สิบปีที่ทุ่มเท แลกความเจ็บปวด

สิบปีที่ทุ่มเท แลกความเจ็บปวด

Gavin

5.0
ความคิดเห็น
ชม
22
บท

ฉันทุ่มเททุกอย่างตลอดสิบปีเพื่อปั้นสามีของฉัน เจษฎากร จากนักแสดงข้างถนนจนกลายเป็นซูเปอร์สตาร์ แต่แล้วฉันก็พบว่าเขาแอบคบชู้กับดุจดาว ดาราสาวที่ฉันเป็นคนเลือกมากับมือ มานานหลายปีแล้ว เขาไม่เพียงแต่ดูถูกเหยียดหยามฉัน แต่ยังใช้เงินที่เราร่วมกันหามาซื้อบ้านและรถหรูให้ผู้หญิงคนนั้น ที่เลวร้ายที่สุดคือ ตอนที่ฉันกำลังตั้งท้อง เขาสั่งให้คนมาทำร้ายฉันจนแท้งลูก ทำลายทั้งร่างกายและจิตใจของฉันจนย่อยยับ ความรักและความไว้ใจที่ฉันมีให้พังทลายลงในพริบตา ฉันไม่ใช่เปมิกาคนเดิมที่เคยอ่อนแออีกต่อไปแล้ว ฉันจึงวางแผนแก้แค้นอย่างเลือดเย็นที่สุด ฉันจะทำให้เขาสูญเสียทุกอย่าง ทั้งชื่อเสียง เงินทอง และอนาคต เหมือนที่เขาเคยทำลายชีวิตของฉัน

บทที่ 1

ฉันทุ่มเททุกอย่างตลอดสิบปีเพื่อปั้นสามีของฉัน เจษฎากร จากนักแสดงข้างถนนจนกลายเป็นซูเปอร์สตาร์

แต่แล้วฉันก็พบว่าเขาแอบคบชู้กับดุจดาว ดาราสาวที่ฉันเป็นคนเลือกมากับมือ มานานหลายปีแล้ว

เขาไม่เพียงแต่ดูถูกเหยียดหยามฉัน แต่ยังใช้เงินที่เราร่วมกันหามาซื้อบ้านและรถหรูให้ผู้หญิงคนนั้น

ที่เลวร้ายที่สุดคือ ตอนที่ฉันกำลังตั้งท้อง เขาสั่งให้คนมาทำร้ายฉันจนแท้งลูก ทำลายทั้งร่างกายและจิตใจของฉันจนย่อยยับ

ความรักและความไว้ใจที่ฉันมีให้พังทลายลงในพริบตา ฉันไม่ใช่เปมิกาคนเดิมที่เคยอ่อนแออีกต่อไปแล้ว

ฉันจึงวางแผนแก้แค้นอย่างเลือดเย็นที่สุด ฉันจะทำให้เขาสูญเสียทุกอย่าง ทั้งชื่อเสียง เงินทอง และอนาคต เหมือนที่เขาเคยทำลายชีวิตของฉัน

บทที่ 1

เปมิกา POV:

"คุณเปมิกาคะ คุณแน่ใจนะคะว่าอยากทำแบบนี้" เสียงเลขาของฉัน เอมอร ถามมาตามสายโทรศัพท์ น้ำเสียงของเธอเจือด้วยความกังวล

ฉันมองออกไปนอกหน้าต่างออฟฟิศ ภาพตึกระฟ้าเบื้องล่างดูเลือนรางราวกับไม่ใช่โลกแห่งความเป็นจริงสำหรับฉันอีกต่อไปแล้ว

ความรู้สึกที่ปวดร้าวอยู่ในอกมันจุกเสียดจนพูดไม่ออก ฉันไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไปแล้ว

"เอมอร เธอได้ยินที่ฉันพูดไหม" ฉันพยายามบังคับเสียงตัวเองให้มั่นคงที่สุดเท่าที่จะทำได้

"ฉันต้องการให้เธอทำตามที่ฉันสั่งทุกอย่าง"

ฉันสูดหายใจเข้าลึกๆ ความเย็นเฉียบแล่นไปตามสันหลัง มันไม่ใช่ความหนาวจากแอร์ แต่เป็นความหนาวจากข้างใน

