ข้าเป็นตัวแทนแห่งเหมยสวรรค์

ข้าเป็นตัวแทนแห่งเหมยสวรรค์

teepasikha

5.0
ความคิดเห็น
64.8K
ชม
68
บท

เมื่อชะตาลิขิตให้เซียนน้อยได้เป็นชายาแห่งโอรสสวรรค์ นางถูกเขาดึงเข้าไปในวังวนความรัก ซึ่งคนรักแท้จริงของเขาเป็นถึงองค์หญิงแห่งเจ้าสมุทร เซียนน้อยอย่างหนิงเอ๋อจะต่อสู้ผ่านความยากลำบากนี้อย่างไร...

บทที่ 1 สำนักหมิงเซียน

สำนักหมิงเซียน ตั้งอยู่บนยอดเขาสูงลิบปกคลุมด้วยหมอกจาง ๆ ตลอดฤดูกาล เร้นห่างจากโลกภายนอกไม่ยุ่งเกี่ยวกับผู้ใด ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในสาม ของสำนักฝึกฝนเซียน ที่ทุกหนึ่งพันปี จะส่งบรรดาเซียนน้อยขึ้นไปรับใช้เหล่าเทพต่าง ๆ บนสรวงสวรรค์ ว่ากันว่าสถานที่แห่งนี้ถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เพราะเหล่าเทพทั้งหลาย ที่ล้วนเคยเป็นศิษย์ของสำนักหมิงเซียนใช้อำนาจแห่งเทพ ร่ายมนตร์เป็นเกราะคุ้มครองสถานที่นี้ไว้ เพื่อไม่ให้อำนาจของเหล่ามารเข้ามาทำลายได้

มู่เฉิงหนิงเป็นเจ้าสำนักที่มีอายุยาวนานหลายหมื่นปีทิพย์ เฝ้าอบรมสั่งสอนศิษย์ทุกคน ให้บำเพ็ญเพียรอย่างเคร่งครัด เพื่อได้สำเร็จเป็นเซียน ขึ้นไปรับใช้เหล่าเทพบนสวรรค์ โดยมีตราสัญลักษณ์ของสำนักไว้ติดกายตราบจนสิ้นอายุขัย

“หนิงเอ๋อ” น้ำเสียงของอาจารย์หญิง เรียกชื่อศิษย์ผู้หนึ่งที่แอบย่องเข้ามารวมกับศิษย์พี่ทั้งหลาย ก่อนสายตาทุกคนจะหันมาจับจ้องนางเป็นจุดเดียวกัน

“ข้าโดนจับได้เสียแล้ว” หญิงสาวในชุดสีขาวดุจเม็ดมุก ผมดำเงายาวสวยจรดหลัง มีท่าทีอึกอัก พลันหลับตาลงอย่างจำนนเมื่อถูกจับได้ นางเป็นศิษย์น้องเล็กที่มักมีพฤติกรรมแอบงีบหลับตามสวนดอกไม้ และกลับมาไม่ทันเรียนเช่นนี้เสมอ เป็นภาพชินตาของเหล่าศิษย์พี่ทั้งหลาย นางเลื่อนสายมองทุกคนพร้อมสีหน้าสลด ก่อนสบตาอาจารย์หญิงด้วยท่าทางสำนึกผิด

“ศิษย์ขอโทษที่มาช้า ศิษย์จะไปรับโทษ นั่งคุกเข่าหน้าป้ายสำนักเป็นเวลาหนึ่งชั่วยาม” หญิงสาวในชุดขาวสะอาดตา เตรียมหันตัวเดินไปรับโทษอย่างรู้หน้าที่ หากแต่นางเดินก้มหน้าออกไปได้สองสามก้าว

“วันนี้ไม่ต้องรับโทษ เจ้ากลับมานั่งในที่ของเจ้า” น้ำเสียงราบเรียบของอาจารย์หญิง ทำให้หนิงเอ๋อเอียงศีรษะเล็กน้อยด้วยความแปลกใจ

