินผ่านห้องนั่งเล่นกะทัดรัด ไม่คิดจะหยุดบอกราตรีสวัสดิ์เขา แต่ก่อนที่หล่อนจะทันเอื้อมมือเปิดประตูห้องนอน ก็ถูกกระชากกลับ ร่างโปร่งบางหมุนเป็นครึ่งวงกลม ก่อนส่วนหน้าทั้งหมดจะปะทะเข้าร่างสูงแข็งแรง หล่อนได้สำนึกว่า ไม่บังควรเล่นกับไฟ ก็เมื่อถูกเขาจูบเหมือนจะดูดลมหายใจไปจากหล่อนจนหมด หล่อนตัวอ่อนระทวย อย่างคนไร้เรี่ยวแรง เมื่อเขาถอนจุมพิต ถอยใบหน้าออกห่างเพื่อมองหน้าหล่อนชัดๆ “พจีควรจะรู้นะ ไม่ควรทำให้ผมลืมตัว” “แค่นี้เองหรือคะที่คุณพูดได้?” หล่อนสบตาเขาอย่างน้อยใจระคนกล่าวหากึ่งตัดพ้อ ที่เขากำลังทำเอาหล่อนสับสนไปหมดแล้ว ไม่รู้ว่าควรจะไว้ใจเขา หรือไม่พึงไว้ใจดี “ก็พจีจะเอาแค่ไหนล่ะ หรือถึงขั้นผมต้องเปิดเปลือยวิญญาณ ถึงจะเชื่อใจว่าผมไม่เคยคิดร้าย หรือแม้แต่หวังร้ายต่อพจี?” “ไม่ต้องถึงขั้นนั้นหรอกค่ะ แค่คุณตรงไปตรงมา ไม่มีลับคมนัยก็พอแล้ว” “บางอย่างก็ยังไม่ถึงเวลาที่ผมจะต้องพูด หรือบอก” “เมื่อไหร่ละคะ จึงจะถึงเวลาที่ว่า เวลาที่คุณจะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง?” “ผมก็ไม่ได้ปิดบังอะไรนี่ ความเป็นมายังไงก็บอกไปหมดแล้ว” พจีจำเรียงส่ายหน้า “ไม่หรอก คุณยังไม่ได้บอกอะไรเลย” “จะไม่บอกอะไรเลยได้ยังไง อะไรที่ถามผมไม่เคยไม่ตอบ” ทรงพิชิตนิ่วหน้า มือจับไหล่โปร่งไว้มั่น “งั้นช่วยตอบคำถามอีกสักคำถามซีคะ” “คำถามอะไร?” “คนระดับศาสตราจรย์ มีพีเอช. ดี อย่างคุณ ทำไมจะต้องมีคนสะกดรอย ถ้าที่คุณบอกเป็นความจริง คือแค่สอนหนังสือ หรืออาจจะได้รับเชิญไปเล็คเชอร์ตามมหาลัยต่างๆ ไม่มีอะไรลึกลับ?” ทรงพิชิตไม่ตอบ ปล่อยมือจากไหล่โปร่ง โดดผึงไปที่บานหน้าต่างขวามือของห้องนั่งเล่น ที่เปิดแง้มนิดๆ ซึ่งก่อนออกไปยังปิดอยู่ มืดกำหมัดของเขาพุ่งไปก่อน เพื่อกระแทกบานหน้าให้เปิดกว้าง จากนั้นตัวเขาก็โจนเหยียบกรอบหน้าต่าง แล้วโดดลงสู่พื้นดิน ซึ่งไม่สูงเท่าไหร่ ออกวิ่งตามเจ้าของใบหน้าวอบแวบทางหน้าต่าง
กับดักเสน่หาอาญาอสูร
โรแมนติก
5.0
ทันทีที่ลิ้นนุ่มของหล่อนถูกแตะสัมผัสโดยลิ้นแปลกปลอมของชายหนุ่มและถูกกระหวัดรัดดูด หล่อนก็แทบไม่รู้เหนือรู้ใต้ ไม่รู้ตัวเองยังมีชีวิตอยู่หรือตายแล้ว แม้แต่ชื่อตัวเองก็ยังนึกไม่ออก ร่างอรชรนุ่มนิ่มแอ่นโค้งขึ้นราวคันศรเมื่อมือหนาอุ่นซ่านข้างหนึ่งของชายหนุ่มคลำเปะปะจากแผ่นหลังวกมาข้างหน้ามุ่งเข้าเนินคู่ครัดเคร่งแห่งวัยสาวขณะมือหนาอีกข้างยังกางออกรองรับแผ่นหลังบอบบางเอาไว้อย่างมั่นคง ขวัญณภัทรไม่แน่ใจนักว่าเสียงครางรัญจวนที่ได้ยินเกิดจากชายหนุ่มหรือมาจากหล่อน แต่อย่างไรก็ตามเสียงประหลาดฟังแปร่งหูนี้ก็ช่วยกระชากสติสัมปชัญญะที่กำลังเตลิดเปิดเปิงคืนมาได้ “พอแล้วค่ะ” แทบไม่น่าเชื่อว่านั่นคือเสียงของหล่อนเพราะสั่นทั้งพร่า วินภวัตชะงัก มองสบตากลมโตที่แม้จะมีแววตื่นตระหนกแต่เขาก็ยังเล็งเห็นแววรัญจวนของความปรารถนาระคนอยู่ เขาถอนใจ ยอมปล่อยมือจากกายนุ่ม จากนั้นก็ขยับออกห่าง ถอนใจอีกเฮือกเมื่อเห็นหญิงสาวดึงเสื้อผ้าตัวเองให้เข้ารูปเข้ารอยวุ่นวายขณะใบหน้าแดงก่ำไปหมด <> “การที่ผมคิดถึงผู้หญิงแปลกหน้าที่บังเอิญได้สบตาด้วยไม่ถึงสิบวินาที ได้แตะหลังมือไม่ถึงอึดใจมาเป็นเดือนๆ ดีใจแทบลุกขึ้นร้องไชโยโห่ฮิ้วเมื่อได้เจออีกครั้งราวปาฏิหาริย์ถ้าเพียงเจ้าหล่อนจะไม่เนื้อตัวอาบเลือด หมดสติจากการโดนยิง...