Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
วิวาห์ไร้เสน่หา

วิวาห์ไร้เสน่หา

อัญญาณี

5.0
ความคิดเห็น
1.4K
ชม
27
บท

งานแต่งงานที่ไร้ซึ่งความรัก ทำให้หัวใจสองดวงต้องเจ็บปวด หนึ่งรักมั่นคงกับอดีตคนรัก อีกหนึ่งหลงรักสามีไร้หัวใจ .......... “วันนี้ฉันไปงานวันเกิดเพื่อนที่โรงแรม ฉันเห็นเธอเดินกับผู้ชายที่นั่นด้วย คนนี้ใช่ไหมที่เธอบอกว่าเป็นเพื่อนและไปเที่ยวคลับด้วยกัน” น้ำเสียงติดเข้มห้วน ใบหน้าเรียบตึง มองพราวพรรณตาขวาง “ใช่ค่ะ คนนั้นคือพี่ไอซ์ เขาเป็นรุ่นพี่และเพื่อนสนิทของพราวเอง” พราวพรรณตอบตามตรง ไม่มีอะไรต้องปิดบัง “เพื่อนแน่เหรอ” พุฒิวัตรถาม เขาไม่อยากเชื่อว่าสิ่งที่เธอพูดมาเป็นความจริง เพราะภาพที่เขาเห็นมันมีอะไรมากกว่านั้น “แน่สิค่ะ” พราวพรรณย้ำ ไม่เข้าใจว่าทำไมพุฒิวัตรถึงถามเรื่องปวีณวิชมากมายขนาดนี้ “เพื่อนที่ไหนเขาไปกันเที่ยวกันกลางค่ำกลางคืนสองต่อสอง เธอบอกความจริงฉันมาดีกว่าว่า หมอนั่นเป็นใคร” กระแสเสียงเข้มขึ้นกว่าเดิม นัยน์ตาคุกรุ่นไม่พอใจ “พี่ไอซ์เป็นเพื่อนพราวจริงๆ ค่ะ แล้วพราวไปกันหลายคน คุณเห็นแค่อยู่ในโรงแรม แต่ถ้าคุณเห็นตอนพราวอยู่ในคลับ คุณจะรู้ว่า พราวไม่ได้ไปกับพี่ไอซ์แค่สองคน” พราวพรรณอดทนอธิบายย้ำให้พุฒิวัตรฟัง “พราวไปงานเลี้ยงพร้อมเพื่อนอีกสองคนค่ะ คุณพุฒิไม่รู้จักเพื่อนพราวเลยเข้าใจผิดคิดว่าพราวไปกับพี่ไอซ์ จริงๆ แล้วพราวบังเอิญเจอพี่ไอซ์ด้วยซ้ำไป ไม่คิดว่าพี่ไอซ์จะมางานแต่งนี้ด้วย” “ก็ฉันไม่ได้อยากรู้จักเพื่อนของเธอ ฉันแค่อยากบอกกับเธอว่า ฉันไม่อยากถูกสวมเขา” พราวพรรณถึงกับหน้าชากับประโยคนี้ “ฉันไม่รู้หรอกนะว่า ความจริงผู้ชายคนนั้นมีความสัมพันธ์แบบไหนกับเธอ จะพี่ชาย เพื่อนหรือแฟน ฉันแค่อยากเตือนสติเธอ ตอนนี้เธอเป็นเมียฉันอยู่ ถึงแม้คนจะรู้ไม่กี่คนก็ตาม ฉันไม่อยากถูกสวมเขา คิดจะทำอะไรนึกถึงทะเบียนสมรสของเราด้วย ระงับความอยากไว้รอวันที่เราหย่ากันดีกว่า ซึ่งฉันคิดว่าคงไม่เกินปีหน้า เธอเข้าใจที่ฉันพูดใช่ไหม” เพี้ยะ... พุฒิวัตรพูดจบ เสียงฝ่ามือฟาดลงบนแก้มเขาเต็มแรงจนเกิดรอยนูนฝ่ามือ ใบหน้าคมคายหันไปตามแรงตบ ก่อนหันมองหน้าพราวพรรณด้วยสายตาวาวโรจน์ เพราะครั้งนี้เป็นครั้งแรกในชีวิตกับการถูกผู้หญิงตบหน้า “คุณเฉยชา ไม่เห็นฉันในสายตา ฉันทนได้ แต่มากล่าวหาว่าฉันมีชู้ ฉันไม่ขอทน” พราวพรรณระเบิดอารมณ์ใส่ เธอไม่คาดคิดว่าเขาจะคิดชั่วๆ แบบนี้ได้ “ฉันไม่เคยทำแบบนั้น แล้วฉันก็อธิบายให้คุณฟังไปแล้ว คุณจะเชื่อไม่เชื่อก็เรื่องของคุณ แต่อย่ามากล่าวหากัน มันมากเกินไป” “จะให้ฉันเชื่อได้ยังไงก็ภาพที่ฉันเห็นมันฟ้อง ว่าเธอกำลังมีชู้ เมื่อคืนก็ไปกับมัน คืนนี้ก็ไปกับมันอีก ไม่ใช่ว่าไปเที่ยวทะเลไปกับมันอีกนะ ติดใจอะไรมันหนักหนา มันทำเก่งกว่าฉันหรือไง เธอถึงได้อยากวิ่งเข้าหาชู้จนตัวสั่น” พุฒิวัตรไม่อั้นอารมณ์ เวลานี้มีทั้งความโกรธและความหึงหวงที่วิ่งเข้ามาในจิตใจโดยไม่รู้ตัว พุฒิวัตรกำลังเถียงกับตัวเองว่าความรู้สึกเขาตอนนี้คือ กลัวเธอสวมเขา ก็เท่านั้น