“เอ๊..เหตุใดวันนี้อาจารย์ไม่คิดเอาผิดข้า” สิ้นความคิดหนิงเอ๋อจึงหันกลับมาตามคำสั่ง พร้อมศิษย์ร่วมสำนักละความสนใจจากนาง แล้วหันมาตั้งใจฟังอาจารย์หญิงอย่างพร้อมเพรียง

มู่เฉิงหนิงถอนหายใจออกมาบางเบา แล้วเลื่อนสายตามองตรงศิษย์ทุกคนอย่างมีความหมาย แม้นางจะมีอายุยาวนานหลายหมื่นปีทิพย์แล้วก็ตาม ทว่าด้วยความเป็นเทพเซียนใบหน้าของนางยังคงความงดงามไว้ไม่เสื่อมคลาย

“พวกเจ้าเป็นศิษย์รุ่นที่เก้าของข้า ต่างฝึกฝนบารมีกันมายาวนาน จวนครบหนึ่งพันปีในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ข้าตอบตามจริง ว่าอดใจหายไม่ได้ หนึ่งพันปีก่อนพวกเจ้าถือกำเนิดขึ้น ด้วยอำนาจแห่งบุญครั้งที่เป็นมนุษย์ เทพแห่งดวงชะตาก็พาพวกเจ้ามาให้ข้าเฝ้าอบรมสั่งสอน” เจ้าสำนักพูดพร้อมสายลมเย็นพัดผ่าน แสงระยิบแห่งบารมีเปล่งประกายขึ้นปกคลุมทางเข้าสำนัก พร้อมนางเลื่อนสายตามองไป แล้วถอนหายใจ ออกมา

“ยามนี้พวกเจ้าฝึกฝนสำเร็จเป็นเซียนน้อยแล้ว ไม่ว่าข้าสอนศิษย์มากี่รุ่น ข้ารู้สึกใจหายทุกครั้ง เพราะการพลัดพรากนั้นเจ็บปวด ไม่ว่ามนุษย์ เซียน หรือเทพ ต่างหลีกหนีกฎนี้ไม่พ้น... พวกเจ้าจงจำไว้ หลังจากขึ้นไปเป็นเซียนน้อย ทำหน้าที่บนสวรรค์แล้วต้องเรียนรู้กฎเกณฑ์ต่าง ๆ ให้มาก อย่าได้ทำผิดใด ๆ ต้องปฏิบัติตัวให้สมกับที่ได้รับการอบรมสั่งสอน มาจากสำนักหมิงเซียน”

“ทำไมหลังจากพวกเราเป็นเซียนแล้ว พวกเราต้องขึ้นไปทำหน้าที่บนสวรรค์ด้วย ในเมื่อพวกเราอยู่กับอาจารย์ก็มีความสุขดี” ศิษย์คนที่สี่เอ่ยถามพร้อมใบหน้าเศร้า

“ทุกอย่างเป็นไปตามกฎแห่งเบื้องบน ไม่มีใครหลีกหนีพ้น เมื่อพวกเป็นเซียนน้อย ก็ต้องฝึกฝนตัวเองเรียนรู้ธรรมเนียมและข้อปฏิบัติต่าง ๆ บนสวรรค์ เพื่อเลื่อนขั้นขึ้นเป็นเทพ ดังเช่นศิษย์รุ่นอื่น ๆ ของข้า”

“เช่นนั้นอาจารย์ไม่ต้องห่วง พวกจะตั้งมั่นทำหน้าที่ให้ดีที่สุด หากแม้นมีวาสนาข้าจะเป็นเทพในสักวัน" ก่อนรอยยิ้มของอาจารย์หญิงจะคลี่ออกอย่างเมตตาเช่นเดิม

“หลังจากวันที่เทพแห่งชะตามารับพวกเจ้า ขึ้นไปทำหน้าที่บนสวรรค์ ข้าก็คงไม่ได้เห็นพวกเจ้าอีก” คำพูดของเจ้าสำนักทำให้บรรยากาศเศร้าลงทันที ด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานของนาง ศิษย์ทุก ต่างก้มหน้าฟังคำของอาจารย์หญิงอย่างเงียบ ๆ บ้างก็ยกมือขึ้นปาดน้ำตา ด้วยความอาลัยที่ต้องจากสำนักไป