นี่นะหรือที่คุณว่าอาจจะเป็นแค่อารมณ์หวือหวาวูบวาบ แล้วผู้หญิงอื่นที่ไหน ที่คุณเอามาเปรียบว่าผมอาจจะเห็นคุณแตกต่างไปจากเขา จะบอกให้นะ ผมน่ะ เกือบคิดว่าตัวเองกามชาด้านกระมั่งได้เจอคุณ ตั้งแต่นั้นมาแค่คิดถึงริมฝีปากของคุณ ผิวราวกับกลีบดอกลำดวนของคุณผมก็แข็งขึงพร้อมลุกขึ้นฟัด”
ดุจตะวันฉันรักเธอ
โรแมนติก
5.0
"ผมแปลกใจจริงๆ นะ ทำไมถึงอยู่เป็นโสดมาจนอายุป่านนี้ ดูเหมือนจะไม่เคยมีข่าวกับผู้ชายด้วยสิ หรือว่ามี?” “ไม่มีหรอกค่ะ ตะวันมีเพื่อนผู้ชายนับคนได้ แล้วก็เป็นเพื่อนกันจริงๆ อีกอย่างตะวันไม่ชอบออกงาน เบื่อสังคมสวมหน้ากากเข้าหากัน ที่ตะวันไปอยู่บ้านสวนกับน้าแหววกระทั่งได้พบคุณ ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกนะคะ ตะวันไปบ่อยๆ ทีละนานๆ ตะวันมีเพื่อนอยู่กลุ่มหนึ่งที่คอยทำงานช่วยเหลือผู้คน แล้วงานของเราก็ต้องซอกๆ ไปตามแหล่งเสื่อมโทรม หรือชุมชนแออัดมากกว่าเดินไปบนพรม ถือแก้วคอกเทลร่อนไปร่อนมา นี่ตะวันก็ตั้งใจเอาไว้ว่าจะเข้าไปช่วยงานที่ศูนย์อิงตะวันขอท่านพ่อเต็มตัวซะที” เธอมองหน้าเขาแล้วยิ้ม “จำได้ไหมคะ ครั้งหนึ่งคุณเคยแนะนำให้ตะวันพาเอื้อยกับแอ๋วไปไว้ที่ศูนย์ช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาสของท่านพ่อ ตะวันแทบตีหน้าไม่ถูกแน่ะ” “จำได้ แล้วผมก็ไม่ได้เอะใจเลย ที่ชื่อของตะวันไปพ้องกับชื่อศูนย์ช่วยเหลือเด็กของท่านชายรังสิมันต์” คณเทพประคองหน้าเรียวคม ที่ออกมอมนิดๆ ไว้ในอุ้งมือ “ตะวันของผม!” เขาจ้องตาดำโต แสงไฟหน้ารถที่สะท้อนเข้ามาในรถพอทำให้มองเห็นประกายตาแจ่มจำรัสราวดาวรุ่งในคืนแรม “รู้นะว่าถ้าผมขาดตะวันดวงนี้เสียแล้ว ชีวิตผมก็คงมืดสนิทราวกับว่าดวงอาอาทิตย์ ดวงดาวทุกดวงในกาแล็กซี่ได้แตกดับไปพร้อมกัน” “คุณก็เหมือนกันนะคะ ถ้าชีวิตของตะวันไม่มีคุณเป็นประทีปส่องนำทาง ตะวันก็คงมะงุมมะงาหรา ไม่รู้จะเดินไปบนเส้นทางไหน ท้ายที่สุด ก็คงดิ่งลงเหว แล้วทุกอย่างก็จบเพียงเท่านั้น” คณเทพให้รางวัลคำพูดถูกใจ และกินใจเขา ด้วยจุมพิตที่มีทั้งความอ่อนโยนอ่อนหวานออกมาจากก้นบึ้งหัวใจ เต็มอารมณ์เรียกร้องของความปรารถนาที่มีอยู่ ความรักสำหรับเขา ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ แต่เมื่อรักแล้วจะจีรังยั่งยืนตลอดกาล ต่อให้โลกแหลกสลาย แต่ความรักของเขาจะคงอยู่ ไม่แตกทำลายไปด้วย เขาไม่รู้ว่าชีวิตหลังความตายมีจริงไหม แต่ความรักที่เขามีต่อคุณหญิงดุจตะวัน อติวัณณ์ หรือตะวันในดวงใจของเขาดวงนี้ ไม่มีคำว่าถึงกาลอวสาน
สอนรักลูกสาวท่านประธาน
โรแมนติก
5.0