"เตรียมเอกสารทั้งหมดที่ฉันบอกไว้ ทุกอย่างต้องเรียบร้อยภายในเวลาที่กำหนด"

ฉันบอกเธอไปอย่างใจเย็น แต่ภายในใจฉันกำลังลุกเป็นไฟด้วยความเจ็บปวดและความผิดหวัง

เอมอรเงียบไปครู่หนึ่ง คงจะประหลาดใจกับความเด็ดขาดของฉัน ปกติแล้วฉันไม่ใช่คนแบบนี้

"ค่ะ คุณเปมิกา ดิฉันจะจัดการให้เรียบร้อยทุกอย่างค่ะ" เธอตอบรับอย่างหวั่นๆ ก่อนจะวางสายไป

ฉันวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะทำงาน มันเป็นโทรศัพท์เครื่องเดียวกับที่ฉันเคยใช้คุยกับเจษฎากรหลายร้อยครั้ง

คุยกันถึงเรื่องอนาคตของเราสองคน

ฉันหลับตาลง ภาพของเจษฎากรก็ผุดขึ้นมาในหัวทันที

"เปมิกา นี่เธอจะทำอะไรของเธอ!" เสียงหงุดหงิดของเขาดังขึ้นเมื่อไม่กี่อาทิตย์ก่อน ตอนที่เราทะเลาะกัน

เขาเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น เห็นฉันกำลังจัดเสื้อผ้าบางส่วนใส่กระเป๋าเดินทาง

ฉันจำได้ดีว่าวันนั้นหัวใจฉันเต้นระรัวด้วยความเจ็บปวด เหมือนมีมีดนับร้อยเล่มกรีดลงไป

ฉันพยายามซ่อนความเจ็บปวดนั้นไว้ภายใต้สีหน้าที่เรียบเฉย

เขาสบตาฉัน สายตาที่เคยเต็มไปด้วยความรัก ตอนนี้กลับมีแต่ความหงุดหงิดและไม่เข้าใจ

"ฉันแค่อยากจะพักผ่อนบ้าง เจษฎากร" ฉันตอบไปอย่างเหนื่อยอ่อน

ฉันยังจำได้ดีว่าตอนนั้น น้ำเสียงของฉันมันสั่นเครือแค่ไหน แต่เขากลับไม่สังเกตเห็นเลย

เขามองกระเป๋าเดินทางที่วางอยู่ตรงหน้า เหมือนมันเป็นของแปลกปลอม

"พักผ่อน? ตอนนี้เนี่ยนะ? เธอรู้ไหมว่าฉันกำลังยุ่งแค่ไหน!" เขากล่าวขึ้นด้วยเสียงอันดัง

เขาไม่เคยคิดเลยว่าฉันเองก็เหนื่อยและเจ็บปวดมากพอแล้ว

"ฉันบอกเธอแล้วไม่ใช่เหรอว่าฉันมีบางอย่างจะบอกเธอ" เขาพูดต่อ ตอนนั้นฉันรู้แล้วว่าเรื่องที่เขาจะบอกมันคืออะไร

ความกลัวแผ่ซ่านไปทั่วร่าง แต่ฉันก็แสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน

เขาเดินเข้ามาใกล้ จ้องมองฉันด้วยแววตาที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน

"ฉันคบกับดุจดาวมาหลายปีแล้ว เปมิกา"

คำพูดนั้นเหมือนฟ้าผ่าลงกลางใจ ฉันยืนนิ่ง ตัวชาไปทั้งตัว

ความจริงที่ฉันพยายามปฏิเสธมาตลอด ตอนนี้มันถูกตอกย้ำด้วยคำพูดของเขาเอง

ฉันรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกำลังพังทลายลงตรงหน้า

"ฉันรักเธอ เปมิกา แต่ดุจดาว...เธออ่อนโยน เธอเข้าใจฉันมากกว่า"

เขาพูดออกมาอย่างง่ายดาย ราวกับว่าฉันเป็นเพียงตัวเลือกหนึ่ง

"ฉันรู้สึกผิดนะ แต่ฉันก็ต้องรับผิดชอบความรู้สึกของดุจดาวด้วย"