บทที่ 1 1

1

งานแต่งงานเล็กๆ ในบ้านหลังใหญ่มีเพียงญาติสนิทของบ่าวสาวไม่ถึงยี่สิบคน บรรยากาศภายในงานควรเปี่ยมล้นไปด้วยความสุข ความชื่นมื่น ทว่ากลับไม่ใช่เช่นนั้น มันอึมครึม ไม่ต่างกับเมฆฝนสีดำกระจายวงกว้างบนท้องฟ้า ไร้ความสดใสใดใดทั้งสิ้น โดยเฉพาะเจ้าบ่าว ใบหน้าเขาเรียบเฉย รอยยิ้มสักนิดก็ไม่มี ทั้งที่เป็นวันดี เป็นวันมงคลของตัวเองแท้ๆ

เหตุผลที่ใบหน้าเขาไร้รอยยิ้ม อาจเป็นเพราะการแต่งงานครั้งนี้ เจ้าสาวคือสตรีที่ไม่ปรารถนา เขาไม่คิดแต่งงานด้วย แต่ที่ยอมให้เกิดงานวิวาห์วันนี้เนื่องจาก บิดามารดาร้องขอ

“ยิ้มสักนิดสิลูก วันนี้วันดีของลูกนะ” คุณหญิงนภาพรบอกพุฒิวัตรหรือพุฒิ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวน เจ้าของใบหน้าบอกบุญไม่รับ

“คุณแม่อย่าสั่งผมเลยครับ แค่นี้ผมก็ฝืนใจจะแย่อยู่แล้ว”

พุฒิวัตรพูดตรงกับใจ

“เอาน่าคุณ อย่าบังคับลูกเลย พุฒิทำเพื่อเรามากแล้วนะ”

พลวัตร นายทหารนอกราชการบอกภรรยา เขาเห็นใจลูกชายมาก ทว่ากลับไม่ห้ามงานวิวาห์ครั้งนี้ เพราะยอมรับว่า ตนมีเป้าหมายเดียวกันกับนภาพรคือ อยากมีหลาน

นภาพรมองหน้าลูกชายแล้วถอนหายใจพรืดยาว นางสงสารพุฒิวัตรเช่นกัน ในทางเดียวกันก็สงสารตัวเองด้วย หากอรอนงค์ภรรยาคนแรกของลูกชายไม่เป็นผู้ป่วยติดเตียง ป่านนี้นางคงได้เลี้ยงหลาน ไม่ต้องขอร้องให้พุฒิวัตรทำในเรื่องฝืนใจ

ทางด้านเจ้าสาว เครื่องสำอางบนใบหน้าทำให้พราวพรรณสวยงามจับตา คำชื่นชมผ่านปากครอบครัวและคนที่มาร่วมงาน มีเพียงคนเดียวที่ไม่เอ่ยคำใดกับเธอเลยคือ พุฒิวัตร แม้แต่มองหน้าก็ไม่คิดมองสักนิดเดียว ทำราวกับว่าเธอเป็นอากาศ รู้ว่ามีอยู่จริงแต่มองไม่เห็น ความงดงามกลับไม่สามารถกลบความเศร้าบนดวงหน้าหวานได้ แม้บางช่วงมีรอยยิ้ม แต่ก็เป็นการปั้นยิ้ม สวนทางกับความรู้สึก

จะมีเพียงสองคนที่ยิ้มหน้าชื่นตาบานคือเศรษฐากับรุ่งราตรี บุพการีของพราวพรรณ ทั้งคู่ดีใจมากกับงานวิวาห์ของบุตรสาวคนโต เพราะนั่นหมายถึงการปลดหนี้ปลดสิ้นที่รุงรังมานานให้หายวับไปกับตา แถมยังได้เงินจำนวนสามสิบล้านมาเอื้อหนุนธุรกิจให้เดินต่อไปได้ หน้าตาทางสังคมยังอยู่ ธุรกิจก็ไม่ล้ม ที่สำคัญลูกสาวได้เป็นสะใภ้ตระกูลดัง งานนี้ถือว่าคุ้มแสนคุ้ม

พิธีการดำเนินต่อไปจนจบพิธีรดน้ำสังข์ ขั้นตอนต่อไปคือจดทะเบียนสมรสที่ทางเจ้าบ่าวไม่เต็มใจเอาเสียเลย แต่ก็เลี่ยงไม่ได้ หลังจากขั้นตอนนี้จะเป็นการเลี้ยงอาหารแขกที่แม้มีไม่มากก็ตาม

พุฒิวัตไม่สนใจต้อนรับทักทายแขกที่มาร่วมงาน หลังจากจรดปลายปากกาชื่อตนเองในทะเบียนสมรส พุฒิวัตรก็เดินออกจากงาน ขึ้นไปชั้นบนของบ้านทันที โดยไม่สนใจว่าใครจะว่าอย่างไร ขนาดมารดาและบิดาพูดรั้ง พุฒิวัตรก็ไม่สน เพราะหมดหน้าที่เจ้าบ่าวจำยอมแล้ว

21.05 น.

บนชั้นสองของบ้านหลังใหญ่มีอยู่ด้วยกันหกห้อง แบ่งเป็นโซนปีกซ้ายและขวา ห้องนอนพลวัตรกับนภาพรอยู่ทางปีกขวาติดกับห้องทำงาน อีกห้องหนึ่งเป็นห้องรับรอง ทางด้านปีกซ้ายมีสามห้อง ห้องแรกเป็นของพราวพรรณสมาชิกใหม่ในบ้าน ถัดมาเป็นห้องส่วนตัวของพุฒิวัตรที่มีประตูเชื่อมไปอีกห้องหนึ่ง ห้องนี้คนอาศัยคือ อรอนงค์ ภรรยาสุดที่รักของพุฒิวัตร

เมื่อสองปีก่อน อรอนงค์ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ส่งผลให้เธอความจำเสื่อม แย่ไปกว่านั้นคือ เธอไม่สามารถใช้ร่างกายได้เหมือนก่อน กลายเป็นอัมพาตนอนติดเตียง แต่ถึงกระนั้นพุฒิวัตรก็รักและคอยดูแลเธอเรื่อยมาจนถึงวันนี้ เหตุผลสำคัญที่พุฒิวัตรยอมทรยศอรอนงค์เพราะคำขอร้องของบิดามารดาที่อยากมีหลาน ในเมื่ออรอนงค์ทำตามความหวังของพลวัตรกับนภาพรไม่ได้ นภาพรจึงหาผู้หญิงมาเป็นแม่ของหลาน และคนนั้นคือ พราวพรรณ ลูกสาวนักธุรกิจที่ประสบปัญหาทางด้านการเงินขั้นรุนแรง นภาพรยื่นข้อเสนอให้เศรษฐา แน่นอนว่าเขาต้องรับข้อตกลงทันที งานแต่งงานระหว่างพุฒิวัตรกับพราวพรรณจึงเกิดขึ้น โดยเจ้าบ่าวเจ้าสาวอยู่ในสภาวะจำยอมด้วยกันทั้งคู่

ประตูห้องนอนพราวพรรณถูกเปิดออกด้วยมือพุฒิวัตร ชายหนุ่มที่เข้ามาทำหน้าที่เจ้าบ่าวให้สมบูรณ์ เขาเดินเข้ามาในห้องที่มีเพียงแสงไฟจากห้องน้ำเป็นแสงนำทาง นัยน์ตาคมกล้ามองสตรีบนเตียงด้วยสายตาว่างเปล่า ไม่มีความรู้สึกใดใด ที่เข้ามาในห้องนี้ก็เพื่อทำหน้าที่ผลิตหลานให้บิดามารดา

“คุณพุฒิ”

เวลาสามทุ่มกว่าพราวพรรณยังไม่หลับ หรืออาจพูดได้ว่า ข่มตานอนไม่ได้ ลุ้นว่าคืนนี้พุฒิวัตรจะเข้ามาห้องนี้หรือไม่ เธอรู้ว่าเขาเข้ามาตั้งแต่เสียงปิดประตูห้อง ความตื่นเต้นครอบคลุมจิตใจ หัวใจเต้นแรงมาก เพราะรู้ดีว่า พุฒิวัตรเข้ามาในห้องนี้ทำไม เธอลุกขึ้นนั่งมองสามีสุดหล่อด้วยใจเต้นระทึก เพราะตอนนี้เขากำลังปลดชุดนอนออกจากตัวทีละชิ้น

พราวพรรณอยากเอามือแนบอก เมื่อปราการชิ้นสุดท้ายออกจากร่างกายบึกบึน หญิงสาวอ่อนหัดเรื่องกามารมณ์รีบหันไปมองทางอื่น เลี่ยงมองอวัยวะกลางลำตัวเขา

“ถอดชุดนอนเธอสิ ฉันไม่อยากอยู่ห้องนี้นาน”