ไม่เลย...เธอไม่ชอบเขาสักนิด ถึงสาวๆ จะลงคะแนนเอกฉันท์ว่าเขาเป็นผู้ชายที่น่ากินก็เถอะ เหตุนี้เธอถึงโมโหนัก เมื่อเขาทำให้เธอได้แต่ครวญครางอยู่ใต้ร่างหนาแกร่งด้วยมัดกล้ามที่ผู้หญิงส่วนใหญ่คงพากันตาลุกวาว ---สปอย--- “รู้ใช่มั้ยว่าพี่รัก” เขาถาม ดวงตาคู่งามเหลือบขึ้นสบตาเขาถามเสียงที่พยายามปั้นปึ่งเท่าที่จะทำได้ “ก็รักใครล่ะ” “รักแม่สาวจอมหยิ่งแสนพยศคนนี้นะสิ” เขาใช้นิ้วคีบปลายจมูกโด่งรั้นสั่นเบาๆ “เรื่องอะไรมาว่าเค้าหยิ่ง” “ก็หยิ่งจริงๆ หรือจะว่าหัวสูง นี่ถ้าพี่เป็นแค่พนักงานบริษัทต๊อกต๋อยสงสัยว่าชาตินี้คงไม่มีได้สมหวังที่บังอาจมาหลงรักลูกสาวท่านประธาน” “ก็ไม่แน่” “หมายความว่าทิเองเริ่มมีใจให้พี่ตั้งแต่ยังคิดว่าพี่เป็นแค่พนักงานกินเงินเดือนบริษัทคนหนึ่งงั้นเหรอ” ทิราภาไม่ตอบ แต่การไม่ยอมสบตาเขา และมือเรียวขาวก็ง่วนอยู่กับการเล่นดุมเชิ้ตน่าจะเป็นคำตอบได้แล้วสำหรับสาวคนนี้ ภานนท์ยิ้มออกมา แววตาเขาอ่อนโยน และเต็มไปด้วยความรักยามเชยคางเรียวเพื่อให้คนที่เคยปากเก่งชอบจิกกัดเขาบ่อยๆ เงยหน้าขึ้น ตากลมโตในกรอบขนตางอนฉายแววทำเอาดอกเตอร์หนุ่มไม่คิดจะปล่อยเวลาให้หมดไปกับการพูดคุย ในเมื่อเขาเองก็ปรารถนาที่จะแสดงออกถึงความรักด้วยการกระทำผ่านร่างกายมากกว่าลมปากอยู่แล้ว ภานนท์ช้อนอุ้มร่างบางอิ่มไปวางบนเตียง ไม่กี่นาทีต่อจากนั้นทิราภาก็ต้องเผชิญกับความทรมานที่แสนหวาน หล่อนร้อนรุ่มอยู่ใต้ไฟรักโหมกระหน่ำ จวนเจียนจะทะยานสู่จุดสุดยอดด้วยนิ้วมือปรนเปรอของเขา ขณะยอดสีชมพูเครียดครัดอยู่ภายใต้การครอบครองของปากอุ่นชื้น กว่าเขาจะยอมเติมเต็มอย่างแท้จริงตามคำเรียกร้องแทบจะเป็นวิงวอนของหล่อน ทิราภาก็แทบสะอื้นไห้ยามลิ้นกระด้างปักล้วงลึกเข้าไปในร่องรัก ภานนท์ใช้สองนิ้วแยกกลีบเพื่อควานลิ้นไซ้แทรก กลิ่นกายสาว น้ำหวานรสทิพย์หลั่งรินให้เขาดื่มดูดสร้างความทรมานแก่เขาไม่น้อยไปกว่าที่เขาทำกับร่างงามละมุน ทิราภาถึงจุดสิ้นสุดเมื่อลิ้นสากเลียวนรอบปุ่มกระสันและปาดอย่างรวดเร็ว หล่อนครางดังแหลม กายเกร็งแอ่นค้าง ภานนท์ขยับตัวยันกายลุกจากท่าหมอบ ลงนั่งกลางหว่างขาที่อ้ากว้าง จังหวะตอดขมิบมีน้ำหวานสีใสหลั่งรินแทบจะทำเอาเขาถึงจุดสุดยอด ก่อนเขาจะใช้กลยุทธ์เพลงกามที่ฝึกมาช่ำชองจัดการให้หล่อนเป็นของเขา หล่อนยังบริสุทธิ์ผุดผ่องไม่เคยผ่านมือชายใดมาก่อน ทำให้เขายิ่งภูมิใจที่ได้เป็นผู้ชายคนแรกของหล่อน แม้เขาจะไม่ได้ให้ความสำคัญกับพรหมจารีเท่าใดนัก และแน่นอนว่าต้องเป็นคนเดียวเท่านั้นที่จะมีสิทธิ์เหนือร่าสงงามยั่วยวนใจนี้ เขาถึงกับสูดปาก หน้าเหยขณะดันแก่นกายอวบหนาแข็งขึงเข้าในร่องรักคับแน่นและระอุจัด สะโพกงอนงามแอ่นหยัดราวจะดูดดึงท่อนลำเขาเข้าไปไว้ข้างใน แต่เขาค่อยๆ สอดแทรก ถอนออกแล้วเสียดส่ายเข้าไปใหม่ มากขึ้นกว่าเดิม ทิริภาร้องครางไม่เป็นส่ำเมื่อสองมือหนาสอดเข้าใต้สะโพกหล่อนในลักษณะจองจำพร้อมกันนั้นคนที่กำลังสร้างความทรมานแก่หล่อนก็กดดันตัวเองจนลำรักจมมิด ภานนท์หยุดนิ่งเพียงเพื่อจะเริ่มต้นบุกไม่ยั้ง ทิราภาได้แค่ครางขณะเนื้อตัวสะเทือนเลื่อนตามแรงโยกแรงตวัดสะโพกแกร่ง มือใหญ่จับหล่อนพลิกบอกเสียงห้าวแหบให้หล่อนใช้สองมือยึดหัวเตียงเอาไว้ก่อนเขาจะบุกตะลุยเข้าหาหนักหน่วง “พี่รักเธอ พี่รักเธอ พี่รักเธอ!”
