Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
ข้าไม่ใช่คนดีท่านอย่าได้หวัง

ข้าไม่ใช่คนดีท่านอย่าได้หวัง

จิรัฐติกาล

5.0
ความคิดเห็น
55.4K
ชม
85
บท

จางลี่สตรีเกิดมาพร้อมกับความเกลียดชัง บิดามารดาไม่รัก พี่สาวรังเกียจ รอบด้านทำร้ายร่างกาย ชาติภพนี้นางถูกคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีทำร้ายจนตาย เมื่อเกิดพบชาติใหม่อีกครั้ง นางก็ขอตอบแทบพวกเขาอย่างสาสม อย่าคิดว่าชาติภพนี้พวกเขาจะได้อยู่สุขสบาย นางในชาตินี้จะถนอมพวกเขาเป็นอย่างดี “ข้าไม่ใช่คนดี ท่านอย่าได้หวังว่าข้าจะดีเหมือนคนอื่น หากท่านปรารถนา พบสตรีที่ดีก็เชิญไปหาที่อื่น” บุรุษปริศนาที่ติดตามนางจะเลือกเส้นทางไหน แล้วนางจะตอบแทนพวกเขาเหล่านั้นเช่นไร รอพวกเขาหาคำตอบ แต่บอกได้เลยว่านางหาได้ใจดีเหมือนชาติที่แล้วไม่ “ข้าเตือนท่านแล้ว ว่าอย่าได้หวังว่าข้าจะเป็นคนดี”

บทที่ 0 บทแรก (ภพปัจจุบัน)

เสียงเหล็กกระทบพื้นลากยาวมาแต่ไกล เสียงแหลมขูดไปตามพื้นจนใกล้จะถึงหน้าประตูห้องด้านนอก จางลี่ขยับตัวชิดกำแพงอันมืดมิด พยายามพาร่างที่ไร้เรี่ยวแรงหนีเอาชีวิตรอดจากคนบางคน

เสียงเนื้อเปล่าลากไปกับพื้นเพื่อเอาตัวรอด ใบหน้าของหญิงสาวบูดเบี้ยวจนมองใบหน้าเดิมไม่ออก เมื่อเสียงโซ่ที่คล้องประตูดังขึ้น ตัวเธอก็ยิ่งสั่นเทามากกว่าเดิม แม้ว่าอยากจะร้องขอความช่วยเหลือเท่าไรก็คงไม่เป็นผล

ในเมื่อไร้ประโยชน์เธอจะร้องไปไย ดวงตาเธอมองไปยังบานประตูที่ตอนนี้ถูกเปิดออกแล้ว ชายตรงหน้าถือแท่งเหล็กยาวปลายแหลม ทำให้เธอรู้ว่านี่อาจเป็นวาระสุดท้ายของชีวิต แต่แล้วเขาก็เดินมาเข้ามากลางห้อง วางแท่งเหล็กไว้ข้างตัว ก่อนนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ตัวเดียวในห้อง ชายหนุ่มหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบเหมือนไม่เร่งรีบ

ชายหนุ่มยกขาขึ้นพาดแล้วเอ่ย “ผมจะให้โอกาสคุณเป็นครั้งสุดท้าย”

โอกาสงั้นหรือ เธอเคยได้เสียที่ไหน ที่ผ่านมาเขาก็แค่เล่นสนุกให้เธอบ้าคลั่งอยู่ฝ่ายเดียว

คนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ทิ้งบุหรี่ลงเหยียบแล้วยกนาฬิกาขึ้นมาดู 10 นาที โอกาสครั้งที่ 100 ของเธอ เธอก็ยังอยากจะใช้มัน จางลี่ขยับออกจากที่มืดเผยให้เห็นหญิงสาวสภาพเนื้อตัวมอมแมม เสื้อผ้าขาดรุ่ย ขาซ้ายเดินกะเผลกคล้ายกระดูกหัก เธอลากเท้าออกจากห้อง ได้ยินเสียงหัวเราะของคนที่จะปล่อยเธอชัดเจน

เขามันบ้า โรคจิต และเลือดเย็น ชายที่นั่งอยู่นั้นคือสามีของเธอ สามีที่ถูกต้องตามกฎหมาย สามีที่เธอไม่ได้เลือก

จางลี่รีบวิ่งด้วยแรงอันน้อยนิดดวงตามองไปยังป่าเขา หลายทิศที่เธอเคยไปล้วนมีแต่ป่าเขา ตอนนี้เหลือเพียงทิศเดียวที่คาดว่าจะเป็นถนนใหญ่ เธอจึงวิ่งไปยังทิศนั้นด้วยความหวัง

แต่ขาที่กะเผลกทำให้ความเร็วลดลงกว่ารอบก่อน ๆ เธอได้ยินเสียงหัวเราะตามหลังมาเรื่อย ๆ มันเหมือนเสียงหลอนที่ทำให้เธอผวาและไร้สติ เท้าเล็กวิ่งเร็วกว่าเดิมทั้งที่ตัวเองเจ็บหนัก ร่างบอบบางวิ่งไม่ดูทางจนทำให้สะดุดท่อนไม้ที่ขวางอยู่