เวลานี้สำนักหมิงเซียน มีเสียงร้องของนกอินทรียักษ์ ที่บินผ่านไปไกล ๆ และเสียงของน้ำตกที่ดังอยู่ไม่ห่างนัก เหล่าศิษย์ทั้งหลายยังคงนั่งปาดน้ำตาและฟังเสียงเหล่านั้นไปพร้อม ๆ กัน เมื่อรู้ว่าเวลาที่เหลืออยู่ไม่มากนัก มู่เฉิงหนิงร่ายพลังเทพ แล้วหยิบตราสัญลักษณ์ประจำสำนักขึ้นมาเก้าชิ้นมองอย่างอาลัย แล้วเงยหน้าทอดสายตาไปยังเบื้องหน้าอีกครั้ง

“อีกไม่นาน เทพแห่งชะตาก็จะพารุ่นที่สิบ มาให้ข้าอบรมสั่งสอน ส่วนพวกเจ้ารุ่นเก้า ก็ต้องไปเรียนรู้ธรรมเนียมบนสวรรค์ หากมีความดีความชอบ เป็นที่ต้องใจแก่ราชาแห่งสวรรค์ ก็จะได้รับพระราชทานตำแหน่งที่สูงขึ้นจนเป็นเทพในที่สุด”

อ่านต่อ

หนังสือที่คุณอาจชอบ

ชายาข้าเป็นหมอนิติเวช

ชายาข้าเป็นหมอนิติเวช

เกาะครีต
4.9

วิญญาณแพทย์นิติเวชที่มีชื่อเสียงในศตวรรษที่ 21 ได้เข้ามาอยู่ในร่างคุณหนูของจวนเสนาบดีอย่างบังเอิญ ผู้คนกล่าวหาว่านางไม่เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และทำให้บุตรชายของแม่ทัพตาย ด้วยเหตุนี้ฮ่องเต้ต้องการฆ่านางเพื่อให้คำอธิบายกับแม่ทัพ! ผู้คนกล่าวหาว่านางเป็นคนหยิ่งยโสและเจ้ากี้เจ้าการ ทุกคนเกลียดนาง และครอบครัวของนางต้องการไล่นางออก! ผู้คนกล่าวหาว่านางเป็นคนเลวทรามและไร้ความปรานี วางยาน้องสาว และพ่อของนางต้องการโบยนางจนตาย! ในความเป็นจริงหากอยากจะกล่าวหาผู้ใดสักคน มันก็หาข้ออ้างได้ทั่ว แต่นางเป็นคนไม่ยอมใคร นางผอมบางนางหนึ่งปลุกปั่นโลกด้วยความสามารถอันทรงพลังตนเอง ท่านอ๋องกล่าวว่า หากได้เจ้ามาครอบครอง ข้ายอมทรยศทุกคนในโลก นางกล่าวว่า เพื่อท่าน ต่อให้ทุกคนในโลกเกลียดข้า ข้าก็ยอม

