ความลับของความรัก

ความลับของความรัก

Ohpal

5.0
ความคิดเห็น
473
ชม
12
บท

คะน้าถูกรับเลี้ยงมาในครอบครัวร่ำรวยที่มีลูกชายคนเดียว ตลอดเวลาโตมาด้วยกันเขาไม่เคยจะญาติดีเเละเห็นเธอเป็นเพียงคนใช้เท่านั้น!

บทที่ 1 บทนำ

บทนำ

“แม่ผมมาแล้ว...”

“โตเป็นหนุ่มหล่อเลยนะ ไหนมากอดหน่อย”

“ผมคิดถึงแม่ครับ”

“แม่ก็คิดถึงลูกมา ต่อไปนี่เราไม่ต้องคุยกันผ่านกล้องแล้วนะ”

“ครับแม่”

ฉันแอบมองคุณหญิงกอดกับผู้ชายรุ่นราวเดียวกับฉันอยู่ข้างประตู ผู้ชายตัวสูงนั้นคือลูกชายแท้ๆ ของคุณหญิงนั้นเอง คุณหญิงบอกฉันว่าท่านมีลูกชายที่อาศัยอยู่ที่อเมริกาเราอายุเท่ากันแต่เขามีศักดิ์เป็นพี่เพราะเขาเกิดก่อนฉันสองเดือนตอนนี้ฉันตื่นเต้นจนบอกไม่ถูกเขาจะยอมรับฉันไหมนะ...

“อ่อ แม่มีคนหนึ่งจะแนะนำลูกน้องของลูกไง ที่แม่เคยเล่าให้ฟัง”

“...อ่อครับ”

สีหน้าผู้ชายคนนั้นเปลี่ยนไปทันที เขาดูนิ่งและน่ากลัวมาก...เหมือนเขาเองจะสังเกตเห็นฉันเหมือนกัน อยู่ๆ เขาก็เดินเข้ามาหาฉันก่อนจะยื่นมือหนานั้นมาตรงหน้าฉัน

“ยินดีที่ได้รู้จัก ต่อจากนี้เธอจะมีพี่ชายที่แสนดีละนะ^_^”

“...จะ จ้า

” ฉันยื่นมือไปจับมือหนานั้นไว้เบาๆ แต่เขากลับดึงให้ตัวฉันขยับเข้าไปก่อนจะโน้มตัวมากระซิบข้างๆ หูฉันอย่างแผ่วเบา

“เธอ ตาย แน่...^_^”

โอ้ แม่ จาววว

T_T

ณ ตอนนั้นฉันก็รับรู้ได้ถึงหายนะที่กำลังจะมาถึงต่อจากนี้...อยู่ๆ ฉันก็คิดถึงวันแรกที่เจอ ‘ลิบิน’ ขึ้นมา...ฉันยังจำได้วินาทีที่เขากระซิบข้างหูฉันได้แม่นนี่แค่คิดยังขนลุกไปทั้งตัวเลยนะเนี่ย ตั้งแต่เขากลับมาจากอเมริกาเมื่อสองปีที่แล้วเขาค่อนข้างต่อต้านฉันอย่างแรงทั้งแกล้งฉันจนร้องไห้ ออกปากไล่ฉันออกจากบ้านแกล้งฉันสารพัด แต่ก็เอาเถอะไม่ว่าเขาจะเป็นคนยังไงฉันก็ต้องดูแลเขาให้ดีที่สุดตอบแทนที่คุณหญิงให้ชีวิตใหม่กับฉัน ถึงบางเวลาเขาจะเรียกฉันว่าคนใช้ก็เถอะ =-= ซึ่งบางทีฉันก็แอบเคืองเหมือนกันนะคำพูดเเบบนั้นน่ะ

"นี่ยัยคะน้ายื่นทำอะไรอยู่ตั้งนานพรุ่งนี้มีเรียนนะ"

ระหว่างที่ฉันกำลังคิดไป แค้นไปลิบินตัวดีก็เดินออกมาจากตัวบ้านเข้ามายืนข้างๆ ฉันเขาคงจะแอบมองอยู่สักพักได้แล้วล่ะ