จางลี่ไม่มีเวลาเจ็บ สิ่งเดียวที่เธอต้องการคือมีชีวิตรอดเพื่อจัดการพวกมัน แต่แล้วเหมือนสวรรค์ไม่เห็น เมื่อเธอมองเห็นถนนด้านหน้ามีแสงไฟจากรถที่กำลังจะขับมาถึง แสงแห่งความหวังทำให้เธอมีพลัง เพียงแค่ไม่กี่ก้าวเธอจะรอดแล้ว

ปึก! ท่อนเหล็กฟาดลงที่แผ่นหลัง หญิงสาวล้มลงไปทั้งที่ยังไม่ได้เอ่ยปากขอให้รถที่ใกล้เข้ามาช่วยด้วยซ้ำ เขาไม่ต้องการให้เธอตาย แค่ให้หญิงสาวไร้แรงจะวิ่งต่อ

ชายหนุ่มมองร่างบางที่นอนแนบพื้นเปียกหลังฝนตก เนื้อตัวเต็มไปด้วยโคลน เสียงหัวเราะเขาดังขึ้นแล้วบอก “ใกล้แล้วสินะ แต่ก็ไม่รอดอยู่ดี คราวหน้าแล้วกัน”

เมื่อพูดจบเขาก็ดึงขาเธอขึ้นแล้วลากไปกับพื้น ปล่อยให้หินดินทรายและของมีคมบาดลึกผิวหนังไปเรื่อย ๆ เมื่อเธอกลับมายังจุดเดิม ชายหนุ่มก็โยนเธอลงบนอ่างน้ำขนาดใหญ่

“ที่รัก ผมจะช่วยทำความสะอาดเอง”

จางลี่ไร้ซึ่งแรงพูด เพราะตอนนี้เนื้อตัวเธอเต็มไปด้วยกลิ่นเลือด เจ้าของร่างได้แต่มองเขาทำเธอเหมือนเป็นตุ๊กตาตัวหนึ่ง ขัดถูด้วยแปรงขัดพื้นไปตามร่างกาย เมื่อเนื้อตัวมีเลือดออกมา เขาเพียงยกมือปาดมันแล้วดูดกินอย่างมีความสุข

เขามันบ้า จิตใจมันไม่เหลือความเป็นมนุษย์อีกแล้ว เมื่อเขาขัดถูเธอจนสะอาดแบบที่เขาต้องการแล้ว เขาก็โยนร่างที่เปลือยเปล่าลงบนเบาะนุ่ม จากนั้นก็ทำการย่ำยีเธอจนพอใจ เมื่อปลดปล่อยอารมณ์เปลี่ยวแล้วชายหนุ่มก็จากไป ทิ้งให้เธออยู่ในความมืดดังเดิม

จางลี่ขยับตัวมองไปรอบ ๆ คิดถึงทิศทางที่เธอไป แสดงว่าทางนั้นถูกแล้ว หากเธอสามารถออกไปได้เธอก็จะมีชีวิตรอด แต่ตอนนี้ร่างกายเธอยังไม่พร้อม ยังไม่มีเรี่ยวแรง แล้วเธอจะทำเช่นไรดี ท้องที่หิวเพราะไม่ได้กินอาหารมาหลายวัน จางลี่หันมองไปรอบ ๆ ก็เจอกับสัตว์ตัวน้อยขนสีน้ำตาลกำลังกินเลือดเธอที่ตกตามพื้น ในเมื่อต้องมีชีวิตรอดเธอก็ต้องกินมัน

ร่างเธอลากไปกับพื้นเหมือนกับจิ้งจอกที่กำลังออกล่าเหยื่อ เมื่อเหยื่อตายใจ ไม่นานสัตว์ตัวน้อยก็มาอยู่ในมือเธอ เสียงร้องแหลมของมันเหมือนเสียงกรีดร้องของเธอที่ใกล้ตาย แต่บัดนี้ไม่เหลือแล้ว เหมือนความชั่วของมันซึมซับมายังตัวเธอ

จางลี่ยกมันขึ้นมาแล้วกัดที่ลำคอ ยิ่งมันร้องเสียงแหลมด้วยความเจ็บปวดมากเท่าไรเธอก็ยิ่งสะใจ ไม่นานสัตว์ตัวน้อยก็สิ้นลมหายใจ แต่เธอต้องฝืนกินมันต่อไปจนเหลือแต่กระดูก

หญิงสาวทิ้งกระดูกในมือลงแล้วนั่งมองแสงอาทิตย์ยามเช้า ผ่านไปอีกวันแล้ว กี่เดือนแล้วที่เธอถูกมันพามาขังไว้ ไม่ว่านานเท่าไรก็ไม่มีใครสักคนที่คิดจะตามหาเธอ

ชาติที่แล้วเธอไปทำอะไรให้ พวกเขาถึงได้รังเกียจเธอมากจนทำทุกทางไม่ให้เธอเงยหน้าขึ้นมา มีคู่หมั้นก็โดนแย่งไป มีคนรักก็ถูกกีดกัน จากนั้นพวกเขาก็ส่งมันมาให้ ให้เธอตกอยู่ในนรกจนไม่อาจลืมตาได้