ความผิดชอบต่อผู้หญิงคนอื่น ที่ไม่ใช่ภรรยาของตัวเอง เสียงนั้นมันบาดลึกเข้าไปในใจของฉัน

ฉันจำได้ว่าตอนนั้นฉันพยายามตอบอะไรบางอย่าง แต่เสียงมันติดอยู่ตรงลำคอ

ฉันเคยเป็นคนแบบไหนนะ? เปมิกาคนเก่าคงจะกรีดร้อง ร้องไห้

คงจะอาละวาดใส่เขาแล้ว แต่เปมิกาคนนี้กลับนิ่งเฉย

ฉันแค่มองหน้าเขา แล้วพยักหน้าช้าๆ

รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเจษฎากร เป็นรอยยิ้มที่ทำให้ฉันรู้สึกขื่นขม

เขาโล่งใจที่ฉันไม่โวยวาย เขายิ้มราวกับว่าภาระอันหนักอึ้งได้หลุดพ้นไปแล้ว

"ฉันรู้ว่าเธอต้องเข้าใจ เปมิกา" เขากล่าว

"ดุจดาว เธอใสซื่อ เธอไม่เหมือนเธอเลยนะเปมิกา"

คำพูดนั้นเหมือนมีดกรีดลงไปซ้ำๆ บนบาดแผลที่ยังสดใหม่

"เธอควรจะเรียนรู้จากดุจดาวบ้างนะ" เขายังคงพูดต่อโดยไม่สนใจความรู้สึกของฉัน

"เธอเป็นผู้จัดการส่วนตัวของฉัน เปมิกา เธอต้องคอยสนับสนุนฉัน"

โทรศัพท์ของเจษฎากรดังขึ้น เขาหยิบมันขึ้นมาดูแล้วเดินออกไปคุยที่ระเบียง ทิ้งให้ฉันยืนอยู่คนเดียวในห้องที่เต็มไปด้วยความทรงจำของเรา

ฉันมองออกไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง ภาพสะท้อนของฉันในกระจกดูแตกต่างจากเมื่อสิบปีก่อนมาก

สิบปีที่แล้ว ฉันคือเปมิกา ผู้หญิงที่เต็มไปด้วยความฝัน

ผู้หญิงที่ตกหลุมรักเจษฎากร นักแสดงข้างถนนที่ไม่มีใครรู้จัก

ฉันเห็นแววตาของเขา แววตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและความฝัน

ฉันเชื่อในตัวเขา เชื่อว่าเขาสามารถเป็นซูเปอร์สตาร์ได้

ฉันทุ่มเททุกอย่าง ทั้งเวลา สุขภาพ และเงินส่วนตัว

เราสองคนช่วยกันสร้างเนื้อสร้างตัวขึ้นมา

ฉันจำได้ว่าตอนนั้น เราเคยนั่งกินข้าวด้วยกันบนพื้นออฟฟิศเล็กๆ

เราเคยหัวเราะด้วยกัน เคยร้องไห้ด้วยกัน

เขาเคยบอกฉันว่า "เปมิกา เธอคือทุกสิ่งทุกอย่างของฉัน"

หลังจากที่เขามีชื่อเสียงโด่งดัง เขาก็ยังคงแสดงความรักกับฉันอย่างเปิดเผย

ในงานประกาศรางวัลใหญ่ เขาคุกเข่าลงต่อหน้าผู้คนนับร้อย

แล้วพูดว่า "เปมิกา ขอบคุณที่อยู่เคียงข้างผมมาตลอด ผมรักคุณ"