โห.. นึกว่าจะได้มองดาวคนเดียวอย่างสงบสะอีก

"ก็เเค่รับลม มองดาวไปเรื่อยๆ "

"คิดว่าตัวเองเป็นนางเอกหรือไง? "

"ก็เปล่าสะหน่อย เเล้วนายมาทำอะไรตรงนี้"

"ก็นี่มันบ้านฉันนิฉันจะอยู่มุมไหนก็ได้"หยักไหล่ด้วย

=_=

"ค่ะ ฉันมันเป็นเเค่ผู้อาศัย เดียวก็ออกไปจากที่นี่เเล้วอดทนหน่อยละกัน"

ลิบินมองหน้าฉันอย่าง งงๆ ทำไมล่ะวันหนึ่งฉันก็ต้องออกไปมีชีวิตของตัวเองใช้ชีวิตคนเดียวอยู่เเล้วนิหรือถ้าวันหนึ่งฉันเจอพ่อเเม่ฉันก็ต้องย้ายไปอยู่กับท่านอยู่แล้ว

"อยากไปก็เรื่องของเธอ-=-"

"นายก็ไม่ได้อยากให้ฉันอยู่นิ"

"เออ รู้ก็ดีเเล้ว เข้านอนได้เเล้ว..."

"อีกสักพัก..."

"เดี๋ยวนี้! "

"ตะโกนทำไม? เเล้วเรื่องอะไรทำไมนายต้องมาบังคับฉันด้วย! "

"ฟังชัดๆ นะ..."

ลิบิน ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ ฉันเเล้ว เอามือชี้ปากตัวเองเหมือนให้ฉันตั้งใจดูที่ปากเขา

"ฉันเป็นเจ้าของบ้านเเละตอนนี้สั่งให้เธอไปนอนพร้อมฉันสะ"

"นี่มันชีวิตฉันนะ ถึงฉันนอนดึกก็ไม่ตื่นสายเท่านายหรอก"

"ขี้เกียจฟัง มานี่ไปพร้อมกันนี่ละ"

"เฮ! ทำไมต้องลากฉันด้วย"ลิบินจับเข้าที่เเขนขวาของฉันเเล้วดึงให้เดินตามเขากลับเข้ามาในบ้าน พอฉันพยายามจะเเกะมือของเขาออกเจ้าตัวก็หันมาจิกตาใส่สะงั้น =-= เขาเป็นอย่างนี้อยู่เรื่อยชอบบังคับฉันตลอดเวลาเลย พอถึงหน้าห้องฉันเเทนที่เขาจะปล่อยฉันเเล้วเดินเข้าห้องตัวเองไปเเต่กลับยืนนิ่งกอดอกมองเหมือนต้องการให้ฉันเข้าห้องไปก่อน

"อะไร ทำไปไม่เข้าห้องไปละ"

"เธอก็เข้าไปก่อนสิ ฉันจะยืนมองอยู่ตรงนี้"

"เเต่ตอนนี้ก็ถึงห้องฉันเเล้วนะ..."

"ถ้าฉันเดินเข้าห้องไปเธออาจจะเดินออกไปอีกก็ได้"

“อะไรของนายเนี่ย?”

“นับหนึ่ง...”

"โอเคเรื่องของนายจะคิด ถ้าเข้าห้องเเล้วนายสบายใจงั้นฝันดี= ="

"อ่าฮะ"

ฉันไม่สนใจเขาเเล้ว เดินเข้าห้องไปโดยดี ฉันไม่อยากเถียงกับเขาให้เสียอารมณ์หรอกนะเดี๋ยวฝันร้ายกันพอดี พอรุ่งเช้าฉันก็ตื่นตามปกติรีบอาบน้ำเเต่งตัวเพื่อลงมาทำอาหารเช้ากินเองแบบทุกวัน ที่จริงฉันทำเเบบนี้มาตั้งเเต่จำความได้รู้สึกว่าการทำอาหารเป็นเรื่องสนุกในเเต่ละวัน ถึงเเม่นมจะขอให้ฉันนั่งรอกินอาหารเช้าฝีมือท่านเท่าไหร่ก็ตาม...มันเป็นความสนุกน่ะ เเต่มันก็ไม่สนุกตรงที่มักจะมีคนตื่นสายมาสั่งฉันทำเผื่อน่ะสิ ว่าเเต่นี่ก็เริ่มสายเเล้วทำไมลิบินช้าจังนะ?