สตรีร่างบอบบางเนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผล ดวงตาอ่อนแสงลง ตรงมุมปากมีรอยเลือดติดอยู่ แววตาอ่อนแรงนั้นหันมองประตูที่เปิดเข้ามา มองไปยังหญิงสาวที่หน้าตาเหมือนเธอราวกับคนเดียวกัน เธอคือพี่สาวที่เกิดมาจากท้องเดียวกัน แต่กลับได้รับความรักไปจนหมดไม่มีเหลือให้เธอ

คนที่ยืนอยู่ข้างพี่สาวก็คือคู่หมั้นเธอในอดีต พวกเขารวมหัวหักหลังเธอแล้วพากันหัวเราะลับหลังเมื่อสมปรารถนาอย่างที่ตั้งใจ

ตั้งแต่เล็กที่เธอเติบโตมา ของทุกอย่างที่เป็นของเธอล้วนเป็นของที่พี่สาวไม่ต้องการ แต่สิ่งไหนที่เธอได้ หากพี่สาวต้องการก็จะต้องได้ เมื่อเธอได้หมั้นกับชายหนุ่มที่ฐานะดี นั่นทำให้พี่สาวอยากได้ และพี่สาวก็ต้องได้เช่นกัน

ต่อมาเมื่อเธอเจอคนที่รัก และมอบหัวใจให้เขาไปทั้งดวง แต่แล้วเมื่อเรื่องถึงหูพี่สาวที่รัก เธอก็แยกทั้งสองออกจากกัน และไม่ยอมให้เจอกันอีกเลย ทั้งที่ความจริงแล้วฝ่ายชายจะทำทุกอย่างให้ได้เจอกันก็ได้ แต่เขากลับไม่ทำ กลับเลือกเงินแล้วทิ้งเธอไป

ผู้ชายบนโลกนี้มันไร้ความรัก ทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ หันมองไปยังพี่สาวคนสวย เธอเสื้อผ้าแบรนด์หรูตั้งแต่หัวจรดเท้ากำลังยกมือปิดจมูกแล้วพูดรังเกียจ สายตาหันมองซากกระดูกบนพื้นแล้วเบ้ปากถาม

“น้องลี่หิวจนต้องกินหนูเลยหรือ แหมพี่ฟงหยวนใจร้ายจัง ไม่เห็นแก่ผัวเมีย ไม่ให้อาหารสัตว์เลย”

หญิงสาวยกถุงอาหารในมือขึ้น แล้วยิ้มกว้างจากนั้นก็เทมันลงพื้น

“กินสิ บังเอิญเจ้าโมโม่ไม่ยอมกิน อย่างที่บอกว่าหมาไม่แดก” เธอยิ่งหัวเราะเมื่อน้องสาวคนเก่งคลานเข้ามาหากองเศษอาหาร จากนั้นก็หยิบกินด้วยมือไม่ได้รังเกียจ ยิ่งเธอเหยียบเท้าลงไปคนกินก็ไม่ได้หยุดกิน ยังคงหยิบมันเข้าปากเหมือนหมาตัวหนึ่ง

“พี่อี้เฉิน พี่ดูสิ น้องสาวฉันตายอดตายอยากเสียแล้ว”

เสียงชายหนุ่มหัวเราะเยาะแล้วพูดอย่างรังเกียจ “อยากทำอะไรก็ทำเสีย ผมจะไปรอข้างนอก”

จางหรูมองน้องสาวที่แสนน่ารังเกียจ ก่อนเดินอ้อมไปด้านหลัง จากนั้นก็หยิบผ้าพันคอออกมาพลางถาม

“น้องรัก น้องอยากเป็นอิสระไหม”

มือจางลี่หยุดลง หันมองจางหรูด้านหลัง และมองเลยไปยังผ้าพันคอในมือ ถึงเธอจะลำบากขนาดไหน แต่ก็ไม่เคยคิดที่จะฆ่าตัวตายหรือไม่อยากมีชีวิตอยู่ เพราะนั่นหมายความว่าเธอจะไม่ได้แก้แค้นพวกมัน

จางลี่ขยับตัวออกห่าง มองฝีเท้าที่ขยับก้าวเข้ามา “ให้พี่ช่วยน้องนะ”

ไม่ เธอไม่อยากตาย แต่ก็ไม่อาจทนแรงคนตรงหน้า จางหรูใช้ผ้าพันคอรัดคอเธอเอาไว้ มือจางลี่พยายามดึงมันออก ยิ่งมือสกปรกแตะต้องเสื้อผ้าหรูก็ยิ่งทำให้คนตรงหน้าโกรธมากกว่าเดิม