ฉันรู้สึกเหมือนเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในโลก

แต่แล้วความจริงก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นมา

ฉันเริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติ

เขาเริ่มกลับบ้านดึกขึ้น อ้างว่าติดงาน

ฉันเริ่มเห็นรูปของดุจดาวในโทรศัพท์ของเขา

รูปที่ดูสนิทสนมเกินกว่าคำว่าเพื่อนร่วมงาน

ดุจดาว นักแสดงสาวดาวรุ่งที่ฉันเป็นคนเลือกมาให้เขาร่วมงานด้วย

เธออ่อนหวาน น่ารัก ใครๆ ก็ชอบเธอ

ฉันไม่เคยคิดเลยว่าเธอจะกลายเป็นคนที่มาแย่งทุกอย่างไปจากฉัน

ฉันจำได้ว่าตอนนั้น เจษฎากรเริ่มมอบบทบาทสำคัญที่ฉันหามาให้เขา ไปให้ดุจดาวแทน

เขาบอกว่าดุจดาวเหมาะกับบทนี้มากกว่า ฉันเริ่มสงสัย แต่ก็พยายามไม่คิดมาก

ความเจ็บปวดที่ถูกทรยศมันยากที่จะรับไหว

แต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือตอนที่ฉันเห็นรูปของดุจดาวบนอินสตาแกรมของเธอ

รูปที่เธอกำลังสวมแหวนคู่กับเจษฎากร

พร้อมแคปชั่นว่า "ของขวัญครบรอบของเรา"

ฉันกำมือแน่นจนเล็บจิกเนื้อ

ความเจ็บปวดแล่นไปทั่วร่าง

ฉันไม่เคยคิดเลยว่าความรักที่ฉันทุ่มเทให้ทั้งหมดจะจบลงแบบนี้

จบลงด้วยการทรยศหักหลังอย่างเลือดเย็น

"เปมิกา! เธออยู่ไหน ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย!" เสียงของเจษฎากรดังขึ้นจากชั้นล่าง

ฉันสูดหายใจเข้าลึกๆ

ได้เวลาเผชิญหน้ากับความจริงแล้ว ไม่ใช่เปมิกาคนเก่าที่เคยอ่อนแอและร้องไห้

แต่เป็นเปมิกาคนใหม่

คนที่พร้อมจะลุกขึ้นสู้เพื่อศักดิ์ศรีของตัวเอง

ฉันเดินลงไปชั้นล่าง รอยยิ้มเจื่อนๆ ปรากฏบนใบหน้า

เจษฎากรกำลังยืนรอฉันอยู่ตรงบันได ใบหน้าของเขาดูไม่พอใจ

"เธอไปทำอะไรมา ทำไมฉันถึงถามแล้วเธอไม่ตอบ" เขากล่าว

"ฉันแค่คิดอะไรเพลินๆ น่ะ" ฉันตอบไปอย่างเฉยชา

ฉันรู้ดีว่าการต่อสู้ครั้งใหม่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น

และฉันจะไม่ยอมแพ้แค่นี้แน่ๆ

ฉันจะเอาทุกอย่างของฉันคืนมา

ไม่ว่ามันจะต้องแลกมาด้วยอะไรก็ตาม

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ Gavin

ข้อมูลเพิ่มเติม
จากอดีตสู่ชีวิตใหม่ที่อบอุ่น

จากอดีตสู่ชีวิตใหม่ที่อบอุ่น

โรแมนติก

5.0

"รุ่ง! เธอยังไม่เสร็จอีกเหรอ? พัชราปวดท้องมากเลยนะ!" เสียงตะคอกของชัชชัยดังลั่นสำนักงานเขต ฉันมองดูชายคนรักที่กำลังประคองน้องสาวบุญธรรมของฉันด้วยความห่วงใย ภาพความทรงจำอันโหดร้ายในชาติที่แล้วไหลย้อนกลับมาตอกย้ำความเจ็บปวด ในวาระสุดท้ายของชีวิตก่อน เมื่อรถพุ่งเข้ามาชนเรา เขากลับเลือกผลักฉันออกไปรับแรงกระแทก เพื่อปกป้องพัชราไว้ในอ้อมกอด ปล่อยให้ฉันนอนจมกองเลือดอย่างโดดเดี่ยว แม้แต่ลูกชายแท้ๆ ของฉันยังพูดใส่หน้าศพแม่ว่า "น้าพัชดีกว่าแม่" ความรักและความภักดีของฉันช่างไร้ค่าสิ้นดี "รุ่ง! รีบๆ เซ็นสิ ฉันจะพาพัชราไปนั่งพัก" เขาโยนเอกสารทะเบียนสมรสใส่หน้าฉันด้วยความรำคาญ ฉันหยิบปากกาขึ้นมา แววตาที่เคยโง่เขลาเปลี่ยนเป็นว่างเปล่า ในช่อง 'ชื่อคู่สมรส' ฉันไม่ได้เขียนชื่อตัวเอง แต่บรรจงเขียนชื่อ "พัชรา เจริญสุขสกุล" ลงไปแทน อยากรักกันมากใช่ไหม? ได้... ชาตินี้ฉันจัดให้