“ยัยคนใช้ยืนทำอะไรอยู่ตั้งนาน ช่วยทำอาหารให้มันเร็วๆ หน่อยได้ไหมฉันรอนานมากแล้วนะหิวมากด้วย”

ยังไม่ทันขาดคำเจ้าตัวก็ลงมายืนกอดอกมองฉันแล้วออกคำสั่งเลยมาตั้งแต่เมื่อไหร่กันเนี่ย -=-

“ฉันไม่ได้ทำให้นาย ทำไมนายไม่ขอให้แม่นมทำให้กินละ”

ฉันวางจานข้าวผัดลงข้างตัวเเล้วหันไปมองลิบินที่ยืนพิงประตูอยู่ เห็นไหมล่ะเขาเห็นฉันเป็นคนใช้

จริงๆ ทั้งที่คุณหญิงบอกให้คิดว่าเราอยู่กันแบบเพื่อนก็เถอะ เเต่เขาไม่เคยคิดเเบบนั้นเลยที่เป็นเเบบนี้คงเพราะที่คุณหญิงชอบฉันมากกว่า ชิ!

“แม่นมไม่ว่างทำความสะอาดอยู่...”

“งั้นก็ทำกินเองโตจนหมาเลียก้นไม่ถึงแล้ว”

“นี่เธอ! ฉันเป็นลูกเจ้าของบ้านนี้นะ เท่าที่รู้เธอต้องดูแลฉันไม่ใช่หรือไงคิดว่าแม่เก็บเธอมาเลี้ยงแล้วจะไม่ต้องทำอะไรงั้นเหรอ”

ลิบิน

ยืนยิ้มมองฉันเหมือนตัวเขาเองได้รับชัยชนะอย่างใหญ่หลวง เขาก็เป็นอย่างนี้เสมอชอบพูดเหมือนว่าฉันเป็นส่วนเกินจะชินดีไหมล่ะ?

เหอะ?

“หัดตื่นให้มันเช้าๆ สิ”

“เรื่องของฉัน”

“เรื่องของนายแต่เดือดร้อนฉันเสมอเลยงั้นเหรอ”

“ก็มันหน้าที่เธอ” ฉันถือจานข้าวผัดมาวางบนโต๊ะให้เขาแล้วเดินเลี่ยงออกมาจากห้องครัว ที่จริงฉันกินข้าวเช้าเรียบร้อยไปตั้งนานเเล้ว ละที่ทำจานนี้ก็เพราะรู้อยู่แล้วว่าเขาต้องมาสั่งฉันให้ทำเผื่อ ลิบินมองฉันนิ่งๆ แบบที่ชอบทำก่อนจะเดินไปนั่งกินเงียบๆ เขาก็เป็นสะอย่างนี้ตื่นสายแล้วก็มาโวยวายให้คนอื่นทำอาหารเช้าให้กินนี่ถ้าเขาไปอยู่คนเดียวแล้วจะเป็นยังไงนะ ปีนี้เราอยู่ปีสุดท้ายแล้วด้วย เฮ้อ...