เมื่อเริ่มทนไม่ไหว เธอก็ยอมปล่อย “ฝากไว้ก่อนนะมึง ตายยากชะมัด” จางหรูคิดเพียงจะมาฆ่าให้เรื่องมันจบ แต่คิดอีกทีปล่อยให้ทรมานอีกสักหน่อยดีกว่า เมื่อได้กลิ่นของเสียเธอก็มองไปบนพื้น มองน้ำสีเหลืองบนพื้น

“สกปรกชะมัด” เธอพยายามล้างมันออกไป แต่ก็ยังทิ้งคราบและกลิ่นอยู่ดี จนเธอต้องถอดรองเท้าราคาแพงเกือบแสนทิ้งไว้ให้คนทำดูต่างหน้า

จางลี่มองประตูที่ปิดไม่สนิท แต่เพราะต้องออกแรงเยอะ และแรงเธอตอนนี้ก็ไม่มีเช่นกัน มองดูเวลาแล้วเห็นว่าใกล้เที่ยง ซึ่งเป็นเวลาที่เขาจะแวะเข้ามาเล่นกับเธอ แสดงว่าเธอมีเวลาหนีไม่ถึงชั่วโมงด้วยซ้ำ แต่นี่เป็นโอกาสดีที่เธอจะมีชีวิตรอด

หญิงสาวมองรองเท้าราคาแพง คิดว่าหากเอาไปด้วยคงพอจะทำให้เธอขอความช่วยเหลือได้จึงหยิบมันขึ้นมา ขยับไปยังอ่างน้ำล้างมันให้สะอาด จากนั้นก็เอาเศษผ้าห่อหุ้มตัวเอง พยายามประคองร่างออกจากสถานที่กักขังเพื่อออกจากขุมนรกนี้

ดวงตาที่มีความหวังมองไปยังทิศทางของเมื่อคืน เธอพยายามลากขาที่เกือบหัก หรือหักไปแล้วก็ไม่แน่ใจ แต่ตอนนี้เธอต้องวิ่งให้เร็วที่สุดเพื่อเอาตัวรอด ยิ่งได้ยินเสียงรถวิ่งเธอก็ยิ่งมีความหวัง

เมื่อเธอมองเห็นถนน และบังเอิญเจอรถที่กำลังวิ่งผ่านมาพอดี เธอก็รีบออกไปขวางเอาไว้ รถเก๋งหรูตรงหน้าหยุดลง เธอพยายามเคาะรถเพื่อให้คนในรถลงมาช่วย แต่กระจกก็ไม่ยอมเลื่อนลงสักที

จางลี่ร้องขอความช่วยเหลืออยู่นานกระจกดำก็เลื่อนลง ดวงตาเธอเบิกกว้างเมื่อได้ยินเสียงประตูอีกฝั่งเปิดออกพร้อมชายหนุ่มที่ลงจากรถแล้วตรงมาหาเธอ เธอได้แต่ร้องโทษชะตาเมื่อต้องมาเจอคนกระทำคนเดิมอีกแล้ว

“มาเล่นกันหน่อยไหมที่รัก” คนขับพูดอย่างเสียอารมณ์ ปล่อยให้ชายหนุ่มอีกคนลากเธอกลับไปยังที่ขังเดิม

ไม่!!! ใครก็ได้ช่วยเธอให้หลุดพ้นเสียที ราตรีที่ทรมานผ่านไปยาวนาน ร่างกายเธอตอนนี้ขาหักทั้งสองข้าง แต่พวกมันยังเหลือแขนเอาไว้ให้เธอจับหนูกินเป็นอาหาร

มาถึงตอนนี้เธอไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว อยากตายไปจากนรกนี้ ขอสวรรค์เมตตาประทานความตายให้เธอ ให้เธอได้หลุดพ้นเสียที

เสียงร้องขอไม่เป็นผล เธอถูกทรมาน ถูกชายมากหน้าหลายตาย่ำยีจนไม่เหลือสภาพ มองเธอเหมือนตุ๊กตาที่เอาไว้เล่นสนุก ร่างกายที่เคยขาวนวลเต็มไปด้วยรอยเลือด รอยเฆี่ยนตี และรอยบุหรี่จี้

หลังจากผ่านค่ำคืนเลวร้ายที่เธอไม่ได้นับแล้วว่ากี่วัน ร่างกายท่อนล่างก็ไม่เหลือสภาพ พวกมันทำจนไม่เหลือให้เธอได้หายใจ

คนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีมองสายตาเหยียด มองมือเท้าแขนขาที่หมดสภาพ แถมเนื้อตัวก็เหม็นแทบจะทนไม่ได้อีกแล้ว คิดว่าคงถึงเวลาหมดสนุกเสียที จึงขอเล่นตุ๊กตาตัวนี้เป็นครั้งสุดท้าย

“มองผมแบบนั้นคืออะไร คิดถึงอย่างนั้นหรือ”

จางลี่อยากจะพูด แต่ตอนนี้เธอไม่มีแรงจะตอบชายหนุ่ม หากถามว่ามีคนที่ไม่อยากพบอยากเจอมากที่สุดคือใคร เธอก็จะบอกว่าเป็นเขา

