Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
กลร้ายทรายเสน่หา

กลร้ายทรายเสน่หา

ศิรารัย

5.0
ความคิดเห็น
52.1K
ชม
118
บท

นิยายแนว...ทะเลทรายสวีต...ที่ยิ่งอ่านยิ่งสนุกของนักเขียนเล่มนี้ ได้พานางเอกไปผจญภัยร้ายท่ามกลางทะเลทรายร้อนระอุจากโจรทะเลทรายตัวปลอมและโจรทะเลทรายตัวจริงที่กักขฬะด้วยการเอาคืนของพระเอกที่ถูกนางเอกใส่ร้ายให้เสื่อมเสียชื่อเสียงและทำให้รู้ความจริงว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำด้วยความเข้าใจผิด แต่การเดินทางที่ใกล้ชิดทำให้ความรู้สึกของทั้งสองเปลี่ยนจากคู่กัดเป็นคู่ที่ถูกตาต้องใจกัน เกล็ดทรายอันร้อนระอุจากแสงแดดแผดเผาจึงกลายเป็นเกล็ดน้ำตาล ...***...“นายก็พูดได้สิ ลองมาเป็นฉันดูบ้าง จะได้รู้ว่าต้องกระตือรือร้นไปทำไม" เธอย้อนอย่างโมโห “เลิกอยากรู้อยากเห็นเสียที แล้วฟังฉัน ระหว่างพักอยู่ที่นี่ทุกคนต้องมีหน้าที่ หล่อนก็ต้องทำงานเหมือนกัน" เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงปกติที่เธอไม่ค่อยจะได้ยินนัก “นี่นายโจร ฉันไม่ใช่ลูกน้องหรือคนรับใช้ของนายนะ นายเป็นคนจับตัวฉันมา ก็ต้องเลี้ยงดูให้ฉันอยู่สุขสบาย จะมาใช้งานกินแรงกันไม่ได้นะ" เธอโวยลั่น “ฉันไม่สน ถ้าไม่ทำก็ไม่ต้องกิน อาหารมีไว้ให้คนที่ต้องออกแรงทำงานเท่านั้น" เขาข่มขวัญ คงคิดว่าเธอกลัวอดตายแล้วจะยอมทำตามทุกอย่างละสิ...ฝันไปเถอะ...เธอเชิดหน้าใส่ “แต่ไม่ใช่ฉัน ดูปากฉันนะ..." เธอชี้ที่ปากตัวเองอย่างที่น้องณัชชาลูกสาวพี่บ๊อบชอบทำ “ฉัน...ไม่...ทำงาน...อะไร...ทั้งนั้น..." เธอเน้นทุกถ้อยคำให้เขาฟังก่อนจะหันหลังเดินจากมาพร้อมไฟโกรธลุกท่วมตัว ...ตาบ๊องเอ๊ย...จิตสำนึกเข่นเขี้ยวเหมือนอยากจะเคี้ยวเขาให้แหลกคาปาก เธอไม่ได้เป็นฝ่ายร้องตามเขามาถึงจะต้องยอมทำทุกอย่างที่เขา...สั่ง...สั่ง...สั่ง... โดยเฉพาะการทำงานแลกข้าวน้ำประทังชีวิต...เขาสิต้องรับผิดชอบหาข้าวหาปลามาเลี้ยงดูให้อิ่มหนำสำราญ หากเขาต้องการใช้ประโยชน์จาก ตัวเธอ... “งานแรก..." เขาพูดต่ออย่างไม่สนใจ “หล่อนต้องซักเสื้อผ้าให้ฉัน งานอย่างที่สอง-ต้องทำความสะอาดกระโจมที่เราพักด้วยกันทุกเช้ากลางวันเย็น เก็บที่นอน ปูที่นอน กวาดพื้น ถูพื้น และปัดฝุ่นทำความสะอาดตากเครื่องนอนทุกชิ้นทุกวัน อย่างที่ สาม-ต้องนำอาหารมาเสิร์ฟให้ฉันทุกมื้อ เสร็จงานแล้วหล่อนจึงจะได้อาหารกิน ถ้าไม่ทำก็ไม่ได้กิน เข้าใจไหม” มิลินยืนอ้าปากค้าง อยากจะกรี๊ดให้ลั่น เขามันจอมบงการสิ้นดี แล้วถือดีอย่างไรมาใช้งานเธอเยี่ยงนางทาสีประจำตัวแบบนี้ เธอยืนกำหมัดแน่น อยากจะแล่นเข้าข่วนหน้ารกเคราของเขาให้สาสมกับความโกรธที่ถูกโยนตำแหน่งทาสรับใช้ใส่แล้วเดินหนีไปซึ่งๆหน้า ...ตาบ้า...ตาบ๊อง...ตาบื้อ...ตา...ขี้เก๊ก...เธอก่นว่าเป็นชุด สุดจะทนพฤติการณ์แบบเจ้าใหญ่นายโต...สั่ง...สั่ง...สั่ง...โดยไม่ฟังเสียงใคร คิดว่าตัวเองเป็นใหญ่มาจากไหนกัน...ฮึ...***... **************************************************** นิยายเรื่องนี้เป็นความคิดสร้างสรรค์ของนักเขียนอย่างแท้จริง สงวนลิขสิทธิ์โดย : ศิรารัย-ศิรารัยนิยายรัก ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์คอมพิวเตอร์และสิ่งพิมพ์ ห้ามลอกเลียนทุกส่วนของหนังสือเล่มนี้ ห้ามเผยแพร่-จำหน่าย-ดัดแปลง-ทำซ้ำ-จัดพิมพ์ หรือห้ามกระทำการใดๆทุกประการกับนิยายเรื่องนี้ ก่อนได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้เขียน **************************************************

