ทาสรักไร้เดียงสา

ทาสรักไร้เดียงสา

อัณณากานต์

5.0
ความคิดเห็น
5.4K
ชม
21
บท

“กะทิ” เด็กสาวที่โหยหาความรักความอบอุ่นมาตลอดชีวิต “เอก” ชายหนุ่มที่ไม่เคยพอในรสสวาท “แก้ว” หญิงสาวผู้มีรักแท้อันมั่นคง

บทที่ 1 ตอนที่ 1 กุสุมา

“กะทิเดี๋ยวขัดตรงนี้เสร็จแล้วไปเตรียมอาหารกลางวันนะ” หญิงวัยกลางคนบอกเด็กสาวที่กำลังง่วนกับการทำความสะอาดพื้นกระเบื้อง

“ได้จ้ะป้า” เด็กสาววัยแรกแย้มตอบรับด้วยใบหน้าสดใส

กุสุมา วรโกมลหรือกะทิ เด็กสาววัยสิบเก้าปี เธอเติบโตมาในสถานสงเคราะห์เพราะมารดาแท้ๆ ที่ให้กำเนิดนำเธอมาฝากไว้แล้วก็ไม่เคยกลับมาหาอีกเลย

กะทิโตมาพร้อมกับเด็กกำพร้าคนอื่นๆ เพื่อนของเธอบางคนก็มีครอบครัวใหม่มารับอุปถัมภ์ บางคนก็จากไปตั้งแต่เด็กเพราะร่างกายไม่แข็งแรง ตั้งแต่จำความได้เธอไม่มีเพื่อนวัยเดียวกันที่พอจะเป็นเพื่อนสนิทได้เลยเพราะในสถานสงเคราะห์ เด็ก จะเข้าๆ ออกๆ หรือไม่ก็โดนย้ายที่กันอยู่บ่อยๆ

มีแต่เธอที่ได้อยู่ที่เดิมมาตั้งแต่เด็กจนโต ช่วงประถมเธอได้ไปเข้าเรียนที่โรงเรียนใกล้ๆ สถานสงเคราะห์จะเรียกว่าโชคดีหรือโชคร้ายก็ไม่รู้เพราะเธอดันเรียนเก่งผลการศึกษาของเธอทุกปีอยู่ในขั้นดีเยี่ยมมาตลอด คุณครูจึงให้เธอไปคอยดูแลเด็กเล็ก

กะทิจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายด้วยการเรียนแบบการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยหรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า กศน. เธอไปเรียนทุกวันอาทิตย์ส่วนวันอื่นๆ ก็ทำงานอยู่ในสถานสงเคราะห์

กิจวัตรประจำวันของเธอคือตื่นตอนตีห้าเพื่อมาเตรียมอาหารเช้าให้แผนกเด็กเล็กหลังจากนั้นก็จะเป็นช่วงที่เด็กๆ จะได้ไปอยู่กับคุณครูที่ดูแลเธอมีหน้าที่คอยช่วยสอดส่องเด็กๆ พวกนั้น กลางวันก็ถึงเวลาของเธออีกครั้งที่ต้องเตรียมอาหารอีกหนึ่งมื้อพอจบจากตรงนั้นก็จะเป็นการเรียนในช่วงบ่ายเธอก็ไปทำหน้าที่แบบเดิมเหมือนตอนเช้า

บ่ายแก่ๆ คุณครูก็จะให้เด็กนอนกลางวัน ช่วงที่เด็กๆ หลับเธอกับคุณครูก็จะช่วยกันตรวจการบ้านของเด็กๆ แล้วก็อีกครั้งที่เธอต้องกลับไปที่โรงอาหารเพื่อเตรียมทุกอย่างให้พร้อมสำหรับมื้อเย็น