ตลอดทั้งวันพุฒิวัตรไม่พูดกับเธอเลยสักคำ ประโยคนี้เป็นประโยคแรก และเป็นประโยคแรกที่เรียกความอดสูให้กับพราวพรรณมากมายนัก วิวาห์ไร้รักว่าปวดร้าวแล้ว ความหมางเมินเย็นชานั้นเจ็บกว่า และเจ็บที่สุดคือ เธอเป็นเพียงแม่พันธุ์ผลิตทายาท หน้าที่ใหญ่ที่ต้องแบกรับไว้แม้ว่าใจระทมมากแค่ไหนก็ตาม

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ อัญญาณี

ข้อมูลเพิ่มเติม
สวาทรัก อสูรร้าย

สวาทรัก อสูรร้าย

มหาเศรษฐี

5.0

"คนอย่างเธอความเจ็บปวดแค่นี้มันยังน้อยเกินไป เธอต้องเจ็บเหมือนกับที่มินามิเจ็บ และต้องเจ็บยิ่งกว่าหลายร้อยเท่า ฉันจะทำให้เธอตายอย่างช้าๆ แต่ทุกข์ทรมานแสนสาหัส เธอจะไม่ได้ยินหรือสัมผัสกับความอ่อนโยนเมตตาจากฉัน สิ่งที่ฉันจะมอบให้เธอมีเพียงความเกลียดชังเท่านั้น จำใส่กะโหลกไว้" เรียวเหวี่ยงร่างงามไปที่เตียงนอนอย่างแรง มือหนาจับที่ข้อเท้าของเธอไว้แน่นเมื่อรู้ว่าเธอกำลังกระเถิบตัวหนี "หนีสิ หนีเลย ถ้าเธอหนี คนที่ตายเป็นคนแรกคือแม่ของเธอ ฉันจะให้แม่เธอตายเหมือนหมูเหมือนหมาข้างถนน เหมือนกับที่เธอฆ่าแม่ของฉัน" ดวงตาเขาเปล่งแสงแรงกล้าของความอาฆาต เมื่อนึกถึงข้อนี้อยากจะฆ่าหญิงสาวตรงหน้าให้ตายตามมารดาและคนที่เขารัก แต่ความตายอาจจะไม่ทำให้เขาสะใจ นอกจากกระกระทำต่อไปนี้ที่สะใจเขามากที่สุด ทรรศิกาหยุดดิ้นรนขัดขืน เขาจึงปล่อยข้อเท้าของเธอให้เป็นอิสระ จัดการปลดเปลื้องเสื้อผ้าต่อหน้าเธอ ความกลัวเริ่มเกาะกินจิตใจของเธอมากขึ้นเรื่อยๆ อยากจะวิ่งหนีออกไปจากที่นี่ แต่เมื่อนึกถึงมารดา ทำให้เธอก้มหน้ารับชะตากรรมที่กำลังจะเกิดขึ้น เรื่องที่คุณน่าจะสน

ชิงรัก

ชิงรัก

มหาเศรษฐี

5.0

ความอิจฉาน้องสาวต่างมารดาคือจุดเริ่มต้นของแผนการ “ชิงไอศูรย์” มาเป็นของตน เธอจึงใช้เล่ห์เหลี่ยมง่ายๆ คือวางยานอนหลับเขา พอตื่นขึ้นมาก็จะติ๋งต่างว่า เขากับเธอมีอะไรกัน ทว่าแผนเกิดผิดพลาด ยาที่ผสมในไวน์กลับเป็นยาปลุกเซ็กซ์ ผลที่ออกมาคือ ไอศูรย์มีความสัมพันธ์ทางกายกับเธอจริงๆ ในที่สุด ชเนตตีได้แต่งงานกับเขาตามตั้งใจ ทว่าผลที่ออกมา ไม่ได้เป็นไปตามที่คิดไว้ “เนยใส่อะไรในแก้วไวน์ของพี่ใช่ไหม ไม่อย่างนั้นพี่จะไม่มีวันอยู่ในสภาพแบบนี้” เขาถามอีกครั้งเมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบ เสียงที่ถามเข้มห้วน ใบหน้ายังคงเรียบตึง สายตาถมึงทึงใส่ร่างอวบที่ย่นคอหนีน้ำเสียงแผดกร้าว “ตอบพี่มา” “ใส่อะไร เนยไม่รู้เรื่อง…ฮือ…พี่เจย์ทำผิดแล้วอย่ามาโทษว่าเนยวางยาพี่นะ…ฮือ” เธอยังคงปากแข็งต่อไป หลบสายตาแข็งกร้าวพัลวัน