ชาติภพนี้ขอไม่เป็นเมียจำยอม

ชาติภพนี้ขอไม่เป็นเมียจำยอม

โรแมนติก

5.0

"เธอรู้ตัวไหมว่าเธอทำให้ฉันต้องแต่งงานกับคนที่ฉันไม่ได้รัก!" เสียงเย็นชาของเขาบาดลึกเข้ามาในใจฉันเหมือนคมมีดที่กรีดแทงซ้ำแล้วซ้ำเล่า ฉันลืมตาขึ้นมาอย่างงุนงง ในหัวยังคงปวดร้าว ภาพสุดท้ายที่จำได้คือความเจ็บปวดที่กัดกินจนฉันเลือกที่จะจบชีวิตตัวเองลง แต่ตอนนี้ฉันกลับมาอยู่ที่นี่ ในห้องนอนที่คุ้นเคย ห้องนอนที่เต็มไปด้วยความทรงจำทั้งสุขและทุกข์กับผู้ชายตรงหน้า ศรัณย์พรยืนอยู่ตรงนั้น ดวงตาของเขาเย็นชาไร้ความรู้สึก ใบหน้าหล่อเหลาที่เคยทำให้ฉันหลงใหลบัดนี้กลับเป็นเหมือนน้ำแข็งที่ไม่มีวันละลายให้ฉันได้สัมผัส เขาไม่ใช่ผู้ชายที่ฉันรู้จักอีกต่อไปแล้ว เขาเป็นเพียงเปลือกนอกที่เหลือไว้ให้ฉันเจ็บปวด ฉันมองศรัณย์พร เขายังคงหนุ่มแน่นและหล่อเหลาเหมือนเดิม อายุยี่สิบเจ็ดปีที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยานและพลังในการสร้างสรรค์ แต่แววตาของเขาที่มองมาที่ฉันมันเต็มไปด้วยความเกลียดชังและผิดหวัง ฉันจำได้ทุกอย่าง จำได้ถึงความเจ็บปวดที่ต้องทนอยู่กับความเย็นชาของเขาในชาติที่แล้ว จำได้ถึงคำพูดที่เขาใช้ทำร้ายจิตใจฉันซ้ำแล้วซ้ำเล่า และจำได้ถึงวันที่ฉันจากไปอย่างโดดเดี่ยว

เกมรัก เกมธุรกิจ ฉันจะเอาคืน

เกมรัก เกมธุรกิจ ฉันจะเอาคืน

โรแมนติก

5.0

ในคืนส่งท้ายปีเก่าที่ควรจะเต็มไปด้วยความสุข ฉันกลับเห็นธวัชชัย คู่หมั้นที่คบกันมาสิบปี กำลังกอดนิชานันท์ 'น้องสาว' ที่เขาอ้างว่าบริสุทธิ์ใจอย่างแนบแน่น ริมฝีปากของเขาประทับลงบนหน้าผากเธออย่างอ่อนโยน ท่าทางที่เคยเป็นของฉันคนเดียว แต่เมื่อฉันถามถึงความสัมพันธ์นั้น เขากลับตวาดใส่ว่าฉัน "คิดมาก" และ "งี่เง่า" ที่ไปหึงน้องสาวของเพื่อนที่ตายไปแล้ว ในวันที่ฉันป่วยหนักจนติดเชื้อในกระแสเลือดนอนพะงาบๆ อยู่ที่โรงพยาบาล เขากลับทิ้งฉันไว้ลำพังเพื่อไปปลอบนิชานันท์ที่แค่ "กลัวเสียงฟ้าร้อง" ซ้ำร้ายเขายังทำอาหารใส่กุ้งที่ฉันแพ้อย่างรุนแรงให้นิชานันท์กิน โดยไม่สนใจว่าฉันจะรู้สึกอย่างไร ภาพในโซเชียลมีเดียที่นิชานันท์ป้อนข้าวเขาอย่างสนิทสนม ตอกย้ำความจริงที่ว่าตลอดสิบปีที่ผ่านมา ฉันเป็นเพียงเครื่องมือสร้างภาพลักษณ์ และเป็น "ของตาย" สำหรับเขา ความรักและความทุ่มเทของฉันถูกตอบแทนด้วยการทรยศหักหลังที่เจ็บปวดที่สุด พอกันทีกับความโง่เขลา ฉันเช็ดน้ำตาแล้วหยิบโทรศัพท์กดโทรหา "เอกภพ" คู่แข่งทางธุรกิจตัวฉกาจของเขา "ฉันมีข้อเสนอเกี่ยวกับหุ้นของเกียรติชัย กรุ๊ป... และฉันต้องการยกเลิกงานแต่งงานเดี๋ยวนี้" งานนี้ฉันจะไม่จากไปเงียบๆ แต่จะทำให้เขารู้ซึ้งถึงคำว่า "สูญเสียทุกอย่าง" มันเป็นยังไง