ในคืนที่พระจันทร์เต็มดวง สามีของเธอกำลังเล่นสนุกอยู่เบื้องล่าง เอาของบางอย่างใส่เข้าไป เฮือกสุดท้ายของลมหายใจรวยรินหันมองเขาแล้วสาปแช่ง หากเธอเจอเขาอีก เธอจะทำให้เขาตายอย่างทรมานมากกว่าร้อยเท่าพันเท่า หากเจอพวกเขา เธอจะทำให้พวกเขาร้องขอความเมตตาจากเธอ

หากเจอพวกมันทั้งหมดในชาติต่อไป เธอจะถนอมพวกมันให้นานที่สุด มากกว่าที่พวกมันทำ

ดวงตาปิดลงอย่างเหนื่อยล้า โชคชะตาในชาตินี้ช่างโหดร้ายนัก หากเธอร้ายในชาติหน้า พวกเขาก็อย่าหาว่าเธอใจร้ายแล้วกัน

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ จิรัฐติกาล

ข้อมูลเพิ่มเติม
หย่าทวงแค้น

หย่าทวงแค้น

โรแมนติก

5.0

ความเจ็บช้ำกว่าการ “หย่า” ยังมีอะไรอีก นอกจากถูกคนที่รักหลอกไป “ฆ่า” ให้ตายทั้งเป็น **************** โง่แล้วยังทำเหมือนเดิม เขาเรียกว่าโง่ไร้สติ โง่แล้วกลายเป็นความแค้น เขาถึงเรียกว่าฉลาด มาดูกันว่าการกลับมาของเธอในครั้งนี้ จะทำให้เขาจดจำเธอในรูปแบบไหน ภรรยาที่ดี หรือ ภรรยาที่ตอบแทนอย่างสาสม!! ************************* รมินตามองไปยังรูปภาพแต่งงานบนฝาผนัง ภาพที่มีรอยยิ้มและ แววตาความรักนั้น เหตุใดวันนี้ถึงได้เศร้านักก็ไม่เข้าใจ เธอนั่งรอเขาราวครึ่งชั่วโมงก็ได้ยินเสียงรถที่ขับมาอย่างรวดเร็ว และเสียงเบรกกะทันหันทำให้เธอเดินไปที่หน้าต่างแล้วชะโงกมอง เมื่อเห็นว่าเป็นธาวินผู้เป็นสามีเธอก็รีบลงจากชั้นสอง “ทำไมขับรถเร็วขนาดนั้นคะ ถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาจะทำยังไง” “นี่คุณแช่งผมให้ตายเหรอ” คิ้วรมินตาขมวด “ตาไม่ได้หมายความแบบนั้น แต่ตาเป็นห่วงคุณต่างหาก” “คุณห่วงชีวิตคุณเองจะดีกว่า ว่าคืนนี้คุณจะนอนไหน” แววตาคนเป็นภรรยาไม่แน่ใจว่าได้ยินผิดหรือเปล่า จึงถามเขาย้ำอีกครั้ง “คุณว่าอะไรนะคะ ตาไม่เข้าใจ” “โธ่เว้ย ทำไมถึงโง่ขนาดนี้ ผมกำลังขอหย่ากับคุณยังไงเล่า” ไม่พูดเปล่า อีกฝ่ายยังยกนิ้วขึ้นชี้หน้าผากเธอ จนเธอที่ตั้งสติไม่ได้เซถอยหลังจนล้มลง “รีบเซ็นใบหย่าแล้วออกไปจากบ้านของฉัน” “คุณหมายความว่ายังไง” “ก็หมายความว่าบ้านหลังนี้ หุ้นที่บริษัท โรงแรม ล้วนเป็นของผมหมดแล้ว ดังนั้นคุณก็หมดความหมาย รีบไสหัวไปซะ ก่อนที่ผมจะแจ้งข้อหาบุกรุกกับคุณ” “คุณ คุณทำกับตาแบบนี้ได้ยังไงกัน”