บทที่ 1 บทนำ1-รอเหยื่อ

ทะเลทรายเป็นถิ่นเกิดอันงดงามยามค่ำคืนและรุ่งอรุณที่บรรพบุรุษผู้กล้าหาญของชนเผ่าทะเลทรายครอบครองมานานหลายร้อยปี แม้ทุกตารางนิ้วจะมีเพียงเกร็ดทรายเม็ดเล็กๆหรือฝุ่นผงดุจเถ้าธุลี ผู้เป็นลูกหลานสืบเชื้อสายก็มีความภาคภูมิใจที่ได้กำเนิดและเติบโตในพื้นที่อันมีมนต์ขลังยามอาทิตย์อัสดงที่ผืนทรายจะกลายเป็นพรมธรรมชาติสีเหลืองทองอร่ามงดงามทั่วแผ่นดิน

ความภาคภูมิใจของเจ้าชายทราวิส บิน ฮัสซาน มุนายันห์อัล-อักรา(Prins Thavis Bin Hassan Munnayanh Al-Akra) มิได้อยู่ที่ชาติตระกูลอันสูงส่งเพียงอย่างเดียว แต่ความเป็นชาติบุรุษสมชายชาตรี (ผู้มีศิลปะหรือฝีไม้ลายมือในการต่อสู้)และสุภาพบุรุษ(ชายผู้ดี-ชายผู้มีเกียรติ)อันเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เขามีมากกว่าบุรุษหลายคนในราชสกุลเดียวกัน

หากเมื่อห้าเดือนก่อนเขาไม่ได้ถูกสตรีนางหนึ่งหยามเกียรติด้วยการยัดเหยียดข้อหาผู้บุกรุกเข้าปลุกปล้ำนางระบำ ณ ตำหนักฝ่ายในที่พำนักเฉพาะสตรีเขาคงไม่ต้องมารอนแรมอยู่กลางทะเลทรายอันร้อนระอุยามกลางวันนานหลายเดือนด้วยโทษทัณฑ์ถูกขับออกจากพระราชวังในการสร้างความเสื่อมเสียชื่อเสียงแก่ราชสกุลอย่างที่ผู้คนทั่วไปรับรู้ต่าง จากความจริงที่ว่าเขาออกจากพระราชวังมาเพื่อปฏิบัติภารกิจพิเศษปราบปรามผู้ก่อการร้ายและโจรทะเลทรายในบ้านเมืองที่เขาจะต้องทำให้สำเร็จลุล่วงภายในหกเดือนเป็นอย่างน้อยหรือภายในหนึ่งปี

ในสัปดาห์นี้เขามีภารกิจสำคัญต้องทำให้ลุล่วง โดยต้องเดินทางรอนแรมออกทะเลทรายทางตะวันออกของประเทศเพื่อวางแผนล่อจับโจรทะเลทรายกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับโจรก่อการร้ายแถบชายแดนตะวันออก และค่ำวันนี้เขาจะได้ตัวสตรีผู้เป็นต้นเหตุแห่งการเสื่อมเสียเกียรติชาติบุรุษและศักดิ์ศรีชายชาตรีของเขามาทวงแค้น

“อัสวาส่งข่าวว่าพาเหยื่อออกจากสนามบินมาแล้วพระเจ้าข้า”

คำกล่าวของฟาฮีมองครักษ์หนึ่งในบรรดาเหล่าผู้ถูกกำหนดให้เข้าร่วมชะตากรรมหลายสิบคนที่ต้องละทิ้งความสุขสบายใจกลางมหานครติดตามมารอนแรมอยู่กลางทะเลทรายร้อนแดดตามคำบัญชาของรัฐมนตรีกลาโหมพระอนุชาองค์ประมุขผู้นำประเทศ เพื่อร่วมทำภารกิจสำคัญอันเป็นความลับระดับชาติมาห้าเดือนสามารถทำให้พระเนตรเย็นชากลับมาเต้นระริกมีชีวิตชีวาอีกครั้ง

“บอกทุกคนเก็บกระโจมออกเดินทาง เราต้องไปถึงจุดนัดพบก่อนอัสวาจะพาเหยื่อมาถึง จะได้ไม่มีใครมาพบเห็นก่อนได้ตัวเหยื่อ”