ถึงป๋าดุ(ดัน)หนูก็ไหว

ถึงป๋าดุ(ดัน)หนูก็ไหว

ผลิกา(เลอบัว)
5.0

เมื่อผู้หญิงที่เพื่อนๆ ตั้งสมญานามว่าแม่ชีอย่างเธอจับพลัดจับผลูต้องมาเจอกับผู้ชายหน้านิ่งที่เอะอะกอด เอะอะจูบอย่างเขา อา…แล้วพ่อคุณก็ดันเป็นโรคนอนไม่หลับ จะต้องนอนกอดเธอเท่านั้นด้วย แบบนี้เธอจะเอาตัวรอดได้ยังไงล่ะ “ชอบอาหารเหนือไหม” “ชอบมากเลยคุณ ให้กินทุกวันยังได้เลย” “มากพอจะอยู่ที่นี่ไหม” “แค่กๆๆ” …………… …………………………………………………………………………………………………………………………. “คุณ! เอากระบอกไฟฉายออกไปวางที่อื่นก่อนได้ไหม มันดันหลังฉัน ฉันนอนไม่หลับ” คนที่ใกล้จะหลับบอกเสียงอู้อี้ “เอ้อ! ไม่มีนี่” เขาบอกเสียงอึกอัก “มันจะไม่มีได้ไง ก็มันดันหลังฉันอยู่เนี่ย” เธอมั่นใจว่ามีแน่ๆ ก็หลักฐานมันทนโท่ขนาดนี้ “อืม! นอนเถอะ ไม่มีหรอก” “จะไม่มีได้ไง ก็นี่ไง” คุณเธอยืนยันด้วยการคว้าหมับเข้าให้ พร้อมหันกลับมา หวังงัดหลักฐานที่อยู่ในมือมาพิสูจน์ให้ได้เห็นกันจะๆ คาตา แต่… ตึก ตึก ตึก อา…! ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่คาตา แต่ยังคามือเธอด้วย เธออ้าปากตาค้างราวกับกำลังตกตะลึงสุดขีด ก่อนจะก้มมองไอ้ที่คิดว่าเป็นกระบอกไฟฉายในมือสลับกับเงยหน้ามองเขา จากนั้นก็… “กรี๊ด…!” เธอร้องลั่นพร้อมกับยื่นเท้าถีบออกไปสุดแรง ตุบ! คนไม่ทันตั้งตัวร่วงตุ้บลงไปบนพื้น ครั้นพอจะลุกขึ้น คุณเธอก็ตะโกนเสียงดังลั่นขึ้นมาอีก “หยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะไอ้คนลามก คนเลว คุณมันทุเรศที่สุด คุณให้ฉันจับไอ้นั่นของคุณ มัน…อี๋…! เธอพูดพลางทำท่าขยะแขยง แล้วมาส่องกระบอกไฟฉายพ่อเลี้ยงพร้อมกันนะคะ

ทะลุมิติมาเป็นบุตรสาวหญิงหม้าย

ทะลุมิติมาเป็นบุตรสาวหญิงหม้าย

l3oonm@
5.0

จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น

คุณนายยอมหย่าแล้ว

คุณนายยอมหย่าแล้ว

Calv Momose
4.9

หลังจากแต่งงานกันมาสามปี เวินเหลี่ยงก็ยังไม่เคยได้ความรักจากฟู่เจิ้งแต่อย่างใดเลย เมื่อรักแรกของเขากลับมา สิ่งที่รอเธออยู่คือหนังสือการหย่า "ถ้าฉันมีลูก คุณยังเลือกหย่าไหม?" เธออยากจับโอกาสสุดท้ายนี้ไว้ แต่แล้วมีแต่คำตอบที่เย็นชาว่า "ใช่" เวินเหลี่ยงหลับตาและเลือกที่จะปล่อยมือ ...ต่อมาเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความสิ้นหวังและลงนามในข้อตกลงการหย่า "ฟู่เจิ้ง เราไม่ได้เป็นหนี้กันอีกต่อไปแล้ว..." ชายที่มีความเด็ดขาดและเย็นชามาโดยตลอดนอนอยู่ข้างเตียงขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา "เหลียง ได้โปรดอย่าหย่าได้ไหม?"

ฉันไม่มีทางยอมแพ้

ฉันไม่มีทางยอมแพ้

Tann Aronson
5.0

เมื่อเธออายุยี่สิบ ชิงฉือได้รู้ว่าตนเองไม่ใช่ลูกโดยกำเนิดของตระกูลต้วน เธอถูกลูกสาวที่แท้จริงของตระกูลต้วนล้อมกรอบ จนถูกพ่อแม่บุญธรรมไล่ออกจากบ้านและกลายเป็นตัวตลกในเมือง เมื่อเธอกลับไปหาพ่อแม่ชาวนา จากนั้นก็พบว่าบิดาผู้ให้กำเนิดของเธอเป็นคนที่รวยที่สุดในเมืองเจียงเฉิงส่วนพี่ชายของตนเองเป็นอัจฉริยะในแวดวงต่างๆ ทุกคนมองดูเด็กสาวตัวเล็กคนนี้ด้วยความเห็นใจและถือว่าเธอเป็นสมบัติล้ำค่า แต่ค่อยๆ พบว่า... ที่แท้ว่าน้องสาวเป็นคนมากความสามารถ? อดีตแฟนหนุ่มผู้น่ารังเกียจหัวเราะเยาะ "อย่ามาตามเซ้าซี้ไม่เลิก ฉันมีแต่เมียนเมียนอยู่ในใจ!" คนใหญ่แห่งเมืองหลวงปรากฏตัว "เมียฉันจะเห็นหัวนายเหรอ?"