เดือนแสนจันทร์

เดือนแสนจันทร์

โรแมนติก

5.0

แสนจันทร์เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวที่เลี้ยงลูกสองขวบเพียงลำพัง เป็นเพราะเศรษฐกิจกำลังพัง เธอจึงถูกไล่ออกจากงาน จึงคิดหมายหาอาชีพใหม่ที่เธอสามารถเลี้ยงลูกได้ สุดท้ายเธอก็พบว่า อาชีพนักเขียน เป็นอาชีพที่ดี เธอจึงตั้งใจเขียนนิยายเรื่องแรกด้วยความตั้งใจ หนทางหาเลี้ยงครอบครัวดูเหมือนจะได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อนิยายของเธอได้รับคำชมจากคนอ่านมากมาย แต่แล้ววันหนึ่งเธอก็ถูกนักเขียนรุ่นใหญ่กล่าวหาว่า ลอกเลียนแบบนิยายของเธอ มีคนมารุมด่าประจานเธอมากมาย หากแต่เธอเพียงพยายามถามถึงหลักฐาน แต่อีกฝ่ายก็เอาทนายมาขู่อย่างเดียวแต่ไม่ส่งอะไรมาให้เลย จนสุดท้ายแล้วเธอก็ต้องยอมรับผิดเพียงเพราะไม่มีเงิน ทั้งที่เธอไม่เคยอ่านนิยายของอีกฝ่ายด้วยซ้ำ ผิดที่ตัวเธอไม่มีแรงสู้ ผิดที่ตัวเธอไม่มีเงินพอที่จะปกป้องอาชีพที่เธอเริ่มรักมัน ผิดที่เธอทำให้คนข้างตัวต้องผิดหวัง สายตามองไปยังคานไม้บนบ้าน มองไปยังค่าบ้านที่ค้างมาสามเดือน จึงมองหาเชือกมาผูกไว้ข้างบนคิดหมายจะฆ่าตัวตาย สองเท้าก้าวขึ้นเก้าอี้ไม้กลม เหยียบขึ้นไปด้วยหัวใจที่แตกสลาย สองมือจับเชือกแล้วคิดจะฆ่าตัวตาย จังหวะที่เชือกกำลังรัดคอนั้น เสียงลูกสาวตัวน้อยก็ร้องดังขึ้นมา เธอที่กำลังจะตายเห็นแบบนั้น น้ำตาก็ร่วงหล่นลงแก้มอาบหน้า ใช้เท้าผละเก้าอี้ล้มเสียงดัง เสียงเด็กน้อยร้องไห้ดังจนคนด้านนอกได้ยิน จังหวะที่เธอคิดจะตายนั้น จู่ ๆ ก็มีผู้ชายใส่สูทคนหนึ่งถีบประตูเข้ามา จากนั้นก็ช่วยเธอหลุดพ้นจากความตาย.... และเขาก็คือแสงสว่างของเธอ ทนายหนุ่มข้างบ้านที่จะเข้ามาช่วยให้ สองคนแม่ลูกพบเจอแต่สิ่งที่สวยงาม

ผมทำอาหารอร่อยนะไม่กินจริงๆ เหรอ ยุค 70

ผมทำอาหารอร่อยนะไม่กินจริงๆ เหรอ ยุค 70

โรแมนติก

5.0

หรูเจี่ยเป็นเพียงนักร้องกลางคืนในยุค 70 ช่วงที่ญี่ปุ่นเริ่มเข้ามายึดครองเซี่ยงไฮ้ ในระหว่างที่เธอต้องพยายามดิ้นรนเอาตัวรอดจากการขายให้นายพลญี่ปุ่น หรูเจี่ยก็หันไปมองตรงข้ามห้องชั้นสอง ได้กลิ่นซาลาเปาร้อนๆ หอมลอยแตะจมูก พลันเธอก็คิดได้ว่าต้องทำยังไง จึงจำต้องทำเป็นป่วยไม่ยอมกินอะไร เพื่อที่จะให้เถ้าแก่ร้านอ้วนพีที่อยู่ฝั่งตรงกันข้ามมาส่งอาหารให้เธอ แต่เพราะแผนการเลยทำให้เธอกินได้เพียงสองคำ ทั้งที่ท้องของเธอเรียกร้องอาหารอร่อยนั้นแทบขาดใจ เธอจะสามารถหนีพ้นชะตากรรมนี้ได้ไหม แล้วบุรุษอ้วนพีจะช่วยเธอได้หรือเปล่ามาลุ้นกัน

สืบแค้นบัลลังก์เลือด

สืบแค้นบัลลังก์เลือด

โรแมนติก

5.0

เพราะพี่สาวของนางต้องตายอย่างปริศนา ทำให้เหมยลู่อิงต้องเข้าวังเพื่อสืบหาความจริง แต่ภายใต้อันตรายนั้นกลับพบว่าในวังหลวงนั้นอันตรายไม่แพ้กัน มีคลื่นลมแห่งความแค้นพร้อมแย่งชิงบัลลังก์เลือดนั้น ไม่สนว่าต้องพรากวิญญาณผู้ใด นางจะเอาตัวรอดได้หรือไม่ ในเมื่อมังกรที่ยิ่งใหญ่ในวังหลวงนั้นไม่ได้หลอกง่ายอย่างที่คิด เหมือนเขาจะว่างงาน เพราะผ่านไปแค่สามวัน “...” เหมยลู่อิงมองข้าวของที่กองอยู่ตรงหน้า คนผู้นี้ต้องการอะไรกันแน่ จะแกล้งนางไม่เลิกเลยหรือไง ส่งของบรรณาการผ้าแพรสวยงามมาให้นาง แล้วจะให้นางใช้เล่ห์กลอะไรปฏิเสธได้อีก สรุปจะให้นางถูกรุมตายแน่ๆ สตรีทั้งหลายต่างมองตาเป็นมัน ความประหลาดของฝ่าบาทนี้ทุกคนเริ่มชิน ไม่เคยเรียกนางเข้าเฝ้า แต่ก็ขยันส่งของมาให้ คราก่อนเป็นรังนก นางก็เอาถวายเจ้าแม่กวนอิม มาครานี้ถึงกับส่งเสื้อสตรีมา คงคิดว่านางเอาไปถวายไม่ได้น่ะสิ ฉินกงกงพูดแล้วก็ยิ้ม เมื่อเห็นสีหน้ากลืนไม่ได้เข้าคายไม่ออกของนาง “คืนพรุ่งนี้ฮองเฮาจะมีงานเลี้ยงน้ำชาเหล่าสนมนางใน ฝ่าบาทจะเสด็จด้วย จึงพระราชทานชุดบรรณาการให้ตาอิ้งโดยเฉพาะ” ไม่ต้องย้ำคำว่าโดยเฉพาะก็ได้ คืนพรุ่งนี้มีงานเลี้ยงเลยมีความประสงค์จะให้นางสวมชุดบรรณาการ ไม่ส่งมีดมาเลยล่ะ กะว่าจะให้นางโดนรุมในวัง นางไปทำเวรทำกรรมอะไรกับฮ่องเต้คนนี้นะเนี่ย จะบ้าตาย