น้ำเสียงเคร่งขรึมแฝงความเฉียบขาดอย่างชาติบุรุษสูงศักดิ์เป็นคำบัญชาให้กลุ่มชายหนุ่มสิบห้านายแต่งกายด้วยเสื้อผ้าชุดพื้นเมืองสีอ่อนกับเสื้อคลุมผ้าคลุมหน้าสีเข้มที่เตรียมพร้อมอยู่แล้วแยกย้ายกันทำงานอย่างว่องไว

พวกเขาออกเดินทางจากที่พำนักชั่วคราวพาอูฐตัวงามทรงพละกำลังวิ่งตัดเนินทรายสูงต่ำทอดยาวไกลไปข้างหน้ามุ่งสู่ถนนลาดยางสายยาวกว่าสามร้อยกิโลเมตรที่ตัดจากมหานครหรือเมืองหลวงถึงไลย์วาโอเอซิสสถานท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของประเทศ เพื่อรอเหยื่อที่พวกเขาตั้งกระโจมรอคอยมาสองวัน

“โชคดีที่อัสวาทำได้สำเร็จ”

บุรุษร่างกำยำอย่างนักรบโบราณอีกหนึ่งองครักษ์คนสนิทผู้รับบทเป็นผู้นำการเดินทางประจำกองโจรปรารภขึ้นด้วยน้ำเสียงมึนตึง เขาค่อนข้างจะกังวลต่อการปฏิบัติงานนอกภารกิจตามคำบัญชาผู้บัญชาการกองงานพิเศษหน่วยลาดตระเวนชายแดนหรือเจ้าชายทราวิส บิน ฮัสซาน มุนายันห์ อัล-อักราที่มีรับสั่งให้ปฏิบัติก่อนเดินทางไปเริ่มภารกิจพิเศษอันสำคัญนั้น

แผนการปลอมตัวเป็นโจรลักพาตัวหญิงสาวต่างชาติคู่กรณีเก่าที่เคยสร้างเรื่องปรักปรำพระองค์ในวันนี้ เป็นเรื่องที่เขากับเพื่อนองครักษ์รู้เพียงว่าผู้บัญชาการต้องการนำตัวเธอร่วมเดินทางไปด้วย

“ต้องสำเร็จสิ เขาต้องใช้ตำแหน่งงานตัวเองเป็นเดิมพัน”

ซาลิคนายทหารหนุ่มร่างเพรียวสันทัดผู้ถูกกล่าวขานในหมู่องครักษ์คู่ใจว่าเป็นหมอยาฝีมือดีจากสถาบันแพทยศาสตร์อันดับต้นของประเทศเยอรมนีที่ต้องรับบทบาทเป็นนายผู้รักษาประจำกองกองโจรตอบรับด้วยรอยยิ้มเปิดกว้าง อันเป็นบุคลิกประจำตัวที่ได้รับฉายาจากเพื่อนร่วมกองว่า...ไอ้หมอยิ้ม...เพราะไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดหรือเลวร้ายขนาดไหน เขาจะยังยิ้มได้เสมอ

ซาลิคเป็นสหายรุ่นน้องผู้จงรักภักดีที่เติบโตมากับเจ้าชายทราวิสจึงทรงไว้วางพระทัยที่จะปรารภถึงเรื่องส่วนพระองค์มากกว่าคนอื่น เพราะวิสัยซาลิคขึ้นชื่อว่าเป็นผู้เก็บความลับได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะเรื่องสำคัญเกี่ยวกับตัวพระองค์

แผนการวางกลลวงเป็นกับดักในภารกิจพิเศษครั้งนี้ นอกจากซาลิคที่รูรายละเอียดจากคำรับสั่งก็ยังมีฟาฮีมนายทหารรุ่นพี่ที่มากประสบการณ์ด้านการรบและการต่อสู้พอจะคาดเดาออกว่าสิ่งที่ซ่อนอยู่ในพระดำริของเจ้าชายทราวิสคืออะไร

แม้ฟาฮีมนายทหารรองหัวหน้าองครักษ์จะไม่เห็นด้วยต่อสิ่งที่คาดเดาออกแต่เขาก็ไม่บังอาจจะทักท้วงหรือปฏิเสธในพระดำริปราดเปรื่อง อันเป็นกลลวงแยบยลที่จะนำมาซึ่งความสำเร็จต่อภารกิจพิเศษที่ต้องปฏิบัติให้ทันในช่วงเวลาจำกัดนี้

“ใช่...อัสวาต้องใช้ตำแหน่งสายลับมือหนึ่งระดับชาติเป็นเดิมพันกับงานชิ้นนี้”

ดวงตาคมเข้มบ่งบอกสถานะผู้สืบเชื้อสายแห่งราชสกุลเก่าแก่ชนชาติทะเลทรายเปล่งประกายกล้าจากความมุ่งมั่นเจ้าของพระพักตร์คมสันงดงามตามชนชาติบรรพบุรุษเปอร์เซียอาหรับใต้หนวดเครารกครึ้มที่ไม่ผ่านการโกนตัดแต่งมานานต่อความคาดหวังที่รอคอยมาหลายเดือน

อ่านต่อ

หนังสือที่คุณอาจชอบ

หนังสืออื่นๆ ของ ศิรารัย

ข้อมูลเพิ่มเติม
บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