ตรวนรักโซ่สวาท
โรแมนติก
5.0
เธอจากเขามาด้วยหัวใจที่ร้าวฉาน พยายามจะลืมเขาแต่ก็ช่างทำได้ยากเย็น ยิ่งเมื่อรู้ว่าสิ่งที่ติดตัวเธอมาคือพยานรักที่เธอมีต่อเขา การลบเขาออกจากหัวใจ ลืมไปได้เลย <> ร่างอ้อนแอ้นยังสั่นระริกจากความสุขสม เมื่อชายหนุ่มนำพาตัวตนแข็งเครียดดำดิ่งล้ำลึกสู่ความร้อนผ่าวนุ่มนวล กัญชพรยิ่งกว่าประหลาดใจเมื่อรับรู้ถึงการเติมเต็ม นอกจากรู้สึกอึดอัดเหมือนร่างถูกเหยียดขยาย หล่อนไม่รู้สึกเจ็บปวดใดๆ เลย นวินวรรษสบตาบอกว่างงงันอย่างเข้าใจ “ไม่เป็นไรใช่มั้ย” เขาถาม ศีรษะบนวางบนที่นอนส่ายไปมาเบาๆ แทนคำตอบ ประกายจากตากลมโตที่กำลังสบตอบเขาค่อยๆ คลายจากความงงงันเป็นขัดเขินตามด้วยแววรัญจวนเมื่อเขาค่อยๆ ขยับ นวินวรรษสูดปาก เพราะถึงเขาจะเคลื่อนไหวได้เรียบลื่นแต่ความคับแน่นและร้อนผ่าวกำลังจะเผาไหม้เขาทั้งเป็น ยิ่งเมื่อร่างบางขยับตอบโต้ตามสัญชาตญาณร่างกายที่ต้องการปลดปล่อย ชายหนุ่มถึงครางไม่เป็นส่ำ กัญชพรไม่เข้าใจ อะไรที่นวินวรรษจะไม่ไหว แต่บางทีหล่อนอาจหูอื้อตาลายแถมเซลล์สมองยังถูกทำลายลงชั่วขณะจนไม่สามารถรับรู้ได้อย่างคนปกติ เลยไม่เข้าใจ แต่ทั้งๆ ที่ไม่เข้าใจ แต่เมื่อชายหนุ่มจับขาเรียวให้โอบสะโพกเขาไว้ ขาของหล่อนก็ออกแรงรัดสะโพกเพรียวแกร่งไว้สุดกำลัง และเมื่อเขาโน้มตัวลงจูบขณะกายกำยำยังกระแทกกระทั้นเขาหาก็จูบตอบเขาเต็มสัญชาตญาณเรียกร้อง แม้แต่มือบางงก็ไม่นิ่งเฉยพอๆ กับสะโพกกลมมนที่ยกร่อนรอรับการเติมเต็มในแต่ละจังหวะ หลังไหล่บึกบึนกลายเป็นที่ลับเล็บเพื่อลดความเสียวซ่านที่มีมากมายจนกลายเป็นความทรมาน
รักนี้อยู่ไม่ไกลถึงปลายฟ้า
โรแมนติก
5.0
เขาคือผู้ชายที่เพียบพร้อม มีความเสเพลในชีวิตส่วนตัวประสาหนุ่มโสด ผู้หญิงส่วนใหญ่ เห็นเขาเป็นเทพบุตรในฝัน ที่ต่างก้อยากครอบครอง จับจองเขาเป็นของตน แต่เขาก็เปรียวเกินกว่าจะมีสตรีใดจับติด กระทั่งได้เจอกับคู่อริในวัยเด็ก
เล่ห์รักรานใจ
โรแมนติก
5.0
“ไอ้พี่ระยำ! แกทำอะไรแววฉันจะฆ่าแก! แล้วนี่แววอยู่ไหนหา! บอกมาเดี๋ยวนี้นะว่าเอาแววไปไว้ไหน?” “นั่นเสียงคุณทศนี่?” นอกจากความงุนงงว่าทศยุทธ์มาได้ยังไง ความสงสัยใคร่รู้ยังมากพอที่จะชะงักเท้าที่เกือบจะวิ่งออกไปหาชายหนุ่มทั้งสอง เมื่อมีเสียงถามฟังใจเย็นขัดขึ้น “ทำไมนายถึงคิดว่าอวภาส์จะมาอยู่ที่นี่?” “ไม่อยู่ที่นี่แล้วจะไปอยู่ไหน เจ้าของร้านขายข้าวที่อยู่ข้างหอพักแววบอกว่าเห็นแววขึ้นรถมากับผู้ชายคนหนึ่ง จากที่ฟังบรรยายรูปร่างหน้าตาไม่น่าเป็นคนอื่นไปได้ พี่ทำอย่างนี้ได้ยังไง...” “ฉันทำอะไรไม่ทราบ?” “ยังจะถามอีกรึก ก็ที่คิดจะแก้แค้นผม อาจจะรวมถึงแม่ของผมด้วยผ่านแววนะสิ อย่านึกว่าผมไม่รู้เท่าทันนะ พี่กับคุณแม่ของพี่ก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอก เห็นแก่ตัว ใจดำ! ใครจะเป็นจะตายไม่สนขอให้ตัวเองได้สะใจเป็นพอ พี่รู้ว่าผมรักแววใช่ไหมล่ะ? พอผมไม่อยู่ก็เลยฉวยโอกาสหลอกล่อให้แววหลวมตัวหลวมใจ พอได้สมใจแล้วก็คงเขี่ยทิ้ง จะความสาวความบริสุทธิ์อะไรยังไงก็คงไม่มีความหมายสำหรับพี่ ในเมื่อสิ่งที่พี่ต้องการคืออยากให้ผมเจ็บใจ อาจจะหวังเลยไปว่าถ้าผมไม่มีความสุข แม่ผมก็คงพลอยทุกข์ไปด้วยล่ะสิ!” “ก็ดูเหมือนว่านายจะมองอะไรๆ ได้ทะลุปรุโปร่งนี่” เสียงที่เคยมีกังวานทุ้มนุ่มน่าฟัง บัดนี้นอกจากจะฟังกระด้างเย็นชา ยังเต็มไปด้วยแววหยันเยาะ “คุณยอมรับอย่างนั้นหรือคะ ว่าที่ผ่านมาคุณมีวัตถุประสงค์แค่ให้ได้ตัวแวว เพื่อคุณจะได้แก้แค้นคุณทศ ซึ่งแววก็ไม่รู้ว่าคุณสองคนมีเรื่องแค้นเคืองอะไรกัน?” “แวว...” ทศยุทธ์แทบจะผวาเข้าไปหาหญิงสาว “ถ้าอยากเชื่ออย่างนั้นก็ตามใจ” มัชฌันหันมาตอบคนที่เข้ามาหยุดอยู่เบื้องหลังเขาด้วยเสียงห้วน ประกายตาไม่เหลือแววหวานๆ หรือแม้แต่กระแสอ่อนเอื่อยอีกต่อไป อวภาส์เห็นว่าการที่เขาไม่แก้ตัว เท่ากับเป็นการยอมรับ หล่อนมองเขาอย่างไม่เชื่อตา <> หล่อนไม่คิดจะรักใครง่ายๆ แต่จำต้องยอมรับกับตัวเองว่า หัวใจที่เคยอิสระไม่ยอมแม้แต่จะแง้มเปิดรับชายใด บัดนี้ ไม่เพียงแต่แง้มรับ หากเปิดกกว้างให้ผู้ชายคนนี้ก้าวเข้ามาอย่างสง่าผ่าเผย แล้วเขาก็ทำให้หล่อนดำดิ่งสู่นรกานต์ ฝากนิยาย “พันแสงจันทร์” ด้วยนะคะ^^__^^
เมียตัวประกัน
โรแมนติก
5.0
ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนร่างเขากำลังจะระเบิด ผิวกายตลอดใบหน้าเขาร้อนผ่าวและแดงก่ำ เปลือกตาหนาหนักอึ้ง เขากำลังถูกเล่นงานจากความแคบแน่นของสาวบริสุทธิ์ ที่มีเขาเป็นผู้บุกเบิกคนแรก คนเดียว และคนสุดท้าย วินาทีที่ฝ่าด่านบางๆ เขารับรู้ได้เต็มความรู้สึก ความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของใครสักคนในใจเขารุนแรงยิ่งขึ้น ความเกษมสุขปลื้มปริ่มกระทบใจที่อ่อนไหวของเขา ที่ได้ครอบครองเรือนกายนุ่มนิ่มแต่เพียงผู้เดียว ทำเอาเขาถึงกับหลั่งน้ำตาโดยไม่ตั้งใจและเหนือการควบคุม แต่ขณะนี้ ความรู้สึกของเขามีมากกว่าความสุขเกษม มันคือความหฤหรรษ์ ปฏิกิริยาผันผวนในช่องทางฉ่ำนุ่ม ทั้งเรียกร้องให้เขาเข้าหา ทั้งเป็นปฏิปักษ์ กำลังทำเอาบุรุษผู้เจนสนามโลกีย์มานับไม่น้อยขาดใจจากความเสียวซ่าน แทบสิ้นความอดในการควบคุม ปลดปล่อยเชื้อพันธ์เดี๋ยวนั้น จนต้องหยุดหายใจยาวลึกขณะพาส่วนสำคัญจมดิ่งในความคับแน่นฉ่ำชุ่ม ท้ายที่สุดก็เป็นเขาที่ทำให้ร่างอ้อนแอ้นสะท้านไหวครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เขาก็ตัวสั่นอยู่ในอ้อมแขนเล็กละมุนที่โอบลงมา เสียงครางรัญจวนจากปากนุ่มหวานฉ่ำที่เขาจูบซับไม่เบื่อ คือแรงผลักให้ภูณฤทธิ์เร่งจังหวะเคลื่อนไหว ชายหนุ่มครางแหบๆ เพราะยิ่งเขาถาโถมจ้วงจุ่ม จังหวะรัดรึงเป็นปฏิปักษ์ของช่องทางนุ่มกระชับที่กระทำต่อส่วนสำคัญของเขาก็ยิ่งทวีความรุนแรง
ปราบรักเมียพยศ
โรแมนติก
5.0
“ฉันมีเงื่อนไขของฉันสองข้อ และคุณจะต้องให้สัญญาด้วยการลงชื่อรับรอง นี่ค่ะ ฉันได้ให้ทนายช่วยร่างมาแล้วเรียบร้อย อ่านดูสิคะ ถ้าทำตามไม่ได้เราก็จะได้เลิกรากันไปเสียแต่ตอนนี้ ไม่ต้องเสียเวลาทั้งของคุณ ของฉัน” ชายหนุ่มรับมาอ่าน... หนึ่งเที่ยว...สองเที่ยว กระทั่งเที่ยวที่สาม ทุกตัวอักษรเงื่อนไขสัญญา ก็ยังคงไม่เปลี่ยนไป เขาแทบจะเชื่อสายตา ไม่แน่ใจด้วยซ้ำกับทุกใจความที่อ่านอยู่ “ถ้าคุณตกลงตามเงื่อนไขทั้งหมดนี้ เราถึงจะแต่งงานกัน” เสียงกำชับมาห้วนๆ ขณะมองสบตาเขาอย่างเยาะๆ ของหญิงสาวที่แต่ละนาทีที่ผ่านไปใจเขาก็ยิ่งพันผูกด้วยมากขึ้น ทำเอาคิ้วเข้มๆ เริ่มมุ่นทีละนิดๆ แทบขมวดเป็นก้นหอย เงื่อนไขสัญญาที่ทำเอาอาทิตยเทพงง และไม่เข้าใจนักมีอยู่ด้วยกันสองข้อ หนึ่ง... เมื่อมีการแต่งงานที่สมบูรณ์ จะไม่มีการหย่าร้าง และ/หรือ ถ้าฝ่ายชายต้องการหย่า จะต้องแบ่งทรัพย์สินที่มีอยู่ทั้งก่อนหน้าและได้เพิ่มมาหลังการสมรส ให้ฝ่ายหญิงครึ่งหนึ่ง สำหรับข้องสอง อาทิตยเทพคงพอใจ ถ้าจะไม่รู้สึกเสียก่อนว่ามีอะไรแหม่งๆ ใจความเงื่อนไขข้อนี้ก็คือ...