หลังเด็กๆ กินเสร็จเธอก็จะไปช่วยเด็กๆ อาบน้ำแต่งตัวเพื่อเตรียมเข้านอนแล้วหัวค่ำไปจนดึกเธอถึงจะได้มีเวลาส่วนตัว กะทิใช้เวลาเหล่านั้นไปกับการอ่านหนังสือทั้งหมด

เงินเดือนของเธอครูสร้อยฟ้าจ่ายให้เป็นการส่วนตัวเพราะเธอไม่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นลูกจ้างอย่างถูกกฎหมาย ครูรักและเอ็นดูเธอมากตอนเด็กๆ เวลาที่ใครมาแกล้งครูก็จะคอยดุคอยว่าให้ตลอด

ถ้าชีวิตนี้ไม่มีครูสร้อยฟ้าเธอคงไม่ได้เติบโตมาจนป่านนี้ ส่วนนึงที่เธอได้อภิสิทธิ์อยู่ที่นี่มาตั้งแต่เด็กจนโตก็เพราะคุณครูนี่แหละกะทิจึงสำนึกในบุญคุณของคุณครูมาก เธอตั้งใจทำงานรับใช้คุณครูและสถานสงเคราะห์เต็มความสามารถหน้าที่ของตัวเองเธอทำมันเต็มที่ด้วยความเต็มใจเท่านั้นยังไม่พอเธอยังไปช่วยหยิบจับงานอื่นด้วยถ้างานของตัวเองเสร็จแล้ว มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่ทุกคนจะรักและเอ็นดูเธอ

กะทิมีรูปร่างสมส่วน ผิวกายขาวนวล ดวงหน้าเนียนใสเพราะเพิ่งจะเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นแต่เธอรู้สึกว่าช่วงนี้สายตาของเธอพร่าๆ ชอบกล อาจเป็นเพราะเธอชอบอ่านหนังสือในที่สลัวๆ ทุกคืน

“กะทิขอไปข้างนอกนะคะครูสร้อยฟ้าแล้วจะรีบกลับมาก่อนมื้อเย็น” เธอมาขออนุญาต จริงๆ วันอาทิตย์เป็นวันหยุดของเธอแต่กะทิก็ยังตื่นมาช่วยเตรียมมื้อเช้าและกลางวันให้เด็กๆ เพราะให้นั่งเฉยๆ ทั้งวันเธอทำไม่ได้

“ไม่ต้องรีบหรอกกะทิเสร็จธุระแล้วค่อยกลับก็ได้” สร้อยฟ้าตอบเด็กสาว

“หนูจะไปดูแว่นสายตาค่ะแล้วก็จะไปร้านหนังสือแค่นั้นเอง”

“แล้วเงินพอไหมกะทิ” สร้อยฟ้าถามด้วยความเป็นห่วง

“พอค่ะคุณครูหนูจะไปดูแบบสำเร็จรูป หนูเคยเห็นในร้านหนังสือค่ะอันละสองสามร้อยเองถูกกว่าไปตัดในร้านแว่นตั้งเยอะ”

“ไปเถอะ ขึ้นรถลงรถก็ระวังด้วยนะกะทิ” สร้อยฟ้าลูบหัวเด็กสาว เธอยกมือไหว้แล้วเดินออกไป

กะทิสวมชุดกระโปรงสีฟ้าอ่อนกับรองเท้ารัดส้นสีน้ำตาล ไหล่เล็กๆ มีกระเป๋าใบน้อยคล้องอยู่

“ลุงศักดิ์เอาอะไรไหมจ๊ะ หนูจะไปห้าง” กะทิแวะถามลุงศักดิ์ผู้รักษาความปลอดภัยประจำสถานสงเคราะห์

“เอาบัตรเติมเงินมาให้ลุงห้าสิบบาทแล้วกันกะทิ” ศักดิ์ยื่นเงินให้เด็กสาว

“ไม่เป็นไรลุงเดี๋ยวกะทิออกให้ ลุงเก็บไว้กินข้าวเถอะ” กะทิบอกปัดแล้วรีบเดินออกมาตัวเธอมีอาหารให้กินทั้งสามมื้อ ที่อยู่ก็ไม่ต้องเสียค่าเช่าแต่ลุงศักดิ์ต้องเสียทุกอย่างเองแถมเมียแกก็พิการแขนขาอ่อนแรงทำงานไม่ได้ อะไรที่ช่วยกันได้เล็กๆ น้อยๆ ก็ช่วยกันไป