 เกิดใหม่เป็นแม่หม้ายที่สามีทิ้ง

เกิดใหม่เป็นแม่หม้ายที่สามีทิ้ง

โรแมนติก

5.0

ชาติภพก่อนนางต้องสูญเสียลูกและสามีเพราะคนร้ายกราดยิงในห้าง จนนางเลือกจบชีวิตโดยการฆ่าตัวตายตาม พอเกิดชาติใหม่ก็มาอาศัยร่างที่ใบหน้าเหมือนตัวเองแถมมีลูกสาวที่หน้าเหมือนลูกสาวภพก่อนแต่กลับถูกสามีทิ้งให้มาอยู่ลำพังบนเขาจนอดข้าวตาย นางที่ได้มาอาศัยร้าง สัญญาว่าจะดูแลบุตรสาวคนนี้ให้ดีที่สุด และหวังว่าจะเจอสามีนางในภพเช่นกัน หญิงหม้ายเช่นนางจะดูแลบุตรสาวด้วยตัวเอง... "ท่านแม่กอดเอวของท่านพ่อเอาไว้แบบนี้ห้ามปล่อยนะเจ้าคะ ถ้าท่านแม่กอดเอวท่านพ่อก็จะได้กอดถิงถิงไปด้วย" เสียงเล็กของสาวน้อยที่นั่งตรงกลางระหว่างเจินเป่าและเหนียงไป๋กล่าวบอกผู้เป็นมารดาด้วยน้ำเสียงแจ่มใส เหนียงไป๋จึงไม่มีทางเลือกต้องพยักหน้ารับและทำตามที่บุตรสาวบอกแต่โดยดี ******************* นิยายสนุก น่ารัก อบอุ่นหัวใจ ดีต่อสุขภาพ แวะมาอ่านกันเยอะๆ นะคะ

หย่ากันแล้วไยต้องรักท่าน

หย่ากันแล้วไยต้องรักท่าน

โรแมนติก

5.0

หย่ากันแล้วไยต้องรักท่าน ไป๋ชิงนางแต่งเข้าสกุลลู่อย่างเต็มใจ หากแต่สามีนาง ลู่เฉิน กลับทำร้ายจิตใจนางซ้ำแล้วซ้ำเล่า นำพาอนุเข้าเรือนไม่เว้นแต่ละวัน จนสุดท้ายนางทนไม่ไหวก็ขอ "หย่า" "ก็ตามใจเจ้า" นางเจ็บแค้นใจสาหัส เดินจากมาด้วยน้ำตา หากแต่เดินออกจากสกุลลู่ได้ไม่นาน เหตุใดเขาถึงกลับมาตามนางกลับ ********* คนอย่างนางมีแต่เดินหน้าไม่หวนคืน หย่ากันแล้วอย่าคิดจะมีคืนดี เป้าหมายนางคือ "สามีใหม่" เท่านั้น มาทำให้ใต้หล้าเห็นว่า หญิงหม้ายก็มิได้ร้างรักแต่อย่างใด ******************************* นิยายเรื่องนี้มีเป้าหมายคือหาสามีใหม่ ใครมิชอบใจรักผัวเก่าขัดใจผ่านไปก่อนได้เลยค่ะ