ศักดิ์ศรีที่หายไป...ฉันจะทวงคืน

ศักดิ์ศรีที่หายไป...ฉันจะทวงคืน

โรแมนติก

5.0

ฉันยอมทิ้งอนาคตที่สดใส ลาออกจากงานในฝันเพื่อมาช่วย 'ธีทัต' สามีสร้างธุรกิจจากศูนย์จนร่ำรวยมหาศาล หวังเพียงจะได้สร้างครอบครัวที่อบอุ่นด้วยกัน แต่สิ่งที่ได้รับตอบแทนคือการหักหลังตลอด 7 ปี เขาพา 'ปิยาภรณ์' รุ่นน้องหน้าซื่อใจคดเข้ามาในบ้าน ยกย่องเชิดชูเธอราวกับเจ้าหญิง เขาตราหน้าว่าฉันเป็นภรรยาที่จืดชืด ไร้ค่า เทียบไม่ได้กับเมียน้อยที่แสนอ่อนหวานและเอาใจเก่ง ในวันที่ฉันจับได้และเกิดปากเสียง เขาผลักฉันล้มกระแทกพื้นอย่างแรงจนเลือดไหลอาบขา ลูกน้อยในครรภ์ที่ฉันเฝ้ารอหลุดลอยไป แต่เขากลับเมินเฉยต่อความเจ็บปวดของฉัน เลือกที่จะอุ้มเมียน้อยที่แค่แกล้งสำออยไปโรงพยาบาล ทิ้งให้ฉันนอนจมกองเลือดและน้ำตาเพียงลำพัง วินาทีนั้น ความรักโง่ๆ ตลอดสิบปีได้ตายไปจากใจ ฉันเพิ่งตาสว่างว่าสำหรับเขา ฉันเป็นแค่บันไดที่เขาใช้เหยียบขึ้นไปแล้วถีบหัวส่ง ฉันลุกขึ้นปาดน้ำตา เซ็นใบหย่าทิ้งไว้ และจัดการโอนทรัพย์สินจอมปลอมคืนให้เขาจนหมดเกลี้ยง "เชิญพวกคุณเสวยสุขกันให้พอ เพราะจากวินาทีนี้ไป ฉันคนใหม่จะกลับมาทวงคืนศักดิ์ศรี และทำให้พวกคุณรู้ซึ้งว่า... การสูญเสียทุกอย่างมันรสชาติเป็นยังไง"