“เติมเงินออนไลน์ค่ะ” กะทิแวะเข้าร้านสะดวกซื้อที่หน้าปากซอยก่อนจะขึ้นรถไปห้างเพราะเธอกลัวจะลืม

เด็กสาววัยสดใสมาถึงห้างสรรพสินค้าตอนบ่ายโมงกว่า เธอเดินมุ่งหน้าไปที่ร้านหนังสือทันที

กะทิลองสวมแว่นที่ขายอยู่ในร้านหนังสือ เธอลองอยู่สามสี่อันแล้วก็เห็นว่าแว่นที่เธอสบายตาที่สุดคือสายตาลบร้อยห้าสิบ

“สั้นร้อยห้าสิบ ได้ไงเนี่ย” กะทิถามตัวเอง

เธอหยิบแว่นตาใส่ตะกร้าใบเล็กของร้านแล้วไปเดินดูหนังสือต่อ กะทิชอบอ่านวรรณกรรมแปลเธอไล่สายตาดูทีละเล่มที่ชั้น สุดท้ายก็ตัดสินใจเลือกมาได้หนึ่งเล่ม จากคำโปรยมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับเด็กชายคนนึงที่หลุดเข้าไปในโลกเวทย์มนต์

พอได้ของที่ต้องการครบเธอก็เดินเล่นไปเรื่อยเปื่อย กะทิมองเข้าไปในร้านอาหารเห็นเด็กสาวรุ่นๆ เดียวกับเธอสี่คนกินไปพูดคุยหยอกล้อกันไปด้วยใบหน้าสดใส เธอได้แต่มองภาพเหล่านั้นแล้วอิจฉาอยู่ในใจถ้าเธอมีพ่อแม่เธอก็คงได้ไปเข้าเรียนแบบปกติเหมือนเด็กคนอื่นๆ แล้วเธอก็จะได้มีเพื่อนสนิทแบบนั้น

เหตุผลนึงที่กะทิไม่ชอบออกไปไหนเพราะเธอไม่อยากเห็นภาพครอบครัวของพ่อแม่ลูกหรือกลุ่มๆ เพื่อนที่มีความสุขมันทำให้เธอทุกข์ใจเธอยอมรับความกำพร้าของตัวเองได้แต่ใช่ว่าจะไม่รู้สึกอะไรกับมัน หัวใจดวงน้อยๆ ของเธอหวั่นไหวและเจ็บแปลบทุกครั้งเวลาต้องเห็นภาพอะไรแบบนั้น

“ตาสั้นแล้วหรอกะทิ” ลุงศักดิ์ทักเมื่อเธอเดินเข้าไปใกล้

“จ้ะลุงมันแค่มองไม่ชัดนิดเดียวแต่กะทิรำคาญจ้ะ”

“ลุงได้เงินแล้วนะขอบใจมาก”

“เกือบลืมเลย หนูซื้อมาฝากจ้ะลุง” กะทิยื่นถุงแกงกับผลไม้ให้ลุงศักดิ์

“เอาเงินไปเลยนะกะทิ ลุงไม่ยอมหรอก” ศักดิ์หยิบธนบัตรใบแดงๆ ออกมา

“ลุงศักดิ์หนูกินฟรีอยู่ฟรีไม่ต้องจ่ายอะไรเลย นานๆ ทีจะซื้อของแบ่งปันให้ลุงบ้างมันจะไม่ได้เลยหรือคะ” กะทิถามแล้วทำหน้าน้อยใจ

“นอกจากคนที่นี่หนูก็ไม่มีใครแล้วนะคะ”

“ขอบใจนะกะทิ” ศักดิ์ยอมแพ้แล้วเก็บเงินเข้ากระเป๋า

“หนูไปก่อนนะ” กะทิยิ้มยิงฟันให้ลุง รปภ.