นับจากวันที่มีการจดทะเบียนสมรส ไปจนครบหนึ่งปี เจ้าบ่าวเจ้าสาวจะใช้ชีวิตร่วมกันอย่างเช่นคู่สมรสทั่วไป นอนเตียงเดียวกัน แต่จะไม่มีการยุ่งเกี่ยวกันทางเพศสัมพันธ์ ถ้าฝ่ายชายละเมิด ไม่ยึดถือปฏิบัติ ให้ฝ่ายหญิงนำไปเป็นข้ออ้างในการขอหย่าได้ทันที โดยจะยังได้รับสิทธิในข้อแรก พ้นจากเงื่อนไขสองข้อนี้แล้ว ยังมีหมายเหตุที่มุมล่างสัญญา หมายเหตุ... กรณีที่ฝ่ายชายนอกใจฝ่ายหญิง ไปมีความสัมพันธ์กับหญิงอื่น เป็นเหตุของการนำความอับอายขายหน้ามาให้ฝ่ายหญิงสามารถจัดการได้ตามข้อตกลงที่สอง คือหย่าได้ทันทีพร้อมมีสิทธิ์ในทรัพย์สินครึ่งหนึ่งของฝ่ายชายที่มีอยู่ขณะนั้น อรอินทุ์สบตาที่เพิ่งละจากแผ่นกระดาษสัญญาของเจ้าบ่าวด้วยแววตาทั้งเยาะทั้งเย้ย “ถ้าอ่านเข้าใจแล้ว คิดว่าทำตามนี้ไม่ได้ก็บอกมาเลย” อาทิตยเทพสลัดศีรษะนิดหนึ่ง พยายามตั้งสติ แต่เขาก็ไม่เสียเวลาคิดนานนัก “ตกลง ผมรับ!” อรอินทุ์งงไป หล่อนคิดว่าชายหนุ่มจะต้องแย้งขึ้นมา ในเมื่อเห็นๆ อยู่ว่า เงื่อนไขสัญญาที่หล่อนตั้งใจเขียนขึ้นมานี้เขาเสียเปรียบทุกทาง
หวงรักเมียเสน่หา
โรแมนติก
5.0
หล่อนถูกข่มขืน ไม่มีคำใดเหมาะไปกว่าคำคำนี้ และครั้งนี้ยิ่งกว่าครั้งก่อนที่หล่อนคิดว่าถูกเขาขืนใจ เพราะครั้งนั้น อารมณ์โกรธเกรี้ยวของเขาคลายลงหลังจากหล่อนยอมร่วมมือให้เขาได้ทำตามใจ แต่ครั้งนี้ ไม่! …………………. เสื้อผ้าที่ห่อหุ้มร่างกายหญิงสาวถูกฉีกทึ้ง หล่อนดิ้นรนต่อสู้แต่ไม่สามารถหยุดเพลิงโกรธเขาได้ เสียงกรีดร้องบอกความเจ็บปวดทุกครั้งที่กายใหญ่ขยับขับเคลื่อนเข้าใส่อย่างไร้ความปราณี ไร้การเล้าโลมให้หล่อนมีอารมณ์ต้องการร่วม อรกัญญาสะอื้นกระซิก เจ็บแปลบไปทั้งกายใจ ร่างกายเจ็บปวด อีกไม่นานก็คงหาย แต่หัวใจที่แหลกสลายแล้วนี้สิ คงไม่มีวันกลับมาดีได้ดังเดิมอีกแล้ว
ไฟกาม : ราคะ
สมัยใหม่
5.0
หญิงสาวกลายเป็นจ๊อกกี้ไปแล้วเมื่อเป็นฝ่ายควบคุมเกม สะโพกหนั่นแน่นทั้งโยกทั้งส่ายบด ติ่งเนื้อน้อยในกายหล่อนตอบตุบตามแรงอารมณ์ ทุกจังหวะของการถอนตัวเกือบพ้นแล้วกระแทกลงบนท่อนเนื้อที่ตั้งรับ ก่อความเสียวยิ่งกว่าเสียว หล่อนครางซี๊ดไม่หยุดปาก ทั้งที่ตัวเองทำเองแท้ๆ ยิ่งจังหวะบดโหนกขณะท่อนลำที่ผลุบเข้าผลุบออก ความรู้สึกก็ยิ่งทวีความร้อนเร่าราวถูกไฟเผา แต่แล้วก็ถูกจับพลิกคว่ำ แขนกำยำข้างหนึ่งของชายหนุ่มสอดเกี่ยวกระชากหล่อนให้อยู่ในท่าคุกเข่า แขนเรียววางราบตั้งฉากรับน้ำหนักตัวเองบนฟูก วินาทีต่อมาเจ้าของท่าเสือหมอบก็หลุดเสียงร้องกระเส่า เมื่อถูกมือขวาใหญ่โลมลูบสะโพกผ่านเลยถึงหน้าท้อง จากนั้นก็เลื่อนต่อถึงกลุ่มไหม ส่งนิ้วจี้คลึงจุดยุทธศาสตร์สำคัญที่กำลังเต้นเร่า ขณะแท่งเอ็นแกร่งตอกอัด
ร่านบริสุทธิ์ EROTICSTOREIS
โรแมนติก
5.0
ฝากแนวกิน เอ๊ย! แนวแซ่บจี๊ดจ๊าดพริกยกสวนด้วยนะคะ <> “อูย!” สาวน้อยวัยกระเตาะส่งเสียงครางเบา เริ่มแอ่นสะโพกให้ร่างกายส่วนล่างลอยสูงขึ้นอย่างคนควบคุมตัวเองไม่ได้ ธรรพ์ลอบยิ้ม ทำไมเขาจะไม่รู้ทันความต้องการของหล่อน อาการอย่างนี้เป็นอาการที่บอกให้รู้ว่าใจของหล่อนกำลังเร่าร้อนอยากให้เขาทำมากกว่านั้น แต่แทนที่เขาจะทำตามความต้องการของสาวน้อยที่เสนอตัวกับเขาอย่างอาจหาญ ธรรพ์กลับถอนนิ้วมาลูบผ่านเนินนูนเด่นลงหาต้นขาอวบเรียว เขาลูบขึ้นมาขึ้น ลง สามสี่ครั้งจึงค่อยยอมเลื่อนประกบแล้วขยำเต็มมือ จากนั้นก็บรรจงลูบช้า