หนังสือที่คุณอาจชอบ

คุณท่าน คุณนายมาหาอีกแล้ว

คุณท่าน คุณนายมาหาอีกแล้ว

โรแมนติก

5.0

ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

โรแมนติก

5.0

หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง

นักล่าคู่กับหมอมหัศจรรย์

นักล่าคู่กับหมอมหัศจรรย์

โรแมนติก

3.5

เดิมทีฟางจินซิ่วมีอวกาศติดตัวได้เปิดคลินิกการแพทย์แผนจีนในยุคปัจจุบันและเจริญรุ่งเรือง ไม่มีการแข่งขันหนัก และทำงานมีวันหยุด เธอใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย แต่แล้วมีวันหนึ่งที่เธอตื่นขึ้นมากลับข้ามมิติกลายเป็นชาวนาที่ฟมู่บ้านยากจน อีกทั้งได้เจอภัยแล้ง จากนั้นก็โดนขาย โชคดีที่ครอบครัวที่ซื้อเธอแตกต่างจากที่เธอจินตนาการไว้ เธอไม่ได้ถูกทารุณกรรม แต่ได้รับการดูแลอย่างดี ในยุคแห่งความขาดแคลนอาหาร และมีภัยแล้ง ฟางจินซิ่วตัดสินใจตอบแทนความเมตตาของครอบครัวนี้ แม่สามีป่วยหนัก? สำหรับปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เธอเก็บสมุนไพรและแช่ในสระศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งรักษาเธอให้หายดีภายในไม่กี่นาที ที่บ้านไม่มีอาหาร? ปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เธอไปล่าสัตว์กับครอบครัวและโชคก็เข้าข้างเธอ ไม่ว่าเธอจะไปที่ไหน เหยื่อก็จะตกหลุมพรางเสมอ กินแต่เนื้อสัตว์โดยไม่มีผักหรือ? มันเป็นปัญหาเล็กๆ เทน้ำในสระศักดิ์สิทธิ์เพียงหยดเดียว ก็สามารถปลูกพืชได้ทุกชนิดและกินผักและผลไม้อะไรก็ได้ที่พวกเธอต้องการ ญาติที่อิจฉากำลังมาก่อเรื่องเมื่อเห็นว่าพวกเธอใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย สำหรับปัญหาเล็กน้อยนี้ เธอเรียกผู้ชายที่มีความแข็งแกร่งของเธอมาจัดการพวกเขา อะไร คุณถามว่าสามีของฉันทำไมเชื่อฟังได้ขนาดนี้? จงหวี่เดินเข้ามาด้วยสายตาเร่าร้อน “คุณภรรยา ตราบใดเจ้ายอมอยู่เคียงข้างข้าตลอดชีวิต ถึงเอาชีวิตข้าไปข้าก็ยอม”

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ
ข้าไม่ใช่คนดีท่านอย่าได้หวัง
1

บทที่ 0 บทแรก (ภพปัจจุบัน)

02/09/2024

2

บทที่ 1 ภพชาติใหม่

02/09/2024

3

บทที่ 2 รู้ทันความคิด

02/09/2024

4

บทที่ 3 จะไม่ทนอีกต่อไป

02/09/2024

5

บทที่ 4 เรื่องสนุกของฮ่องเต้

02/09/2024

6

บทที่ 5 อดีตคู่หมั้น

02/09/2024

7

บทที่ 6 ก้อนทองที่หายไป

02/09/2024

8

บทที่ 7 แผนซ่อนแผน

02/09/2024

9

บทที่ 8 ปลากตัญญู

02/09/2024

10

บทที่ 9 วังหลวง

02/09/2024

11

บทที่ 10 คนดูแลสวน

02/09/2024

12

บทที่ 11 หวังดี

02/09/2024

13

บทที่ 12 หลงกลจิ้งจอก

02/09/2024

14

บทที่ 13 บุรุษถูกตอน

02/09/2024

15

บทที่ 14 เฒ่ามังกรเจ้าเล่ห์

02/09/2024

16

บทที่ 15 ดอกไม้บรรณาการ

02/09/2024

17

บทที่ 16 บุรุษหน้าอาย

02/09/2024

18

บทที่ 17 ข้าไม่อยากแต่ง

02/09/2024

19

บทที่ 18 วางกับดัก

02/09/2024

20

บทที่ 19 ต้นไม้เจ้าปัญหา

02/09/2024

21

บทที่ 20 ได้เวลาพิสูจน์ความจริง

02/09/2024

22

บทที่ 21 ปีศาจตัวจริง

02/09/2024

23

บทที่ 22 ได้เวลาเปิดโปง

02/09/2024

24

บทที่ 23 ถูกวางยา

02/09/2024

25

บทที่ 24 ความลับที่ซ่อนไว้

02/09/2024

26

บทที่ 25 แขกมาเยือน

02/09/2024

27

บทที่ 26 ปิดหูปิดตา

02/09/2024

28

บทที่ 27 เรือนท่านอ๋อง

02/09/2024

29

บทที่ 28 ท่านอย่าได้หวัง

02/09/2024

30

บทที่ 29 หมาป่า

02/09/2024

31

บทที่ 30 คืนที่เงียบสงัด

02/09/2024

32

บทที่ 31 เรื่องราวกับขันทีขี้หึง

02/09/2024

33

บทที่ 32 สองพี่น้องตระกูลไป๋

02/09/2024

34

บทที่ 33 อดีตที่เลวร้าย

02/09/2024

35

บทที่ 34 บิดาข้าเป็นฮ่องเต้

02/09/2024

36

บทที่ 35 กลับมาจัดการต่อ

02/09/2024

37

บทที่ 36 ผลประโยชน์ร่วมกัน

02/09/2024

38

บทที่ 37 ถูกแยกจากกัน

02/09/2024

39

บทที่ 38 ไม่ได้ตั้งใจ

02/09/2024

40

บทที่ 39 ทำอาหารกินกัน

02/09/2024