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ อัณณากานต์

ข้อมูลเพิ่มเติม
แม่บ้านวัยกระเตาะ

แม่บ้านวัยกระเตาะ

มหาเศรษฐี

5.0

♡ แรกๆ ก็เอ็นดู หลังๆ ก็อยากให้ดูเอ็น ♡ บางส่วนจากนิยาย: กิตตินอนมองเอมิลี่แต่งตัวอย่างเพลิดเพลินแล้วความคิดซุกซนก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่อยากให้เธอใส่เสื้อผ้าเลยให้ตายสิ อยากถอดเสื้อจัง อยากถอดกางเกงด้วย ชุดชั้นในก็ไม่ต้องใส่หรอกบดบังของสวยๆ ทำไม “แล้วพี่โก้ไม่แต่งตัวเหรอคะ” “แต่ง … แต่งครับ รอเดี๋ยวเดียวนะ” กิตติต้องหยุดความคิดฟุ้งซ่านลงก่อน “พี่โก้ไม่อยากไปใช่ไหมคะ” เอมิลี่เดินกลับไปหาคนที่ยังไม่ลงจากเตียง “อยากครับ ไปสิไปกันเลย พี่แต่งตัวอึดใจเดียวก็เสร็จแล้ว” “ไม่จริงหรอกค่ะ ทำอยู่ตั้งนานกว่าพี่โก้จะเสร็จ” คำเตือน: มีการสูญเสีย มีเหตุการณ์สะเทือนใจ

หนังสือที่คุณอาจชอบ

พระชายาสารพัดพิษ

พระชายาสารพัดพิษ

เกาะครีต
5.0

"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"

บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง

บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง

มาชาวีร์
4.7

หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง

รอรักกลับมา

รอรักกลับมา

เนย
5.0

แต่งงานกับมู่หนานจือมาเป็นเวลาสามปี ซูป้านเซี่ยคอยดูแลและเอาใจเขามาโดยตลอด แต่สุดท้ายสิ่งที่ได้รับจากเขาคือความเย็นชาและความรังเกียจ เมื่อคนรักของมู่หนานจือกลับมา เธอก็รู้สึกว่าสามีของเธอยิ่งห่างเหินจากเธอ ในที่สุด เธอไม่สามารถทนต่ออีกต่อไปและเป็นฝ่ายเสนอให้หย่ากัน มู่หนานจือมองตามหลังซูป้านเซี่ยที่กำลังลากกระเป๋าเดินทางออกจากบ้าน ก็พนันกับเพื่อนว่า "ดูเอาเถอะ สักวันหนึ่งเธอจะต้องเสียใจและกลับมาอ้อนวอนแน่ ๆ " ซูป้านเซี่ยได้ยินก็ยิ้มอย่างเย็นชา"มู่หนานจือ ฝันไปเถอะ" ผ่านไปหลายวัน มู่หนานจือบังเอิญพบว่าอดีตภรรยาของตนฉลองการหย่าร้างในบาร์ และจากนี้ไปอีกไม่นาน เธอก็มีแฟนหนุ่มใหม่แล้วด้วย เวลานี้เอง มู่หนานจือถึงเริ่มกระวนกระวายใจขึ้นมา เพราะเขาพบว่าผู้หญิงที่เคยรักเขาอย่างเอาเป็นเอาตายนั้น ตอนนี้ดูเหมือนไม่ได้สนใจเขาอีกต่อไปแล้ว แล้วเขาควรจะทำอย่างไร