ลิขิตรักพญามาร

ลิขิตรักพญามาร

มหาเศรษฐี

5.0

“ว้าย!!..” เธอร้องได้เพียงเท่านั้น ก่อนที่ปากของหยาดน้ำค้างจะถูกมือใหญ่ของใครบางคนปิดเอาไว้ ลำแขนอีกข้างรัดร่างน้อยไว้แน่น ก่อนจะลากไปที่พุ่มไม้รกข้างทาง “อย่าดิ้น อย่าร้อง ไม่งั้นจะจับปล้ำมันตรงนี้แหละ” เสียงที่พูดชิดเรียวหูสะอาด ทำให้เธอรู้ว่าเจ้าของเสียงนั้นคือใคร..เหมันต์ วิเศษเดโช เขาดันร่างเล็กให้แผ่นหลังแนบชิดกับต้นไม้ใหญ่ขนาดสี่คนโอบ ใช้ลำแขนกักร่างบางเอาไว้ “ปล่อยนะ” หญิงสาวพูดเสียงเบาทว่าหนักแน่น เธอไม่กล้าพูดเสียงดังมาก เพราะกลัวว่าคนที่เดินผ่านไปผ่านมาจะได้ยิน “ไปกล่อมพ่อหรือกล่อมลูกมาล่ะ ถึงได้อ้อยอิ่งเป็นชั่วโมงแบบนี้” น้ำเสียงของเหมันต์เขียวเหมือนกับใบหน้าที่เขียวคล้ำด้วยความโกรธ “มันเรื่องของฉัน..คุณไม่เกี่ยว..เราไม่มีอะไรต่อกันแล้ว คุณก็ได้ในสิ่งที่คุณต้องการแล้วนี่ จะมาเอาอะไรกับฉันอีก ปล่อยนะ ฉันจะกลับที่พัก” หยาดน้ำค้างพยายามดิ้นรนหนีพันธนาการที่รัดร่างอยู่ แต่ทว่าลำแขนของเขานั้นหาได้คลายออกไม่ ยิ่งรัดแน่นมากกว่าเก่า เมื่อได้ยินวลีของเธอ “ทำไมผมจะไม่เกี่ยว ในเมื่อน้ำค้างเป็นเมียของผม..เป็นเมีย หรือว่าจำไม่ได้ว่าเราสองคนมีความสุขกันมากแค่ไหน” เขาเท้าความหนหลังให้เธอได้ฟัง ฝ่ายหญิงนิ่งเงียบกับคำพูดของเขา เธอไม่เถียงว่ามีความสุขมากแค่ไหนเวลาได้อยู่ใกล้ชิดกับเรือนกายที่แสนแข็งแรงและอบอุ่น หากแต่ความทุกข์และความเสียใจที่เธอได้รับนั้นมันก็มากมายเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นความสุขหรือว่าความทุกข์ เธอก็ไม่มีวันลืมเช่นกัน และไม่มีทางจะกลับไปจมกับความทุกข์อีกแล้ว “ฉันไม่ใช่เมียคุณ..ถ้าคุณคิดว่าการที่เรามีอะไรกันแล้วฉันจะเป็นเมียคุณ พี่ว่านก็ต้องเป็นสามีของฉันเหมือนกัน” หยาดน้ำค้างคิดว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุด วิธีที่เขาไม่มีทางมายุ่งเกี่ยวกับเธออีก อ้อมแขนที่รัดร่างนิ่มคลายออกโดยอัตโนมัติ หัวใจของคนที่ฟังเต้นเร็ว ดวงตาคมเข้มสีดำเรืองแสงในความมืดที่โรยตัวไปทั่วบริเวณ บ่งบอกอะไรหลายอย่างในแววตา เสียใจ ไม่คาดฝัน ไม่แน่ใจ

สะใภ้สุดขั้ว แม่ผัวสุดขอบ

สะใภ้สุดขั้ว แม่ผัวสุดขอบ

มหาเศรษฐี

5.0

จะกี่หมัดก็ไม่หวั่น กี่ยกก็ไม่กลัว เธอจะ Knock Out ด้วยหัวใจติดปลายนวม ภัทรียายินดีสานต่อค่ายมวยและรับผิดชอบหนี้สินรุงรังต่อจากพ่อซึ่งเสียชีวิต แต่ ณ วันนี้หนี้สินสามปีที่ผัดผ่อนมาตลอดทำให้เธอมืดแปดด้าน ไม่ว่าความหวังแสนริบหรี่แค่ไหน เธอก็คว้าไว้อย่างไม่รอช้า ไม่เว้นแม้แต่การเป็นภรรยาหลอกๆ ต่อให้ต้องโดนแม่สามีดูถูกทุกขณะ น้องสาวสามีจ้องเหยียดชาติกำเนิดทุกครั้งที่เจอหน้า ภัทรียาก็ไม่หวั่นเกรงแม้แต่น้อย เพราะเธอคือ... ‘มะปราง ลูกจ่าดาบ ศิษย์จอมทอง’ นักมวยสาวหุ่นกระชากใจหนุ่มๆ หากไม่เพราะกำลังจะถูกแม่จับคลุมถุงชน ธัชธรรมจึงต้องเลือกใช้วิธีสิ้นคิด จ้างนักมวยสาวหมัดหนักที่กำลังร้อนเงินมาเป็นภรรยากำมะลอ จดทะเบียนจริง อยู่ด้วยกันจริง...และทำท่าว่าจะต้องอยู่ด้วยกันอีกนาน รออีกอย่างเดียวเท่านั้น... รอให้สะใภ้กำมะลอยอมเป็นภรรยาตัวจริงของเศรษฐีหนุ่มหล่อ