ขึ้นมาจนถึงง่ามขาก่อนจะวนอ้อมกลับโดยผ่านลงมาทางขาอ่อนด้านใน แน่ล่ะ อาการยั่วยุระคนยั่วเย้าของเขายิ่งไปกระตุ้นให้สาวน้อยเครียดเกร็ง สั่นสะท้านด้วยไฟกำหนัด เพราะตอนนี้ไม่เพียงหน้าขาจะสั่นกระตุกน้อย แต่ภายในช่องสวรรค์ยังขมิบเป็นจังหวะ และขับน้ำหล่อลื่นออกมาอย่างต่อเนื่อง ยิ่งปลายนิ้วของเขาเคลื่อนเข้ามาใกล้ปากร่องหลืบที่กำลังขับความฉ่ำชุ่มออกมา อารมณ์กำหนัดของเดือนก็ยิ่งเตลิดไปไกล ไกลเสียจนหล่อนแอ่นเนินขึ้นหลายครั้ง และทุกครั้งที่ผิดหวังเพราะมือของชายหนุ่มเลื่อนห่างออกไป หล่อนจะระบายลมหายใจออกมาอย่างหงุดหงิด
ป่าหัวใจไฟกามเทพ
โรแมนติก
5.0
ณัทธร มณฑารพ (ณัท) พ่อหม้ายลูกติดวัย 32 เจ้าของไร่มณฑาธารผู้รักลูกกำพร้าแม่ของเขาเป็นแก้วตา เป็นคนจิตใจมั่นคง เผชิญกับอุปสรรคและปัญหาต่างๆ ที่ถามโถมเข้ามาในชีวิตอย่างมีสติ ด้วยรูปลักษณ์ที่หล่อเหลา เป็นชายหนุ่มที่มีเสน่ห์ดึงดูด แถมเป็นเจ้าของไร่ใหญ่โต ทำให้มีผู้หญิงหวังจะพิชิตทั้งกายใจเขาอยู่ไม่น้อย ทว่าหัวใจรักแท้ของเขาจะอยู่ที่ผู้หญิงเพียงคนเดียว อนิลทิตา พิรุฬพร (อิน) หญิงสาวผู้ถูกโชคชะตาเล่นตลกในเรื่องของหัวใจ เพียงแรกพบหัวใจสาวก็สลักชื่อผู้ชายคนหนึ่ง ผู้ชายที่เธอรู้ดีว่าไม่มีวันได้ครอบครองเป็นเจ้าของเขาไม่ว่าในทางใด <>สปอย<> “แม่...แม่อินจ๋า” เสียงห้าวมีกังวานทุ้ม แค่หยุดชะงักมือที่กำลังทุบหมอน และเสียงสะอื้น ทว่าเสียงเล็กๆ เรียกชัดถ้อยชัดคำ ไม่ใช่แค่แม่เฉยๆ หรือแม่จ๋า อย่างกาลก่อน แต่เป็น... ‘แม่อินจ๋า’ ถึงกับสามารถทำให้ร่างนอนหันหลังให้ประตูกพลิกกลับมาได้เกือบจะทันควัน “น้องอิง....” “กิ๊ดถึง- แม่อิน” อีกประโยคที่ออกจากปากเล็กๆ ก่อนจะตามด้วยยิ้มจนตาหยี ทำให้อนิลทิตาหัวเราะออกมาทั้งน้ำตา “มานี่เลย...เด็กขี้ประจบ ใครสอนหือ?” เธอลุกขึ้นนั่ง ยื่นมืออกไปหลังจากเช็ดน้ำตาที่ยังค้างบนแก้มและในตา ไม่ทันแตะตัวหลานน้อย กุหลาบแดงดอกใหญ่กลีบหนาและหอมกรุ่น ที่คนตัวสูงซ่อนไว้เบื้องหลัง ก็ถูกยัดใส่มือ ว่าจะไม่รับนะ แต่ทำไมกลับดึงมือที่กำก้านกุหลาบกลับเพื่อยกกุหลาบแดงแจ้งรักดอกนั้นขึ้นแล้วก็ค่อยๆ จรดจมูกลงไปก็ไม่รู้เหมือนกัน ร่างเล็กของเด็กหญิงถูกวางลงบนเตียง แล้วร่างสูงก็นั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ข้างเตียง ดึงมือเรียวบางที่ยังประคองกุหลาบไปกุมไว้ “พี่จะยังไม่ขออะไรจากอินมาก นอกจากขอให้อินเข้าใจ พี่ก็แค่ผู้ชายธรรมดาๆ เรื่องทำผิดคิดพลาดก็ต้องมีบ้าง และถึงพี่จะเคยเสียใจกับสิ่งที่ตัวเองตัดสินลงไป แต่ก็ยังเห็นว่าคุ้มเพราะมันทำให้พี่ค้นพบหัวใจตัวเองจริงๆ ถึงเวลานี้ แม้อินจะไม่อยากฟัง แต่พี่ก็จะบอก พี่ร...” “ป้อ!” คนตัวเล็กเขย่าแขนบิดา แล้วเรียกซ้ำเหมือนจะเรียกร้องความสนใจ “ป้อ...ป้อ!” “เดี๋ยวก่อนยายหนูขอพ่อบอกรักแม่อินก่อน” “รัก...รักแม่อิน” เสียงแจ๋วๆ ว่าตาม แล้วโถมเข้ากอดคอน้าสาวโดยไม่หยุดเสียงฉอเลาะสลับเสียงจูบฟอดๆ “รักน๊า... รักแม่อินน๊า” อนิลทิตาหัวเราะคิก โอบแขนเข้ากับร่างเล็ก ณัทธรส่ายหน้า แต่แล้วก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ เขาลุกจากเก้าอี้ ขึ้นมานั่งที่ขอบเตียง กางแขนออกโอบทั้งคนร่างบางและคนตัวเล็กเข้าชิดอก พอหญิงสาวอุทานว่า.... “อุ๊ย! อะไรก็ไม่รู้” เขาก็ถือโอกาสทำล้ำหน้าบุตรสาวตัวน้อย ที่แค่จูบแก้มน้าสาว ด้วยการก้มลงปิดปากอิ่มอ่อนช้อยที่เผยอต่อว่านั้นเสียเลย ด้วยจุมพิตหวาน และชวนเมาพอๆ กับเมรัยน้ำผึ้งรสเลิศ