“คุณหนูคะ คุณชายละคะแม่นมขึ้นไปปลูกก็ไม่เจอเจ้าตัวเลยนี่ก็สายแล้วแม่นมเองก็ยังทำอะไรไม่เสร็จแล้วคุณชายจะทานอะไรก่อนไปเรียนก็ไม่รู้ คุณหนูเห็นคุณชายไหมคะ”

“ไม่ต้องห่วงค่ะแม่นม ลิบินตื่นแล้วค่ะ แต่งตัวแล้วเรียบร้อยกำลังทานข้าวอยู่ในห้องครัวค่ะ^_^”

ฉันเดินออกมาเจอแม่นมที่กำลังยื่นขมวดคิ้วแน่นอยู่ที่หน้าห้องครัวฉันละอดหัวเราะกับท่าทีลุกลี้ลุกลนของแม่นมไม่ได้ท่าทางท่านจะร้อนใจมาก

“ขอบคุณคุณหนูมากนะคะ แม่นมมีงานเยอะจริงๆ ขอโทษที่ชอบทำให้วุ่นวายนะคะ”

“ไม่เป็นไรค่ะแม่นม คนที่วุ่นวายน่ะลิบินต่างหากละค่ะ”

“ถึงจะอย่างนั้นมันก็เป็นหน้าที่ของแม่นมเอง”

“ไม่ต้องคิดมากหรอกค่ะ^_^”

“แม่นมไปทำงานของแม่นมเถอะค่ะ ไม่ต้องห่วงลิบิน เดี๋ยวคะน้าจัดการเขาเองค่ะ”

“ขอบคุณมากๆ นะคะ”

“ค่ะ^_^”

ฉันพูดยิ้มๆ ถึงบ้านนี้จะมีแม่บ้านอยู่หลายคนแต่แม่นมนี่ละเหนื่อยที่สุดเพราะนอกจากจะดูแลทุกคนในบ้านยังต้องคอยทำอาหารคุมการทำงานของแม่บ้านคนอื่นอีก แต่แกก็ดูมีความสุขดีนะ

“โล่งอกไปที แล้วคุณหนูจะไปส่งคุณแม่ไหมคะหรือจะไปเรียนเลยตอนนี้คุณแม่ยังไม่ไปนะคะ”

“งั้นเดี๋ยวคะน้าไปลาคุณหญิงตอนนี้เลยก็ได้ค่ะเดี๋ยวลิบินจะโวยวายเอาแม่นมก็รู้นิค่ะเขาไม่ชอบไปสาย”

“งั้นเดี๋ยวแม่นมขอไปดูคุณชายก่อนนะคะ คุณชายนี่หน้าตีจริงๆ” แม่นมพูดอย่างมันเขี้ยว

“ตีแรงๆ เลยนะคะ^_^”

“แม่นมทำไม่ลงหรอกค่ะ คุณหนูก็”

"ฮ่าๆ ไปก่อนนะคะ” ฉันถอนหายใจกับการจัดเวลาของลิบิน เขาตื่นสายได้แต่กลับไม่ยอมให้คนอื่นสายเอาแต่ใจจริงๆ

นี่ขนาดแม่เขาจะต้องไปทำงานต่างประเทศตั้งหลายเดือนเขายังตื่นสายอย่างนี้แล้วไหนยังต้องรีบไปเรียนอีก เขาไม่คิดจะกอดลาแม่หน่อยหรือไงฉันลืมบอกไปว่าลิบินกับแม่เขาเองก็ค่อนข้างจะห่างเหินเพราะเรื่องงานที่แม่เขาทำจึงมีเวลาให้ครอบครัวน้อยมากพอสมควรอีกอย่างลิบินเองก็พึ่งมาอยู่ได้ไม่กี่ปีด้วย

เเต่หลายครั้งที่แม่นมเล่าให้ฟังว่าลิบินก็ทำตัวน่ารักเเอบไปอ้อนเเม่เพื่อเต็มความอบอุ่นอยู่ตลอด แต่เขาไม่อยากให้ฉันเห็นสงสัยกลัวฉันจะล้อ ฮ่าๆ

“...ว่าไงลูกสาวแม่ยังไม่ไปเรียนอีกเหรอสายแล้วนะลูก”

“ลิบินยังทานข้าวไปเสร็จเลยค่ะ”

“คงตื่นสายอีกแล้วสิ สู้ลูกสาวแม่ไม่ได้...”