พิศวาสทาสเสน่หา

พิศวาสทาสเสน่หา

มหาเศรษฐี

5.0

“บ้าอำนาจชะมัด” หญิงสาวแอบบ่น กระแทกตัวลงนั่งริมสุดของขอบโซฟา ทิ้งระยะห่างจากเขาให้มากที่สุด “นี่แม่คุณ มานั่งใกล้หน่อยสิ นั่งไกลอย่างนั้นแล้วจะบริการฉันได้ยังไง ไม่เห็นเหรออาหารหมดถ้วยแล้ว” ถ้ารู้มาก่อนว่าคนที่จองห้องวีไอพีคือเขาคนนี้ เธอไม่ยอมเป็นพนักงานเสิร์ฟจำเป็นแน่นอน หญิงสาวเขยิบร่างกายเข้ามาอีกนิด ตักอาหารใส่ถ้วย ก่อนจะวางไว้ตรงหน้าเขาเหมือนเดิม “ป้อนด้วยสิ” เขาพูดอย่างอารมณ์ดี “ดิฉันมีหน้าที่คอยให้บริการอำนวยความสะดวกให้กับคุณ ตามที่เห็นสมควรนะคะ การป้อนอาหารเป็นนอกหน้าที่ของดิฉัน” สร้อยระย้าพูดด้วยน้ำเสียงค่อนข้างเข้ม จ้องมองอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจ ชายหนุ่มกระตุกยิ้มกับท่าทีแสนพยศของเธอ ขยับร่างกายเข้ามาประชิดร่างบางอย่างรวดเร็ว โดยที่หญิงสาวไม่ทันตั้งตัว “ว้าย!!..ปล่อยนะ” หญิงสาวร้องเสียงหลง ผลักร่างหนาให้ออกห่าง แกะมือใหญ่ที่รัดเอวของเธอไว้แน่น แต่ยิ่งพยายามเอวของเธอก็ต้องถูกรัดแน่นมากยิ่งขึ้น ไม่เพียงเท่านั้นร่างงามลอยขึ้นเหนือเบาะ เนื่องจากเขาอุ้มร่างของเธอมานั่งบนตัก “พยศนักนะ” ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกล้าปฏิเสธเขามาก่อน เห็นจะมีเพียงผู้หญิงกลิ่นกายเย้ายวนใจคนนี้ ยิ่งชิดใกล้เลือดในกายของเขาเดือดพล่าน ความต้องการปะทุขึ้นมาทันที เรียวปากใหญ่ปิดสนิทปากนุ่มที่กำลังจะอ้าปากต่อว่า ทำให้เขาสอดแทรกลิ้นร้อนชื้นเข้าไปภายในโพรงปากอย่างง่ายดาย เรียวลิ้นหนาตวัดพัดโบกกับลิ้นนุ่มที่ตื่นกลัวทำอะไรไม่ถูก เนื่องจากจูบนี้เป็นจูบแรกของชีวิตสาว สมองของเธอนั้นเริ่มมีกลุ่มหมอกควันสีขาวเข้ามาปกคลุม ความว่างเปล่ากำลังเข้ามาแทนที่ ไม่มีสตินึกคิด ความหวานนุ่มชวนหอมหวานที่เขาได้สัมผัส กระตุ้นความเป็นชายของเขาให้ตื่นจากการหลับใหล เสียงครางที่ดังทักท้วงในลำคอสาว เสมือนยากระตุ้นให้ความดันโลหิตของเขาเสียดทานกับความต้องการทางเพศ ร้อนรุ่มไปทั้งกาย มือใหญ่ลูบแผ่นหลังบางไปมา ก่อนจะวกมากอบกุมทรวงอกขนาดพอเหมาะกับฝ่ามือของเขา ไม่ใหญ่มากเกินไปจนล้นมือและไม่เล็กจนเสียอารมณ์