กบฏรักหัวใจปรารถนา
โรแมนติก
5.0
กบฏรักหัวใจปรารถนา เรื่องราวความรักต่างวัยระหว่างผู้ปกครองหนุ่ม กับเด็กสาวกำพร้า ที่ต้องอยู่ภายใต้ความดูแลของน้องชายพ่อเลี้ยง ด้วยความใกล้ชิด ฝ่ายหนึ่งก็สาวน้อยวัยใส สะสวยน่ารัก อีกฝ่ายก็หนุ่มใหญ่วัยทำงาน โสด-หล่อ-รวย คุณสมบัติครบสำหรับให้สาวๆ เก็บเอาไปฝัน ความรัก-ความใคร่จึงบังเกิด แต่ด้วยความแตกต่าง ไม่ว่าอายุ มุมมอง และประสบการณ์ เลยกลายเป็นอุปสรรคที่ทั้งสองจะต้องฟันฝ่า อกัณห์ นภนนท์ .... หนุ่มใหญ่วัย35ผู้ไม่ศรัทธาในความรักมากนัก ในมุมมองของเขาเห็นว่าความรักสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ด้วยเหตุนี้จึงไม่แปลกที่ชายหนุ่มผู้เพียบพร้อมไม่ว่าในด้านรูปร่างหน้าตาอันหล่อเหลาและน่าหม่ำในสายตาสาวๆ หรือฐานะเป็นปึกแผ่น รวมไปถึงหน้าที่การงานมั่นคง จะยังครองความโสดเอาไว้อย่างเหนียวแน่น เด็กสาวกำพร้าวัยสิบแปดผู้มีเป้าหมายอยู่ที่การพิชิตร่างกายและหัวใจผู้ปกครองหนุ่มหล่อ แต่ดูเหมือนหนทางที่จะนำไปสู่ความสำเร็จของหล่อนจะไม่ง่ายนัก ร่างกายเขาหล่อนอาจพิชิตได้สำเร็จ แต่หัวใจรักของเขานี้สิ ยากเย็นพอๆกับเข็นครกขึ้นเขาเลยทีเดียว
ร่านริษยา
โรแมนติก
5.0
สามี แปลว่า นาย แต่ขณะนี้เขาไม่แน่ใจในสถานะของตัวเองนัก เพราะดูเหมือนภรรยาสุดที่รักจะปฏิบัติต่อเรือนกายเขาตามอำเภอใจหล่อนราวกับเขาเป็นทาส แต่เขาก็รักการตกเป็นทาสนี้ถึงกับครางเสียงดังด้วยความพึงพอใจ เมื่อปากนุ่มยุติการจูบระไปบนผิวกายเขามาหยุดลงที่บริเวณกลางลำตัว สะโพกเขาแอ่นขึ้นทันทีที่ปลายลำเนียนเรียบรูปทรงดอกเห็ดขับน้ำใสๆออกมาเรียบร้อย ถูกครอบด้วยริมฝีปากหยักอิ่ม …….. เขารักริมฝีปากที่รีดเค้นเขาของหล่อน รักลิ้นเล็กๆ ยามตวัดผ่านร่องเล็กตรงกลางส่วนปลายลำของเขา รักการดูดดุนและลูบเลียตั้งแต่โคนถึงปลาย ลุ่มหลงการกลืนกินน้ำรักของเขาอย่างไม่เดียดฉัน หล่อนทำให้เขาตกตะลึง และกลับแข็งผงาดขึ้นภายในไม่กี่อึดใจหลังการปลดปล่อยตัวเองให้พบกับความสุขสุดยอด เมื่อลิ้นเล็กกวาดต้อนเชื้อพันธุ์ของเขาที่ไหลเลอะมุมปากเข้าปากไม่ให้ตกหล่นแม้เพียงหยาดหยด ด้วยสีหน้ายิ้มกริ่มราวแมวขโมยกินครีมแสนอร่อยในชามอ่าง
ร่านรักคืนร้อน
โรแมนติก
5.0
ร่านรักคืนร้อน คือหนึ่งในนิยายชุด “ร่านรัก” ซึ่งมีด้วยกันทั้งสิ้น 3 ร่าน ได้แก่ ร่านรักเริงใจ –ร่านรักคืนร้อน -ร่านริษยา เป็นนิยายโรมานซ์-อีโรติก เหมาะสำหรับท่านที่แสวงหาความตื่นเต้นแบบซ่านๆเสียวๆ โดยเฉพาะ ร่านรักคืนร้อน...ว่าด้วยเรื่องราวของหญิงสาวสองคนที่ถูกเลี้ยงดูมาด้วยกัน โดยบุคคลเดียว แต่กลับมีความแตกต่างกันอย่างมากมาย แตกต่างอย่างไรนั้นคงต้องไปอ่านกันเอาเองแล้วค่ะ <> พริ้มเริ่มไม่รับรู้ถึงความรู้สึกอื่นใดนอกความรู้สึกทรมานแปลกๆ มีทั้งความหวั่นระทึก ความวาบหวาม เสียวซ่านที่กำลังก่อตัวในจุดที่พริ้มไม่เคยนึกถึงมาก่อน รับรู้ถึงอาการหดเกร็งของกล้ามเนื้อในช่องทางความเป็นหญิงของตน อยากถูก...สัมผัส ตรงนั้น อยาก...ได้รับการเติมเต็มช่องทางที่เคยว่างโหวง ความรู้สึกที่เกิดขึ้นกำลังทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อริมฝีปากผะผ่าวประทับลงมาบนเนื้อนุ่มอย่างเร่าร้อน เรียกร้องด้วยความเคยชินทำเอาพริ้มแทบสะดุ้งไหว กระไอร้อนจากกายชายเสมือนเปลวไฟที่กำลังลนลวกเนื้อกายสาวให้พลอยลุกฮือ โดย... ลิลลี่ โจนส์