คุณหญิงลูบผมฉันเบาๆ อย่างเอ็นดู ท่านจะแทนตัวเองด้วยแม่เสมอฉันเองก็อยากเรียกท่านว่าแม่นะแต่ติดที่ฉันยังรอ...รอเพื่อที่จะเจอพ่อแม่ที่แท้จริงของฉันที่คุณหญิงพยายามตามหามาตั้งแต่ฉันจำความได้แต่มันก็ไร้วี่แวว จนบางครั้งฉันก็รู้สึกว่าต้องทำใจเหมือนกันฉันยังแอบอิจฉาลิบินนะ ที่อย่างน้อยเขาก็ยังรู้ว่าพ่อแม่เขาเป็นใครบางครั้งฉันก็คิดไปว่าถ้าคุณหญิงเป็นแม่จริงของฉันก็คงดี

“คุณหนูคะ คุณชายให้มาตามค่ะ”

“ค่ะแม่นมคุณหญิงคะเดินทางปลอดภัยนะคะพักผ่อนด้วยนะคะ คะน้าต้องไปเรียนก่อน”

“มากอดทีสักวันแม่จะตามหาพ่อแม่ที่แท้จริงให้หนูจนได้แม่สัญญา”

“ค่ะ หนูจะรอ

” คุณหญิงกอดฉันแล้วยื่นอะไรบางอย่างมาให้ฉันมันเป็นบัตรเครดิตสองใบ ฉันรับมาอย่างแปลกใจเพราะปกติฉันจะได้รับเงินรายเดือนเข้าบัญชีฉันอยู่แล้ว แต่อยู่ๆ ทำไมถึงให้มาอีกตั้งสองใบนะ

“คะน้าใช้ได้ตามสบายนะ อีกอันของลิบินเขา เพราะรอบนี้แม่ไปนานกว่าปกติแม่กลัวไม่มีเวลาส่งให้คิดจะไว้ใจคนอื่นให้โอนแทนมันก็ไม่ได้ หนูเก็บเอาไว้นะ"

“ค่ะ คะน้าจะใช้อย่างประหยัด แต่ลิบินนี่คะน้าไม่รับปากค่ะ”

“ฮ่าๆ ไปเรียนเถอะลูกป่านนี้ลิบินหงุดหงิดแย่แล้ว"

"เเต่ลิบินเขายัง..."

"เขามาลาเเม่ตั้งเเต่เมื่อคืนเเล้วละ อย่างนี้เเหละคงไม่อยากให้ใครรู้ว่ามีมุมน่ารักฮ่าๆ "

“เขาก็เป็นเเบบนี้สินะคะ..."

"เอาละ รีบไปเถอะเดี๋ยวเจ้าเด็กนั้นจะโมโหหนักเอา"

"ค่ะคุณหญิง"

ฉันไหว้คุณแม่แล้วรีบวิ่งมาที่รถพอเปิดประตูรถเข้าไปก็รับรู้ได้เลยว่าเขาหงุดหงิดเอามาก ดูจากการนั่งกอดอกมองนอกหน้าต่างเเบบนั้นคงกำลังหงุดหงิดที่ฉันมาช้า นี่ถ้าฉันไปสะกิดต่อมเขามีหวังระเบิดแน่เลย เอาเป็นว่าฉันจะพยายามเเล้วกันหรือบางทีฉันควรไปนั่งข้างหน้าจะดีกว่า

“ขอโทษนะคะพี่ชนที่ให้รอ...”

“ผมไม่เป็นไรหรอกครับคุณหนูแต่คุณชาย...”

“จะไปได้หรือยังยัยคนใช้ขี้ประจบนี่ก็มาแล้วนิ ช้าอย่างนี้ถ้าฉันเข้าสายฉันจะโทษเธอยัยคนใช้!”

ฉันหันไปจิกตาใส่ลิบิน ถ้าเขาไม่ตื่นสายฉันก็คงไม่ต้องรีบอย่างนี้หรอก

“เหอะ!”