หนังสือที่คุณอาจชอบ

สุลต่านร้ายขังรัก ชุด ทัณฑ์ทราย

สุลต่านร้ายขังรัก ชุด ทัณฑ์ทราย

มหาเศรษฐี

4.9

เมื่อองค์สุลต่านแห่งฟาดิลาห์ถูกวางยาปลุกกำหนัดในคืนวันอภิเษกสมรส... จิรัชยาเป็นเพียงลูกของนางบำเรอของอัครมหาเสนาบดีประจำมหานครฟาดิลาห์ หน้าที่ของลูกนอกสมรสอย่างหล่อนก็คือคอยรับใช้ ฮันนา ว่าที่องค์สุลตาน่า ความทุกข์แสนสาหัสเดียวในใจของหล่อนก็คือการแอบหลงรักจ้าวผู้ครองแคว้น ทั้งๆ ที่รู้ว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมอง แต่แล้วความฝันของหล่อนก็เป็นจริง เมื่อหล่อนได้นอนอยู่ใต้ร่างขององค์สุลต่านแห่งฟาดิลาห์ แต่คืนนั้นมันเป็นคืนแต่งงานของเขากับฮันนา...! “ยังไม่รีบไสหัวลงไปจากเตียงอีกหรือ!” กายสาวบอบช้ำยังไม่ทันได้ขยับลงจากแท่นบรรทมก็ถูกเขาผลักไสแรงๆ จนกลิ้งตกลงมากองกับพื้นห้องไม่ต่างจากเศษขยะสกปรก น้ำตาแห่งความปวดร้าวไหลพรากออกมาราวกับสายฝน “หม่อมฉัน... ขอประทานอภัยเพคะ หม่อมฉัน...” จิรัชยาพยายามจะอธิบาย แต่เสียงเกรี้ยวกราดขององค์สุลต่านแผดดังก้องขึ้นเสียก่อน หล่อนตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว “เธอกล้ามากนะที่วางยาฉัน!” “หม่อมฉัน... ไม่รู้เรื่องนะเพคะ หม่อมฉัน... ไม่ได้ทำ...” หล่อนสะอื้นได้อย่างน่าเวทนา แต่ก็ไม่ได้รับความเมตตาจากชายผู้สูงศักดิ์เลยแม้แต่น้อย “ถ้าเธอไม่ได้ทำ งั้นก็คงเป็นแม่ของเธอสินะที่ทำ จิรัชยา!”

ลิขิตรักภรรยาตัวร้าย

ลิขิตรักภรรยาตัวร้าย

เมืองแฟนตาซี

5.0

เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้

ฉันนี่แหละเศรษฐี

ฉันนี่แหละเศรษฐี

สมัยใหม่

5.0

ผมต้องทำงานนอกเวลาทุกวันเพื่อหารายได้ประคองชีวิตและจ่ายค่าเรียนมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง เนื่องจากฐานะครอบครัวยากจนและไม่สามารถส่งเสียผมเข้ามหาวิทยาลัยได้ และตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย ผมก็ได้พบกับเธอ-สาวแสนสวยที่หนุ่มๆ ทุกคนในชั้นเรียนต่างก็ใฝ่ฝันถึง ไม่เว้นแม้แต่ผมเอง แต่ผมก็รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเธอ ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผมก็รวบรวมความกล้าสารภาพกับเธอจนได้ สุดท้ายผมนึกไม่ถึงว่าเธอจะยอมตกลงเป็นแฟนกับผม เธอบอกกับผมว่าอยากได้ของขวัญเป็นไอโฟนรุ่นล่าสุด ผมก็ไปรับงานซักเสื้อผ้าให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนเพื่อพยายามเก็บเงินซื้อให้เธอจนได้ และในที่สุดหนึ่งเดือนต่อมา ผมก็ซื้อมาได้จริง ๆ แต่ขณะที่ผมกำลังห่อของขวัญเพื่อนำไปมอบให้เธอ ก็พบว่าเธอกำลังมีอะไรกับหัวหน้าทีมฟุตบอลในห้องล็อกเกอร์ เธอเหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งผมไม่เคยรู้จักเลย เธอหัวเราะเยาะความโง่เขลาของผม เหยียดหยามศักดิ์ศรีของผม ปล่อยให้เขาซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นแฟนใหม่ของเธอไปแล้ว ทุบตีผม ผมนอนเจ็บอยู่บนพื้นอย่างสิ้นหวัง ต่อมา จู่ ๆ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อ ตั้งแต่วันนั้น ชีวิตของผมก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างกับหนัามือเป็นหลังมือ ใครจะไปรู้ว่า ผมเป็นลูกชายของมหาเศรษฐี

อย่าพูดคำว่าไม่เคย

อย่าพูดคำว่าไม่เคย

โรแมนติก

5.0

“เราหย่ากันเถอะ”หนึ่งประโยคนี้ ทำให้ชีวิตการแต่งงานสี่ปีของฉินซูเหนียนกลายเป็นเรื่องตลก ในขณะนี้ ฉินซูเหนียนถึงตระหนักว่าสามีของเธอไม่เคยมีใจให้เธอ น้ำเสียงของเขาเย็นชา: "ตั้งแต่ต้นจนจบ ฉันมีเพียงหว่านหว่านอยู่ในใจ และคุณเป็นเพียงแผนชั่วคราวในการจัดการกับการแต่งงานในครอบครัวที่กำหนด" ด้วยความสิ้นหวัง ฉินซูเหนียนลงนามในใบหย่าอย่างไม่ลังเล ถอดผ้ากันเปื้อนของภรรยาที่ดีออก สวมมงกุฎของราชินีขึ้นมา และกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ กลับมาอีกครั้ง เธอไม่ใช่คุณนายลี่ที่สวยแต่เปลือกอีกต่อไป แต่เป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งที่น่าทึ่งใจ เธอแสดงความสามารถต่อหน้าคนอื่นๆ และอดีตสามีที่หยิ่งก็ถามเธอว่า: "ฉินซูเหนียน นี่เป็นเคล็ดลับใหม่ของเธอในการดึงดูดฉันงั้นเหรอ" ก่อนที่เธอจะพูดอะไร ประธานลึกลับก็ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนของเขาและประกาศไปว่า "ดูให้ชัดเจน นี่คือคุณนายฟู่ คนอื่นห้ามเข้าใกล้เธอ" ฉินซูเหนียนถึงกับพูดไม่ออก อดีตสามีก็ตกตะลึงไปด้วย