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ
ข้าเป็นตัวแทนแห่งเหมยสวรรค์
1

บทที่ 1 สำนักหมิงเซียน

03/05/2023

2

บทที่ 2 ขออยู่กับอาจารย์ต่อ

03/05/2023

3

บทที่ 3 เหมยสวรรค์ปรากฎ

03/05/2023

4

บทที่ 4 ผ้าปักแทนใจ

03/05/2023

5

บทที่ 5 อยากแต่งตั้งนางเป็นชายา

03/05/2023

6

บทที่ 6 บอกลาอาจารย์ครั้งสุดท้าย

03/05/2023

7

บทที่ 7 ดินแดนแห่งสวรรค์

03/05/2023

8

บทที่ 8 ศิษย์ร่วมสำนัก

03/05/2023

9

บทที่ 9 แรกพบ

03/05/2023

10

บทที่ 10 องค์รัชทายาทจะกลับมา

03/05/2023

11

บทที่ 11 ไร้หนทางกลับไปหาอาจารย์

03/05/2023

12

บทที่ 12 องค์รัชทายาทเสด็จกลับมา

03/05/2023

13

บทที่ 13 ปฏิเสธรักองค์ชายรอง

03/05/2023

14

บทที่ 14 ภายใต้อ้อมกอดองค์ชายรอง

03/05/2023

15

บทที่ 15 ให้ยอมรับความจริง

03/05/2023

16

บทที่ 16 ความเสียใจขององค์ชายรอง

03/05/2023

17

บทที่ 17 เมื่อแพ้ก็ต้องยอมรับ

03/05/2023

18

บทที่ 18 พาหนิงเอ๋อมาหาองค์ชายรอง

03/05/2023

19

บทที่ 19 ในห้องตำรา

06/05/2023

20

บทที่ 20 ได้ล่วงรู้ความคิดเขา

06/05/2023

21

บทที่ 21 ตัดขาดสิ้นแล้ว

06/05/2023

22

บทที่ 22 หนิงเอ๋อได้รับบาดเจ็บ

06/05/2023

23

บทที่ 23 ทำไมห้องตำราจึงมืดมิด

06/05/2023

24

บทที่ 24 เขาก็แค่ประชดข้า

06/05/2023

25

บทที่ 25 ขอกลับตำหนักไท่จือ

06/05/2023

26

บทที่ 26 เขาไม่ใส่ใจถึงเพียงนั้น

06/05/2023

27

บทที่ 27 เทียบเชิญถูกส่งออกไป

06/05/2023

28

บทที่ 28 ข้าได้ยินหมดแล้ว

06/05/2023

29

บทที่ 29 บัวสีรุ้ง

06/05/2023

30

บทที่ 30 ขนมบัวสีรุ้ง

06/05/2023

31

บทที่ 31 เจ้าต้องได้รับโทษ

06/05/2023

32

บทที่ 32 ขนมที่พี่สาวคิดค้นขึ้นมา

06/05/2023

33

บทที่ 33 สวนท้อด้านใน

06/05/2023

34

บทที่ 34 เริ่มค้นเคย

06/05/2023

35

บทที่ 35 คำพูดอ่อนหวานของหนิงเอ๋อ

06/05/2023

36

บทที่ 36 องค์ชายปฏิบัติกับท่านอย่างดี

06/05/2023

37

บทที่ 37 รายงานมู่เฉิงหนิง

06/05/2023

38

บทที่ 38 ฝากปิ่นทองให้หนิงเอ๋อ

06/05/2023

39

บทที่ 39 พิธีแต่งตั้งชายา

06/05/2023

40

บทที่ 40 หลบในห้องสรงน้ำ

06/05/2023