“อย่ามาทำเสียงอย่างนั้นใส่ฉันนะ”

“นายมาโทษฉันทำไมละ”

“อยากจะโทษมีอะไรไหม”

หน็อย! น่าหมั่นไส้จริงๆ นี่เขาโทษฉันแค่เพราะฉันตั้งใจจะไปลาแม่เขาเนี่ยนะปัญญาอ่อนสุดๆ ไปเลยอย่างนี้มันต้องสั่งสอนเจอกระเป๋าฉันหน่อยเป็นไรตาลิบินขี้โวยวาย

“โอ๊ย! ยัยบ้าฉันทำอะไรให้เธอเนี่ยถึงมาโยนกระเป๋าหนักๆ ของเธอใส่ฉัน ห๊า!”

“แล้วไงละ”

“เธอ! ...ฝากไว้ก่อนเถอะ”

“รีบมาเอาละกัน เเบร่”

ฉันแลบลิ้นใส่ลิบินทันทีที่เขาโยนกระเป๋าคืนมาแต่ดันโดนเบาะ ฮ่าๆ ตลกชะมัดเวลาเขาโมโหนี่น่าดูจริงๆ

มีแต่ฉันคนเดียวนะเนี่ยที่เห็นเขาเป็นแบบนี้ ถ้าเป็นคนอื่นเขาคงวางท่าเป็นคนเงียบขรึมเย็นชากดดันใส่ไปละแต่ฉันชอบให้เขาโวยวายมากกว่านะ

ฮ่าๆ

"ฉันเอาคืนเเน่ยัยบ้า"

"เหรอๆ อย่าช้านะ"

"เงียบไปเถอะน่า"

อ่านต่อ

หนังสือที่คุณอาจชอบ

จากเมียส้มหล่นสู่หญิงแกร่ง

จากเมียส้มหล่นสู่หญิงแกร่ง

Arvin Bikoff
4.9

หลังจากที่แต่งงานเข้ามาในตระกูลมู่ หลินซีได้ทำหน้าที่เป็นคุณนายมู่ที่ยอมอดทนกับทุกอย่างโดยไม่ปริปากเป็นเวลาสามปี เธอรักมู่จิ่วเซียว จึงยอมอดทนดูแลเขาอย่างเต็มใจ แม้ว่าเขาจะมีคนอื่นอยู่ข้างนอกก็ตามแต่เขากลับไม่เคยเห็นค่าของเธอ เหยียบย่ำความรักของเธอให้แหลกสลาย และถึงขั้นปล่อยให้น้องสาวของเขามอมเหล้าเธอแล้วส่งไปยังเตียงของลูกค้า หลินซีนั้นถึงเพิ่งจะตาสว่างเมื่อรู้ว่าความรักที่มีมานานนั้นช่างน่าขันและน่าเศร้าในใจของเขา เธอไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เข้ามาเกาะเขา เธอจึงทิ้งข้อตกลงการหย่าไว้แล้วจากไปโดยไม่ลังเล มู่จิ่วเซียวมองดูเธอประสบความสำเร็จ กลายเป็นดวงดาวที่ส่องแสงในสายตาของผู้คนเมื่อได้เจอกันอีกครั้ง เธอเต็มไปด้วยความมั่นใจและสงบเสงี่ยม โดยมีผู้ชายที่มีฐานะสูงส่งอยู่เคียงข้าง มู่จิ่วเซียวมองดูใบหน้าของคู่แข่งหัวใจที่ดูคล้ายกับของเขามาก จากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าในสายตาเธอ เขาเป็นเพียงตัวแทนของคนอื่นในมุมแห่งหนึ่ง เขาขวางทางเธอไว้ “หลินซี คุณเล่นตลกกับผมใช่ไหม”