อุ้มรักซุปตาร์ตัวพ่อ

อุ้มรักซุปตาร์ตัวพ่อ

โรแมนติก

5.0

“ท้อง! อย่าบอกนะว่าลูกผม!” ราวกับถูกลากไปตบกลางสี่แยก จารุพัชรรู้สึกหน้าชาเห่อไปทั้งแถบแม้จะยังไม่โดนตบก็เถอะ เธอมีอะไรกับเขาตั้งหลายยกขนาดนั้นแล้วจะให้เป็นลูกใครล่ะ “ลูกแมวมั้งคะ” พอเห็นสายตาเขียวปั๊ดที่พร้อมจะขย้ำหัวเธอได้ทุกเมื่อ “อยู่ในท้องฉันก็ต้องเป็นลูกฉันสิคะ! ลูกฉันคนเดียว” “คุณเป็นปลากัดหรือไง ถึงได้จ้องตากันแล้วท้องเองได้” ก็ถ้ากัดได้ เธอก็อยากกัดหัวเขาเนี่ยแหละคนแรก กวนประสาทดีนัก “ก็คุณบอกฉันเองเมื่อกี้ว่า...อย่าบอกนะว่าท้องลูกผม ฉันก็ไม่บอกแล้วนี่ไงจะเอาอะไรอีกคะ” พูดมาขนาดนี้ เธอก็พอรู้แล้วล่ะว่าเขาไม่ได้ต้องการเธอกับลูก ยังดีที่เขาไม่ใจร้ายบอกให้เธอไปเอาเด็กออก แค่นี้ก็บุญแล้ว “เฮ้อ...ถ้าคุณห่วงว่าฉันกับลูกจะมาทำให้ชื่อเสียงพระเอกซุปเปอร์สตาร์ของคุณต้องพังพินาศล่ะก็ ขอให้คุณสบายใจได้ เพราะฉันไม่ทำอะไรสิ้นคิดแบบนั้นแน่ ต่อไปฉันจะไม่มาให้คุณเห็นหน้าอีก คราวนี้ฉันรับรองได้ ส่วนลูกในท้อง ฉันจะเลี้ยงเขาเอง ไม่ไปรบกวนคุณหรือทำให้แฟนสาวไฮโซของคุณเข้าใจผิดแน่ๆ ไม่ต้องห่วงนะคะ” “พูดจบหรือยัง” ธิเบศเอ่ยด้วยเสียงเย็นเฉียบ ตาเหยี่ยวคมจัดของเขาจ้องหน้าเธอราวกับจ้องเหยื่อพร้อมขย้ำได้ทุกเมื่อ “จบก็ได้ค่ะ เป็นอันว่าคุณเข้าใจแล้วเนอะ งั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ” จ้องอะไรเบอร์นั้นนะ ตาดุชะมัด รีบชิ่งหนีก่อนจะโดนกินหัวดีกว่า “เดี๋ยว!” มือที่เตรียมเปิดประตูรถชะงักกึก “คะ...คุณมีอะไรอีกคะ” “ผมบอกคุณซักคำหรือยังว่าจะไม่รับผิดชอบลูก” “หา!” เธอหูฝาดไปใช่ไหม เขาจะรับผิดชอบลูกในท้องเธองั้นเหรอ เป็นไปได้หรือเนี่ย “ถ้าเขาเป็นลูกผมจริงๆ ผมจะรับผิดชอบเขาแน่” “หืม...” หมายความว่าไงวะเนี่ย ยิ่งฟังก็ยิ่งงง “เดี๋ยวนะคะ คุณบอกว่าถ้าเขาเป็นลูกคุณจริงๆ แปลว่าคุณไม่เชื่อว่าเด็กในท้องฉันเป็นลูกคุณงั้นสิ ฉันเข้าใจถูกไหม” “อืม...ก็ทำนองนั้น” คราวนี้ยิ่งกว่าโดนลากไปตบกลางสี่แยก แต่เหมือนโดนเขาสาดหน้าด้วยน้ำกรดซ้ำเข้าไปอีกถังใหญ่ จนหัวใจปวดแสบปวดร้อนไปหมด ตาบ้านี่คิดว่านอกจากเขา เธอยังไปนอนกับคนอื่นจนท้องแล้วมาโมเมว่าเป็นลูกเขาอย่างนั้นเหรอ… ++++++++++++++++++++++++++++

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