เมียเก่าที่เขาไม่เคยรัก

เมียเก่าที่เขาไม่เคยรัก

SHASHAwriter
5.0

ภาวรีแหงนหน้าขึ้นแล้วยิ้มกวนโมโหใส่หน้าเขา "มาขวางทำไม เชยไม่สนพี่เขื่อนแล้วนะรู้ไหม ให้หย่าก็ได้เลย ไปเลย เพราะไรรู้มะ เพราะพี่เขื่อนสู้หนุ่ม ๆ ในร้านไม่ได้เลยสักคน ในนั้นถึงใจกว่าพี่เขื่อนตั้งเยอะ" ลัพธวิทย์หรี่ตามอง ถามเสียงเรียบ "ถึงใจแบบไหน" "ใหญ่กว่า อึด แล้วก็เอาเก่งกว่าพี่เขื่อน" ได้ยินเสียงตัวเองพูดจาก๋ากั่นออกไปแบบนั้นแล้วก็ให้ตกใจไม่น้อย พอได้ยินคำตอบของเธอที่หลับตาฟังก็รู้ว่าจงใจพูดจายั่วยุเขา ลัพธวิทย์ก็ค่อยหัวเราะออกมาลั่น พร้อมค่อนแคะกลับไป "น้ำหน้าอย่างเราเนี่ยหรือ กล้านอนกับผู้ชายตามบาร์" ภาวรีหน้าชาเมื่อถูกจับไต๋ได้ว่าโกหก เธอลอยหน้าลอยตาแล้วตอบเขากลับ "ทำไมจะไม่กล้า แม่เปิดห้องให้เชยลองแล้วด้วย หนุ่ม ๆ ในบาร์โฮสต์ทำให้เชยรู้แล้วล่ะว่าของพี่เขื่อนนี่เทียบชั้นกันไม่ติด แบบนั้นน่ะ..." ภาวรีพูดแล้วกวาดตาลงมองอย่างหยามเหยียด บอกต่อจนจบประโยค "น่าจะเอาไว้แค่ฉี่มากกว่านะ"

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวน้อยของสามีพิการ

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวน้อยของสามีพิการ

มาชาวีร์
4.8

เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ
ทาสรักไร้เดียงสา
1

บทที่ 1 ตอนที่ 1 กุสุมา

03/09/2023

2

บทที่ 2 ตอนที่ 2 เอกภพ

03/09/2023

3

บทที่ 3 ตอนที่ 3 ครอบครัว

03/09/2023

4

บทที่ 4 ตอนที่ 4 ลูกน้องคนสวย

03/09/2023

5

บทที่ 5 ตอนที่ 5 หลอกล่อ

03/09/2023

6

บทที่ 6 ตอนที่ 6 เมียเก่า

03/09/2023

7

บทที่ 7 ตอนที่ 7 วางบ่วง

03/09/2023

8

บทที่ 8 ตอนที่ 8 โลกภายนอก

03/09/2023

9

บทที่ 9 ตอนที่ 9 ติดบ่วง

03/09/2023

10

บทที่ 10 ตอนที่ 10 ตัวตน

03/09/2023

11

บทที่ 11 ตอนที่ 11 เด็กกำพร้า

03/09/2023

12

บทที่ 12 ตอนที่ 12 ทางแยก

03/09/2023

13

บทที่ 13 ตอนที่ 13 เล้าโลม

03/09/2023

14

บทที่ 14 ตอนที่ 14 เปิดซิง

03/09/2023

15

บทที่ 15 ตอนที่ 15 เมียเด็ก

03/09/2023

16

บทที่ 16 ตอนที่ 16 ความปรารถนาอันเร้นลับ

03/09/2023

17

บทที่ 17 ตอนที่ 17 เมียที่แสนดี

03/09/2023

18

บทที่ 18 ตอนที่ 18 ทาสรัก

03/09/2023

19

บทที่ 19 ตอนที่ 19 ที่ระบายอารมณ์

03/09/2023

20

บทที่ 20 ตอนที่ 20 แค่เราสองคน

03/09/2023

21

บทที่ 21 ตอนที่ 21 แก้วกานดา

03/09/2023