ภรรยาห้าตำลึงเงิน

ภรรยาห้าตำลึงเงิน

จิ้งจอกสะท้านหม้อไฟ
5.0

คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน

หยางจื้อซี เกิดใหม่ในหมู่บ้านป่าหมอก

หยางจื้อซี เกิดใหม่ในหมู่บ้านป่าหมอก

จิ้งจอกสะท้านหม้อไฟ
5.0

หยางจื้อซี เด็กกำพร้าจากศตวรรษที่21 ถูกองค์กรมืดเลี้ยงดูจนเติบโตและทำให้เธอกลายเป็นมนุษย์กลายพันธ์ ในระหว่างที่ถูกส่งตัวไปทำภารกิจลับ เธอกลับถูกคนในองค์กรมืดหักหลังและถูกฆ่าโดยเพื่อนสนิทที่เธอไว้ใจมากที่สุด ก่อนสิ้นใจเธอถามเพื่อนสนิทว่าทำไม แต่ไม่ได้รับคำตอบจากปากของอีกฝ่าย สิ่งที่เธอได้รับคือรอยยิ้มที่ดูถูกเหยียดหยามและ คำว่า “โง่” จากปากของอีกฝ่ายเท่านั้น หลังจากที่ตายไปแล้วสิ่งที่เธอคิดไว้ คงจะเป็นนรกหรือที่ไหนสักแห่งที่เป็นโลกหลังความตาย แต่ทว่ามันกลับไม่เป็นเช่นนัน เธอตื่นขึ้นมาในร่างของ หยางจื้อซี เด็กหญิงอายุ เพียง 13 ขวบปีในหมู่บ้านป่าหมอก ในดินแดนโบราณล้าหลังที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ คล้ายกับว่าเป็นโลกคู่ขนานที่อยู่อีกมิติหนึ่ง เธอตื่นขึ้นมาในบ้านที่ผุพัง ครอบครัวยากจน มีแม่ที่อ่อนแอและเจ็บป่วย มีพี่น้องที่อายุน้อย มีปู่ย่าตายายที่เห็นแก่ตัวและใจร้าย มีลุงที่เห็นแก่ได้ป้าสะใภ้ที่เต็มไปด้วยความละโมบโมบโลภมาก หยางจื้อซี คิดว่านับจากนี้ไปชีวิตจะต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง หากใครมารังแกก็แค่ทุบตี เธอไม่เชื่อว่าด้วยพลังที่ติดตัวเธอมาจากชาติที่แล้วจะไม่สามารถอยู่รอดได้ในโลกล้าหลังแห่งนี้

ผัวท่านประธาน ปล่อยฉันเถอะ!

ผัวท่านประธาน ปล่อยฉันเถอะ!

นันทฉัตร ไชยวัฒนา
4.7

ในคืนวันเกิดอายุยี่สิบสองปี ลี่เฉี่ยนโลว่ถูกแฟนหนุ่มวางยา และไปมีอะไรกันกับซือจิ้นเหิง ผู้ชายลึกลับคนหนึ่งตลอดทั้งคืน วันรุ่งขึ้นเธอพบว่าครอบครัวเธอถูกทำลายจนไม่มีอะไรเหลือ เธอแต่งงานกับจิ้นเหิง ได้รับการคุ้มครองจากเขา และใช้เขาเพื่อแก้แค้น "ฉันเป็นภรรยาที่ถูกกฎหมายของเขา" แม้ว่าแม่สามีของเธอจะไม่ยอมรับ แม้ว่าแฟนสาวที่เป็นซุปเปอร์สตาร์ของเขาจะตามมาอยู่ด้วยกัน เธอก็ยังคงยืนยันอยู่อย่างนั้น เธอแท้งโดยบังเอิญ แต่เขากลับเข้าใจผิดว่าเธอไม่อยากมีลูกกับเขา และด้วยความเข้าใจผิดต่าง ๆ อีกหลายหย่าง เธอเลือกที่จะกระโดดลงทะเลเพื่อฆ่าตัวตาย หลายปีต่อมา เมื่อเธอกลับเข้ามาในชีวิตของเขาอีกครั้ง เขาถึงกับตกตะลึง ชายคนนี้ได้สิ่งที่ต้องการจากเธอแล้ว แต่เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงยังรังควานและทรมานเธอต่อไป

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