เถ้าถ่านรัก จุดไฟแค้น ขึ้นมา

เถ้าถ่านรัก จุดไฟแค้น ขึ้นมา

โรแมนติก

5.0

"ปาริชาติ ส่งกำไลหยกของเธอมาให้ลลิตาซะ" คำสั่งเย็นชาของพุฒิ สามีที่ฉันรักหมดหัวใจ ดังขึ้นเพื่อทวงของดูต่างหน้าชิ้นสุดท้ายของแม่ฉัน ไปให้กับแฟนเก่าที่กลับมาทวงคืนทุกอย่าง เขาไม่เพียงทำลายกำไลหยกจนแตกละเอียด แต่ยังบังคับให้ฉันถ่ายเลือดให้ลลิตาจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ความโหดร้ายถึงขีดสุดเกิดขึ้นในวันที่คฤหาสน์ระเบิด พุฒิเลือกอุ้มลลิตาหนีออกไป ทิ้งให้ฉันนอนรอความตายในกองเพลิงเพียงลำพัง วินาทีนั้น ความรักของฉันมอดไหม้ไปพร้อมกับเปลวไฟ ฉันหนีรอดออกมาได้และสาบานกับตัวเองว่า "ปาริชาติคนเดิมได้ตายไปแล้ว" ฉันหนีไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่อังกฤษ ส่วนพุฒิที่เพิ่งตาสว่างและรู้ความจริงว่าลลิตาเป็นคนวางระเบิด ได้กลับไปลงโทษหญิงชั่วอย่างสาสม ก่อนจะตามมาคุกเข่าอ้อนวอนขอคืนดีกับฉัน เขาร้องไห้แทบขาดใจ ท่ามกลางดอกไม้ไฟที่เขาจุดเพื่อง้อฉัน แต่ฉันกลับยืนกอดกับผู้ชายคนใหม่ แล้วมองเขาด้วยสายตาว่างเปล่า "เราหย่ากันตั้งแต่วินาทีที่คุณทิ้งฉันไว้ในกองไฟแล้วค่ะ คุณพุฒิ"

ไฟแค้นเผาผลาญใจรัก

ไฟแค้นเผาผลาญใจรัก

โรแมนติก

5.0

ฉันคือผู้ช่วยส่วนตัวของธีรภัทร ทายาทหนุ่มผู้เยือกเย็น แต่เมื่ออยู่กันตามลำพัง เขาจะเรียกฉันว่า "คุณหนูของผม" ด้วยน้ำเสียงที่ทำให้ฉันสั่นสะท้าน ฉันยอมจมดิ่งในความสัมพันธ์ลับๆ นี้อย่างโง่งม เพราะคิดว่ามันคือความรัก จนกระทั่งวันเกิดของฉัน เขาทิ้งให้ฉันรอเก้อทั้งคืน เพื่อไปอยู่กับดวงทิพย์ น้องสาวบุญธรรมผู้บอบบางของเขา หัวใจของฉันแตกสลาย เมื่อรู้ว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นและเครื่องมือทางธุรกิจของเขาและพ่อของฉันเอง ฉันถูกตัดขาดจากครอบครัว ถูกอายัดบัตรเครดิตจนสิ้นเนื้อประดาตัว และที่เลวร้ายที่สุดคือฉันต้องเสียลูกในท้องไป เพราะเขาเลือกที่จะปกป้องดวงทิพย์แทนที่จะเป็นฉัน ดวงทิพย์ยังเยาะเย้ยฉันว่า ที่จริงแล้วฉันเป็นแค่ตัวแทนของน้องสาวอีกคนที่ตายไป และธีรภัทรก็แอบถ่ายคลิปวิดีโอของเราไว้เพื่อแบล็กเมล์ฉัน ความรักและความไว้ใจที่ฉันมีให้พังทลายลงไม่เหลือชิ้นดี ในคืนนั้น ฉันจึงตัดสินใจเผาเพนต์เฮาส์ที่เคยเป็นรังรักของเราให้วอดวาย โอนเงินทุกบาททุกสตางค์คืนให้เขา แล้วซื้อตั๋วเครื่องบินเที่ยวแรกเพื่อหนีไปจากนรกขุมนี้ให้ไกลที่สุด

หนังสือที่คุณอาจชอบ

เมียผมน่ารักจัง

เมียผมน่ารักจัง

Penn Tofallis
4.9

กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"

คุณหนูปกปิดตัวตนไม่ได้แล้ว

คุณหนูปกปิดตัวตนไม่ได้แล้ว

Critter
5.0

เมื่อตอนเด็ก หลินอวี่เคยช่วยชีวิตเหยาซีเยว่ที่กำลังจะตาย ต่อมา หลินอวี่กลายเป็นพืชหลังจากประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เธอแต่งงานเข้าตระกูลหลินโดยไม่ลังเลใจและใช้ทักษะทางการแพทย์ของเธอเพื่อรักษาหลินอวี่ สองปีของการแต่งงานและการดูแลอย่างสุดหัวใจของเธอเพียงเพื่อตอบแทนบุญคุณ และเพื่อที่เขาจะให้ความสำคัญกับตัวเองบ้าง แต่ความพยายามทั้งหมดของเธอกลับไร้ประโยชน์เมื่อคนในใจของหลินอวี่กลับมาประเทศ เมื่อหลินอวี่โยนข้อตกลงการหย่ามาใส่เธออย่างไร้ความปราณี เธอก็รีบเซ็นชื่อทันที ทุกคนหัวเราะเยาะเธอที่เป็นผู้หญิงที่ถูกครอบครัวใหญ่ทอดทิ้ง แต่ใครจะไปรู้ว่า เธอคือ Moon นักแข่งรถที่ไม่มีใครเทียบได้บนสนามแข่งรถ เป็นนักออกแบบแฟชั่นที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ เป็นอัจฉริยะของแฮ็กเกอร์ และเธอยังเป็นหมอมหัศจรรย์ระดับโลก... อดีตสามีของเธอเสียใจมากจนคุกเข่าลงกับพื้นขอร้องให้เธอกลับมา ผู้เผด็จการคนหนึ่งอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขนของเขาแล้วพูดว่า "ออกไป! นี่คือภรรยาของฉัน!" เหยาซีเยว่ "?"

ปลูกรักฮูหยินแม่ทัพปีศาจ

ปลูกรักฮูหยินแม่ทัพปีศาจ

ปูริดา
5.0

ก็ไม่ได้คิดหรอกนะว่าวันหนึ่งจะพบเจอกับเรื่องแปลก ๆ แต่เมื่ออยู่แล้วไร้ความหมายไม่มีคนที่รักและรักเรา เขาจึงเลือกที่จะแลกทั้งที่ไม่ได้มั่นใจเลยว่าจะได้พบกับคนที่รักจริงหรือเปล่า แต่ก็ตัดสินใจเลือกไปแล้ว... “อาซวงเป็นของข้าใช่หรือไม่” ก็มิค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่และคิดว่ามิน่าจะมีอะไรมากมาย เก้าเทียนรุ่ยจึงพยักหน้ารับ “ขอรับ” “ถึงเราจะมิได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขเช่นที่ท่านมีกับสหายที่ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่ นอนกลางดินกินกลางทรายมาด้วยกันมาอย่างชิงชวนหรือคนอื่น ๆ หากนับตั้งแต่ที่เราได้พบรวมถึงอยู่ด้วยกัน ข้าก็คิดว่าเราผ่านอะไรมามากมายพอที่จะทำให้ข้ารู้ถึงความรู้สึกที่ตนเองมีต่อท่าน” เก้าเทียนรุ่ยมองสบสายตาเสวียนลิ่วหลางที่มองเขาด้วยความงุนงง ในดวงตามีความสับสนระคนมิแน่ใจ คล้ายจะมีคำถามตามติดมาด้วย ทำให้เขาเผลอยิ้มหวานออกไป เสวียนลิ่วหลางได้แต่ยิ้มด้วยความเขินอาย “ข้าก็มิรู้ว่าจะวางตัวเช่นไรดี พึงพอใจอยากให้เจ้าอยู่ชิดใกล้...หากก็มิอยากบังคับหากเจ้ามิเต็มใจ” “แต่ก็มิอาจทำใจได้หากจะต้องปล่อยมือ” เก้าเทียนรุ่ยเอ่ยอย่างเข้าใจ “เมื่อยังต้องรอให้อาซวงรู้สึกเช่นเดียวกัน นอกจากข้าจะทำให้ผู้อื่นรับรู้แล้วว่าคนนี้...” เสวียนลิ่วหลางจับมือเก้าเทียนรุ่ยมาจูบขณะมองสบเข้าไปในดวงตากลมใสก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มหากเต็มไปด้วยความหนักแน่น “ข้าจอง” “ตะเกียบยังต้องอยู่เป็นคู่ถึงจะใช้กินอาหารได้ หยินก็ยังคู่หยางถึงจะสมดุล เมื่อข้าพบคนที่ใช่ เหตุใดถึงต้องปล่อยมือเล่า”

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวน้อยของสามีพิการ

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวน้อยของสามีพิการ

มาชาวีร์
4.8

เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